หากกาลเวลาเดินถอยหลัง

8.0

เขียนโดย ShineLove

วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.46 น.

  1 บท
  2 วิจารณ์
  3,513 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.00 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          ภายในห้องเรียนแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่ม ‘โรเบิร์ต’ และนักเรียนทุกคนกำลังนั่งเรียนวิชา

สังคมภายในห้อง เขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง พลางมองไปยังนกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ของต้นสนสูงๆ

 

          ‘นี่พึ่งเริ่มเรียนเอง เมื่อไหร่จะหมดคาบกันนะ’ เขาคิดในใจ ‘ถ้ากาลเวลาถอยหลังได้จะ

เป็นยังไงนะ?” โรเบิร์ตคิดอะไรแปลกๆคนเดียวเสมอ ในคาบที่มีเรียนเช่นนี้เขามักจะมอง

หน้าต่างอยู่ตลอด และปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปตามสายลม

 

          “คุณโรเบิร์ต ตั้งใจเรียนหน่อยสิ!” หญิงสวมแว่นมีผมหงอก อายุประมาณหกสิบปีกว่าๆ

เอ่ยเรียก “หวังว่าในหัวของเธอคงไม่มีเรื่องอะไรให้คิดหลายเรื่องหรอกใช่ไหม?” หลายครั้งครู

ตะโกนเรียกบ่อยๆ เมื่อโรเบิร์ตเหม่อลอยจนไม่สนใจในสิ่งที่ครูสอน

           

          “คะ..ครับ ครู!” อาการตกใจเป็นลักษณะของโรเบิร์ตที่เห็นได้บ่อยๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด

พอเห็นหน้าต่างถึงอดเหม่อลอยไม่ได้ทุกที

           

          “อย่ามองหน้าต่างบ่อยๆหล่ะ เธอควรมีสมาธิกับการเรียนมากกว่านี้นะ..”  ครูเตือนพลาง

ทำฝีหน้าจริงจัง ด้วยประโยคที่เขาฟังจนชินหู

           

          “ครับ!”  โรเบิร์ตพยักหน้า ครูจึงเดินไปที่หน้ากระดานเพื่อสอนนักเรียนต่อ เขาฟังครูพูด

เกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว หัวข้อนี้เป็นเรื่องที่โรเบิร์ตสนใจ

           

          “นักเรียนคงจะรู้จักหอนาฬิกาที่อยู่ในกรุงลอนดอนใช่ไหมจ๊ะ?” หล่อนถามพลางดันแว่นที่

จมูกขึ้น 

         

          “ครับ/ค่ะ!”

           

          ถึงแม้โรเบิร์ตยังไม่เคยไปที่กรุงลอนดอนจริงสักครั้ง แต่เขายังชื่นชมในความแปลกตา

ของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แฝงด้วยความงดงามอันนั้น

           

          ‘หากได้ไปเห็นหอนาฬิกานั้นสักครั้งก็คงดี’ โรเบิร์ตคิดในใจพลางนึกภาพความรู้สึกของ

ตนเองในเวลาที่ได้ไปสถานที่แห่งนั้น.. นาฬิกาเรือนเบ้อเร่อ กับกลิ่นอายของความเป็นกรุง

ลอนดอน แสงไฟเหลืองระยิบระยับจากบ้านและตึกหลายหลัง  ผู้คนใส่เสื้อโคทสีดำบ้าง น้ำตาล

บ้าง ยามฤดูหนาวที่มีหมะตก

           

          ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าหอนาฬิกาแล้ว โรเบิร์ตทอดสายตามองไปยังรอบๆ อัศจรรย์ใจมาก

ที่ได้เห็นกรุงลอนดอน  ปุยเมฆสีขาวอมเทาทำให้รู้ว่าเป็นเวลาเย็นในขณะนี้  ภาพที่เคยคิดไว้

เหล่านั้นได้กลายเป็นจริงแล้ว

           

          “ว้าว!” โรเบิร์ตอุทานราวกับชายหนุ่มที่ได้รับรางวัลเงินล้านดอนลาร์ “นี่มันสุดยอดกว่า

ในหนังสืออีก!” 

           

          แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าเข็มบนหน้าปัดนาฬิกากำลังเดินย้อนกลับไปด้านหลัง

โรเบิร์ตมองเห็นผู้คนกำลังเดินถอยหลัง ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถอยหลังไปหมด ทั้งรถยนต์ เด็กที่

ปั่นรถจักรยาน แม้แต่หิมะตามพื้นก็ลอยกลับสู่ท้องฟ้า 

           

          โรเบิร์ตไล่ตามเด็กผู้หญิงที่กำลังปั่นรถจักรยานถอยหลัง แต่ดูเหมือนเธอทิ้งระยะห่าง

ออกไปไกลมากขึ้น “นี่ เธอกำลังไปไหนหนะ!”

           

          เขาหยุดพักหายใจ เพราะวิ่งตามเธอไม่ทันแล้ว ทุกอย่างเคลื่อนที่ถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกบันทึกคำสั่งไว้  

           

          จนกระทั่งเมื่อโรเบิร์ตหลับตา จึงมาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เขามองเห็น รูปร่างของ

ตนเองในกระจกด้านหน้า เขามองเห็นตัวเองที่กำลังเป็นเด็ก สวมชุดนอนลายการ์ตูนสมัย

เก่าๆ ที่ชื่อเรื่องว่า บาร์บ้าปาป้า  

 

          เท่าที่จำความได้ โรเบิร์ตชอบการ์ตูนเรื่องนี้มาก เพราะบาร์บ้าปา สามารถแปลงร่างเป็น

สิ่งของทุกชนิดได้ และ มี บาร์บ้าปาป้ามีสีชมพู มันแต่งงานกับบาร์บ้ามาม่าสีดำ จนได้สร้างลูกๆ ทั้ง

7 ตัวขึ้นมา ซึ่งแต่ละตัวก็มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน แต่ยังมีความรักผูกพันในครอบครัวด้วย  

           

          โรเบิร์ตคิดถึงช่วงเวลานี้มาก ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ทะว่าน่าแปลกที่เขาได้กลับมา

เป็นเด็กอีกครั้ง 

           

          “ลูกจ๋า แต่งตัวเสร็จหรือยังเอ่ย?”  คุณแม่ของโรเบิร์ตกล่าวเสียงหวาน  “รีบๆออกมานะ

จ๊ะ วันนี้ครอบครัวของเรามีอะไรพิเศษๆด้วยหล่ะ”

 

          โรเบิร์ตเอ่ยพลางครุ่นคิด แต่ก็ยังไม่รู้ทราบอยู่ดี “ได้ครับแม่” 

 

          เมื่อเขาเปิดประตูออกไปจากห้องแต่งตัว เขากลับพบว่าไม่มีอะไรอยู่เลย มีเพียงแต่ความ

มืดภายในตัวบ้าน  ‘พ่อกับแม่ไปอยู่ไหนหล่ะ คุณปู่คุณย่านอนชั้นบนรึเปล่า เอ.. แล้วพี่ๆของ

เราไปอยู่ไหนกันหมดนะ’ ด้วยความกลัวและว้าเหว่ โรเบิร์ตเฝ้าหาจนเกือบร้องไห้อยู่แล้ว แต่ไม่

ทันใดนั้นเอง...

 

          “สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ ลูกรัก” คุณแม่เอ่ย ส่วนพ่อนั้นก็กดสวิตซ์ไฟ เพียงพริบตาเดียว

เสียงสว่างก็เต็มไปทั่วห้อง ทำให้เขามองเห็นคุณปู่ คุณย่า ที่ค่อยๆเดินลงบันไดมาจากชั้นบน

พี่สาวคนโตที่กำลังถือเค้กเดินมา และน้องชายที่กำลังเป่าฟองสบู่เต็มทั่วห้อง

          

          โรเบิร์ตนึ่งอึ้งจนพูดไม่รู้ว่าจะพูดอะไร “ขอบใจฮะ แม่ ผมรักแม่ที่สุดเลย”

         

          “แม่ก็รักลูกเหมือนกันจ๊ะ” แม่ตอบด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น

          

          “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู....” ทุกคนร้องเพลงให้กับโรเบิร์ตด้วยความปลาบ

ปลื้มใจ ส่วนตัวเขาเองนั้นแทบจำไม่ได้เลยว่าอายุเท่าไหร่

         

          “แม่ฮะ..ผมอายุกี่ปีแล้วฮะ” โรเบิร์ตมองแม่ด้วยฝีหน้าฉงนสงสัย

         

          “ลูกอายุ 7 ปีแล้วจ๊ะ”

         

          เมื่อร้องเพลงจบแล้ว โรเบิร์ตจึงเป่าเทียนเล่มเล็กๆ สีฟ้าบ้าง สีชมพูบ้าง ที่อยู่บนเค้กบราวนี่

สีน้ำตาล พลางดีใจอย่างบอกไม่ถูก                                    

         

          คุณพ่อของเขาค่อยๆบรรจงผ่าชิ้นเค้กออกมาแต่ละอัน เพื่อแบ่งให้สมาชิกทุกคนที่นั่งอยู่

บนโต๊ะได้รับประทานกัน ตอนนี้ก็ครบแล้ว

          

          โรเบิร์ตคว้าช้อนส้อมมาทันที ในใจพลางคิดว่า นานแล้วที่ไม่ได้กินเค้ก ช่างตื่นเต้นอะไร

เช่นนี้  เขาพยายามใช้ช้อนส้อมผ่าเค้กให้เป็นชิ้นเล็ก เพื่อให้พอดีคำเหมาะกับปากเล็กๆของเขา

แต่การใช้อุปกรณ์อย่างนี้ โรเบิร์ตไม่ถนัดเลย 

         

          “ลูกจะใช้มือก็ได้นะ จะได้ทานอร่อยๆ” คุณแม่เอ่ยขึ้นทันที พลางหัวเราะชอบใจ เมื่อได้

เห็นโรเบิร์ตใช้ช้อนกับส้อมกระทบกับจานเสียงดัง

          

          เขาหยิบก้อนเค้กขึ้นมาเข้าปากโดยไม่ลังเล พลางคิดว่ารสชาติของช็อกโกแลตที่อยู่ใน

เค้กบราวนี่นี้อร่อยจนไม่อาจหาเค้กที่ไหนทานได้ในโลกนี้เหมือนเค้กนี้อีกแล้ว

          

          “ดูท่าจะอร่อยมากเลยนะลูก” พ่อบอกพลางยิ้มเมื่อเห็นลูกทานเค้กได้อย่างเอร็ดอร่อย จน

เลอะเปรอะเปื้อนทั่วปากและเสื้อของเขา

           

          ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นเอง โรเบิร์ตสัมผัสได้อีกแล้ว ถึงพลังงานแปลกปลอม

บางอย่าง  เขารู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าและตัวของเขาเองกำลังหมุนไปมา จนเกิดเป็นภาพๆหนึ่ง

ขึ้นมา

 

          “แอ๊....แอ๊ะ” ภาพๆหนึ่งปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงที่เขาเอ่ยออกมา ตอนนี้เขามองเห็นแต่

เพียงหน้าแม่เท่านั้น ราวกับว่าเขากำลังนอนอยู่ในแปลที่ใดที่หนึ่งวัยเด็ก

           

          “อย่าร้องไห้นะลูก...เดี๋ยวแม่ไปชงนมมาให้”  แม่พูดพลางมองเขาอย่างเอ็นดู แล้วจึงเดิน

ไปยังห้องครัว

          

          “จ๊วบๆ.....” เสียงดูดจากยางขวดนม นมที่บรรจุอยู่อร่อยมากจริงๆในตอนนั้น ...  

        

          หลังจากที่ทานนมเสร็จจนอิ่มได้สักพัก คุณแม่จึงอุ้มโรเบิร์ตมาวางไว้ที่พื้นไม้เคลือบเงา

ข้างๆเตียง

          

          “ไหนๆ ลูกลองเดินไปตรงโน้นซิ..” แม่จับตัวและขาของโรเบิร์ตไว้ เมื่อตั้งตัวได้แล้ว เธอ

จึงให้เขาเริ่มก้าวขาเริ่มต้นออกเดินไปเอง..

          

          “ตุ๊บ!” โรเบิร์ตทรงตัวไม่อยู่ พลางรับรู้ได้ถึงกระดูกอ่อนๆที่อยู่ในขาของตนเอง คิดว่าบาง

ทีภาพที่เห็นอาจเป็นภาพตอนสมัยวัยเด็กที่พึ่งเริ่มเดินได้ใหม่ๆ

          

          แม้จะล้มสักกี่ครั้ง แต่แม่ก็เข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น ทำให้โรเบิร์ตสามารถลุกขึ้นยืนต่อได้

เขาพยายามทรงตัวและก้าวขาไปยังผนังห้องสีขาว .. อีกไม่ไกลเท่านั้น

       

          “เย่! ลูกของแม่ทำสำเร็จแล้ว เก่งมาก!” แม่เอ่ยชมเสียงดัง โรเบิร์ตมองหน้าแม่ที่กำลังยิ้ม

อยู่แล้วหัวเราะเพราะมีความสุขเช่นเดียวกันกับแม่ 

          

          แต่แล้วช่วงเวลาก็ได้หยุดลงอีกครั้ง เขามองเห็นแม่นั่งบนพื้นและทำท่าจะปรบมือค้างไว้

อย่างนั้น  จนกระทั่งตัวของแม่เริ่มละลายหายไป เหมือนทรายที่ค่อยๆหล่นลงไปบนพื้น

           

          “แม่!” เขาพยายามเอ่ยเรียก คำแรกที่เอ่ยนั้นออกเสียงได้ยากมาก

           

          “แม่!” เขาเอ่ยเรียกเป็นคำที่สอง

 

          โรเบิร์ตสังเกตเห็นร่างในวัยทารกของตนเอง กำลังละลายกลายเป็นทรายเช่นเดียวกับแม่

สิ่งนั้นคืบคลานมาจากเท้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเอว มือ จนในที่สุดก็หายไปจนหมด เหลือเพียงแต่

ห้องว่างเปล่าเท่านั้นที่มองเห็น

 

          “โรเบิร์ต.. ตื่นได้แล้ว!” เสียงอันคุ้ยเคยดังขึ้น เขาลืมตาขึ้นทีละนิด พลางตกใจกับสิ่งที่

คล้ายกับเรื่องจริง แต่ทว่า เวลานี้เขากลับอยู่ในห้องเรียนแทน

         

          “หวังว่าครั้งหน้าเธอจะนำหมอนนุ่มๆมาสักใบนะ” คุณครูพูดประชด พลางมองโรเบิร์ต

และยิ้มมุมปากเล็กน้อย  เพื่อนๆในห้องต่างหัวเราะกับท่าทีสัปหงกของเขา

          

          “คะ..ครับ!”

         

          “เอาไว้เจอกันใหม่ในคาบหน้าค่ะ”

 

 

          เมื่อคุณครูกล่าวจบ โรเบิร์ตมองนาฬิกาข้อมือ พบว่าตอนนี้เลิกเรียนแล้ว เขาจึงรีบคว้า

กระเป๋าวิ่งออกจากโรงเรียน แล้วรีบขึ้นรถบัสกลับบ้านทันที

 

          “แม่ครับ!” โรเบิร์ตเข้าโอบกอดแม่ทันทีที่ได้เจอ

          

          “มีอะไรรึเปล่าจ๊ะลูก?” แม่กอดลูกพลางถามอย่างสงสัย

      

          “ปะ..เปล่าครับแม่” เขาเงียบสักพัก แล้วเอ่ยขึ้นอย่างโล่งใจ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แท้จริง

แล้วเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

      

          “ลูกนี่ก็..ทำตัวแปลกๆเสมอเลยนะ” แม่เอ่ยพลางหัวเราะ

 

 

 

 


 

       

 

 

จบแล้วครับ หวังว่าทุกคนจะชอบเรื่องสั้นที่แต่งเกี่ยวกับวันแม่นี้ (แม้จะมีไม่เยอะ)

 

ใกล้วันแม่แล้ว ยังไงก็ขอให้ทุกคน อย่าลืมบอกรักแม่และดูแลท่านทุกๆวันด้วยนะครับ :)

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา