เรื่องที่ห้า : เราล้วนหลับไหลในเปลวเพลิง

8.2

เขียนโดย larceta

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 09.17 น.

  4 ตอน
  7 วิจารณ์
  6,636 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2557 21.07 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ช่วงปลาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ฉันได้ยินเสียงนั้นดังเข้ามาถึงหู  พร้อมกับแรงสะเทือนมหาศาลที่สะท้อนกลับจากท่อนเหล็กที่ถืออยู่  ฉันใช้พลังทั้งหมดในตัวฟาดมันลงไปที่หัวเขา  เป็นการออกแรงอย่างสุดชีวิตครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา

     ฉันไม่มีทางเลือก  ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว


-[lI[k-


     เป็นเดือนแล้วที่ฉันไม่อาจข่มตาให้หลับได้เลย  นับแต่เขามาที่ร้าน  ผู้ชายคนนี้ , คนที่มากี่ครั้งก็สั่งของแบบเดิมๆ  ไม่สนใจเมนูที่ฉันยื่นให้ ,ไม่สนใจข้อเสนอเรื่องส่วนลดหรือโปรโมชั่นพิเศษที่ฉันแจ้ง  ไม่สนใจแม้กระทั่งอาหารที่นำเสิร์ฟและเหลือค้างเต็มจานอยู่เสมอ  เขาซึ่งไม่ดูจะไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำหรือทุกสิ่งที่ฉันต้องทำ  ทุกอย่างที่จะทำให้ฉันกลายเป็นบริกรที่ดี  พนักงานดีเด่น 

     เขาขัดขวางฉัน  เขาขัดขวางไม่ให้ฉันทำงานได้เต็มที่  

     ฉันไม่รู้เหตุผลเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม  เหมือนไม่รู้ตัว  เขาทำแบบนั้นได้อย่างธรรมชาติที่สุด  การเมินเฉยอย่างเป็นธรรมชาติที่ยากยิ่งจะเอ่ยข้อกล่าวหาให้  คล้ายกับเป็นนิสัยถาวรที่ติดตัว  คนที่เกิดมาเพื่อเมินเฉยต่อฉัน

     ที่ผ่านมา  ฉันพยายามข่มใจและบอกตัวเองว่านี่อาจเป็นลูกค้าเพี้ยนๆคนหนึ่ง  แต่ไม่รู้ทำไม  ยิ่งนานวันเข้า นานวันเข้า ความเฉยชาของเขายิ่งทำให้ฉันร้อนใจ  ฉันไม่รู้ทำไมตัวเองถึงร้อนใจขนาดนี้กับแค่คนๆเดียวที่ไม่สนใจตัวเอง  ทั้งๆยังมีคนในโลกอีก 4500 ล้านคน  แค่หนึ่งในล้านที่ไม่เฉยเมยต่อฉัน  ก็มากเกินพอที่ฉันจะสามารถทำความรู้จักได้ในช่วงชีวิตหนึ่งแล้ว

     แต่กับผู้ชายคนนี้  ดูเหมือนเขาจะมีอิทธิพลเหนือกว่าผู้คนทั้ง 4500 ล้านคนนั้นนัก  

     ไม่เขากำลังทำสงครามประสาทกับฉันมากกว่า

     ทำไมฉันถึงมั่นใจอย่างนั้น  ก็เพราะเขาเป็นคนที่เฉยเมยกับเฉพาะกับฉันน่ะสิ  กับคนอื่นๆ  เขาก็เป็นคนปกติธรรมดา เขาสนใจทุกๆคนแม้แต่คนที่ไม่ได้พูดกับเขา  อย่างหลายวันมานี้ ฉันเห็นเขาสนใจเด็กกลุ่มนึงที่มักจะรวมกันที่ร้านช่วงเที่ยงเสมอๆ ทุกวัน เขาจะมาที่นี่ก่อนและจับจองโต๊ะที่ใกล้กับโต๊ะประจำของเด็กกลุ่มนั้น ถึงกับวางเครื่องดักฟังเพื่อฟังสิ่งที่พวกนั้นพูดเลยทีเดียว การที่เขาซึ่งสนใจคนรอบข้างมากขนาดนั้นถึงไม่สนใจฉัน การที่เขาซึ่งดูกระตือรือล้นมากมายขนาดนั้นถึงเมินเฉยเหินห่างจากฉัน  สิ่งนั้นบ่งบอกว่าชัดว่าเขากำลังทำสงครามประสาทกับฉัน

     ทุกคืนที่ฉันจะข่มตานอน  ใบหน้าของเขาจะลอยออกมาเสมอ  ใบหน้าที่เฉยเมยและแทบไม่เคยมองทางฉัน  ใบหน้าเย็นชาที่เห็นกระชากปลุกฉันจากภวังค์ฝัน  ใบหน้าที่ไม่ว่าฉันจะพยายามดื่มเหล้าเพื่อให้ข่มตาหลับหรือแม้กระทั่งใช้ยา ก็ยังโผล่ขึ้น ดังฝันร้ายนิรันดร์ที่ไม่มีหายขาด

     หลายครั้ง  ฉันพยายามจะหลบหน้าเขาเสมอในที่ทำงานด้วยคิดว่ามันจะช่วยให้ลืมหน้าเขาได้  แต่ไม่เลย  แม้จะไม่เห็นหน้าค่าตาเขาทุกวัน  แต่ฉันก็รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเขา  ทุกวันในเวลาเดิม เขาจะเดินเข้ามาด้วยเสียงร้องเท้าแบบเดิม  เสียงเดิมที่หลอนฉันถึงในฝันเช่นเดียวกับใบหน้า ฝีเท้ากระทบกับพื้นไม้ก้องอยู่หลังใบหูกับสีหน้าเฉยเมยที่ฝังตัวแน่นหลัง ม่านตาดำ สองสิ่งนี้ทำอย่างไรก็ไม่หายไปเสียที

     นอนไม่ได้  กินอะไรเข้าไป  ไม่นานกระเพราะก็จะบีบรีดออกมาจนหมดไม่เหลือ  หนี่งเดือนมานี้ น้ำหนักของฉันลดลงไปเกือบสิบกิโลจนคนในที่ทำงานว่าทำยังไงถึงลดได้ แต่สำหรับฉัน  ฉันชอบตัวเองที่อ้วนแล้วมีความสุขมากกว่าผ่ายผอมแต่ทุกขทรมานอยู่แบบนี้

     ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

     ฉันต้องทำยังไงจึงจะลบเขาไปจากสมองได้  ลบใบหน้า  เสียงพูด เสียงร้องเท้า  ชุดเสื้อผ้าหน้าผม  ทุกๆอย่างที่เป็นตัวเขา  ทำยังไงฉันจึงจะลบมันออกไปจากสมองได้

     ฉันอยากนอน  อยากนอนเหลือเกิน

 

-[lI[k-


     ไม่รู้ว่าความคิดหรือสติพาไป  ในวันนี้ หลังจากที่เขาออกมาจากร้าน  ฉันเดินตามเขาออกมา  ไม่สนใจเสียงเรียกทักถามจากเพื่อนร่วมงานรวมถึงเจ้าของร้านว่าจะไปไหน  ขาฉันเหมือนมีสมองของมันเอง  และมันก็คิดจะไล่ตามชายคนนี้ไปให้ถึงสุดโลกหล้า

     ฉันตามเขาไปถึงตึกร้างแห่งหนึ่ง  หมู่ตึกร้างที่เกิดจากผลของฟองสบู่ของเศรษฐกิจที่แตกออก  เขาเดินไปยังตึกร้างอย่างรู้จุดหมาย ซึ่งทันทีที่เขาเข้าไปใลก้จุดนั้น  เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็กรีดออกมาจากข้างใน  เขาจึงลอบเข้าไปด้วยท่าทางที่เหมือนนักสืบ  หลบหลังโต๊ะตัวอยู่และเงี่ยหูฟัง  นานพักหนึ่งก็เสียงคนตะโกนกรนด่าออกมาอีก  ตามเสียงคล้ายคนกำลังทุบตีขว้างปาสิ่งของ ซึ่งก็อีกพักหนึ่งถึงเงียบไป

     ถึงจุดนี้  เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป

     มีเสียงโวยวายตามมา  เขาทำท่าจะวิ่ง  วิ่งมาทางฉันที่หลบอยู่ด้านหลังถังขยะ  ฉันกังวลใจว่าเขาจะเจอตัว  แต่โชคดีที่มีใครคนหนึ่งมาดักทางไว้เสียก่อน  เป็นผู้ชายที่ไว้ผมทรงนกหัวขวานซึ่งพูดจาเหมือนกับนักเลง  

     พูดตอบโต้กันได้ไม่ทันไร  ผู้ชายหัวขวานก็ชักบางอย่างออกมาจากกระเป๋า จากแสงแวววาวที่สะท้อนมา น่าจะเป็นมีด  เขากำลังจะใช้มีดจู่โจมเขาคนนั้น ด้วยอาวุธในมือนี้  ฉันว่าชายหัวขวานได้เปรียบเต็มที่

     แต่กลับเป็นเขาเสียเองที่ต้องเสียท่า

     ขณะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้าไป  ฉันแทบไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น  ผู้ชายคนนั้นเอี้ยวตัวหลบมีดที่พุ่งเข้าไปอย่างเร็วได้ ก่อนจะอ้อมมาข้างหลังและทำอะไรสักอย่างกับชายหัวขวานจนคอเขาบิดกลับทิศ 180 องศาก่อนจะล้มลงไป

     เขาตายแล้ว

     ฉันตกใจแทบสิ้นสติ

 

     จากนั้นก็มีอีกคนหนึ่งโจมตีเข้ามา  ผู้ชายผมปรกหน้าแบบเด็กอีโมซึ่งใช้มีดเล่มยาว  แต่ก็เป็นเหมือนคนแรก  ชายผู้นั้นหลบการโจมตีได้แล้วแย่งมีดจากเขา  ก่อนจะใช้มันปาดคอหนุ่มอีโมจนเลือดพุ่งเป็นสายฝน

     "กรี๊ด!!"

     เสียงกรีดร้องดังขึ้นขณะที่ฉันคิดจะกรีดร้องพอดี  

     ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่วิ่งหนีมาทางฉัน  เธอกลัวและอยากจะหนี  แต่มัจจุราชไม่ปราณีเธอ มีดเล่มยาวจากมือของชายคนนั้นพุ่งเข้าใส่เธอที่กลางหัวทะลุดวงตา  เธอล้มลงเลือดเจิ่งนองพื้นที่กองขยะ  ขณะที่ท่อนเหล็กที่เธอถือมากระเด้งมาทางฉัน  

     ฉันตัวแข็ง หมดความรู้สึกและสิ้นเสียงจะกรีดร้อง

     หลังจัดการสามคนนั้นได้ ชายผู้นั้นก็ทำท่าจะเดินมาทางฉันอีก ถ้าเขาเกิดเห็นฉันละก็ เขาต้องคิดแน่ๆว่าฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น  และคงจัดการปิดปาก

     ฉันอยากวิ่งหนี แต่ขากลับแข็งเป็นหินขยับไม่ได้  

     จะทำยังไงดี....จะทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี .....จะทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี.....จะ ทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี.....จะทำยังไงดี

     ฉันเอ่ยกับตัวเองด้วยเสียงที่แผ่วเบาและสั่นระรัว  ถ้ายังอยู่ที่นี่  ฉันคงต้องมีจุดจบเช่นสามคนนั้น  แต่ถึงจะหนี  ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะหนีเขาพ้น  ไม่ใช่แค่กับความเป็นจริง  แต่รวมถึงในความฝันด้วย  ถ้าต้องเห็นเขาที่เป็นแบบนี้ในความฝัน  ฉันคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้แล้วอีกตลอดชีวิต

     แต่แล้วในตอนนั้นเอง  ฉันก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น

 

     มันเป็นเสียงระรัวของการลั่นไกหลายนัด ฉันเดาเอาจากความรู้ที่ได้จากหนัง และดูเหมือนนัดหนึ่งจะเข้าเป้า  ชายคนนั้นจึงล้มตึงลงไปในทันที

     มีคนช่วยฉันไว้

     ฉันไม่อาจบรรยายความรู้สึกยินดีนี้ได้ มีคนจัดการเขาให้ฉัน  มีคนที่จะทำให้เขาไม่ต้องปรากฎตัวที่ร้านอีก  มีคนที่ลบการดำรงอยู่ของเขาบนโลกนี้ออกไป  ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้  สักวัน  ฉันอาจจะสามารถลืมใบหน้าอันเย็นชาที่คอยตามมาหลอกหลอนในความฝันได้

     ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร  เขาก็เป็นผู้มีพระคุณของฉันที่หาที่เปรียบไม่ได้

     ด้วยการนิ่งรอสักพัก  ในที่สุด  เขาก็ปรากฎตัว  เป็นผู้ชายท่าทางเฉลียวฉลาดซึ่งฉันจำได้ว่าเคยไปที่ร้าน , หลังจากทำงานมานาน  ฉันสามารถจำหน้าลูกค้าที่มาเกิน 3 ครั้งได้อย่างแม่นยำ  และเขาก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น  

     ต้องไปขอบคุณ  ไม่สิ  ต้องไปกราบขอบคุณเขาที่กรุณาช่วยชีวิตฉันให้พ้นจากฝันร้ายนี้สักที

     ฉันคิดดังนั้นและกำลังจะออกไปหาเขา  ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาหันหลังกลับไป

     และเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วใช้มีดแทงเขา

     ฉันไม่อยากเชื่อ  ผู้ชายคนนั้น  ผู้ชายคนนั้นที่โดนยิงจนเลือดท่วมกลุกขึ้นมาแล้วใช้มีดแทงผู้มีพระคุณของฉัน ที่หลัง  ซ้ำเมื่อเขาหันกลับมา ชายคนนั้นก็จัดการหักคอจนหน้าหันไปอีกข้างแล้วทิ้งให้ร่างนั้นล้มครืนลงพื้น

     ฉันพูดอะไรไม่ออก  เสียงฉันคล้ายถูกปีศาจขโมยไป  ปีศาจตัวเดียวกับที่ฆ่าผู้มีพระคุณของฉัน  ปีศาจตัวเดียวกันกับที่คอยหลอกหลอนฉันในความฝันมาถึงทุกวันนี้  ปีศาจที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว

     เขาซึ่งกำลังจะหันมาและเห็นตัวฉัน

     เขาซึ่งกำลังจะหันมาและเดินมาทางฉัน

     เขาซึ่งกำลังจะหันมาแล้วก็จะฆ่าฉัน

     เขาจะฆ่าฉัน  แล้วก็ฆ่าทุกคนในโลกนี้...


-[lI[k-

 

     ด้วยท่อนเหล็กที่อยู่ใกล้ตัว  ฉันคว้ามันขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปหาเขาที่กำลังเพ่งสมาธิอยู่กับคนที่เพิ่งจัดการฆ่าไป  โอกาสเดียวเท่านั้นที่ฉันมี

   ปึ๊ก!


     ฉันได้ยินเสียงนั้นดังเข้ามาถึงหู  พร้อมกับแรงสะเทือนมหาศาลที่สะท้อนกลับจากท่อนเหล็กที่ถืออยู่  ฉันใช้พลังทั้งหมดในตัวฟาดมันลงไปที่หัวเขา  เป็นการออกแรงอย่างสุดชีวิตครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา

     ฉันไม่มีทางเลือก  ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว

     "อะ..อ๊าก..."

     ชายผู้นั้นเดินเซ  ฉันคล้ายจะเห็นเลือดพุ่งจากหน้าเขาแต่ไม่มีเวลาสังเกตว่าไหลมาจากตรงไหน  ฉันต้องฟาดเขาอีกครั้ง  อีกครั้งและอีกครั้ง  

     "อ๊ากๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!"

     ฉันตะโกนและตีซ้ำที่จุดเดิมอีกหลายครั้ง ทั้งตี ทุบ แทง จนท่อนเหล็กในมือถูกเคลือบด้วยสีแดงกลิ่นคาวคลุ้ง และแม้ร่างเขาจะทรุดล้ม ฉันก็ไม่ยอมหยุด เพราะเห็นจากที่ชายผู้นั้นต้องประสบ  ฉันไม่อยากซ้ำรอยเขา  

     นานพักใหญ่ เมื่อฉันรู้สึกว่าจุดที่ทุบเริ่มจะนิ่มแล้ว  ซึ่งพอฉันก้มดูก็ได้เห็นว่าหัวของเขาที่ฉันทุบนั้นแตกเละไปแล้ว  ทั้งกระดูกและก้อนเนื้อไหลออกมาพร้อมกับเลือด   รวมถึงลูกตาที่ถูกเลือดชุบจนแดงฉาน

     ด้วยภาพนั้น ท่อนเหล็กหลุดจากมือ ฉันอาเจียรทุกอย่างออกมาจนหมด  ทุกสิ่งทุกอย่างในกระเพราะลำใส้ฉันไหลออกไปรวมเข้ากับเลือดและเนื้อจากตัวจน กลายเป็นกลิ่นที่สะอิดสะเอียนที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยได้กลิ่นมา กลิ่นเปียกเหนอะจากสีแดงที่สาดอยู่เต็มร่างทำให้ฉันตระหนักว่าตัวเองได้ทำ อะไรลงไป สิ่งเลวร้ายที่สุด

     ฉันฆ่าเขา  ฉันฆ่าเขาไปแล้ว

     ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ของตัวเองว่าอย่างไร  ฉัน...  คนที่ถูกคุกคามด้วยเขาคนนี้  คนที่ทำให้ฉันแทบจะเป็นบ้าตาย  ตอนนี้ได้ดับชีวิตจากโลกนี้ไปแล้ว

     ฉันควรดีใจ   ใช่ไหม...

     ไม่ ...ฉันไม่ควรรู้สึกแบบนั้น  ฉันเพิ่งฆ่าคนตาย  คนที่มีเลือดเนื้อแบบเดียวกับฉัน  คนที่มีชีวิตและมีลมหายใจเหมือนกับฉัน  ถึงเขาจะเป็นที่เลวร้ายขนาดไหน  แต่ฉันก็ไม่..

                                              ..... ไม่ได้อยากฆ่าเขางั้นเหรอ

     ไม่...
                                              ..... ทั้งๆที่เขาก็เพิ่งจะฆ่าคนไปเหมือนกัน

     แต่...
                                             ..... ทั้งๆที่เพราะเขา ตลอดเวลาจนถึงตอนนี้ฉันไม่สามารถหลับตาเลย

     มัน...
                                              ..... ทั้งๆที่เพราะเขา  ฉันกำลังใกล้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว

     ตายไป...
                                              ..... ได้ก็ดีแล้ว

     ใช่...
                                              ..... ตายไป

     ได้ก็ดีแล้ว
                                              ..... ได้ก็ดีแล้ว

     ได้ก็ดีแล้ว
                                              ..... ได้ก็ดีแล้ว



            คนอย่างนั้น  ตายไปได้ก็ดีแล้ว

     ที่เหลือ  ก็แค่จุดไฟเท่านั้น


-[lI[k-


     แชะ!

     ประกายไฟจากการเสียดของลานไขที่สัมผัสกับน้ำมันในตัวไฟแช็คทำให้ดวงไฟลุกโชนขึ้น ไฟที่ตอนนี้อาจเป็นเพียงไฟดวงเล็กๆ  แต่จากนี้ไป  มันจะกลายเป็นเปลวไฟที่คุ้มครองฉัน

     ด้วยกระดาษที่ใช้เป็นเชื้อ  ฉันโยนมันลงที่เส้นทางน้ำมันที่ลากไว้ ประกายไฟสีส้มระเบิดพรึ่บออกมา  ก่อนจะวิ่งตามเส้นทางที๋ฉันไว้วาดไว้ ด้วยน้ำมันที่มีทั้งหมดสิบแกลอน  ฉันวาดวงกลมล้อมตึกนี้เอาไว้  และตัวฉันก็อยู่ที่กึ่งกลางของทั้งหมดนั้น

     ตัวฉันอยู่ท่ามกลางกำแพงเพลิง  ปราการที่จะป้องกันจากเภทภัยและอันตรายทุกอย่าง ไม่มีใครสามารถเข้ามาในนี้ได้  ไม่มีใครจะทำร้ายฉันได้อีกแล้ว แม้แต่ในความฝัน   

     ฉันไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว  

     เท่านี้  ฉันก็จะนอนสักที  

     ท่ามกลางเพลิงที่คุ้มครองฉันอยู่นี้  ฉันจะหลับไหลและไม่ฝันถึงสิ่งใดอีกเลย

-[lI[k--[lI[k--[lI[k--[lI[k--[lI[k--[lI[k--[lI[k--[lI[k--[lI[k--[lI[k-

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา