เลือกลงทุนอย่างไรในภาวะเงินฝืด
เราควรลงทุนอะไรในภาวะเงินฝืดดี? เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มมีการคาดการณ์ว่าภาวะเงินฝืดกำลังจะมา นักลงทุนทั่วๆ ไปหลายคนอาจนึกไม่ออกว่าควรเลือกลงทุนในอะไรก่อนจะเข้าสู่ภาวะดังกล่าว
หากใครติดตามข่าวคราวด้านเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกอยู่เป็นประจำคงพอจะรู้ว่า เราสามารถสังเกตสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจได้จากความเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ บริษัทยักษ์ใหญ่ รวมทั้งกองทุนชั้นนำ ที่หากเมื่อใดกลุ่มผู้มีความรู้ทางด้านการเงินเหล่านี้เริ่มขยับตัวโยกย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์ใดแล้ว นั่นคือสัญญาณเตือนให้เราทราบว่าเศรษฐกิจกำลังจะเป็นไปในทางใดในอนาคตต่อจากนี้
ภาวะเงินฝืดคือ ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการลดลง ซึ่งหากลดลงอย่างต่อเนื่องก็แสดงว่าการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการของประชาชนน้อย ส่งผลให้ผู้ผลิตขายสินค้าได้น้อยลง ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ผลิตทำให้ต้องลดต้นทุนต่างๆ เช่นลดการจ้างงาน ลดฐานการผลิต เพื่อจะให้รับภาระค่าใช้จ่ายได้ สุดท้ายก็นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สำหรับเมื่อใดก็ตามที่แนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด นักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ ควรปรับตัวอย่างไรต่อไปดี
แนวทางการลงทุนในสินทรัพย์หลักต่างๆ ที่เหมาะกับภาวะเงินฝืดมีดังต่อไปนี้
- เงินสด เป็นสิ่งที่เราควรมีสำรองไว้พอสมควรในภาวะเช่นนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่การลงทุน มูลค่าของเงินที่ถืออยู่ณ ตอนนี้ถือว่ามีค่ามาก จึงควรเตรียมเงินสดสำรองไว้ให้สามารถนำไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ทันท่วงที
- ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน ถือเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในภาวะนี้ เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่คงที่แก่ผุ้ลงทุน ซึ่งในระยะเวลาหลายปีต่อจากนี้หากเศรษฐกิจไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เราก็ยังได้ผลตอบแทนในอัตราที่สม่ำเสมอในช่วงนี้อยู่ตลอด โดยควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวเนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า หากลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งดอกเบี้ยต่ำ เมื่อรับผลตอบแทนในระยะเวลาครบกำหนด การจะนำไปซื้อสินทรัพย์ใหม่ในช่วงนั้นก็ยากที่หาสินทรัพย์ที่ได้ผลตอบแทนสูงแล้วเนื่องจากภาวะเงินฝืดที่ยังคงอยู่ทำให้ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ซื้อได้ในช่วงนั้นก็จะลดลง ทั้งนี้ให้เลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เช่นพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความมั่นคงและได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สูง
- ตราสารทุน อาจเป็นการยากที่บริษัทจดทะเบียนต่างๆ จะดำเนินธุรกิจให้ได้กำไรสูงในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ดังนั้นตลาดตราสารทุนถือว่ามีความเสี่ยงและไม่ค่อยน่าสนใจนัก แต่ก็มีธุรกิจบางประเภทที่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในภาวะเช่นนี้ เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจสินค้าจำเป็นเช่นอาหาร ควรเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มั่นคง มีการจ่ายปันผลสูงและจ่ายสม่ำเสมอ เลี่ยงลงทุนในธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยเช่น ธุรกิจความงาม ธุรกิจเครื่องประดับ
- ทองคำ ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรโยกย้ายเงินมาลงทุน แต่ให้พิจารณาปัจจัยอื่นประกอบด้วย อาทิ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ภาวะเศรษฐกิจโลก
ไม่ว่าจะในภาวะเศรษฐกิจเช่นไร ก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้ เพียงแต่ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่อาจจะทำกำไรได้ไม่มาก แต่ก็มีสินทรัพย์ที่เหมาะที่จะลงทุนในช่วงเวลาแบบนี้ได้ สิ่งสำคัญนักลงทุนควรหมั่นติดตามข่าวสาร ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจ เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมในการลงทุนได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าควรจะโยกย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์ใดให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้