ระเบียงรัก

-

เขียนโดย Bush

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.06 น.

  8 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,398 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 16.21 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) หนี้รัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ประตูน้ำย่าน โรงแรมอินทรา วันเสาร์ที่สิบสี่กุมภาพันธ์วันแห่งความรักเวลาสิบสองนาฬิกากลางวัน มื้อเที่ยงยังงี้ผู้คนพลุกพล่านเริ่มมีรถราเข้ามาจอดอย่างไม่ขาดระยะ “มาร่วมงานฉลองมงคลสมรสของคุณหญิงตรีนุช ลักษณ์มันตร์ ห้องบอลลูมใหญ่ เชิญขวามือ ไม่ต้องขึ้นลิฟต์ครับ”
ภายในงานจัดเลี้ยงแขกผู้มีเกียรติเดินอยู่เต็มบริเวณงานที่มีการจัดเลี้ยงอาหาร แบบนานาชาติบุฟเฟ่ต์ มีทั้งซูชิ ปลานึ่งแบบจีน ฮะเก๋า ติ่มซำ ซาบะ ซาชิมิ จำพวกเส้นผัดแบบอิตาเลียน ออส่วนแบบญวนใช้หอยนางรม มีพวกยกยอแบบมลายูจิ้มลวกแบบเหยาะด้วยผงกะหรี่รสเค็มเผ็ดจัดพริกแดงแบบแขก สเต๊กแบบมะกัน แบบอังกฤษพวกไส้กรอก หมูย่างรมควัน ซี่โครงเนื้อหมูเยอะๆ รมควันอบแบบฝรั่ง มันฝรั่งบดแบบโคสลอร์ ของหวานแบบพุดดิ้งใช้ราดทับหน้า ไอศกรีม หรือ ไอติม อย่างที่ตรีนุชเคยเรียกขานในวัยเด็ก มีน้ำแข็งไสแล้ว เตรียมน้ำเชื่อมใสๆ ลอยด้วยขนุนหั่นชิ้นยาวเป็นเส้นๆ อบร่ำหอมกลิ่นควันเทียนแบบไทย น้ำกะทินั่นปะไร สลิ่ม ทับทิมกรอบ ลอดช่อง หวานเย็นดีๆ นี่เอง บางคนใช้หน้าพุดดิ้งราดทับด้วยน้ำเชื่อมประสมกันแล้วโปะด้วยน้ำแข็งไส “เข้าใจรับประทานดีคุณคนนี้กินเหมือนฝรั่งหล่อด้วย” เสียงพี่หมวยที่เป็นพนักงานการเงินที่บริษัทของคุณเทพหรือเสี่ยตุ่มที่เปลี่ยนชื่อจริงเป็น นายทศพิธ แสงชูโต เจ้าบ่าวพูดขึ้นเหมือนชวนคุยให้หายอารมณ์เซ็ง “ท่าทางมันบอกนุชเอ้ยอกหักเว้ย” ตรีนุชหันมายิ้มเศร้าๆ รู้สึกเบาโหวงอย่างบอกไม่ถูก “พี่หมวยนั่นมันนังอ้นเพื่อนของนุช มันใช้ชื่อนุชแล้วตานั่นแกรุ่นเพื่อนของพ่อ ความแตกขึ้นมาล่ะโอ้ย.. อกหักที่ไหนป้าหมวยนี่”
เสี่ยสุเทพเป็นเพื่อนสนิทกับท่านใหญ่ หรือ หม่อมเจ้าตรีทศ ลักษณ์มันตร์ พ่อแท้ๆ ของตรีนุชที่รู้ไส้ และอกไหม้ที่ตนเองมีไส้ที่ขมปี๋ เลยหลบหลีกหนีหน้าเป็นพัลวัน ส่วนเพื่อนสนิท หรืออ้นที่เป็นเจ้าสาวในงานฉลองมงคลสมรสจอมเซี้ยวคนนี้ต่างหากมันดันมารับสมอ้างสวมบทเป็นตรีนุชจนตัวอ้นเองเริ่มตั้งครรภ์
“แปลกมันโง่มากขนาดนั้นเลยหรือว่ะเสี่ยเทพมันไม่รู้สึกบ้างรึไงหรือว่ามันก็บ้า เออออ ห่อหมกไปเพราะมันอกหักเหมือนนังนุช” หมวยส่ายหน้าดิก ไม่มีใครเข้าใจ แม้แต่อ้น เพราะนับแต่วินาทีแรกที่พบหน้าค่าตาจนแต่งงานมีครรภ์มีทายาทของเสี่ยเทพอยู่ในท้อง สามีดูแลปรนนิบัติเอาใจใส่อ้น หรือวิชนีเป็นอย่างดี ไม่เคยมีปากมีเสียง “ไม่กล้าหือเลยรึ” เพื่อนหลายคนเริ่มแซวมากขึ้นๆ ทุกทีอ้นเองรักสามีอย่างชนิดไม่ยอมยกให้ใครเหมือนของรักของใครก็ห่วง....และเพลงนี้เองที่คู่บ่าวสาวได้ร้องคู่กัน....
ของของใครของใครก็ห่วง ของใครใครก็ต้องหวงห่วงใยรักใคร่ถนอม ...ใครจักชิงของใครใครยอม....แม้นจนอดออมไม่ยอมขายให้ใคร.... “เดี๋ยวค่อยๆ คุยกันหนาแหมตอนนี้ลูกสาวฉันท้องแล้วเห็นมั้ยนั่นไงสวมชุดเจ้าสาวราคาเรือนแสนเทียว...” ญาติที่เป็นเจ้าหนี้นายทุนเงินกู้บ้าน รถรา โรงงานที่เปิดใหม่ในนามของตรีนุชเริ่มรู้สึกว่าไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่คิด “เห็นแล้วหายห่วงไม่กังวลแล้วล่ะเจ้อิม...ท่าทางรักลูกรักเมียอี..คุณอ้นลูกสาวเจ้อย่างงี้ล่ะก็มีอะไรค่อยๆ คุยกันอย่างที่เจ้บอกนั่นล่ะ ดีแล้ว สักพักเดียว เข้าห้องน้ำแล้วอะไรแล้วผมกับอาซ้อจะขอตัวกลับแล้วล่ะ หมุนมาคุยกัน มีอะไรก็ถามๆ กันหน่อยผมงานยุ่ง ทำหลายอย่างมันไม่ค่อยมีเวลาขอโทษที”
หลังจากนั้นธุรกิจในเครือใหม่ๆ ทั้งหมดเป็นชื่อของ มรว.ตรีนุช ลักษณ์มันตร์ เสียทุกสิ่ง หลายคนงงงันว่า ไฉนหรือเหตุอันใดยังคงใช้ชื่อเพื่อนเมียอยู่ “ลูกชายโตเจ็ดแปดขวบแล้ว มีอีกคนลูกชายอีกห้าขวบ แต่ยังไม่เปลี่ยนชื่อมาใช้ของตัวเองหรือของผัวมันเงินมายังไงว่ะ ค้ายาฟอกเงินหรือไงกัน....ท่านใหญ่แล้วลูกสาวท่านล่ะรับกรรมตายห่าสิว่ะแบบนี้อ่ะ” เพื่อนสนิทที่เป็นทนายอาชีพจริงๆ ผู้นี้เคยรู้จักกันตอนที่ท่านใหญ่ตกต้องขื่อคา ท่านต้องคดีหนีหัวซุกหัวซุน เคยไปซุกหัวนอนที่บ้านเพื่อนผู้นี้ที่แถวอยุธยามาแล้วหลายหน จนพ้นขีดอันตราย ด้วยอายุชราภาพวัยของท่านกว่าร้อยปีแล้วจึงกลับมาหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังใหญ่ชานเมืองแถวตลิ่งชัน ที่เดียวกันกับที่มาของเรื่องราวระเบียงรักอันลื่อเลื่องของตนกับคุณพุดซ้อนแม่ของสาวตรีนุชผู้อาภัพ เพราะกำลังกลายเป็นเหยื่อถูกเพื่อนสาวหรือคุณอ้นฝากรักด้วยหนี้รักเต็มพิกัด ในฐานะเพื่อนผู้ปูทาง อนาคตทางธุรกิจให้ ควบคู่กับชีวิตสมรสอันสุนทรียภาพ แต่ในความเป็นจริงกลับตรงข้ามกับภาพที่สร้างลวงตาคนทั้งเมือง ชนิดหน้ามือบ้าง หลังตีนบ้าง เวลากระทบกระทั่งกัน มิใช่แค่ ลิ้นกับฟัน
“ซ้อมทุบตีเยี่ยงนี้มันไม่ไหวแล้วนะอ้น แต่ไอ้เสี่ยนั่นมันเกรงขามบารมีไอ้ทศพิธนี่อีก เฮ้อ กลุ้มใจเคยมีเคยอยู่แบบหรูแบบรวยใช้สบาย ไปไหนคนเกรงใจยกมือไหว้ให้รอบไปหมด แล้วถ้ามันรู้ความจริงมันคงด่าคงถ่มน้ำลายใส่กบาลหัวกูแน่นอน แม่ยอมไม่ได้นะ นังอ้น.... ยังไงมึ้งต้องหาทางหนีทีไล่ให้ดีๆ กว่านี้ อย่าทำสุ่มสี่สุ่มห้าไป คุกไม่มีอะไรน่ากลัว ขอให้มีเงินถึงๆ ให้มันหนักหน่อยแค่นั้นเอง ค่อยหนีไปนอกไปไหนที่มันมีสภาพแวดล้อมดีๆ กว่าที่เมืองไทยริยำนี่” แต่ความเป็นจริงชื่อมันไม่สำคัญเท่าคนกระทำผิดนี่สิครับพี่น้อง.....
ตรีนุชใช้ชีวิตอยู่กินกับ นายโป้ย แซ่เสียง ลูกชายคนงานทำสวนที่บ้านหลังใหญ่ที่พ่อของตนเองกลับมาหลบใช้ชีวิตหลีกหนีปัญหาจากสังคม และความวุ่นวายของคนรอบข้างที่เคยคบหา เคยรู้จักท่านใหญ่....ทั้งสองพบกันโดยบังเอิญ เมื่อสาวตรีนุชเป็นห่วงพ่อ เธอจึงนั่งรถเมล์มาย่านฝั่งพุทธมณฑล แล้วเผลออยู่ที่บ้านใหญ่หลังนั้นนานไป เพราะวันนั้นพ่อเธอลมใส่ต้องคอยอยู่พยาบาลจนรู้สึกว่า พ่อของเธอท่านหายใจได้โล่งเป็นปกติดีขึ้นแล้ว เธอจึงรีบเดินก้าวเท้าออกมาจากประตูบ้านที่เป็นรั้วอัลลอยด์ราคาเหยียบหมื่นบาท แต่ด้วยอารามรีบ กลัวความมืด กลัวอันตราย เพราะแถวนั้น เอาเรื่องอยู่ พอนุชหันหลังก้าวเท้าออกไปทำเอาเจ้าตัวเธอตกใจอย่างแรง ร้อง “ว้าย” ลั่นถนน “ไม่เป็นไรนะครับคุณนุชผมเกือบเสียตังค์โธ่ยิ่งจนอยู่นี่วันที่ยี่สิบห้าเองอีกห้าวันเทียวทำเป็นเล่นไป ใจร้ายเหลือเกินเดินระวังกว่านี้เป็นไรแหม ...แม่เอย แม่คุณหญิงตรีนุช ลักษณ์มันตร์”
พักหลังๆ แม่อิมของคุณอ้นเพียรบอกขายสารพัดสิ่ง บ้าน คอนโด รถรา เก๋ง ตู้ ตึกแถว อาคารสำนักงานใหญ่กลางกรุงเทพฯ แต่กลับกลายเป็นว่า
“ทรัพย์มิใช่ของตนนี่ คุณค้ายานี่ ฟอกเงินก็อย่างนี้ทุกราย ฉันแจ้งความนะ สงสารคุณนุช...อะไรนี่เค้าว่าเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เร้อ... ด้านไม่อายเลยคุกมาให้เค้า เสวยสุขมานานสิบปีกว่ายังไม่หนำใจอีกเร้อคุณ แก่แล้วนะกะล่อนด้วย ลื่นผิดคนแก่กว่าเจ็ดสิบปีแล้วนี่นะ โกหกอยู่ได้ รู้อยู่แก่ใจ มันทำไม่ได้หรอกคุณบ้านฉันโดนมาหนักหนาแล้วคุกเลยก็มี หนีได้ก็มี ไม่เอาด้วยยิ่งกลัวคุก กลัวเหมือนอีอยู่แจ้งความเฮียอย่าไปยอมคุกเอามาให้เราหน้าด้านเถียงอยู่ได้...”
ชวนให้นึกถึงวินาทีนี้ยายนีแกคิดเหมาเอาเองด้วยซ้ำไปว่า “เออตึกสิบเก้าคูหาใส่ชื่อคนนี้ไว้ เออที่ดินพนมลำพูนแอบไปเปลี่ยนชื่อไว้ เออที่จึงเจริญมหาสารคาม เออที่โคราดมีโลตัสขึ้นเทียวหนา แต่ละที่แกจดด้วยลายมือกระหยึกกระยือไว้เสียทุกที่ทุกสิ่งว่า แกประสมชื่อแบบไหนไว้แอบใช้ชื่อใครเค้าไว้มั่ง งั่งยิ่งกว่าโง่คือเวรกรรมมันมานะคุณมันต้องอย่างนี้ล่ะ แต่ไอ้แค่แฟ้มกระดาษลวงโลกพรรณนั้น มันเปลี่ยนได้เป็นล้านๆ ชื่อนั่งถ่ายเอกสารตัดแปะไปวันหนึ่งทำได้แต่ถ้าคิดทำสถิติแล้วจับเวลาว่าได้เท่าไรชื่อ “มาประกวดประขันกันเล่นให้มันอารมณ์พะย่ะค่ะมาเว้ยฮ่ะๆ ๆ” เสียงตาโป้ยแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่เมียที่ยังคงเป็นข้าวใหม่ปลามันอยู่อย่างมันในอารมณ์อย่างแท้จริง เพราะหลายครั้งแล้วที่เขาได้ฟัดปากกับพ่อตาผู้ดีตีนแดงที่จริงๆ แล้วเป็นแค่ผู้ต้องคดีค้ายา... “ยายนีนั่นหนักข้ออยู่ อาการหนัก ประสาทเสีย กำเริบเสิบสาน เล่นลิเก แบบไม่มีสมอง” ตาโป้ยแกชอบบ่นว่าถึงความบ้าเสียประสาทแบบยายนีคนนี้..... “น่าจักติดคุกสักปีพอให้รู้รส รึไม่ก็น้ำกรด”ส่วนนาตยาลูกสาว “กูโป้ยคิดว่าต้องหาผัวเจ้าแบบพ่อตากูให้มัน สาใจ ถึงใจ มันในอารมณ์พะยะค่ะบ้าเพค่ะ”
พวกนี้มันชอบแกล้งบ้าตาใส ไม่มีใบ มีแต่เม็ดบัว “เฮ้ยบัวลอยน้ำขิงใส่เม็ดบัวต้ม แปะก้วย ม่ายน้อ ลดไปเท่าไรอาม่า...ห้าบาทแน่ะ เห็นมั้ยจ้ะ แม่คุณหญิงนุช ห้าบาท สำหรับคนจนๆ อย่างเรามันมีค่านะเธอ อย่าไปทำหน้าโง่พรรณนั้นกับฉันเทียว สิจักบอกให้” ใช่ไม่รู้ไส้พวกมันแต่ละคน ยายนียายนาตยานี่ยิ่งหนักบ้ากินเสียจริตผิดหญิง ทำท่าเดินเหินประหลาดๆ อยู่หลายครั้ง โป้ยเคยไปส่งของให้กับร้านขายขนมอบกรอบที่บ้านยายนีนี่แหล่ะได้ยินความบ้าอย่างเสียจริตผิดธรรมเนียมบ้านสลัมในซอยนั้นอย่างฮาแรงเมื่อแกบอกว่า
“เดี๋ยวพี่หมูขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อ สำรวจหน้าตา ผัดแป้งเติมปากนิดหนึ่ง ไม่ช้าค่ะ ห้านาทีจะพยายามรีบลงมาคอยสักครู่จะเอาเงินลงมาให้” ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านนิยายในนามปากกา ดอกไม้สด ทมยันตี โรสมาริน เพ็ญแข วงศ์สว่าง ประมาณนั้นเทียว “บ้าหนัก” แถมส่งเงินธนบัตรปลอมหนึ่งพันบาทให้มีเงินจริงเป็นใบละร้อยแดงๆ สามใบแม่นๆ เข้าแจ้งความเสียด้วยความโมโหเป็นเหมือนกัน “ไม่ยอมรับแถมทำเป็นพูดจาดูถูกอ้างมีความรู้เรียนจบปริญญา ท่านั้นท่านี้ ขึ้นชื่อเรื่องความสตอเสวยกันหมดบ้านเลยทีเดียว เรื่องเงินปลอมเหรียญก็มี จนดังสะท้านซอยแล้วกันเทียวพี่ตำรวจเอ้ย” ผลการให้ปากคำในชั้นต้น “พี่หมูประชดท่านค่ะพี่หมูรักท่านลงทุนทำกิฟต์เสี่ยงคุกเพราะน้อยใจท่านกมรเตง” ...อีนี่บ้าแน่ๆ อีบ้าแน่ๆ อีบ้า คนไทยด่าแบบไทย
หนี้รักระหว่างสาวนุชกับเพื่อนรักอย่างอ้นไม่ต้องรอตอนจบย่อมรู้ว่า หนีแน่นอน คืออ้นเพื่อนรักผู้ชะตาตกอับอาภัพอย่างแรงมาก ตามติดด้วยปัญหาลูกชายสองคนทำยังไงต่อไปกับอนาคตอันมืดมน ไร้ผู้รับผิดชอบเด็กได้อย่างแท้จริง ยายรึหมดสิทธิ์ แม่ยังจำต้องหนีอีกด้วย พ่อก็ไม่แคล้วหนีมาแล้วถึงลงทุนหลอกลวงเค้ากินแบบนี้....เวรได้อะไรตอบแทน กินใช้ประหยัดหน่อย กับลงทุนใจใหญ่ ทุ่มอนาคตลงไปกับสิ่งที่ลวงโลก..เหมือนมีแต่ไม่มี เหมือนสูงแต่ไม่สูง ยิ่งต่ำ ยิ่งตก ยิ่งตายเร็ว ตายเย็น ตายไม่รู้ตัว ตายทั้งเป็น....เพื่ออะไรเกิดง่ายอยู่ดอกหรือไร เกิดมาแล้วเสียชาติเกิด ความรู้ทิ้งถังขยะ ยกย่องแบบยกร่างท่านลอยละลิ่วปลิวลงถังขยะ....ชอบมะ ๆ ๆ ชอบก็ทำต่อ โกหกต่อ ลวงต่อ...ไม่ชอบ หยุด เลิก ไม่ต่อ....รักยาวให้บั่นสิ่งเหล่านี้ทิ้งยานั่นล่ะครับ...รักสั้นก็ต่อไป เสพยาต่อ ขายยาต่อ ป่วยโรคผอมไม่เป็นไร แต่หยุดต่อความกับยาเสพติด...บั่นยาทิ้งไปอนาคตของใครๆ ไม่ห่วง ไม่รัก ไม่หวง ไม่ถนอม ยอมทำลาย ยอมยกลงถังขยะ แล้วแต่ใจคุณพี่เถิดครับ....เวียนหัวติ้วกับกลิ่นฝิ่นที่เผามอมยากันทั้งบางเยี่ยงนี้ เครียด ปวดหัว เว้ย ฆ่ามัน ๆ ๆ จับมันยัดลงไปในเตาเผาศพ...ทิ้งร่างไอ้สารเลวนี้ไปเสียในเมรุ.... “เฮ้ย อย่านะๆ ช่วยด้วยพี่ตำรวจ ๆ ช่วยผมด้วย” เสียงอาปิงร้องใจแทบขาดแต่ไม่มีใครได้ยินต่างคนมึนหัวมืดหน้าไม่มีสติเพราะกลิ่นยาฝิ่นหลายสิบครั้งถึงตายก็มีมาหลายรายหนี้ชีวิตใช้มาซะไอ้ปิงสารเลว...ไอ้เวรทำร้ายอยู่ได้...เครียดมาฆ่าพวกกูทางอ้อมไม่ถูกๆ ที่ไหนอ่ะ...เฮโลเอ้า
ทองเนื้อเก้า น้องลำยอง มีพ่อเป็นทหารเรือปลอมมุสาค้ายา ครั้นไปเที่ยวงานวัดชมมหรสพแบบสลัมบ่อนไก่ชานเมืองนิดๆ กลับตกเป็นเมียของไอ้ทหารเรือรูปหล่อปลอมเหมือนกัน นาวาตรีเฉลิม พลการ แกตั้งชื่อพอฟังเพราะแต่สังเกตแลสังกา สกุลนี่เองบ่งบอกว่า กระทำโดย พละการ แต่งตั้งตัวเอง...ลูกชายนายวันเฉลิม พลการใช้นามสกุลนี้ต่อมาด้วยความภูมิใจที่จักอธิบายความหมายของชื่อและนามสกุล “ผมเกิดวันชาติวันเฉลิมพระชนม์พรรษาห้าธันวาคมของในหลวงผมรักชื่นชมท่านอย่างแท้จริง คนเรามันดีไม่ดีมีปนมีประสมกันไปทั่วทุกคนท่านยังเคยบอกผมกับตัวท่านเอง ผมไม่เกลียดพ่อผมแม่ผมๆ สงสารเค้าๆ ตายอย่างน่าเวทนาทุกข์ใจไม่อยากทำอะไร เรียนไปไม่มีความหวังใดในการทำงานตามห้างร้านหน่วยงานราชการ เส้นมีตาผมนั่นปะไรสายโจรมาตรงๆ เลยแต่เรามีคุกมีแพ่งตามติดมากลายเป็นแขนขาให้โจรในสายพ่อแม่เรา ทำไปอายเค้าสู้ขายบริการทางเพศ รึไม่ก็ผัวเสี่ยมีเงินค้ายาดีกว่าเยอะ ในละครเขียนแบบนั้นให้มันมีกำลังใจเพราะคนเยี่ยงนี้แท้ๆ ทำตัวล่องลอยไปเองก็มี นาตยา นั่นไงไม่มีทุกข์ใดแบบนี้เลยพ่อไม่ได้ค้ายา เสือกคิดสังวาสน์สานสัมพันธ์กับระดับอนาคตคิงส์สยามรัชกาลที่สิบ เป็นยังงั้นไม่ใช่ง่ายๆ แต่เยี่ยงนี้ก็สายโจรตรงๆ เฮียเต็งนั่น นายรุ่ง แซ่ตั้ง แกการันตีฟังฮายกโคตร แกพูดตลก ยกย่องอั้วทีเหมือนยกตัวอั้วลงไปในถังขยะกอทอมอ คนเก็บขยะมันส่ายหน้าไม่อยากเก็บร่างอั้วไปด้วย มันส่งสายตาบอกโว้ย เหมือนมันอยากจักพูดออกมาว่า เอ้อ ผมอยากคัดแยกเฉพาะขยะครับท่านเอาขยะอย่างเดียวไป ส่วนตัวท่านผมไม่อยากได้ไปด้วยเกะกะรถมันหนักรถ ฮ่ะๆ ๆ นโยบายแยกขยะของผู้ว่าฯ นายมันดีไม่ดีคิดดูกันเอง ลูกน้องมันสนองรับนโยบายขนาดนี้เทียว...”
หันเหลียวมองไปทางไหนเห็นป้ายขึ้นพราวพรายเต็มไปทั่วทุกหัวระแหง “นโยบายคัดแยกขยะกอทอมอผู้ว่ากรุงเทพมหานคร คัดแยกขยะก่อนจัดเก็บใส่ถุง โยนลงถังขยะทุกครั้งเพื่อความสะดวกในการให้บริการของพนักงานเก็บขยะ สังกัดสำนักผู้ว่าการกรุงเทพมหานครฯ....คัดแยกขยะ จัดเก็บใส่ถุง ก่อนลงถังขยะ ให้งามตา กรุงเทพมหานครเมืองสะอาด ปราศจากมลพิษ พิชิตโรคภัย มีน้ำใจไมตรี ต้อนรับนักท่องเที่ยวดุจญาติมิตร...สรรสร้างสังคมที่ดีและมีความสุข”

หนึ่งใจเดียวกัน
แพรวพรายคนเราที่เกิดมาเลื่อมลิบราวเลื่อมสลับบรรพ์
พรรณรายเฉิดโฉมโนมผิวะนั่นร้อยหนึ่งล้านล้วนมากผู้คน
*เพชรน้ำหนึ่งงามซึ้งดั่งเป็นแก้วมณี
ส่องค่าราศรีอัญมณีมีร้อยเรียงหมื่นล้านพันธุ์
คนดีดีกันด้วยดีใดดีน้ำใจพึงให้แก่ชนทั้งมวล
แจ่มจันทร์แมนสรวงเพชรพลวงตะกั่วทุ่งเหมืองมากมี
ราคีแม้นมีมั่งประปรายเถิดหญิงชายอย่าได้มีใจนึกลวง
เกิดแก่เฒ่าล้วนทั้งปวงล้วนเกิดด้วยสายสัมพันธ์...
เกิดเจ็บแก่เฒ่าล้วนชนทั้งปวงล้วนเกิดตายวนมาใหม่ด้วยสายสัมพันธ์...

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา