แสงดวงดาวกับแสงตะวัน

-

เขียนโดย Yugar

วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.37 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,977 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 10.36 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) แสงดวงดาวกับแสงตะวัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แสงดวงดาวกับแสงตะวัน

ท้องฟ้ามีสองด้านที่แตกต่างกันลิบลับ...อนึ่งนั่นคือแสงสว่างและอีกนึ่งที่แตกต่างคือความมืด แสงสว่างบนท้องฟ้าทำให้มองเห็นทุกสรรพสิ่งที่สวยงามบนพื้นดิน แต่เมื่อใดที่ท้องฟ้ามืดมิดลงบนพื้นดินก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะมีเพียงแสงดวงดาวบนท้องฟ้าเท่านั้นที่ใครๆก็ต่างมองหา แสงดวงดาวเปรียบดั่งหญิงสาวผู้สง่างามท่ามกลางความมืดมิด นอกจากความมืดแล้วเธอก็ไม่เคยได้รู้จักสิ่งอื่นใดเลย เธอรู้แค่ว่าสิ่งที่สวยงามที่สุดคือแสงที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด จนกระทั้งวันหนึ่งเธอได้ฟังเรื่องเล่าจากบรรพบุรุษของเธอเกี่ยวกับแสงตะวัน

“แสงตะวันที่เจิดจ้านำพาแสงสู่ดวงดาว ดวงดาวนับร้อยพันแม้นไร้แสงตะวันคงมืดมิด ท่านเป็นแสงอันทรงพลังและล้ำค่ากว่าแสงใด แสงตะวันเป็นแสงแห่งชีวิตและชะตากรรม เป็นผู้ริเริ่มทุกสรรพสิ่งและเป็นผู้ดับสิ้นทุกสิ่งอย่างเช่นกัน แม้นใครได้สัมผัสสิ่งที่ล้ำค่านั้นต้องดับสิ้นลงเป็นผุยผง”

แสงดวงดาวได้แต่เฝ้าฟังเรื่องราวเกี่ยวกับแสงตะวันมานับพันๆปี จนทำให้เธออยากรู้จักเขาอยากเห็นสักครั้ง ที่ว่าแสงตะวันที่ยิ่งใหญ่สวยงามและทรงพลัง เธออยากจะสัมผัสเขาสักครั้งแม้นเป็นวันสุดท้ายที่ชีวิตจะดับสูญ ในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงของสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะที่เรียกว่าโลก เป็นวันที่มนุษย์หลายคนอธิฐานกับดวงดาวปรารถนาให้ตัวเองได้สมหวังในความรักก่อนที่จะถึงฤดูหนาว และทุกๆปีแสงดวงดาวไม่เคยใส่ใจกับคำอธิฐานพวกนั้นเลยจนกระทั้งวันนี้เธอได้ยินคำอธิฐานหนึ่งล่องลอยจากพื้นดินขึ้นสู้พื้นนภา

“แสงตะวันที่เดียวดายนั้นไม่มีวันดับหาย แม้นไม่เหมือนแสงดวงดาวที่เรียงรายเริ่มดับหายไปทีละดวง” หลังจากหญิงสาวพูดประโยคแรกจบ แสงดวงดาวก็เพ่งลงไปมองที่เธอเพียงผู้เดียว ก่อนจะเห็นว่าเธอพูดกำลังต่อด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่หนักแน่นยิ่งกว่าเดิม

“ข้าไม่ขอเป็นแสงตะวันที่เจิดจ้า ขอเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีรักชั่วนิรันดร์”

หลังจากราตรีนั้นลับลาไป แสงดวงดาวก็ครุ่นคิดถึงแต่คำอธิฐานของหญิงสาวผู้นั้นไม่หยุดหยอน เธอพยายามนึกถึงความรู้สึกของหญิงสาวร่างบางผู้สง่างามคนนั้น แต่ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปจวบจนจะถึงราตรีอีกครั้งเธอก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าคนที่สง่างามและเพรียบพร้อมอย่างนั้นจะไร้รักได้อย่างไร

และเมื่อราตรีมาเยือนอีกครั้งแสงดวงดาวส่องสว่างสวยงามพิเศษกว่าค่ำคืนไหนๆ นั่นเป็นเพราะเธอกำลังมองหาหญิงสาวผู้สง่างามคนนั้นอยู่ เธออยากเห็นแววตาหญิงคนนั้นอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็เห็นเพียงหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่เดิม แสงดวงดาวพยายามส่องสว่างไปที่หญิงสาวดังกล่าวเป็นพิเศษ แต่หญิงสาวกลับไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เธอกระทำเลย หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้าไม่สนใจสิ่งรอบตัว จนกระทั้งมีหญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่หลังเธอไปไม่ไกลนัก หญิงชราผู้นั้นหยุดนิ่งมองหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะเดินมาแตะที่บ่าเธอแล้วกระสิบกับเธอเบาๆ

“เวล มานั่งทำอะไรตรงนี้ล่ะข้างนอกมันหนาวนะ เข้าไปข้างในเถอะ”

แล้ววันนี้แสงดวงดาวก็ได้รู้ว่าหญิงสาวผู้สง่างามนั้นชื่อเวล และชื่อนี้คงเป็นชื่อที่เธอจะไม่มีวันลืมเลือนพร้อมทั้งใบหน้าที่สง่างามนั้นด้วย หลังจากที่เวลรับรู้ถึงคำบอกกล่าวของหญิงชราผู้มาเยือน เวลก็มองขึ้นมาที่แสงดวงดาวอีกครั้งทำให้แสงดวงดาวได้สัมผัสเข้าไปในแววตาที่เศร้าโศกของเวล แสงดวงดาวรับรู้แล้วว่าสิ่งที่เวลอธิฐานมันหมายถึงอะไร และเธอก็ได้รู้แล้วว่าสิ่งที่เวลต้องการเป็นแบบไหน

ทันทีที่เวลหันหลังให้แสงดวงดาวแล้วเดินกลับเข้าไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ ราตรีนั้นก็ค่อยๆจบลงพร้อมแสงที่กระพิบริบหรี่ของแสงดวงดาว และถึงแสงดวงดาวจะรับรู้ได้ถึงความต้องการของเวลแล้วเธอก็ยังไม่วายที่จะคิดทบทวนเรื่องนั้นอีกรอบ เธอพยายามเชื่อมโยงมันเข้ากับความรู้สึกของตัวเองที่ในตอนนี้ ถ้าเปรียบกับคำอธิฐานของเวลเธอคงเป็นแสงดวงดาวที่กำลังจะดับลง ถ้าเธอไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างคงไม่มีสักครั้งที่เธอจะได้รู้จักกับแสงตะวัน เธอคิดหาวิธีที่จะทำความรู้จักกับแสงตะวันจนราตรีนั้นกลับมาอีกครั้ง

ราตรีที่สามของฤดูใบไม้ร่วงท้องฟ้าสวยงามเกินบรรยายเพราะเหล่าแสงดวงดาวพากันส่องสว่างต็มท้องฟ้า กล่าวได้ว่าความมืดที่น่ากลัวเมื่อมีแสงดวงดาวก็กลับกลายเป็นความสวยงามที่น่าพิศวง ในราตรีที่คึกคักไปด้วยคำอธิฐานของเหล่ามนุษย์โลกและแสงดวงดาวก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำอธิฐานพวกนั้นเช่นเคย เธอสนใจเพียงเวลเท่านั้นแต่เวลกลับไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลยในราตีนี้ อย่างไรก็ตามแสงดวงดาวก็ไม่นิ่งเฉนรอเวลอย่างเดียวเธอทำในสิ่งที่เธอตั้งใจไว้ นั่นคือเขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมา

“สวัสดีแสงตะวัน ข้าคือแสงดวงดาวที่แสงสว่างในยามราตรี เราไม่เคยเจอกันหรอกแต่ข้าได้ยินเรื่องเล่าขานเกี่ยวกันท่านมานานมากแล้ว ข้าอยากรู้จักท่านและไม่รู้ว่าท่านคิดเช่นกันรึเปล่า มันอาจจะเข้าใจยากนะว่าทำไมข้าถึงรู้สึกว่าข้ารักท่าน ทั้งๆที่เราก็ยังไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านหน้าตาอย่างไร แล้วท่านจะรักข้าตอบหรือไม่”

แสงดวงดาวตั้งใจจะเขียนความรู้สึกทุกอย่างที่เธอมีลงไป เธอพยายามเขียนให้แสงตะวันเข้าใจความรู้สึกที่เธอมีแต่กลับไม่มั่นใจกับคำบรรยายพวกนั้นเลย

“น้ำเน่าไปหรือเปล่าเนี่ย” เธอบ่นพำพึงกับตัวเองก่อนที่จะลบข้อความพวกนั้นทิ้ง

เธอพยายามเขียนใหม่และลบมันออกครั้งแล้วครั้งเล่า กระดาษแผ่นใหญ่ที่ถูกบรรเลงหมึกลงไปถูกลบครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันยับยู่ยี่ไร้ความสวยงาม และเหลือเพียงคำว่า“สวัสดีแสงตะวัน” และแล้วจดหมายก็ถูกส่งไปกับเสี้ยววินาทีสุดท้ายของราตรี

แสงตะวันได้รับมันในแสงแรกของวันเขาอ่านมันด้วยความรู้สึกมึนงง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาและไม่รู้อีกด้วยว่าคนที่ส่งมาต้องการอะไร ทั้งที่เป็นแค่ประโยคๆเดียวแต่ก็ทำให้เขาครุ่นคิดถึงมันทั้งวัน อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยได้รับอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย และก่อนที่แสงแห่งวันจะรับลาไปเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าต้องเขียนอะไรสักอย่างลงไปในกระดาษแผ่นนั้นแล้วส่งมันกลับคืนไปยังคนที่ส่งมันมา “เจ้าเป็นใครและต้องการอะไรจากข้า” นั่นก็เป็นเพียงประโยคสั้นๆที่แสงตะวันตอบกลับไป

แสงดวงดาวได้รับจดหมายตอบกลับจากแสงตะวันในความมืดแรกของราตรี เธอเพ่งมองไปที่จดหมายและอ่านมันครั้งแล้วครั้งเล่า เธอยิ้มให้กับกระดาษแผ่นนั้นเหมือนคนบ้าในหัวก็คิดหาคำตอบดีๆที่มากกว่าจะบอกว่าเธอเป็นใครและต้องการอะไร เธอลงมือเขียนจดหมายอีกครั้งตลอดค่ำคืนอันแสนหวานพยายามกลั่นกลองมันออกมาจากใจเพื่อให้ได้บทความสื่อรักส่งกลับไปหาแสงตะวัน “แสงดวงดาวที่แพรวพราวอยู่บนนภา เมื่อราตรีลับลาเธอก็ลับหายไป แสงตะวันคือแสงที่ส่องสู่ดวงใจ แสงดวงดาวแม้นหมายได้ครอบครองแสงตะวัน เพื่อให้ดวงใจดวงนั้นได้ส่องสว่างทั่วนภา”

แต่แล้วจดหมายก็ตอบได้เพียงสิ่งที่แสงตะวันถามมาเท่านั้น นั่นเป็นเพราะแสงดวงดาวอายเกินกว่าจะเขียนบรรยาคำหวานๆออกไปมากกว่านั้นได้ เธอได้เพียงเก็บมันไว้ในใจเพื่อหวังว่าสักวันแสงตะวันจะส่องผ่านเข้ามาเห็น หลังจากที่จดหมายล่องลอยไปกับความมือดสุดท้ายของราตรีและไปโผล่ในแสงแรกของวัน แสงตะวันก็รับมันไปอ่านเช่นเคย

“แสงดวงดาวงั้นหรอ?” แสงตะวันบ่นพรำพรึงอยู่คนเดียว เขาอ่านบทความในจดหมายนั้นเป็นร้อยรอบ และทุกรอบเขาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ คงเป็นเพราะความใสซื่อบริสุทธิ์ของแสงดวงดาวเขาจึงสื่อความหมายของบทความนั้นออกมาในทางที่ตลกขบขัน

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา