My Diary about Dad

-

เขียนโดย โออี้

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.12 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  5,065 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557 19.16 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) When I was a child

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ตั้งแต่จำความได้..คนเดียวในชีวิตของฉันที่เลี้ยงดูฉันมาก็คือ 'พ่อ'

พ่อคือทุกสิ่งที่อย่างที่ฉันมี..สิ่งเดียวในชีวิตที่ขาดไม่ได้

 

 

 

          ในเวลาที่ฉันยังเป็นเด็กเล็กๆตัวน้อย ยังเดินต้อแต้ๆไม่เป็น เอาแต่นอนอยู่ในเปลที่พ่อเป็นคนสร้างให้ มองดูโมบายล์ที่แขวนอยู่ข้างบน พอหิวหรืออะไรมาทำให้หงุดหงิดก็ร้องไห้จนพ่อที่กำลังทำงานอะไรอยู่ต้องละจากงานวิ่งมาดู และอุ้มฉันขึ้นกอดด้วยความอ่อนโยน ฉันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความรักที่แผ่ออกมาจากร่างอันแข็งแกร่งนั้น

          พอโตขึ้นมาอีกหน่อย เริ่มเดินได้และพูดเป็น..ช่วงเวลาดีๆที่ได้อยู่กับพ่อ ความทรงจำที่ฉันจะไม่มีวันลืมก็ได้เกิดขึ้น

          เราพ่อลูกแม้จะมีกันแค่สองคนแต่ก็มีความสุขจากการได้อยู่ด้วยกัน..เราใช้เวลาสร้างความรักและความอบอุ่นให้กันและกันมากมาย

          มีหลายเหตุการณ์ที่ยังฝังอยู่ในสมองของฉัน..แต่จะให้ยกมาเขียนให้อ่านทั้งหมดก็ไม่มีทางเป็นไปได้

          ก็เลยจะขอยกบางช่วงเวลาที่ฉันประทับใจมากที่สุดมาก็แล้วกัน

 

 

          วันนั้นมันเป็นวันที่อากาศดีวันหนึ่งทีเดียวสำหรับประเทศไทย ไม่ร้อนจนอบอ้าวและก็ไม่หนาวจนตัวสั่น ฉันในวัย 8 ขวบกำลังนั่งอยู่บนจักรยานสองล้อ สองขาแตะวางอยู่ที่พื้นมั่น โดยที่มีพ่อยืนอยู่ข้างหลัง เส้นทางข้างหน้าของเราเป็นทางคอนกรีตสายเล็กในหมู่บ้าน ไม่มีรถราวิ่งผ่านในช่วงเวลานี้ ถ้าคุณมองเห็นดวงตาของฉันในตอนนั้นล่ะก็..คุณก็คงจะรู้ว่าฉันกลัวมากแค่ไหน การหัดขี้จักรยานครั้งแรก แม้จะมีพ่อยืนอยู่ใกล้ๆก็ไม่ได้ทำให้ความกลัวขจัดหายไป

          "ไม่เป็นอะไรนะเอย" เสียงอันอบอุ่นของพ่อบอกฉัน มือหนาที่หยาบกร้านจากการทำงานแตะลงบนบ่าเล็กๆของเด็กตัวน้อย "พ่อจะจับลูกเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ลูกล้มหรอก"

          "แต่หนูกลัวนี่คะ" เด็กน้อยอย่างฉันตอบเสียงสั่นๆ

          คุณพ่อยิ้มละมุน..ฉันชอบเวลาที่คุณพ่อยิ้มเพราะมันทำให้พ่อดูหล่อมาก "เชื่อใจพ่อนะคะคนเก่ง"

          หนูน้อยนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้า

          "ดีมาก ทีนี่ก็ยกขาเหยียบที่ถีบ เอาล่ะๆช้าๆ ไม่เป็นไร พ่อจับลูกอยู่" สองมือของคุณพ่อจับฉันมั่นอย่างแข็งแรง ไม่มีทางที่ฉันจะล้มลงพื้นแน่นอนถ้าหากว่าพ่อยังอยู่ "พ่อจะเริ่มขยับไปข้างหน้าช้าๆ เอยก็ทรงตัวให้ดีๆนะลูก เอาล่ะ ไปกัน"

          รถจักรยานค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มือของฉันสั่นทรงตัวไม่ค่อยอยู่ ความกลัวที่ยังกำจัดออกไปไม่หมดทำให้มือที่บังคับล้อหน้าส่ายไปส่ายมาไม่ตรงทาง

          "โอ๊ะๆ ระวังลูกเอย" คุณพ่อร้องบอกเมื่อจักรยานกำลังเคลื่อนตรงไปที่พุ่มไม้ของเพื่อนบ้านที่ปลูกเอาไว้ แต่ดีที่คุณพ่อหยุดไว้ได้ทัน "ไม่เป็นอะไรนะลูก"

          "หนูกลัวจังเลยค่ะพ่อ"

          "ไม่ต้องกลัวไปลูกรัก เชื่อใจพ่อนะ แค่เชื่อใจพ่อเท่านั้น" มือหนาลูบหัวของฉันพร้อมกับยิ้มกว้าง "เรามาเริ่มกันใหม่นะ"

          วันนั้นเราใช้เวลาอยู่นานกว่าฉันจะขี่จักรยานได้..แต่ในที่สุดด้วยความพยายามของฉันและความที่อยากให้ลูกขี่จักรยานเป็นของพ่อ เราก็ทำสำเร็จ

          "ทีนี่พ่อจะให้เอยปั่นเองนะ เริ่มบังคับทิศทางได้แล้ว แค่ปั่นไปมันไม่ยากหรอก แต่ไม่ต้องกลัวนะ พ่อจะอยู่ข้างหลังหนูเสมอ" คุณพ่อบอก

          "หนูกลัวว่าจะทำไม่ได้ค่ะพ่อ"

          "เอยทำได้ พ่อเชื่ออย่างนั้น ไม่มีอะไรยากเกินไปหรอก และอีกอย่างพ่อก็เชื่อในตัวเอยนะว่าถ้าเอยพยายามจะทำอะไรแล้วก็จะทำได้สำเร็จ" คุณพ่อว่า "มา มาลองกัน มั่นใจในตัวเองเข้าใจเอย"

          คุณพ่อดันจักรยานไปข้างหน้าในขณะที่ฉันก็ยกเข้าขึ้นถีบ สองมือบังคับทิศทาง หน้ามองตรงอย่างมุ่งมั่น ในตอนแรกมันก็ส่ายไปส่ายมาเหมือนเดิม แต่พอผ่านไปฉันเริ่มควบคุมอะไรหลายๆอย่างได้ รถจักรยานก็พุ่งตรงไปข้างหน้าตามที่ฉันบังคับ หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า

          "พ่อคะ หนูทำได้แล้ว พ่อเห็นมั้ยหนูขี่จักรยานได้แล้ว" ฉันตะโกนบอกพ่อ ฉันไม่เห็นหน้าพ่อหรอกว่าท่านรู้สึกยังไง แต่ฟังจากเสียงแล้วฉันก็รู้สึกได้ไม่ยากว่าท่านคงภูมิใจและดีใจมากแค่ไหน

          "พ่อเห็นลูก คนเก่งของพ่อ"

          

 

          นี่เป็นแค่เรื่องราวเสี้ยวเดียวในวัยเด็กที่ฉันได้ใช้กับพ่อ ยังมีเรื่องราวที่มีความสุขอีกมากมายที่เกิดขึ้น ฉันอยากจะบอกกับทุกคนว่า..วัยเด็กเป็นวัยที่น่าอิจฉามากที่สุด เพราะเด็กไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องทำอะไร มีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ไม่เคยพบเจอ ได้ใช้เวลาอยู่กับบุคคลอันเป็นที่รัก..มีความสุขอยู่ด้วยกัน

          แต่เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ..เพราะมันไม่เคยรอใคร

          นับวันฉันก็ยิ่งโตมากขึ้น ความคิดและนิสัยก็เริ่มเปลี่ยนไป ในขณะที่พ่อก็แก่ตัวลงเรื่อยๆหากแต่ความรักของท่านยังคงมั่นคงเช่นเดิมเหมือนที่ผ่านมา

          ชีวิตวัยรุ่นเป็นอะไรที่คุณก็รู้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องฮอร์โมนมันพุ่งพล่าน อยากรู้อยากเห็นอยากลองและติดเพื่อนมากที่สุด ระยะห่างระหว่างฉันกับคุณพ่อก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราคุยกันน้อยลง..ใช้เวลาด้วยกันน้อยลง

          พูดได้เลยว่า..ถ้าไม่มีพ่อ..ก็คงไม่มีฉันที่มีชีวิตที่ดีอย่างวันนี้

          ทุกคนคงอยากจะรู้ว่าชีวิตในวัยรุ่นของฉันเป็นยังไง..และความสัมพัมธ์ของฉันกับคุณพ่อมันแย่แค่ไหน

          ถ้าทุกคนอยากรู้ฉันก็จะเล่าให้ฟัง...

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา