ซอมบี้ วันที่ 1

-

เขียนโดย Domewriter

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 01.21 น.

  10 บทที่
  2 วิจารณ์
  4,032 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 15.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

8) ซอมบี้ วันที่ 1 ตอนที่ 8 Another People part 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 Another people Part 2

           ขณะที่ทั้งหมดกำลังยืนดูท่าทีชายเมายาที่ เลือดเปื้อนใบหน้าและเสื้อที่ลุกขึ้นมองพวกเขาเช่นกัน  พลันได้ยินเสียงแตรรถยนตร์ดังขึ้น ปี๊นๆ ๆ
            รถยนตร์คันหนึ่งจากถนนใหญ่เลี้ยวเข้ามาถนนในหมู่บ้านด้วยความเร็วสูง และบีบแตรรถยนตร์ใส่พวกของอ่ำ ทันทีที่เสียงแตรรถยนตร์ดังขึ้น  อ่ำและพวกหันไปมองดูรถยนตร์ CRV สีดำที่ขับมาอย่างเร็วแล้วรีบขึ้นไปอยู่ที่ฟุตบาทข้างถนน
           ชายเมายากลับเดินพุ่งตรงปรี่ไปหารถยนต์คันนั้น ไฟหน้ารถยนตร์ส่องสว่างสามารถเห็นได้ชัด แต่เหมือนคนขับรถจะไม่สนใจ ขับรถยนตร์พุ่งชนชายเมายา ร่างปลิวกระเด็นไปนอนกองกับพื้นถนน มดกับเกดร้องว๊ายเสียงดัง
           อ่ำและพวกมองอย่างตกตะลึง และคนขับรถคันนั้นแทนที่จะหยุดรถลงมาดูคน แต่กลับขับรถพุ่งทับร่างของชายเมายาคนนั้นไปแล้วเลี้ยวรถเข้าไปในซอยในหมู่บ้าน ร่างของผู้ชายเมายาที่ถูกรถชนและทับร่างที่นอนอยู่บนถนนมีเลือดสีแดงใหลออกจากร่างเปื้อนพื้นถนน 

           ชิตหันหน้าไปทางซอยที่รถคันนั้นเลี้ยวเข้าซอยไปแล้ว บอกว่า   "สงสัยเมาแล้วขับ "
           อ่ำบอกว่า "ถึงคนเมายาเดินเข้าไปหารถก่อน แต่ชนทิ้งแบบนี้ ติดคุกแน่ๆ"
           ทุกคนมองดูร่างของคนเมายาที่ถูกรถชนและรถทับซ้ำจนจมกองเลือดบนถนน ต่างก็คิดตรงกันว่า ตายแน่นอน  หวังดูร่างคนเมายาที่จมกองเลือดอยู่บนถนนแล้วหันมาดูแผลที่แขนของตัวเอง บอกว่า "พวกมึงโทรไปบอกตำรวจกับมูลนิธิให้มาเก็บศพ กูจะไปโรงพยาบาลทำแผลที่แขน"
            ร่างของผู้ชายเมายาที่ถูกรถชนและทับร่างที่นอนอยู่บนถนน ร่างของผู้ขายเมายามีเลือดสีแดงใหลออกมาบนพื้นถนน
          คนในหมู่บ้านที่ออกมายืนดูเหตุการณ์อยู่ในรั้วบ้าน ใช้มือถือถ่ายคลิปวิดิโอเอาไว้ กล้องภาพในจอมือถือที่ถ่ายคลิปเห็นผู้ชายเมายาที่นอนจมกองเลือดอยู่บนถนน ค่อยๆลุกยืนเดินช้าๆ ทั้งๆ ที่ถูกรถชนจนอาการสาหัสไม่น่าจะสามารถลุกขึ้นได้ 
           ชายเมายาที่ร่างท่วมเลือดเดินเข้าไปหากลุ่มชายและหญิงที่ยืนอยู่บนฟุตบาท ส่งเสียงร้องดังแปลก ๆ
          "แฮรว ... แฮรว ... แฮรว ... แฮรว ... อารว "
           อาการที่เห็นไม่ต่างจากอาการของผู้ติดเชื้อชีวภาพที่เห็นในข่าวโทรทัศน์ที่สภาพร่างกายไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ ทำให้ชายหญิงทั้งเจ็ดคนรู้สึกตื่นกลัวขึ้นในทันที 
          "ไอ้นี้มันผู้ติดเชื้อชีวภาพแน่แล้ว"  ปิ๊กบอกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
          "ปิ๊ก ทุกคน กลับบ้านก่อน"  อ่ำบอก
          "เกด มด ไปเร็ว"  อ่ำพูดจบ  ทั้งหมดก็รีบหันหลังวิ่งกลับไปที่บ้านของอ่ำ ชายที่ติดเชื้อชีวภาพขยับร่างกึ่งวิ่งกึ่งเดินสามสี่ก้าวก่อนเปลี่ยนเป็นวิ่งตามคนทั้งเจ็ดไป        
           ปิ๊กวิ่งพลางหันหน้าไปมองดูข้างหลัง บอกว่า " ไอ้อ่ำ มันวิ่งตามมา"
           ทั้งหกคนหันไปมองดูเห็นชายที่ติดเชื้อชีวภาพที่เลือดท่วมใบหน้าและเสื้อผ้าที่วิ่งตามหลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้วทั้งหมดก็รีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในซอยบ้านของตัวเอง    
           ชายที่ติดเชื้อชีวภาพวิ่งตามเข้ามาในซอยแล้วก็ไม่เห็นพวกอ่ำ จึงหยุดยืนนิ่งก่อนเดินกะย่องกะแย่งช้าๆ ลึกเข้าไปในซอย  
           สักพักก็มีเสียงร้อง กรี๊ด ของผู้หญิงที่บ้านอยู่ในซอยดังขึ้น อรที่รอคนอื่นๆ อยู่ที่ลานเหล้าหน้าบ้าน พอเห็นผู้ชายที่เลือดท่วมใบหน้าและเสื้อผ้าเดินผ่านมาหน้าบ้าน อรก็ตกใจร้องกรี๊ดขึ้น
           ชายคนนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาอรที่อยู่ในรั้วบ้าน พยายามจะเข้าไปด้านในร่างเปื้อนโลหิตสดๆ กระแทกชนกับประตูรั้วเหล็กกำแพงบ้าน ดังแคร๊ง แคร๊ง แคร๊ง   ยิ่งทำให้อรตกใจกลัว ร้องเสียงดัง 
            " ช่วยด้วย ... ว๊ายย ช่วยด้วย ... " 
           อ่ำและพวกที่ซ่อนอยู่หลังรถกระบะโฟร์วีลที่จอดอยู่ในตรอกที่ไว้กลับรถบริเวณกลางซอย  พอได้ยินเสียงอรร้องกรี๊ดดัง ทั้งหมดก็ออกจากที่ซ่อนแล้วมองไปที่บ้านของอ่ำที่อยู่ด้านในซอย
            อ่ำบอกกับเพื่อนว่า "ฉิบหายแล้ว เอาไงดีว๊ะ"
            คนที่อยู่บ้านติดกันกับบ้านอ่ำพอได้ยินเสียงผู้หญิงร้องกรี๊ดขอความช่วยเหลือก็ออกมาที่หน้าบ้าน  พอเห็นผู้ชายที่กำลังเดินชนกำแพงประตูเหล็กรั้วกำแพงบ้านของหญิงสาวที่ส่งร้องเสียงร้องขอความช่วยเหลือ มีสภาพใบหน้าและเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดก็คาดเดาได้ทันทีว่าเป็นผู้ติดเชื้อชีวภาพที่โทรทัศน์กำลังเผยแพร่ข่าวการระบาดของเชื้อชีวภาพ CME ของผู้ก่อการร้ายที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศตั้งแต่ช่วงเย็นจนมาถึงตอนนี้
            เพื่อนบ้านที่ออกมาดูเหตุการณ์พอพบเห็นผู้ติดเชื้อชีวภาพที่มีสภาพเลือดท่วมร่างมาเดินอยู่ในซอยหน้าบ้านของตัวเองก็พากันตื่นตระหนกตกใจ ร้องบอกคนในบ้านเสียงดัง บ้านหลายหลังเปิดไฟสว่างและออกมาดูผู้ติดเชิ้อชีวภาพที่รั้วหน้าบ้าน บางคนใช้โทรศัพท์มือถือรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือมูลนิธิกุศลกู้ภัยว่าพบผู้ติดเชื้อชีวภาพ แต่ก็ปรากฏว่าสายไม่ว่าง

          อรสงบสติอารมณ์ได้ก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน เธอเลื่อนบานประตูกระจกหน้าบ้านปิดล็อคประตูแล้วปิดม่านประตูจนมิดชิด แล้วรีบล้วงมือถือในกางเกงออกมาโทรหาชิตที่เป็นแฟนหนุ่ม
          ชิตอยู่กับอ่ำและคนอื่นๆ ที่หน้าปากซอย พอได้ยินเสียงเรียกเข้ามือถือในกระเป้ากางเกงดังขึ้น เขาก็รีบเอามือถือออกมากดรับสาย
          "พี่ชิต มีผู้ติดเชื้อชีวภาพ .. มันพยายามเข้ามาในบ้าน แล้ว... แล้ว..." อรรีบบอกอย่างร้อนรน
          "ใจเย็นๆอร อรอยู่ในบ้านใช่ไหม?" 

          "ใช่ ตอนนี้พี่ชิดกับคนอื่นอยู่ไหน?"
          "พี่กับคนอื่นอยู่ที่หน้าปากซอย มองเห็นหน้าบ้านไอ้อ่ำ ท่าทางคนในซอยวุ่นวายกันน่าดู ไม่ต้องห่วงนะ เดี้ยวพี่ชิตกับคนอื่นจะไปหาอรที่บ้าน รออยู่ในบ้าน อย่าออกมาละ พี่ชิตวางสายก่อนนะ"
           "อรรอพี่ชิตกับคนอื่นอยู่ที่บ้านนะ รีบมาเร็วๆ ละ"
           " จา น้องอร"
           ชิตกดวางสายมือถือ เห็นผู้ติดเชื้อชีวภาพที่หน้าบ้านของอ่ำเดินไปที่บ้านหลังอื่นๆ ที่มีคนส่งเสียงดัง ชิตบอกคนอื่นๆ ว่า

          "เล่นเดินเล่นอยู่ในซอย แบบนี้สงสัยไปหาน้องอรทีบ้านไม่ได้แน่"
          มดกับปิ๊กใช้โทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจ แต่สายไม่ว่าง หวังเริ่มเป็นห่วงและกังวลแผลที่แขนที่โดนผู้ติดเชื้อชีวภาพกัด เกดมองดูหวังที่เป็นแฟนของเธอด้วยความห่วงใย
            ทันใด เสียงไซเรนรถพยาบาลและรถตำรวจจากสี่แยกถนนอนุเสาวนีย์ที่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 4-5 กิโลเมตรก็ดังขึ้น ทุกคนคิดว่าที่ถนนสี่แยกอนุเสาวรีย์คงเกิดอุบัติเหตุรถยนตร์ ที่ถนนสี่แยกมีอุบัติเหตุบ่อยครั้งจนเป็นเรื่องปกติ
            หวังบอกอ่ำว่า "เฮ้ย อ่ำ กูเป็นห่วงแผลที่แขน รถกูจอดอยู่ใกล้ๆ"

           "กูขอตัวไปโรงพยาบาลก่อน"
            หวังบอกกับทุกคน ทั้งหมดรู้ว่าหวังติดเชื้อชีวภาพแน่แล้ว แต่ไม่แสดงท่าทีรังเกียจกลัวผู้ติดเชื้อชีภาพและไม่อยากพูดให้หวังใจเสีย 
          อ่ำบอกว่า "เอ่อ มึงรีบไปโรงพยาบาลก่อนเหอะ"      
          เทพบอกว่า "ถนนสี่แยกเกิดอุบัติเหตุ รถติดแน่ มึงขับรถไปโรงพยาบาลในอำเภอที่อยู่ใกล้ๆ น่าจะดีกว่า รถไม่ติด "
           ชิต บอกว่า "โชคดี ขับรถดีๆ "
           หวังหันมาชวนเกดเดินไปเอารถยตร์ที่ติดอยู่ เพื่อขับไปโรงพยาบาล พอไปถึงที่รถ เกดก็ขอเป็นคนขนขับรถ เกดสตาร์ทรถแล้วก็ขับรถออกจากหมู่บ้าน
            ปิ๊กกับมดกดวางสายมือถือ ทั้งคู่บอกว่า สายโทรศัพท์ที่สถานีตำรวจและมูลนิธิกู้ภัยกุศลไม่ว่างเลย 
            ปิ๊กบอกว่า "สงสัยที่สี่แยกอนุเสาวรีย์มีอุบัติเหตุ วันนี้ได้ยินเสียงไซเรนสองสามครั้งแล้ว สงสัย ตำรวจ กู้ภัย ไปที่สี่แยกกันหมด"
            อ่ำบอกว่า "กูว่า ตำรวจโอทีน้อย หมู่บ้านเรามีผู้ติดเชื้อชีวภาพ ผู้ติดเชื้อที่หมู่บ้านอื่นก็ต้องมี ตำรวจเลยวิ่งกันไม่ทัน"
            คนที่พักอาศัยอยู่ในซอยเมื่อพบว่ามีผู้ติดเชื้อชีวภาพมาป้วนเปี้ยนในซอยหน้าบ้านก็กลับเข้าบ้านปิดประตูปิดม่านกันหมดไม่มีใครออกมาอยู่บริเวณหน้าบ้านและทำเสียงดัง ผู้ติดเชื้อชีวภาพจึงเดินออกมาที่ปากซอย 

            "ไอ้เทพ ฉี่เสร็จยัง ผู้ติดเชื้อชีวภาพมันเดินออกมาจากซอยแล้ว กลับไปหลบที่หลังรถ ให้มันเดินออกจากซอย"
            อ่ำแอบชะเง้อมองดูผู้ติดเชื้อชีวภาพที่กำลังเดินออกมาทางหน้าปากซอยแล้วเข้าไปสะกิดบอกเทพที่กำลังหันหลังยืนฉี่ใส่กำแพง เค็มสุนัขขนปุยสีขาวกำลังใช้จมูกดมที่ข้างๆเทพ
            "เค็ม มานี่ เร็ว" มดเรียกสุนัขของเธอ เค็มก็เข้าไปหาเจ้าของ  ทั้งหมดรีบไปหลบซ่อนหลังรถกระบะโฟว์วีลอีกครั้ง

            บ้านหลังหนึ่งในซอย 8 ในหมู่บ้าน ยานีกับลูกสาววัย 10 ปี และลูกชายวัย 8 ปี อยู่ที่โซฟารับแขก เธอโทรศัพท์หาสามีของเธอ จำรัส สามีของเธอบอกว่าเพิ่งเลิกงาน ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้าน

            ยานีดูโทรทัศน์กับลูกๆ พลางรอสามีของเธอกลับมาบ้าน ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นข่าวในโทรทัศน์ มีกลุ่มผู้ติดเชื้อโรค CME ที่เป็นอาวุธชีวภาพใหม่ของผู้ก่อการร้ายที่ยิงพลาดข้ามเขตเข้ามาในประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้เชื้อชีวภาพได้ระบาดแพร่กระจายไปทั่วประเทศแล้ว เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขได้ตั้งด่านสกัดตรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภาพทหารและตำรวจใช้อาวุธเข้าจัดการผู้ติดเชื้อชีวภาพที่คลั่งกินเนิ้อมนุษย์ แม้ว่าจะยังไม่มีข่าวผู้ติดเชื้อในจังหวัดภูเก็ตนี้ แต่ก็ทำให้ยานีรู้สึกเป็นห่วงสามีของเธอ เนื่องจากเสียงไซเรนรถตำรวจและรถโรงพยาบาลที่สี่แยกถนนอนุเสาวรีย์เมื่อครู่ที่แว่วดังให้ได้ยินมามาถึงหมู่บ้าน แม้ตอนนี้เสียงไซเรนจากรถฉุกเฉินจะเงียบไปแล้ว
            ขณะที่ยานีกำลังดูข่าวในโทรทัศน์ รถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของเธอ ยานีและลูกทั้งสามคนหันมองผ่านประตูกระจกหน้าบ้านที่เปิดม่านเอาไว้ มองออกไปเห็นรถ CRV สีดำมาจอดที่หน้าบ้าน แต่สามีเธอขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานทิ้งรถยนตร์ไว้ที่บ้านให้เธอไว้ใช้ ยานีคิดว่าคนขับรถคงจอดรถหาคนรู้จักในหมู่บ้าน ด้านหน้ารถ CRV สีดำ สังเกตเห็นได้ว่ามีสภาพบุบดล็กน้อยเหมือนชนกับอะไรมา แล้วยานีก็ต้องแปลกใจ เมื่อจำรัสซึ่งเป็นสามีของเธอเปิดประตูรถลงจากรถ CRV สีดำคันนั้น มาเปิดรั้วประตูเหล็กหน้าบ้าน ยานีลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเลื่อนเปิดประตูออกไปหาสามีของเธอที่หน้าบ้าน  อ้อมและอู๊ด ลูกชายและลูกสาวเดินตามยานีที่เป็นแม่ออกไปรับพ่อที่พึ่งกลับมาบ้าน
            จำรัสมีแผลที่บริเวณไหล่เลือดไหลเปื้อนเสื้อเชิ้ตแขนยาวข้างหนึ่ง เขารีบล้วงเอากุญแจในกระเป้ากางเกงเปิดประตูเหล็กรั้วกำแพงหน้าบ้านแล้วเลื่อนประตูรั้วเหล็กปิดล๊อคประตูรั้วเข้าไปในบ้าน  ยานีไม่ทันได้ถามอะไร จำรัสก็บอกกับภรรยาและลูกทั้งสองคนว่า

           "เชื้อชีวภาพแพร่มาถึงภูเก็ตแล้ว ที่ถนนสี่แยกอนุเสาวรีย์วุ่นวายกันใหญ่เลย"
           จำรัสพูดจบก็บอกภรรยากับลูกให้รีบเข้าบ้าน เขารีบเดินนำยานีและลูกเข้าไปในบ้าน  จำรัสเลื่อนประตูเปิดเข้าบ้านก็นั่งลงที่โซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ หลังจากเลิกงานที่บริษัทแถวทุ่งมหาเมฆ ขณะทีจำรัสขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทางถนนสี่แยกอนุเสาวรีย์เพื่อกลับมาที่บ้าน พอใกล้ถึงสี่แยกอนุเสาวรีย์อีกเพียงประมาณหนึ่งร้อยเมตร รถก็ติดอยู่ตรงนั้นนานเกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจกับรถพยาบาลจากถนนสายเข้าเมือง เสียงไซเรนดังขอทางไปช่วยผู้ป่วยอุบัติเหตุที่ถนนข้างหน้า แสงจากไฟไซเรนบนหลังคารถตำรวจกับรถพยาบาลทำให้เขามองเห็นการเคลื่อนทีของรถพยาบาลและรถตำรวจข้างหน้าที่เคลื่อนที่ผ่านไปได้อย่างช้าๆ แต่ก็ผ่านไปข้างหน้าได้
            จำรัสขี่มอเตอร์ไซค์ติดอยู่ตรงนั้นอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ตำรวจจึงเคลียร์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ถนนสี่แยกข้างหน้าได้ เขามองเห็นแต่รถที่ติดเบื้องหน้า ไม่สามารถมองเห็น รถที่เกิดอุติเหตุที่อยู่ห่างไกลออกไปทางด้านหน้า
            รถพยาบาลฉุกเฉินเปิดไซเรนพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลในเมือง สักครู่หนึ่ง ก็มีเสียงคนที่รถติดอยู่ด้านหน้าส่งเสียงร้องโวยวายเสียงดัง ทำให้จำรัสรู้สึกสงสัยอย่างมาก แต่รถที่ติดอยู่บนถนนเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้า จำรัสขี่อเตอร์ไซค์เคลื่อนตามรถด้านหน้าไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีเสียงบีบแตรรถและเสียงร้องโวกเวกโวยวายของคนที่รถติดอยู่ด้านหน้าเริ่มดังวุ่นวายและดังขึ้นเรื่อยๆ
            ปี๊นๆ ปี๊นๆ ๆ ปี๊นๆๆๆ
            "ผู้ติดเชื้อชีวภาพ ๆ ๆ ถอยรถ ถอยรถ"

            และเสียงปืนดังหลายนัดติดกัน ปัง ปัง ปัง  จากอนุเสาวร์ที่อยู่ด้านหน้า แต่ตอนนี้ที่ด้านหน้าของจำรัสมีผู้ติดเชื้อชีวภาพจำนวนหลายคนสิบคนเดินและวิ่งเข้าหาคนที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ส่วนผู้ที่ขับรถยนตร์พวกผู้ติดเชื้อชีวภาพทำได้แค่เบียดร่างตัวเองกับกระจกรถยนตร์พยายามดันร่างผ่านกระจกหน้าต่างรถเข้าไปด้านในเท่านั้น 
           คนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ต่างพากันพยายามขับขี่หลบหลีกฝ่าผู้ติดเชื้อที่เข้ามาหมายจะกินเนื้อเป็นอาหาร
           จำรัสหาขี่มอเตอร์ไซค์หลบหลีกรถยนตร์และรถมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆ บนถนนที่มีสภาพวุ่นวายโกราหล จำรัสคิดหาจังหวะหันมอเตอร์ไซค์ข้ามเลนถนนย้อนกลับไป แต่ถนนฝั่งตรงข้ามรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ก็ขับขี่กันวุ่นวายและชนกันจนขับขี่ลำบากจนไปไหนไม่ได้ไม่ต่างกัน
            จำรัสขี่มอเตอร์ไซค์พยายามไปข้างหน้าเรื่อยๆ เห็นผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์บนถนนเหมือนกับตัวเองที่รถมอเตอร์ไซค์ล้มลงบนถนน ชายคนนั้นถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพรุมกัดกินเนื้อทั้งเป็นบนถนน 
            จำรัสขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงอนุเสาวรีย์กลางสี่แยกพบเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อบนถนนมีเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ไช่จากผู้ที่พึ่งติดเชื้อบนถนน เขาไม่รู้พวกผู้ติดเชื้อมาจากไหนกันมากมายหลายสิบคน
             ยามค่ำ ถนนสี่แยกอนุเสาวรีย์มีหลอดไฟสว่างจ้า ทั้งแสงไฟจากไซเรนจากรถตำรวจที่จอดคอยดูแลการจราจร  จำรัสมองเห็นผู้ติดเชื้อรุมทึ้งร่างตำรวจที่ในมือถือปืนนอนตายอยู่บนลานอนุเสาวรีย์ มีตำรวจอีกคนอยู่ในรถตำรวจที่เปิดไฟสัญญาณไซเรนบนรถ ตำรวจที่อยู่ในรถตำรวจคนนั้นกำลังวิทยุคุยรายงานสถานะการณ์ที่เกิดขค้นที่ถนนสี่แยกอยุเสาวรีย์ ทันใด รถมอเตอร์ไซค์ของจำรัสก็ชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์อีกคันจนเสียหลักลงบนถนน ด้วยความกลัวว่าจะถูกผู้ติดเชื้อจู่โจมเข้าใส่ เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปเบื้องหน้าทันที โดยไม่สนใจหันกลับมามองด้านหลัง  จำรัสที่สวมหมวกกันน๊อกวิ่งไปตามฟุตบาทข้างถนนทันที  ร้านค้าข้างทางพากันปิดร้านหมดแล้ว แต่บางร้านค้าถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพบุกเข้าไปในร้านก่อนที่จะปิดร้านทำให้เปิดหน้าลร้านทิ้งไว้แบบนั้น ผู้คนหลายคนหลบอยู่ในร้านที่ปิดประตู บางคนวิ่งไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างทางได้แต่ก็ได้แต่สตาร์ทรถยนตร์แล้วอยู่แต่ภายในรถขับรถไปไหนไม่ได้ คนมากมายหลายคนวิ่งกันอลหม่านวุ่นวายไปทุกทิศทางเพื่อหาที่ปลอดภัยให้ตัวเองรอดจากผู้ติดเชื้อชีวภาพ

            ขณะที่จำรัสวิ่งไปเบื้องหน้าก็เห็นชายคนหนึ่งในชุดสูทไม่ผูกไทวิ่งออกจากตรอกข้างถนนมาที่รถยนตร์ CRV สีดำของตัวเองที่จอดอยู่ข้างถนน พอชายคนนั้นกดรีโมทเปิดประตูรถแล้วก็วิ่งขึ้นรถ จำรัสที่วิ่งมาถึงก็รีบวิ่งไปที่รถคันนั้นแล้วเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งด้านหลัง 
            ชายคนนั้นเสียบกุญแจรถสตาร์ทรถทันทีที่ขึ้นรถ พอเห็นจำรัสขึ้นมานั่งที่นั่งท้ายรถก็หันมาโวยวายใส่เขาทันที
           "มึงเป็นใคร นี่รถกู รีบลงไปจากรถกูเลย"
            "ผมขออาศัยอยู่ในรถด้วย ข้างนอกมีผู้ติดเชื้อชีวภาพ รีบปิดล๊อคประตูก่อน ..."
            "รีบลงจากรถกูไปเลยมึง" ชายคนนั้นพูดเสียงดังอย่างไม่พอใจ
            ทันใดก็มีชายอีกคนเปิดประตูที่นั่งท้ายรถ เข้ามานั่งข้างจำรัส
            "เฮ้ย รถกูไม่ใช่รถสาธารณะนะโว๊ย ลงไป ทั้งคู่เลย"
            "ข้างนอกมีผู้ติดเชื้อเต็มไปหมด ให้ผมอยู่ในรถด้วยคนเถอะ ..."
            พูดไม่ทันจบก็มีชายแปลกหน้าอีกคนเปิดประตูหน้าคนขับขึ้นมานั่งบนรถอย่างรวดเร็ว
            "ผมขออยู่อาศัยอยู่บนรถคุณหลบพวกติดเชื้อสักพักนะ"
            " ไอ้ห่า เอ่ย " ชายที่เป็นเจ้าของรถสบถอย่างหัวเสีย พลางหันมองดูคนแปลกหน้าที่ขึ้นมาบนรถ และเลิกไล่จำรัสและชายอีกสองคนที่ขึ้นมานั่งบนรถลงจากรถ
              ชายเจ้าของรถปิดล๊อคประตูรถแล้วพยายามขับรถไปข้างหน้าแม้รถบนถนนจะติดและโกราหลอย่างมาก
 To be continue.....Another People part 3           


           

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องสั้นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา