ถ่านสีนุ่น

5.0

เขียนโดย มะมาย

วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 09.44 น.

  1 ตอน
  2 วิจารณ์
  3,621 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2557 09.50 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ถ่านสีนุ่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          เป็นเวลาพักกลางวันของนักเรียนประถม หลังจากที่มุกและพวกเพื่อน ๆ ทานอาหารจนอิ่มหมีพีมัน ก็มานั่งอ่านหนังสือเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านไพศาลให้ร่มเงาอย่างเช่นเคยของทุกวัน เพื่อนผู้หญิงบางคนจับกลุ่มกันเล่นกระโดดหนังยางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ส่วนพวกผู้ชายกำลังแข่งกันดีดลูกแก้วลงหลุม พวกเขามักแซวเราเสมอเวลาที่กระโดดแล้วกระโปรงเปิดขึ้นจนเห็นกางเกงชั้นใน พวกผู้หญิงไม่ค่อยชอบใจนักกับคำหยอกเย้าเหล่านั้น โต้เถียงกันไปมาจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างวันไปแล้วด้วยซ้ำ

          พักหลังมานี้มุกมักพบเด็กผู้ชายคนหนึ่งตามจุดต่าง ๆ ในโรงเรียนเสมอ เขาไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนในแบบที่มุกหรือเพื่อนคนอื่น ๆ สวมใส่ เสื้อยืดขาด ๆ กับกางเกงสีซีดตั้งหากที่อยู่บนตัวของเด็กคนนั้น ผมยุ่งเหยิงกับใบหน้าเลอะมอมแมมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันสร้างจุดสนใจให้กับผู้คนที่พบเจออยู่ไม่น้อย และตอนนี้เขาก็มายืนยิ้มหวานปานอยากจะมีส่วนร่วมเล่นกับกลุ่มพวกผู้ชาย

พวกผู้ชายมองเด็กคนนั้นเป็นตัวตลก หนึ่งในนั้นปาลูกแก้วใส่เขาจนล้มลงไปที่พื้น แล้วพวกเขาก็กลูกันเข้าไปล้อมวงดูไอ้ตัวตลกของพวกเขา ไอ้บ้าใบ้ ตัวดำ ลูกภารโรงเป็นคำล้อเลียนที่พวกผู้ชายใช้เรียกเด็กคนนั้น ด้วยเพราะไม่เคยมีใครเคยเห็นเขาอ้าปากพูดจาสักครั้ง อีกประการคือ เขาเป็นลูกภารโรงคนใหม่ของโรงเรียน อาจจะด้วยเหตุผลนี้กระมังที่ทำให้ถูกเด็กคนอื่นรังแกอยู่เสมอ

ครูประจำชั้นเล่าให้ฟังว่า เด็กหน้าตามอมแมมคนนั้นชื่อ ถ่านที่ได้ชื่อนี้มาเห็นทีคงเป็นด้วยเพราะสีผิวที่ดำคล้ำ ส่วนในประเด็นที่สงสัยว่าถ่านเป็นใบ้เห็นทีคงจะไม่ผิดจากที่เข้าใจนักเพราะอย่าว่าแต่พวกเราเลยที่ไม่เคยได้ยินเสียงของถ่านหรือแม้แต่กระทั่งพ่อของเขาเองก็ไม่เคยได้รับโอกาสนั้นอีกนับจากวันที่ถ่านประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเมื่อหลายปีก่อน ถ่านรอดชีวิตมาได้แต่ก็กลายเป็นคนใบ้ในที่สุด กระนั้นพวกเราทุกคนก็มักจะได้รับรอยยิ้มพิมพ์ใจจากเขาอยู่บ่อย ๆ แม้ยามถูกเด็กคนอื่นรังแก

ถ่านไม่ได้เรียนหนังสือเพราะครอบครัวของเขายากจน ก่อนที่พ่อของเขาจะมาเป็นภารโรงที่โรงเรียน เคยมีอาชีพเก็บของเก่าขาย ครูเห็นสองพ่อลูกมานานสักระยะที่สำคัญเรื่องนิสัยใจคอถือว่าดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียวจึงไว้ใจฝากเข้าทำงานในตำแหน่งนี้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงทำให้พบถ่านป้วนเปี้ยนอยู่แถวบริเวณโรงเรียนบ่อย ๆ

            ใคร ๆ ก็ชอบว่าถ่านไม่เต็มเต็ง เขาเป็นเหมือนตัวประหลาดที่วิ่งร่อนอยู่รอบโรงเรียน ไม่สนใจคำพูดของคนรอบข้างที่ล้อเลียนเขาต่าง ๆ นา ๆ เขาทำราวกับว่าคำดูถูกเหล่านั้นเป็นเพียงสายลมนุ่มนวลไร้ตัวตน เขาไม่เคยแสดงสีหน้าหรืออาการว่าจะโกรธเคืองใครต่อใครที่รังแกเขาเลย มีเพียงสิ่งเดียวที่เขามักจะใช้ตอบโต้กลับทุกครั้ง ช่างเป็นการเอาคืนที่ละมุนละม่อมที่สุดเท่าที่เคยมีมาและมันคือ รอยยิ้ม

ทุกวันพวกผู้ชายจะวางแผนหาวิธีแกล้งถ่านจนมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขากันไปแล้ว อย่างเมื่อครั้งก่อนที่สนามฟุตบอล พวกเขาให้ถ่านยืนรับลูกบอลอยู่หน้าประตู มันไม่เหมือนการเล่นในทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะไม่มีกฎเกณฑ์ พวกผู้ชายผลัดกันเตะฟุตบอล แต่ไม่ใช่เพื่อให้เข้าประตูแต่เพื่อเตะอัดถ่านเสียมากกว่า ดูเป็นการกระทำที่เลวร้ายและรับไม่ได้สำหรับผู้ที่พบเห็นหรือแม้แต่เจ้าตัวเอง ทว่าถ่านยังยิ้มสู้ได้กับไอ้เจ้าลูกฟุตบอลกลม ๆ ที่พุ่งมากระแทกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเขาได้แบบสบาย ๆ ราวกับว่าเขาไม่รู้จักคำว่า ‘เจ็บปวด’

            ล่าสุด ถ่านถูกยุให้ปีนขึ้นไปเก็บผลมะม่วงที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนต้น พวกผู้ชายที่รออยู่ด้านล่างเล็งหนังสติ๊กไปยังรังมดแดงที่อยู่เหนือศีรษะของถ่าน เด็กชายถูกมดแดงรุมขย้ำจนพลัดตกรูดครืนลงมา โชคดีที่ต้นมะม่วงสูงจากพื้นดินไม่มากมาย ทำให้มีเพียงแค่รอยถลอกเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแขนและขาเท่านั้น

            ถ่านมักชอบมานั่งอยู่หน้าห้องเรียน เฝ้ามองผ่านช่องประตูที่เปิดโล่งเข้ามา เขานั่งนิ่งตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูกำลังพูด ไม่มีใครรู้ว่าเขาเข้าใจกับสิ่งที่ครูสอนมากแค่ไหน จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่มุกกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวเก่งใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ ถ่านก็เข้ามายืนมองใกล้ ๆ ด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเช่นทุกครั้ง มุกบอกให้ถ่านเลิกยืนแล้วเดินมานั่งด้วยกันที่เก้าอี้

เดี๋ยวนี้เวลาถ่านเห็นมุกก็จะรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างไม่รอรี ทุกวันนี้เราสองคนกลายเป็นเหมือนเพื่อนสนิทกันไปแล้ว จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้เราสองคนก็ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้า แต่เมื่อวันที่ถ่านพลัดตกลงมาจากต้นมะม่วง มุกเองที่เป็นคนพาถ่านไปทำแผลที่ห้องพยาบาล หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นถ่านก็จะมาหามุกอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาพักกลางวันที่ถ่านมักจะชอบมานั่งดูมุกทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ

จนวันหนึ่งมุกจึงได้รู้ว่าที่ถ่านมักจะชอบมานั่งอยู่ที่หน้าห้องเรียน ทำทีว่ากำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูสอนราวกับว่าตัวเองเป็นนักเรียนคนหนึ่งก็ไม่ปาน ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าเขาอยากจะเรียนหนังสือในแบบที่มุกและนักเรียนคนอื่นเขาเรียนกัน ดังนั้นยามว่างมุกจึงอาสาสอนหนังสือให้กับถ่าน แม้ว่าจะมีอุปสรรคในเรื่องการสื่อสารเพราะถ่านพูดไม่ได้ แต่ถ่านเป็นคนหัวไว มุกสอนไม่กี่ครั้งเขาก็เข้าใจได้อย่าง่าย ๆ ถ้าหากวันหนึ่งถ่านมีโอกาสได้เข้ามาสู่ระบบการศึกษา มุกเชื่อว่าเขาจะต้องเป็นนักเรียนที่ดีมากแน่นอน

ตอนเช้าเป็นช่วงที่คุณครูและบรรดานักเรียนทั้งหลายจะไปรวมตัวกันที่สนามฟุตบอลเพื่อขับร้องเพลงชาติ สวดมนต์ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ในขณะที่ทุกคนทำภารกิจถ่านจะขลุกตัวอยู่ที่ห้องพักครูเพื่ออาสาช่วยจัดแจงเก็บกวาดขยะและปัดกวาดเช็ดถูอันเป็นการช่วยงานพ่อได้อีกแรงหนึ่ง มันเป็นหน้าที่ประจำวันของเขาซึ่งคุณครูทุกคนต่างทราบดี พวกครูไว้ใจเด็กชายให้อยู่ตามลำพังโดยไม่ห่วงถึงเรื่องทรัพย์สินหรือของมีค่าว่าจะสูญหาย ดีด้วยซ้ำที่มีคนคอยช่วยดูแลสอดส่อง เพราะเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พวกโจรลักเล็กขโมยน้อยระบาดหนักในโรงเรียนและไม่อาจจับมือใครมาดมได้

ตั้งแต่ถ่านมาช่วยดูแลก็ไม่เคยสร้างปัญหาดังกล่าว แต่แล้ววันหนึ่งเรื่องที่ไม่มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกก็เกิดขึ้น เมื่อโทรศัพท์มือถือของครูสามท่านได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จำเลยคนแรกเลยหนีไม่พ้นว่าเป็นถ่าน เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ ครูหลายท่านปักใจเชื่อในทันทีว่าต้องเป็นเขาคนนี้ไม่ผิด ‘นอกจากบ้าใบ้ไร้การศึกษา ยังเป็นเด็กมีปัญหาขี้ขโมย’ ครูท่านหนึ่งต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ถ่านหมดหนทางแก้ตัว เขาไม่อาจบอกใคร ๆ ได้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนขโมยโทรศัพท์เหล่านั้นไป ทุกคนกำลังเข้าใจเขาผิด

ข่าวที่ว่าถ่านเป็นคนขโมยโทรศัพท์ดังว่อนไปทั่วโรงเรียนในเวลาต่อมา เด็กชายถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้ขี้ขโมย เด็กนักเรียนที่ไม่พอใจต่างพากันขว้างปาขวดพลาสติกขับไล่เมื่อพบเห็น หรือบางทีก็เดินหลบเลี่ยงให้ห่างจากเขาแล้วก้มหน้าซุบซิบนินทา ทำราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาดน่ารังเกียจจนทุกคนไม่อยากเฉียดเข้าใกล้

กิจกรรมในช่วงพักกลางวันดำเนินไปตามปกติ พวกผู้ชายจับกลุ่มกันเล่นดีดลูกแก้วส่งเสียงสนุกสนาน ส่วนพวกผู้หญิงหลังจากกระโดดหนังยางเสร็จก็มานั่งพักคุยกันเรื่องสัพเพเหระพอให้เหงื่อไคลที่ไหลได้แห้งลง ‘ไปเล่นที่อื่นกันเถอะพวกเรา ไอ้ขี้ขโมยมา’ เสียงดังมาจากกลุ่มของพวกผู้ชาย เป็นถ่านนั่นเองที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานละไม ในมือของถ่านถือสมุดวาดเขียนเล่มหนึ่งมาด้วย เขาตั้งใจจะให้มุกสอนอย่างเช่นทุกวัน มุกได้แต่นั่งนิ่งทำตัวไม่ถูก มองถ่านที่หว่านรอยยิ้มขยับก้าวเดินเข้ามาใกล้ แต่แล้วเพื่อนของมุกก็เร่งเร้าให้รีบลุกหลีกหนี มุกลุกจากโต๊ะไปเพราะถูกเพื่อนดึงตัวก่อนที่ถ่านจะมาถึง เด็กชายชม้ายชายตามองตามหลังคนดีของเขาไปด้วยสีหน้างงงวย

มุกสอนถ่านวาดรูปไปเมื่อครั้งที่แล้ว ถ่านติดใจกับการวาดรูปและระบายสี เขารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด จะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์ที่เพิ่งค้นพบใหม่ก็ไม่ผิดนัก ดังนั้นหากมีเวลาว่างเมื่อไหร่เป็นอันต้องหยิบดินสอมาขีดเขียนปลดปล่อยจินตนาการที่นึกคิดอยู่เสมอ เห็นเช่นนั้นมุกจึงตัดสินใจยกดินสอสีที่เปลี่ยนไส้ได้ซึ่งเป็นแท่งโปรดให้ไว้กับถ่าน เพราะรู้สึกว่าเขาอาจต้องใช้ประโยชน์จากมัน

สำหรับเด็กชายแล้วดินสอสีแท่งนี้เปรียบเสมือนของขวัญอันเล่อค่า มีราคาเสียยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกใบแคบ ๆ ของเขา เขาจะยิ้มอย่างชื่นมื่นด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยหยักแห่งความสุขทุกครั้งที่ปลายนิ้วทั้งห้าสัมผัสกับดินสอสี เพราะจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนดีของเขาคอยอยู่ใกล้ ๆ  และเขาไม่ต้องการทำให้เธอผิดหวัง เขาอยากทำให้เธอได้เห็นว่าเขาทำมันได้ดีมากแค่ไหน

ทุกคนต่างแยกย้ายไปคนละทิศทางเมื่อถ่านเหยียบย่างมาถึงราวกับว่านัดกันไว้ล่วงหน้ายังไงยังงั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงคนดีของเขาด้วย เด็กชายนั่งลงบนม้านั่งหินอ่อน พร่ำบอกกับตัวเองว่าเธอคงไปเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็คงกลับมา ทำไมเขาถึงเชื่อแบบนั้นน่ะหรือ คำตอบก็คือเธอคือคนดีของเขายังไงล่ะ สำหรับชีวิตของเด็กชายผู้ที่ใคร ๆ ต่างก็มองว่าบ้าใบ้ไร้สติ จะมีสักกี่คนกันที่ยอมคุยกับเขาอย่างจริงใจ เล่นกับเขาด้วยเสียงหัวเราะ และยิ้มให้กับเขาได้อย่างไม่รังเกียจรังแก เห็นมีก็แต่มุกคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมองว่าถ่านแตกต่างจากเด็กคนอื่น เพราะมุกเองก็ระลึกถึงคำสอนของคุณยายอยู่เสมอว่า

                                    เกิดเป็นคน          ยากจนข้นแค้น

                                    หรือรวยมากแสน   มิอาจวัดค่า

                                    ความเป็นคนนั้น  สำคัญยิ่งกว่า

                                    ทรัพย์สินเงินตรา    ใช่ว่าจนรวย

            ตอนนี้มุกกลับไม่เชื่อฟังคำสอนของคุณยาย แต่มุกกลับคิดเหมือนคนอื่นว่า ถ่านเป็นคนขี้ขโมยเพียงเพราะเอาความยากจนของเขามาเป็นตัวตัดสิน ทั้งที่ความเป็นจริงก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ ชี้ชัดว่าเขาเป็นคนลงมือทำ

            ครูคนใหม่บังเอิญมาพบถ่านเข้าจึงแวะเข้าไปทักทายผู้ที่ตกเป็นแพะรับบาปแทนเขา และแล้วครูที่ใคร ๆ ต่างนับถือยกมือกราบไหว้ก็เผยเบื้องหลังตัวตนที่แท้จริง หมดคราบความเป็นครูผู้ซึ่งควรใคร่ให้ใคร ๆ เคารพได้อีกต่อไป ‘ว่าไงไอ้หัวขโมย’ นั่นเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากเขา เขาจงใจหมายถึงถ่าน ถ่านไม่เคยไม่ยิ้มให้ใครยกเว้นก็แต่นายคนนี้ แม้ถ่านจะดูว่าคิดอะไรเองไม่เป็นแต่เขาก็แยกแยะออกว่าเขาควรมอบรอยยิ้มให้กับใครบ้างซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่กับคนที่ยืนยิ้มเย้ยให้อยู่ตรงเบื้องหน้า ถ่านทำทีไม่สนใจ ก้มหน้าวาดรูปต่อไปตามวิสัย ครูหนุ่มฉวยดึงดินสอในมือของถ่านไปเขาจึงพยายามจะยื้อแย้งมันกลับคืนมาแต่เขาตัวเล็กและดินสอก็อยู่สูงเกินกว่าจะไขว่คว้าเอื้อมลงมาได้ ‘ขอแค่อีกหนเดียวน่า แกคงไม่ว่ากันนะ’ ครูหนุ่มพูดเหมือนบอกใบ้อะไรบางอย่าง เด็กชายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมองชายร่างสูงที่กำลังอ้าปากพูดจา ‘แกจะมาว่าฉันไม่ได้นะ ในเมื่อคราวที่แล้วแกทำให้ฉันได้ของไปไม่ครบเอง’ เป็นเพราะถ่านคนเดียวแท้ ๆ ที่ทำให้เขาฉกฉวยของไปได้เพียงไม่กี่ชิ้น เงินที่ได้จากการขายสิ่งเหล่านั้นไม่พอครึ่งหนึ่งกับค่าเสียพนันที่ต้องจ่าย เขาเกือบโดยรุมซ้อมเพราะหาเงินไปใช้คืนได้ไม่ครบตามกำหนด โชคดีที่เวลานั้นถึงสิ้นเดือนซึ่งเป็นช่วงที่เงินเดือนออกทำให้เขาพอจะได้เจียดเงินบางส่วนไปหักลบกลบหนี้สินที่ค้างคาไว้ เขาจึงเอาตัวรอดมาได้จนถึงนาทีนี้

แม้จะปลอดภัยดีแต่ถือได้ว่าเด็กชายทำเขาไว้เจ็บแสบมาก ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างคนกระทำผิด เมื่อเขารอดพ้นจากข้อหาดังกล่าวไปได้ ทุกคนเชื่อว่าถ่านเป็นหัวขโมย ฉะนั้นถ้าเขาจะลงมือซ้ำอีกสักครั้งสองครั้งก็คงจะไม่ส่งผลใด ๆ มาถึงตัว เห็นทีคงจะเป็นเด็กชายเสียมากกว่าที่จะต้องโดนเพ่งเล็งเป็นรายแรกอีกตามเคย

ขาดคำว่านั้นเขาก็ปล่อยให้ดินสอของถ่านซึ่งอยู่ในมือล่วงหล่นลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำจนแตกหักก่อนจะขยับเดินไปด้วยรอยยิ้มสะใจ ถ่านวิ่งตามไปทะยานตัวเอาหัวพุ่งกระแทกไปที่บริเวณแผ่นหลังของครูหนุ่มทำเอาเขาเกือบสะดุดล้ม เขาที่โมโหสุดขีดทำการลงมือเหวี่ยงถ่านจนก้นจ้ำเบ้าแล้วทำท่ามุ่งจะเข้าไปทำร้ายร่างกายต่อทว่าก็ต้องชะงักไว้แต่เพียงแค่นั้นแล้วทำทีว่ากำลังจะเข้าไปช่วยเหลือเมื่อมีบุคคลที่สามผ่านมาพบเห็น

            ‘ไม่เป็นไรใช่ไหม’ มุกพยุงแขนถ่านขึ้นมาจากพื้น ครูคนเดียวในเหตุการณ์รีบเล่าเรื่องราวหลอกเด็กที่ด้นคิดขึ้นสด ๆ เดี๋ยวนั้นและไม่มัวอยู่รีรอให้ความลวงถูกผู้อื่นล่วงรู้ ถ่านก้มลงไปเก็บเศษเสี้ยวดินสอที่แตกหักกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาด้วยสายที่เศร้าสร้อย ‘ทิ้งไปเถอะนะ เดี๋ยวมุกซื้อให้ใหม่’ เด็กหญิงปลอบประโลมให้คลายจากความโศกที่ประกายชัดอยู่ในดวงตาคู่สวย รอยยิ้มจึงขยับเปิดออกกว้างในทันที

            มุกถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใยเผื่อว่าถ่านจะรู้สึกเจ็บตรงส่วนไหนขึ้นมา เขาส่ายหน้าแล้วจูงมือเธอเพื่อไปดูบางอย่างในสมุดวาดเขียนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหินอ่อน เด็กชายหยิบสมุดที่ว่าขึ้นมาโอบกอดด้วยรอยยิ้มที่สดใสกว่าครั้งไหนที่ผ่านมาแล้วส่งไปให้คนดีของเขา เด็กหญิงแย้มยิ้มขณะมองดูรูปเธอกับเขาบนกระดาษวาดเขียน ดูก็รู้ว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนกว่าจะวาดภาพนี้ออกมาได้สำเร็จ ‘เยี่ยมมาก’ มุกยกนิ้วโป้งชื่นชม แล้วกล่าวถึงสิ่งที่ตั้งใจไว้ว่าจะพูด ‘วันนี้ขอโทษนะที่มุกเดินหนีถ่านไปเมื่อตอนกลางวัน’ ได้ยินอย่างนั้นถ่านจึงรีบส่ายหน้าเพื่อยืนยันว่าเขาไม่มีความรู้สึกโกรธเธอเลยแม้แต่น้อย ‘ทำไมถึงไม่โกรธหรอ’ มุกถามความเห็นเพราะถ้าหากเป็นเธอ คงรู้สึกน้อยใจไม่น้อยเลยทีเดียว ถ่านผู้ยิ้มแย้มรีบชี้นิ้วไปที่คำว่า ‘เพื่อน’ ซึ่งปรากฏอยู่บนกระดาษวาดเขียนอย่างไม่ลังเลซึ่งเขาได้ใช้มันเพื่อแทนคำตอบของเขา ทำเอาเรียกรอยยิ้มจากเด็กหญิงได้ ‘สัญญานะว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป’ ทั้งคู่เกี่ยวก้อยสัญญาแบบเด็ก ๆ

            จริงอยู่ที่ไม่มีอะไรมายืนยันว่าถ่านจะไม่ใช่คนผิด เขาอาจเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาก็ได้ แต่สุดท้ายอะไรจะสำคัญไปกว่าความศรัทธาในจิตใจ มุกศรัทธาในตัวถ่าน ศรัทธาในคำสอนของคุณยาย และศรัทธาในความเป็นเพื่อนระหว่างเรา

            หากถ่านขยันฝึกปรือฝีมืออยู่เสมอเส้นทางการจะก้าวเป็นจิตรกรน้อยฝีมือเยี่ยมในอนาคตก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ใครจะรู้ว่าจิตใจภายใต้เรือนร่างที่เหมือนไร้สมดุลนั้นกลับมีหัวใจของฮีโร่ซุกซ่อนอยู่ นั่นตั้งหากที่เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน ถ่านมักจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อยู่เสมอและในบางครั้งเขาก็จะสวมบทบาทว่าเป็นมัน โดยการหยิบเอาเศษเหล็กจากกองขยะของพ่อมาประดิษฐ์เป็นชุดซุปเปอร์ฮีโร่ในแบบฉบับบ๊อง ๆ ของเขา เลือดของซุปเปอร์ฮีโร่จะเดือดพล่านขึ้นมาในทันทีที่เขาสวมวิญญาณเป็นมัน และเมื่อนั้นวายร้ายอย่างต้นกล้วยทั้งหลายก็จะถูกจัดการ มันเป็นภาพที่ไอ้ด่างสุนัขของเขาเห็นจนชินตาเพราะมันมักจะได้รับเชิญให้มาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของวีระบุรุษฮีโร่อย่างถ่านเจ้านายของมันเสมอ

            มีเพียงวายร้ายที่อยู่ในจินตนาการ การต่อสู้เพื่อพิทักษ์ปกป้องคนดีเป็นสิ่งที่เขาได้แต่นึกคิดเท่านั้น การเป็นฮีโร่จริง ๆ จะให้ความรู้สึกต่างไปจากตอนที่เขาจัดการกับต้นกล้วยที่บ้านหรือเปล่านะ นั่นเป็นสิ่งที่น่าให้ขบคิดไม่น้อยเลยทีเดียว ‘ขอแค่อีกหนเดียวน่า แกคงไม่ว่ากันนะ’ เสียงของวายร้ายดังก้องกังวานอย่างเย้ยหยันอยู่ในห้วงความคิดขณะที่เพ้อฝันยามค่ำคืน ฮีโร่ตัวจริงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยและปล่อยให้วายร้ายเหิมเกริม รังแกคนดี หรือนี้คงจะถึงเวลาที่ฮีโร่อย่างเขาจะปรากฏตัวซะทีนะ

            รถตำรวจจอดเรียงรายอยู่ที่หน้าห้องพักครู ข่าวลือให้หนาหู ว่ากันว่าจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ครูคนใหม่เป็นคนยกหูโทรศัพท์ต่อปลายสายไปถึงสถานีตำรวจด้วยตัวเอง ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อถ่านอยากเข้ามาขัดขวางวุ่นวายกับแผนการของเขา แสร้งทีทำว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกถ่านขโมยของไปก็เท่านั้น แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้เด็กชายเช่นครั้งที่ผ่านมา เรื่องก็จะจบแบบสวย ๆ โดยที่ไม่มีใครทันได้เอะใจว่าหัวขโมยตัวจริงน่ะที่แท้ก็คือตัวเขา

            ถ่านถูกหามตัวส่งโรงพยาบาลเพราะนอนสลบไม่ได้สติในชุดพะลุงพลัง(ก็ชุดซุปเปอร์ฮีโร่ของเขานั่นล่ะ) ครูคนใหม่ที่อยู่ในเหตุการณ์อ้างว่าเห็นเด็กชายพยายามจะปีนขึ้นไปบนหลังตู้เหล็กเก็บเอกสารแล้วเกิดพลัดตกลงมาเพราะคงจะตกใจที่เห็นเขาผ่านเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี และพอเขาเข้าไปตรวจสอบก็พบว่ามีสิ่งของมีค่ามากมายที่ซุกซ่อนอยู่ในถุงใบเล็กซึ่งเด็กชายกำไว้แน่น และเพื่อความแนบเนียนเขาจึงใส่โทรศัพท์ของเขาไว้ในถุงใบนั้นด้วย

เป็นที่น่าสงสัยของครูหลายท่าน พวกเขาต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าของที่หายไปนั้นมีจำนวนมากกว่าที่พบอยู่ในถุงใบเล็ก ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าของบางส่วนถูกนำออกไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว และนั่นจะยังคงเป็นปริศนาต่อไปจนกว่าถ่านจะฟื้นขึ้นมาให้ปากคำกับตำรวจได้

            หลักฐานมัดตัวถ่านอย่างแน่นหนา เหตุการณ์ในครั้งนี้ชี้ชัดแล้วว่าเขานั้นเป็นหัวขโมยอย่างไม่ผิดจากสงสัยของทุกคน และถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงก็จะส่งผลต่อตัวของถ่านเอง เขาอาจถูกพิจารณาให้ส่งตัวไปบำบัดฟื้นฟูจิตใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สถานสงเคราะห์เด็กก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ครูประจำและมุกหวั่นใจมากที่สุดถ้าถ่านไม่ใช่คนทำ และถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงแม้แต่ผู้เป็นพ่อเองก็มิอาจยับยั้งหรือคัดค้านคำตัดสินได้

            ครูประจำชั้นสงสัยว่าครูคนใหม่อาจเป็นหัวขโมยตัวจริง เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ลักขโมยเกิดขึ้นในโรงเรียนจนกระทั่งครูคนใหม่เหยียบย่างมาถึงได้ไม่เท่าไหร่ และข้อสงสัยดังกล่าวก็ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นไปอีกเมื่อครูประจำชั้นทำการสืบประวัติจากโรงเรียนเดิมที่ครูคนใหม่เคยสอนก่อนจะย้ายมาประจำการที่โรงเรียนแห่งนี้ เธอพบว่าเขาได้ก่อเหตุขโมยทรัพย์สินของครูด้วยกันเอง แต่เพราะครูใหญ่ไม่อยากให้มีข่าวในทางที่ไม่ดีแก่โรงเรียนจึงปกปิดเรื่องราวทุกอย่างเป็นความลับโดยที่ไม่ได้ทำการแจ้งความใด ๆ ไว้เลย

            หลักฐานชิ้นสำคัญซึ่งจะช่วยให้ถ่านพ้นจากความผิดได้คือภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเพิ่งมารู้ในภายหลังว่าครูใหญ่สั่งให้นำมาติดตั้งเอาไว้ในห้องพักครูหลังจากที่เกิดเหตุการณ์การขโมยเมื่อครั้งก่อน ว่าแล้วทั้งสองจึงนำหลักฐานดังกล่าวไปให้ตำรวจได้ตรวจสอบเพื่อให้รู้ว่าหัวขโมยตัวจริงน่ะยังเดินลอยหน้าลอยตาทำทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ที่โรงเรียน

            ขณะที่ครูคนใหม่กำลังทำการขนย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินที่เขาซ่อนเร้นจากสายตาของทุกคนมาหลายวัน ตำรวจก็ได้ทำการวางแผนเข้าไปจับกุมได้ซึ่งหน้า หลักฐานยังคามือยากเกินปฏิเสธให้รอดพ้นผิด อีกทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดยังชี้ให้เห็นว่าเขาจงใจให้ความเท็จทั้งหมด ถ่านไม่ได้พลัดตกลงมาจากหลังตู้เหล็กเก็บเอกสารตามที่เขาให้การกับตำรวจไว้ หากแต่เด็กชายในมาดซุปเปอร์ฮีโร่พยายามจะเข้าไปขัดขวางการกระทำนั้นตั้งหากทว่าปีศาจร้ายในคราบมนุษย์กลับจับเด็กชายเหวี่ยงไปชนกับตู้เหล็กจนล้มลงหมดสติก่อนจะจัดการสร้างสถานการณ์โดยโยนความผิดทั้งหลายให้แก่เด็กชายผู้บริสุทธิ์

            นอกจากคำสาปส่งของเหล่าบรรดาครูทั้งหลายที่ตกเป็นเหยื่อแล้วเห็นทีอนาคตของครูหนุ่มสายเลือดใหม่ท่านนี้คงจะต้องดับสูญไปเหมือนไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งจนหมดสิ้นซาก ไม่เหลือไว้แม้แต่กระทั่งตัวของเขาเอง

            หลังจากที่ถ่านอาการดีขึ้น เขาก็กลับออกมาจากโรงพยาบาล เด็กชายเดินโลดแล่น แจกรอยยิ้มให้กับทุกคนที่เขาเดินผ่านอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่เห็นที่แปลกไปจากเดิมคือ เขากลับได้รับรอยยิ้มจากผู้คนเหล่านั้นกลับคืนมาด้วย มันเป็นรอยยิ้มแห่งการยอมรับอย่างที่เด็กชายไม่เคยมีโอกาสได้รับมาก่อนในตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา

            ครูใหญ่มักกล่าวชื่นชมถ่านอยู่เสมอ และยกย่องให้เขาเป็นฮีโร่ประจำของโรงเรียนแห่งนี้ไปแล้ว นักเรียนคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นนั้น ในที่ประชุม ครูใหญ่ได้ปรึกษาคุณครูท่านอื่น ๆ ว่าเขาจะมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับถ่านซึ่งครูทุกคนก็เห็นดีด้วยและสนับสนุนความคิดนี้ นับได้ว่านั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นให้กับเด็กชายที่ใคร ๆ ต่างก็มองว่าเขาเป็นเพียงคนบ้าใบ้ไร้สติ ได้มีโอกาสให้การศึกษาขัดเกราและอบรมเขาเหมือนอย่างเช่นเด็กคนอื่น ๆ

            ในวันนี้ถ่านก็ไม่ต่างไปจากเด็กนักเรียนคนธรรมดาทั่วไป แม้จะต้องเรียนล้าหลังกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันแต่นั่นก็ไม่ถือเป็นอุปสรรคสำหรับเขา

            ถ้าย้อนกลับไปในวันที่เขาเป็นไอ้บ้าใบ้ตัวประหลาดของใครหลาย ๆ คน ใครจะเชื่อว่าเด็กชายหน้าตามอมแมมตัวดำสมชื่อถ่านจะมีใครคนหนึ่งที่ยอมรับเขาได้ มุกเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ไม่เคยมองว่าถ่านจะแตกต่างไปจากเด็กธรรมดาคนอื่น ๆ ทั่วไป เธอเปิดโอกาสให้เขาได้ทำความรู้จักและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย เธอไม่เคยนำเอาความด้อยโอกาสของเขามาเป็นกำแพงเพื่อปิดกั้นมิตรภาพ ทุกวันนี้ถ่านจะยังคงไปพบคนดีของเขาที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ ให้เธอสอนวาดรูป ฝึกหัดเขียน และยิ้มให้กัน เขารู้สึกว่ามิตรภาพและรอยยิ้มตั้งหากที่เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา