กรงทอง

7.0

เขียนโดย zeeto

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.32 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  6,671 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

5) ถ้าเจ้าไม่ใช่คนพิเศษของข้า...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          การที่ต้องยืนมองบุตรของตนต้องหาทางต่อสู้กับคนชั่วร้ายเช่นอมาตย์เฒ่านั้นมันดูเหมือนจะง่ายดาย แต่ความจริงแล้วกับไม่ง่ายเลย นอกจากเหล่าทหารที่เป็นกบฏคบคิดกับอมาตย์เฒ่านั้นแล้ว ความเล่ห์เหลี่ยมในทางสายดำที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่านั้นมันยากยิ่งนักที่จะจัดการได้ “ห่วงบุตรของท่านหรือท่านพระอาทิตย์” เสียงแห่งพระจันทร์ที่กล่าวขึ้นทำให้ข้าหลุดจากภวังค์หันไปมอง “ท่านคงเกรงว่าอมาตย์เฒ่าเจ้าเล่ห์นั้นจะทำร้ายบุตรของท่านใช่หรือไม่” “ใช่...ข้ายอมรับโดยสัตย์จริงข้าเป็นกังวลเกี่ยวกับชนกันต์ยิ่งนัก” “ท่านจะเกรงไปทำไมในเมื่อท่านสามารถช่วยบุตรงของท่านได้” “ท่านพระจันทร์นี้ท่านหมายถึง...” “อีกเพียงแค่2วันก็จะเกิดปรากฏการณ์สุริยคราส เมื่อนั้นตะวันและจันทราจะสามารถบดบังสิ่งชั่วร้ายและทำให้ชนกันต์และธีรภัทรมีพลังมากขึ้น” “แล้วบุตรของท่านและข้าจะรู้ได้เช่นใดว่าควรทำศึกกับอมาตย์เฒ่าเมื่อใด” “ท่านนี้ช่างยิ่งใหญ่แต่ไร้ซึ่งไหวพริบเสียจริง ท่านลืมไปหรือไงว่าบุตรของเรามีกรงทอง”

               

          ข้าได้แต่ยืนกอดอกมองทอดออกไปนอกหน้าต่างอย่างคิดไม่ตก ยิ่งช้าก็ยิ่งไม่ทันการไม่รู้ว่าอมาตย์เฒ่าเจ้าเล่ห์นั้นจะทำอะไรก่อนหรือไม่ แม้จะพอรู้ว่ามันกำลังต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างตัวเราและเจ้าชายธีรภัทร แต่แผนการแค่นี้มันง่ายไปหรือไม่มันต้องมีอะไรที่ซับซ้อนกว่าเป็นแน่ แล้วมันคืออะไรละ “ชนกันต์...” ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อเสียงที่ทำให้ข้าตกใจแล้วหันกลับไปมองคือเสียงของธีรภัทรที่ทำท่าทางตกใจ “ธีรภัทร?...เจ้าเป็นไรรึ” “เจ้าลองมองไปที่กรงทองนั้นซิ” เมื่อสายตาค่อยๆทอดมองไปที่กรงทองกับมีสิ่งที่เกิดขึ้นในกรงทองอย่างน่าอัศจรรย์ ลูกแก้วที่เดิมรวมตัวกันเป็นลูกเดียวแล้วเข้าไปในร่างกายของข้า ทำไมตอนนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่ในกรงทองแล้วแยกเป็นสองลูกคือสีดำและสีดั่งเปลวไฟเช่นนี้ มันหมายความว่าเช่นใดกันแน่ “แปลกทำไมลูกแก้วสองลูกนี้ถึงมาอยู่ในกรงทองได้” “นั้นซิข้าก็แปลกใจเช่นเดียวกับเจ้า” “ข้าจำได้ก่อนหน้านี้นอกจากลูกแก้วที่ช่วยชีวิตเจ้าแล้วในกรงทองไม่ได้มีสิ่งใดอยู่ภายในกรงนี้ไม่ใช่หรอ” “แต่ลักษณะลูกแก้วเหมือนกำลังบอกอะไรเราบางอย่าง” “ของวิเศษเช่นนี้ต้องมีความหมายเป็นแน่...สีดำถ้าสั่งเกตดีๆมันไม่ได้มืดจนสนิทแต่กลับคล้ายกับดวงจันทร์และสีที่คล้ายเปลวเพลิงนั้นก็เหมือนกับ...พระอาทิตย์?” “ชนกันต์เจ้าดูนั้นซิลูกแก้วสองลูกกำลังเรียงตัวกันคล้ายๆกับ.” “สุริยคราส” “ใช่...สุริยคราส หมายความว่ากำลังจะเกิดสุริยคราสเช่นนั้นรึ” “คงเป็นเช่นนั้นแน่...ข้าเคยอ่านในตำรากล่าวไว้ว่าสุริยคราสจะเกิดเพียงปีละ2ครั้งเท่านั้นหรือถ้ามากสุดก็ไม่เกิน5ครั้ง” “เจ้าลองสั่งเกตดูดีๆเจ้าจะเห็นได้ว่าดวงจันทร์จะหมุนรอบดวงอาทิตย์สองครั้งแล้วเกิดสุริยคราส นั้นก็หมายความว่าอีกสองวันจะเกิดสุริยคราสเป็นแน่”

               

          “พระโอรสพระเจ้าข้า” “พระโอรสพระเจ้าข้า” ไม่ทันจะได้คิดอันใดต่อเสียงของนลาดลทหารของข้าก็ตะโกนพร้อมกับวิ่งหอบเข้ามาในห้อง “มีอะไรรึ” “เสร็จทอดพระเนตรด้านหน้าวังเถิดพระเจ้าข้า” ข้าหันกลับไปมองที่ชนกันต์ก่อนจะรีบวิ่งออกไปยังหน้าประตูวัง นี้มันเกิดอะไรขึ้นทำไมบนต้องฟ้าถึงมีแต่วิญญาณลอยเต็มไปหมดท้องฟ้าจากสดใสกลายเป็นสีเทาจนหน้ากลัว ราษฎรต่างวิ่งหนีไปหมด “มันเกิดอะไรขึ้นเจ้าพอจะรู้ไหมชนกันต์” “มันเริ่มขึ้นแล้ว...ฝีมือของอมาตย์เฒ่าและนางแม่หมอเป็นแน่” “แล้วแบบนี้เจ้าจะจัดการเช่นใด ชนกันต์ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเรามีเวลาไม่มากแน่” “ข้าพอจะรู้แล้ว...ตามตำราปราบมารเคยกล่าวไว้เมื่อเกิดสุริยคราสเมื่อนั้นปีศาจร้ายหรือพวกผีวิญญาณต่างๆที่ถูกสะกดก็จะถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ แล้วความแค้นจากวิญญาณเหล่านั้นจะเป็นผู้กำจัดคนที่ใช้เวทมนต์กับพวกมัน” “เช่นนั้นก็หมายความว่า...วิญญาณพวกนี้จะย้อนกลับไปทำร้ายพวกมันเอง” “ใช่...แล้วเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าและข้าก็จะสามารถกำจัดอมาตย์เฒ่ากับพวกสมุนของมันได้” “แสดงว่ากรงทองที่ทำให้เราเห็นนั้นคือการเตือน ข้าว่าเรารีบเรียกทหารและองครักษ์ของพวกเรามาเถอะ แล้วส่งข่าวให้ราษฎรรู้ว่าช่วงนี้ไม่จำเป็นห้ามออกจากที่พักอาศัยเป็นอันขาด”     

               

          “เจ้าจะไปที่ใดชนกันต์” เสียงเจ้าชายแห่งโลหนันท์คว้าข้อมือข้าไว้พร้อมกับถามขึ้น “ข้าจะไปหาเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้า เพลานี้ข้าคิดว่าท่านทั้งสองควรรับรู้เรื่องราวได้แล้ว” “เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย เพราะข้าไม่วางใจอมาตย์เฒ่าเจ้าเล่ห์ในเพลานี้” ข้าพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตรงไปที่ตำหนักของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ แต่กับเหมือนว่าจะช้ากว่าอมาตย์เฒ่าไปเสียแล้ว เมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือทหารและอมาตย์เฒ่าได้จับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ไป “ข้าจะไปช่วยเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้า” “ใจเย็น...เจ้าไม่เห็นรึคนของพวกมันมีมากยิ่งนักถ้าเจ้าเข้าไปตอนนี้รั้งแต่จะตายเปล่า” “แล้วเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าละ” “อย่างเป็นกังวลไปเลยเชื่อข้าเถิดอมาตย์เฒ่าเพียงต้องการจับทั้งสองพระองค์ไว้ต่อรองเพราะเช่นนั้นตอนนี้มันคงไม่ทำร้ายทั้งสองพระองค์แน่” “ชั่วช้ายิ่งนัก...ธีรภัทรเจ้าคิดว่าเราจะสามารถชนะมันได้ใช่ไหม” “วางใจข้าเถิดข้ามิปล่อยให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าและคนที่เจ้ารักเป็นอันใดแน่” สายตาดุดันที่มองตรงมาพร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับที่ไหล่ของข้าทั้งสองข้างเพื่อการปลอบโยนนั้นทำให้ใจที่กังวลของข้าค่อยๆคลายลง “ไปกันเถิด...คืนนี้ข้าจะส่งพรายไปขอความช่วยเหลือจากเมืองของข้า” “พราย?...”

               

          น้ำที่ตักขึ้นมาพร้อมกับคนตรงหน้าที่ค่อยๆท่องอะไรบางอย่างก่อนที่น้ำในขันทองคำจะเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา ช่างเป็นภาพที่แปลกยิ่งนัก “พรายข้าเจ้าจงเอาความจากข้านี้ไปส่งถึงพระบิดาของข้าให้ส่งพรรคพลเพื่อต่อสู้มายังเมืองอาพรสุทธินันท์ก่อนวันพรุ่ง” “พระเจ้าข้า” เมื่อกล่าวเสร็จพรายที่เกิดจากน้ำก็ค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็ว “เจ้ามีคาถาพวกนี้ด้วยรึธีรภัทร” “ใช่...ข้าเคยร่ำเรียนวิชาพวกนี้อยู่บ้างแต่ไม่เคยได้นำมาใช้” “เช่นนั้นเจ้าใช้มันเพื่อช่วยเหลือข้าเช่นนั้นรึ” “ถ้าเจ้าไม่ใช่คนที่พิเศษข้าคงไม่ช่วยเจ้าเช่นกัน” “เจ้ารู้ไหมยิ่งเจ้าดีกับข้ามากเท่าไรความรักที่ข้ามีให้เจ้ามันกับยิ่งทวีคูณมากเท่านั้น” “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงรักข้าให้สุดหัวใจและไม่มีใครอื่นนอกจากข้าอีก” “เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่า...เจ้ายอมรับรักข้าแล้วรึ” “ไม่ใช่แค่ยอมรับรักแต่ข้ารักเจ้านานแล้วเพียงแต่ต่อต้านความรู้สึกถูกผิดต่างหาก” “ความรักไม่มีถูกผิดหรอก เจ้ารักข้าข้าก็รักเจ้า เพียงเท่านี้มันก็คือสิ่งที่ถูกแล้ว”

               

          ร่างหนาค่อยๆดึงกายของข้าเข้าไปโอบกอดไว้แน่น ความรู้สึกที่ถวิลหาความรู้สึกที่อบอุ่นเช่นนี้ทำไมกับเป็นคนนี้ละที่ข้าต้องการ “ข้าจะช่วยเจ้าและบ้านเมืองของเจ้าให้กลับมาสงบสุขเช่นเดิม” “ขอบใจเจ้ามากธีรภัทรน้ำใจนี้ข้าคงไม่สามารถทดแทนได้หมดเป็นแน่” “ข้าบอกเจ้าแล้วไงเพียงหัวใจรักในข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ข้าต้องการ” กรงทอง...ถ้าไม่ใช่เพราะของวิเศษสิ่งนี้แล้วข้าคงไม่ได้ออกเดินทางเพื่อมาได้พบกับชนกันต์ ผ่านมาตลอด22พรรษา ข้าไม่เคยเลยที่จะต้องการผู้ใดมาอยู่เคียงข้างจนกระทั่งมาพบกับคนที่โอบกอดข้าไว้ในตอนนี้ ทั้งสุขใจ อุ่นใจ เมื่อได้อยู่ใกล้ๆเสียจริง หากแม้นไม่มีเจ้าแล้วข้าเองก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือไม่

               

          “กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ท่านจงตื่นเถิด กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ท่านจงตื่นเถิด” เสียงบางอย่างปลุกให้ข้าตื่นจากบรรทมพร้อมกับแสงของเงาพรายน้ำ ที่อยู่ตรงหน้า “พราย...” “พระเจ้าข้า” “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี้แล้วลูกของเราอยู่ที่ใด” “พระโอรสอยู่ที่อาพรสุทธินันท์พระเจ้าข้า” “แล้วเกิดอันใดกับลูกของข้า” “พระโอรสต้องการทหารกล้าที่เก่งกาจจำนวนหนึ่งกองทัพให้เดินทางไปถึงอาพรสุทธินันท์ในวันพรุ่งพระเจ้าข้า” “ลูกข้าจะไปทำสงครามกับอาพรสุทธินันท์เช่นนั้นรึ” “มิใช่พระเจ้าข้า แต่เพียงโอรสต้องการนำกำลังทหารของโลหนันท์ไปช่วยอาพรสุทธินันท์ในการก่อกบฏในอาพรสุทธินันท์เท่านั้นพระเจ้าข้า” “ทำไมถึงต้องการช่วยเหลือเช่นนั้น” “เพราะโอรสแห่งอาพรสุทธินันท์ได้ช่วยเหลือชีวิตพระโอรสธีรภัทรและสัญญาจะมอบกรงทองให้แด่พระโอรสพระเจ้าข้า” “เช่นนั้นรึ...ขอบใจเจ้ามากเช่นนั้นเจ้ากลับไปบอกธีรภัทรเถิดว่าข้าจะนำทัพหลวงไปสมทบให้ทันในวันพรุ่ง” เมื่อพรายหายไปข้าก็รีบเดินออกไปที่หน้าวังก่อนจะเรียกให้ทหารและองครักษ์มารวมตัวกันเพื่อจัดทัพเดินทางไปยังอาพรสุทธินันท์ทันที เพราะเจ้าเกิดจากบุตรแห่งพระจันทร์พ่อก็จะทำตามที่สัญญากับเทพแห่งจันทราว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ธีรภัทรได้สมหวังในทุกอย่าง ข้าจะยอมแม้แต่ชีวิตของข้าก็มอบให้กับโอรสของข้าได้ นี้คงถึงเวลาแล้วซินะที่โอรสของเราได้กลับมาพบกับคนรักของตนในภพชาตินี้

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา