ความรักของความทรงจำ

8.6

เขียนโดย Soman

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 01.27 น.

  1 ตอน
  7 วิจารณ์
  3,592 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 02.06 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ความ รัก และความทรงจำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               ใบไม้พลิ้วไหวเป็นจังหวะที่มีสีสัน แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาสู่พื้น ต้นหญ้าที่พลิ้วไปกับลมกระทบกับแสงแดดที่สวยงาม ยามเช้าของวันหนึ่ง มันก็ได้เริ่มขึ้น

เมืองเมืองหนึ่งที่ค่อนข้างจะโกลาหลจากรถติด ผู้คนเดินไปเดินมาด้วยความวุ่นวาย แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเขาไม่สนกับความวุ่นวายเหล่านี้ เขายืนรอสัญญาณไฟทางเดินให้เป็นสีเขียว เพื่อที่จะข้ามไปอีกฝั่ง

               ชายหนุ่มเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย และดวงตาคู่นั้นก็ได้พบหญิงสาวผมน้ำตาลยาว เธอเป็นคนน่ารักและสวยมาก มันทำให้ชายหนุ่มหยุดที่จะมองอย่างอื่นรอบตัว เขายืนจ้องที่เด็กสาวคนนี้เพียงคนเดียว ใจของก็เริ่มสั่นไหว หัวใจเต้นรัวราวกับการตีกลองที่ไม่เป็นจังหวะ มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจกับอาการที่เป็น

               ยามที่สัญญาณไฟเขียวได้เริ่มขึ้น รถทั้งหมดหยุดจอด ผู้คนต่างก็ข้ามถนนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วหวังจะให้ทันก่อนสัญญาณไฟจะเปลี่ยนสีแดง แต่มีแค่ชายหนุ่มคนนั้นเพียงคนเดียวที่ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ เขารู้สึกสับสนกับอาการที่ตัวเองเป็นอยู่ และยังสงสัย...ทำไมเวลามองหญิงสาวคนนั้นใจของเขาถึงเต้นเร็วแบบนี้

เพียง 2 นาที สัญญาณไฟก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและฝั่งตรงข้ามก็ได้ข้ามมา ชายคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับแม้สักนิดเดียว

               “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวผมสีน้ำตาลจากฝั่งตรงข้ามที่เดินมาเอ่ยถามขึ้น เธอเห็นชายคนนั้นยืนมองเธอมาตลอด เธอสังเกตเห็นสีหน้าของชายหนุ่มไม่สู้ดีนัก เธอจึงเอื้อมมือจับบ่าของชายคนนั้นเพื่อเรียกให้เขาได้สติ

               “ปละ...เปล่าครับไม่มีอะไร” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างติดๆขัดๆ ใบหน้าของเขาแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหมือนสีของแตงโมที่แดงสด เขาตกใจที่หญิงสาวที่ตนมองแล้วใจสั่นก็มาจับไหล่ของเขาแบบนี้

               “งั้นก็ดีแล้วฉันไปก่อนนะคะ” หญิงสาวโบกมือให้กับชายหนุ่ม ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาก็ยังสงสัยว่าทำไม เราเจอกันก็ครั้งแรกแท้ๆแต่ใจกลับเต้นเหมือนกับเคยเจอกับเธอมาก่อน รู้สึกเหมือนกับเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว

แต่มันก็เป็นเพียงความคิดของเขาเท่านั้น…

               จากนั้นชายหนุ่มก็ตั้งสติและรอสัญญาณไฟอีกครั้งเพื่อข้ามถนนไปอีกฝั่ง ไปยังโรงเรียนของตนเอง

               เขาได้เดินไปเรื่อยๆและมองหลายสิ่ง มันเหมือนทุกๆวัน เวลามาเรียนต้องเดินมาทางนี้ทางเดิมๆอยู่ตลอดเวลาซ้ำไปซ้ำมากับผู้คนที่เจอหน้ากันแทบทุกวัน เพราะมันเป็นถนนเส้นเดียวที่เร็วที่สุดในการไปโรงเรียนให้ทันเวลา และก็เป็นถนนเส้นเดียวที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ มันถึงได้ดูวุ่นวายกว่าที่อื่น

               ผ่านไป 15 นาที ชายหนุ่มก็เดินมาถึงหน้าโรงเรียน เพื่อนๆ รุ่นพี่และรุ่นน้อง ต่างเดินเข้ามาโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนสนิทหรือคนรู้จัก มีแค่ชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่เดินเข้ามาในโรงเรียนเพียงลำพัง แม้ผู้คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนๆจะยิ้มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยแม้แต่จะยิ้มให้ ตอนเข้าเรียนเขาก็ไม่ได้คุยกับใคร เพราะชายหนุ่มคนนั้นเขาไม่มีเพื่อน

               ความจริงแล้วเขาเคยมีเพื่อนที่รักมากที่สุด แต่เพื่อนคนนั้นต้องมาตายจากกันไปต่อหน้าต่อตา เหตุการณ์นั้นมันทำไห้เขาไม่กล้าเป็นเพื่อนกับใครอีก เพราะเขากลัว...กลัวว่าตัวเองจะเสียใจอีก มันจึงทำไห้เขารู้สึกโดดเดียวอยู่ตลอดเวลา ทุกๆคนในห้องเรียน ชมรม หรือแม้แต่ที่บ้าน ก็ไม่มีใครสามารถคุยกับเขาได้ เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพียงเท่านั้น และนั่นคือชีวิตประจำวันของเขา

               แต่แล้วเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ หลังจากที่ได้พบหญิงสาวคนนั้น เขาเพิ่งรู้ว่าเธอก็เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่เขาก็ไม่เคยเห็นเธอแม้แต่ครั้งเดียว ชายหนุ่มรู้เพียงแต่เธอเรียนอยู่ชั้นเดียวกันเท่านั้น พอเขานึกถึงภาพนั้นทีไรใจก็เต้นไม่หยุดเหมือนหัวใจดวงนั้นจะหลุดออกมา มันเป็นเพียงความตกใจที่ได้เจอหน้าผู้หญิงที่ดูน่ารักงดงามและสง่า เขารู้สึกแปลกๆในแบบที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก หรืออาจะเพราะเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาแล้วก็ได้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดที่สับสน

               เขานึกถึงภาพที่เจอกันบนถนน..ไม่นานเขาก็หลับไปในห้องของนอนของตนเองที่มืดสนิท ห้องที่ไม่มีอะไรเลย...

 

               เช้าวันรุ่งขึ้น

               เสียงนาฬิกาปลุกค่อยๆเริ่มดังเรื่อยๆ

 

               “ได้เวลาไปเรียนอีกแล้วหรอ ตอนเช้าแบบนี้จะมีอะไรเปลี่ยนหรือเปล่านะ...หรือจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าเราจะจบจากโรงเรียนนี้ หรือไม่ก็จนกว่าจะตาย”   ชายหนุ่มพูดขึ้นมาลอยๆในห้องที่อับแสง หน้าต่างถูกปิดด้วยผ้าม่านมืดสนิทไม่เห็นแสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาแม้แต่น้อยเขาลุกขึ้นและไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปเรียนตามปกติ ใบหน้าของเขาเป็นเหมือนอย่างทุกวัน ไร้รอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวหัวเราะ ไม่มีความสุข มีเพียงใบหน้าที่ว่างเปล่าไร้วิญญาณ

ชายหนุ่มเดินออกมาจากบ้านเพื่อไปโรงเรียนตามเดิม แต่วันนี้เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ผิดไปจากทุกวัน ปกติเขาจะเดินก้มหน้าไปตามทางและไม่สนใจอะไรเลย

               “วันนี้ท้องฟ้าโล่ง สวยจังนะ”  คำๆหนึ่งล่องลอยออกมาจากปากของคนที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน ลมค่อยๆพัดมา เมฆที่เกาะกันเป็นกลุ่มก็ค่อยๆลอยไปอย่างช้าๆ ชายหนุ่มเดินทางไปจนถึงโรงเรียน

 

               หน้าโรงเรียน ฮาชิเซ เมืองโตเกียว

 

ชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าโรงเรียนอีกครั้ง เขายืนมองแต่ละคนที่เดินไปคุยไปกันอย่างสนุกสนาน เขานึกเพียงในใจว่าถ้าเขามีแบบนั้นบ้างก็คงจะดี

               ปัก!

               “โอ๊ย ~ เจ็บ...”

               “ขอโทษค่ะ ฉันรีบไปหน่อย เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

               “มะ...ไม่เป็นอะไรครับ”

               หลังจากที่เขาหันหน้ากลับไปมองหญิงสาวที่เดินชนก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ชนคือหญิงสาวคนนั้น คนที่เขามองจากฝั่งตรงข้ามของถนนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หัวใจของเขาเต้นรัวอีกครั้ง คราวนี้อยู่ใกล้กันมันทำให้ใจของเขายิ่งเต้นเร็วไม่หยุด มันเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ...

               “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

               “...”

               “คะ..คุณเป็นอะไรหรือเปล่า คุณคะ?”

               เสียงเรียกของหญิงสาวที่เรียกชายคนนั้น

               “ค..ครับไม่เป็นอะไรครับ งั้นผมไปก่อนนะ”

 

               ชายหนุ่มรีบวิ่งหนีหญิงสาวคนนั้นเขาวิ่งอย่างเร็วและมันทำไห้เธอคนนั้นไม่เข้าใจกับสถานการณ์ และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเธอคนนั้นกำลังก้มลงเก็บของที่ตกอยู่ นั่นคือบัตรประจำตัวของชายหนุ่มที่ตกข้างๆเท้าของที่เธอ เธอเก็บไว้และออกตามหาในช่วงตอนพัก เธอถามคนไปทั่วว่าชายคนนั้นเขาอยู่ห้องไหน แต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงคำว่า ‘ไม่รู้จัก’ เท่านั้น เธอจึงตัดสินใจมารอดักชายคนนั้นที่หน้าโรงเรียน

               ชายหนุ่มเกิดอาการแบบนี้ขึ้นอีกครั้งหลังจากเจอหน้าครั้งที่ 2 แต่คราวนี้ใจเต้นเร็วผิดปกติกว่าเดิมและเต้นแบบนั้นตลอดทั้งวัน มันทำไห้ชายคนนั้นรนรานจนทำอะไรไม่ถูก เขาก็ยิ่งไม่รู้จะทำอย่างไรให้หัวใจดวงนั้นหยุดเต้นเร็วเสียที

 

               หลังเลิกเรียน

 

               หญิงสาวยืนรอชายหนุ่มคนนั้นอย่างใจเย็น จนผู้คนกลับกันไปเกือบหมดแต่ก็ไม่เห็นชายคนนั้นมาสักที แต่เธอก็รออยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่สนว่าเวลานี้มันเย็นมากขนาดไหนแล้ว

               “เฮ้อ...เผลอหลับใต้ต้นไม้จนได้ นี่คงจะเลิกเรียนนานแล้ว กลับบ้านดีกว่า”

               ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วไปล้างหน้า เขาเดินมาจนถึงหน้าโรงเรียนก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นหู

               “นาย...นายมานี่หน่อย ฉันเอาของมาคืน”

               ...ทำไมเธอคนนั้นมาอยู่ตรงนี้ เธอเรียกเราหรือไง อะไรกัน...

               “ระ...เรียกผมงั้นเหรอ?”

               “จ๊ะ ขอโทษนะที่ชนไปเมื่อเช้า”

               “มะ...ไม่เป็นอะไร แล้ว...มีอะไรเหรอ?”

               “อ้อ ฉันเห็นบัตรนักเรียนเธอตกน่ะ ฉันเอามาคืน นี่จ๊ะ” เธอยื่นบัตรนักเรียนให้กับชายหนุ่ม เขารับบัตรนั่นมาอย่างเก้ๆกังๆ

               “ข..ขอบคุณครับ”

               “เพื่อเป็นการแสดงคำขอโทษเมื่อเช้าวันนี้ เราไปหาไรกินหน่อยดีไหม?” หญิงสาวเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุกแปลกๆ

               “ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ...ไม่ดีกว่า” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธทันที

               “ไม่เป็นไรหรอกถือว่าขอโทษนะคะ แล้วนายชื่ออะไรเหรอ?” เธอยังคงยืนยันคำเดิม

               “ผม ชาโนกะ ครับ”

               “ฉัน มายูริจ๊ะ งั้นเราไปกันเถอะชาโนกะคุง”

               หญิงสาวยิ้มด้วยใบหน้าที่ร่าเริง เธอเอื้อมมือไปจับมือของชายหนุ่มที่หน้าตาหดหู่ ทั้งสองเดินทางไปร้านอาหารเล็กๆเพื่อหาอะไรทานกัน 2 คน หัวใจของชายหนุ่มยิ่งเต้นแรงขึ้นเมื่ออยู่ใกล้หญิงสาวที่น่ารักคนนั้น จากผู้ชายที่ไม่เคยพูดกับใครก็ได้คุยกับหญิงสาวเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังลังเลที่จะดีใจ เมื่อต้องนึกหวนถึงเหตุการณ์ที่เพื่อนรักของตัวเองตายต่อหน้าต่อตา มันทำไห้ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่อีกครั้ง

               “งั้นฉันกลับก่อนนะคะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะชาโนกะคุง”

               “บ..บายครับ คุณมายูริ”

                พวกเขาทั้งสองโบกมือลาให้กันและกันและแยกย้ายกันกลับ

                ชายหนุ่มที่กำลังรู้สึกดีในเรื่องของวันนี้ แต่ก็ยังหวั่นใจ…

 

               หลังจากวันนั้น พวกเธอทั้ง 2 คนก็ได้คุยกัน รู้สึกสนิทกันมากขึ้น ใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่เจอหน้ามันก็เริ่มคงที่กว่าเดิม พวกเขาได้ไปเที่ยว ร้องเพลง   กินข้าวพร้อมกัน พวกเขามีความสุขและสนุกกันมาก มันคือวันวานที่มีความสุขของทั้ง 2 แต่ชายหนุ่มกลับเว้นระยะห่าง เพราะเขากลัวว่าจะเสียเธอไปเหมือนกับที่เสียเพื่อนรักเมื่อ 8 ปีก่อน นั่นเป็นเพื่อนที่เขารักมากที่สุด แต่สุดท้ายก็ตายจากไป มันทำไห้ชายหนุ่มเสียใจ...และไม่อยากมีเพื่อนอีก ไม่อยากผูกพันกับใคร ไม่อยากเจ็บเหมือนอดีตที่ผ่านมา

 

               “ชาโนกะ วันนี้ไปเที่ยวสวนน้ำพุกันไหมคะ มีอะไรจะบอกด้วยล่ะ เจอกัน1ทุ่มนะ” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย

               “ไปสิ ฉันก็เหมือนกันมีอะไรจะบอกเหมือนกัน...”

               เขาโบกมือลาหญิงสาวอยู่ที่หน้าโรงเรียน เธอคือเพื่อนคนที่2 เป็นคนสำคัญที่เขาไม่อยากจะเสียไป ชายหนุ่มรีบกลับบ้านอาบน้ำและแต่งตัว รอเวลาที่จะ ได้ไปตามนัด มันทำให้เขากังวลและกลัวว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ แต่ถึงยังไงเขาก็คงต้องบอกเธอ…

 

               เวลา 1 ทุ่ม สวนน้ำพุ มาโยฮาริ

 

               “มาแล้วจ้าชาโนกะคุง”

               “มะ..มาแล้วหรอ มายูมิจัง”

               “ที่นี่สวยหรือเปล่า” หญิงสาวกางแขนออกรับลมที่พัดเข้ามาหาตัว เขาเองก็ยืนกางแขนเช่นเดียวกัน ทั้งสองหน้าและยิ้มให้กัน มายูริเอื้อมมือจับแขนชาโนกะและวิ่งไปซื้อเครื่องดื่ม พวกเขานั่งดื่มเครื่องดื่มและพูดคุยกันบนม้านั่งสีเขียว มันเป้นม้านั่งที่นั่งได้เพียงแค่2คน ทั้ง2นั่งมองดูน้ำพุและแสงสีฟ้าที่ส่องออกมาจากใต้น้ำพุ มันสวยมากและบรรยากาศก็เป็นใจ

 

               “ชาโนกะ ฉันมีอะไรจะบอก …..”

               “เรื่องอะไรเหรอ มีอะไรบอกผมได้นะ”

               “คือว่าฉัน...ฉ...ฉัน...ฉันชอบชาโนกะคุง”

 

               สายลมพัดเส้นผมของหญิงสาวปลิวสะบัดพร้อมเสียงของเธอที่สารภาพรักกับชายหนุ่ม คำพูดนั้นทำให้เขาอึ้งและตกใจ แต่แล้วสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไป เขาค่อยๆก้มหน้าลงพร้อมกับเอ่ยอะไรบางอย่าง…

 

               “ฉันก็มีอะไรจะบอกเธอนะ มายูริจัง แต่เรื่องนั้น...”

               “ยังไม่ต้องบอกก็ได้ว่ารู้สึกยังไงกับฉัน ฉันให้ชาโนกะเก็บไปคิดก่อนนะ...แต่เรื่องที่เธอจะพูดล่ะ เรื่องอะไรเหรอ?”

               “เราเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะ กลับไปเป็นแบบเดิมจะดีกว่าไหม ฉันขอโทษนะมายูริ แต่…..เราห่างกันดีกว่า”

               มายูริยืนมองชาโนกะนิ่ง ตัวแข็งทื่อไปหมด เธอเสียใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา เธอไม่พูดอะไรทิ้งสิ้น เธอหันหลังและเดินจากไป นั่นทำไห้ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าว แต่เพื่อให้เกิดเหตุแบบนั้นขึ้นอีกจึงต้องบอกแบบนั้น

               ชายหนุ่มปาดน้ำตาที่ไหลออก ใบหน้าที่เศร้าสร้อยนั้นค่อยๆกลับเป็นคนเดิม เป็นคนที่ไม่มีใครกล้าคุยหรือกล้าที่จะรู้จักอีก เขาเดินจากไปพร้อมความโศกเศร้า

               หลังจากวันนั้นที่เขาพูดแบบนั้นออกไป เขาก็ไม่ออกจากห้องและไม่ไปโรงเรียนเป็นเวลา2อาทิตย์ แต่มายูริที่ถูกพูดแบบนั้นใส่ก็ยังใจกล้าและสู้ต่อไป เธอได้เห็นว่าชายหนุ่มไม่มาโรงเรียนจึงตัดสินใจไปหาเขาที่บ้าน

 

               ก๊อก ก๊อก

               “ค่า มาแล้วค่า...”

               “มาหาใครหรอคะ?” หญิงสาววัยกลางผู้เป็นแม่ของชาโนกะออกมาเปิดประตู

               เธอแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเด็กหญิงยืนอยู่หน้าบ้านแบบนี้

               “หนูมาหาชาโนกะค่ะ เขาไม่ไปโรงเรียนหลายวันแล้ว หนูเป็นห่วงเขา..”

               “งั้นหรอ ตอนนี้ชาโนกะไม่อยู่หรอกเดี๋ยวคงกลับมา เข้ามาก่อนสิคงทะเลาะกันสินะ”

               หลังจากที่หญิงสาว ได้ฟังเรื่องราวและสาเหตุที่ชาโนกะอยู่ตัวคนเดียวไม่ยอมคบกับใคร เธอก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นกับเธอ.. หญิงสาวรีบออกจากบ้านและตามหาชาโนกะ เธอวิ่งหาตามทางเดิน หาทุกที่แต่ก็ไม่เจอ และเธอก็เหนื่อยและนั่งพักอยู่ที่สวนแห่งหนึ่ง ระหว่างที่เธอกำลังนั่งมองไปเรื่อยเปื่อยนั้น ก็เหลือบไปเห็นชาโนกะกำลังเดินอยู่บนถนนอีกฝั่ง เธอรีบตะโกนเรียกเขาทันที

               “ชาโนกะคุง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ เธอมีอะไรทำไมไม่บอกฉัน ทำไมเธอต้องปิดบังฉันด้วย เวลาที่เราอยู่ร่วมกันมันไม่มีค่าพอขนาดนั้นเลยหรือไง รู้ไหมว่าฉันเสียใจมากแค่ไหนที่ได้ยินคำๆนั้นจากปากของคนที่ฉันรัก”

               หญิงสาวตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงมันทำให้คนที่ได้ยินต้องหันมามอง และเธอก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม เธอยืนร้องไห้อยู่แบบนั้น มันเหมือนเธอจะรักชายหนุ่มมากจริงๆ

               “ก็เพราะ ฉะ..ฉันรักเธอยังไงล่ะ ฉันไม่อยากเสียคนสำคัญอีกแล้ว ฉันไม่อยากจะมานั่งร้องไห้อีก มันเจ็บปวดเธอรู้หรือเปล่า! คนที่อยู่มันทรมานที่ต้องทนเห็นภาพอดีตที่เคยอยู่ด้วยกัน ฉันไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว มายูริเพราะฉันอ่อนแอเกินไปถ้าเสียเธอไปฉันคงอยู่ไม่ได้จริงๆ!” ชาโนกะตะโกนกลับมา เขากำมือแน่นเพื่อเก็บอารมณ์เอาไว้

 

               “ไม่เป็นไร เราจะจากหรือไม่จาก เรากำหนดเองไม่ใช่เหรอ ชาโนกะ”

                ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็วิ่งไปหาคนที่ตนรัก โดยที่เธอไม่ทันได้ระวังอะไรทั้งนั้น

               “ระวัง มายูริ!!!”

                ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปกอดหญิงสาวคนที่เขารักมากที่สุด แต่ทั้งสองคน...

                 เอี๊ยด!!!

                 โครม!!

               ทั้งคู่ถูกรถชนและกระเด็นแยกออกจากกัน ทั้งเธอและเขาลงไปนอนจมกองเลือด ชาโนกะรวบรวมสติที่เหลืออยู่พาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงไปหาหญิงสาวคนที่ตนรัก

 

               “ย..อย่า เป็นอะไรนะ…มายูริ”

 

               ชายหนุ่มค่อยๆคลานและพยายามเอื้อมมือไปจับมือของหญิงสาวที่นอนหมดสติอยู่ เขาทั้งใช้มือทั้งไหล่ช่วยพยุงร่างกายของเขาไปหาหญิงสาวคนนั้น ถึงแม้จะเจ็บแต่ก็ทน และความพยายามก็เป็นผล มือของทั้งสองได้สัมผัสกัน เขาจับมือเธอไว้แน่นและเอ่ยคำบางคำออกมาอย่างแผ่วเบา...

 

               “ฉันรักเธอนะ มายูริ…”

                ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มเลือนราง

                แล้วเขาก็หมดสติไป

 

                โรงพยาบาล โอกานาว่า

 

               “ม..มะ..เมื่อกี้มันอะไรกัน เราฝันไปงั้นหรอ แล้วมายูมิละ มายูมิอยู่ไหน!” เมื่อชายหนุ่มได้สติก็ตะโกนเรียกชื่อหญิงอันเป็นที่รักทันที เขาได้แต่หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่เป็นความจริง

               “ใจเย็นๆนะลูกหลับไป 4 วันเต็มๆเลย ส่วนมายูมิน่ะ...” ผู้เป็นแม่หลุบตาต่ำลงไม่กล้าสบตาลูกชายตัวเอง เธอไม่รู้จะบอกลูกชายตัวเองอย่างไรดี...

               “มายูมิทำไมครับแม่ มายูริทำไม!”

               “มายูรินะขาดเลือดมากเกินไป...เธอเสียชีวิตไปแล้ว…”

               “ไม่จริงไม่จริงใช่ไหม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ไม่จริงไช่ไหม!!!”

               เมื่อเขารู้ว่าเกิดอะไรกับมายูริ เขาตะโกนโวยวายและร้องไห้หนักมาก มันเหมือนกับหัวใจทั้งได้แตกสลายไป ด้วยร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงดีก็ทำให้เขาหมดสติไปอีกรอบ

               เขาเสียใจทั้งวันทั้งคืน ใบหน้าที่ซูบผอมเพราะไม่ยอมกินข้าวกินปลา เขาเอาแต่นั่งร้องไห้เสียใจ ไม่มีวันไหนที่เขาไม่นึกถึงหญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวคนนั้น เธอน่ารักยิ้มแย้ม ร่าเริง และเป็นคนรักคนแรกของชายหนุ่ม มันทำไห้เขาคิดว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมที่พรากคนรักของเขาไปถึงสองคน

 

                    แต่เขาก็ไม่คิดเสียใจที่ได้รักเธอคนนั้น

                    ไม่เคยเสียใจที่เคยรักเธอ

                    เธอทำให้ฉันเจอความสุขมากมาย

                    เราอาจไม่ใช่คนรักกันแล้ว

                    แต่เราก็เคยรักกันจนถึงวันสุดท้าย

                    ฉันจะจำไว้เสมอ

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา