รู้ทันโรคเอดส์ การติดต่อ แล้วก็การป้องกันที่ทุกคนควรจะรู้

Thanitanitan

ขีดเขียนหน้าใหม่ (43)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:66
เมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 21.11 น.

โรคเอดส์ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่เรียกว่า HIV ซึ่งเชื้อไวรัสประเภทนี้จะก่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อดำเนินงานบกพร่อง ในปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้กลับมาเป็นปกติ ทำได้เพียงแค่ ควบคุมอาการและก็รักษาแบบประคอง จึงทำให้โรคเอดส์ เป็นโรคที่ใครๆต่างกลัว เพราะว่ารู้สึกว่าเป็นแล้วจะต้องเสียชีวิต แต่จริงๆแล้วมีแนวทางประคับประคองให้ผู้ติดโรคสามารถมีชีวิตยืนยาวได้นานนับสิบปี วันนี้เราจึงนำความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโรคเอดส์มาฝาก เพื่อที่พวกเราจะได้ทำความรู้จักโรคเอดส์อย่างลึกซึ้ง และวางแผนป้องกันโรคเอดส์ได้อย่างถูกวิธี

โรคเอดส์ การติดต่อ และการป้องกันที่ทุกคนควรรู้

โรคเอดส์ คืออะไร?

 

โรคเอดส์คือ อาการของโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome) โดยมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเชียนซีเชื้อไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) หรือเรียกง่ายๆว่า เชื้อเอชไอวี (HIV) เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งปฏิบัติภารกิจกำจัดสิ่งปลอมปนหรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยทำให้ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานต่ำลง จนกระทั่งในที่สุดร่างกายไม่มีสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายได้ จึงทำให้คนเจ็บที่ติดเชื้อโรคเอชไอวีนั้นสามารถติดเชื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้นส่งผลให้เป็นโรคติดเชื้ออื่นๆตามมา เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ เชื้อรา เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคเอดส์มักเสียชีวิตจากโรคแทรกต่างๆ

 

โรคเอดส์มีกี่สายพันธุ์

  • เชื้อไวรัสเอชไอวีมีหลายสายพันธุ์โดยปัจจุบันค้นพบมากยิ่งกว่า 10 สายพันธุ์ กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก แต่สายพันธุ์ดั้งเดิมเป็น เอชไอวี 1 (HIV-1) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในยุโรป แอฟริกากลาง แล้วก็อเมริกา ส่วนเอชไอวี 2 (HIV-2) แพร่ระบาดในแถบแอฟริกาตะวันตก
  • เชื้อไวรัสเอชไอวีถูกศึกษาค้นพบครั้งแรกที่แอฟริกา โดยศึกษาและทำการค้นพบมานานกว่า 70 ปีแล้ว แล้วก็ปัจจุบันนี้ยังเป็นแหล่งที่พบเชื้อไวรัสเอชไอวีหลากหลายสายพันธุ์ที่สุดด้วย
  • สายพันธุ์เอชไอวีที่พบได้มากที่สุดในโลกคือ สายพันธุ์ซี โดยมีสูงถึง 40% สำหรับพื้นที่ที่พบคือ ทวีปแอฟริกา ประเทศอินเดีย จีนแล้วก็เมียนมาร์ ส่วนในประเทศไทยนั้นเจอเชื้อเอชไอวี 2 สายพันธุ์ เป็น สายพันธุ์ เออี (A/E) หรือ (E) พบได้บ่อยถึง95% โดยแพร่ระบาดจากการร่วมเพศระหว่างชายกับหญิง และก็สายพันธุ์บี (B) มักมีการแพร่ระบาดในกลุ่ม LGBT หรือคนที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน (ในกลุ่มผู้ใช้สิ่งเสพติด)
  • สำหรับสายพันธุ์ที่ไม่เคยเจอในประเทศไทยคือ สายพันธุ์ซี แต่ว่ามีการพบสายพันธุ์ระหว่าง อี-ซี ที่เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์อีในประเทศไทยกับสายพันธุ์ซี ซึ่งมีบ้านเกิดในทวีปแอฟริกา และก็เมื่อเร็วๆนี้ ได้ศึกษาค้นพบเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ ที่ไม่เคยตรวจเจอที่ใดในโลกมาก่อน เป็นการผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ เป็น เอ อี และจี เรียกว่า เอ อี จี(AE/G)

 

การติดต่อของโรคเอดส์มี 3 ทางดังต่อไปนี้

  1. การร่วมเพศกับคนที่มีเชื้อเอชไอวี

การร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อโรคเอชไอวีเป็นต้นเหตุหลักของการได้รับเชื้อไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับเพศใดก็ตาม ทั้งนี้จากข้อมูลของทางกองระบาดวิทยาระบุว่า 83% ของผู้ติดเชื้อโรคเอชไอวีนั้น ได้รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งสิ้น

  1. การรับเชื้อทางเลือด

การติดเชื้อโรคเอดส์เจอได้ใน 2 กรณี เป็น

  • 2.1 ใช้เข็มฉีดยาด้วยกัน หรือแม้แต่การใช้กระบอกสำหรับฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อโรคเอชไอวี ซึ่งพบบ่อยในกลุ่มผู้เสพยาเสพติด หรือฉีดยาเข้าเส้น
  • 2.2 รับเลือดมาจากการผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิด ในสมัยก่อนมีการติดเชื้อเอชไอวีจากช่องทางนี้ค่อนข้างจะเยอะ เพราะว่ายังไม่มีการตรวจเลือดที่ละเอียดนัก แต่ว่าปัจจุบันนี้ได้มีการนำเลือดที่รับบริจาคไปทำการวิเคราะห์หาเชื้อก่อนทุกครั้ง ทำให้อัตราการติดเชื้อจากการรับเลือดน้อยลงเป็นอย่างมาก

 

  1. การติดต่อผ่านแม่สู่ลูก

มีสาเหตุจากแม่ที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่แล้วตั้งท้อง โดยเชื้อเอชไอวีจะถ่ายทอดสู่ลูกขณะคลอด แต่ว่าปัจจุบันได้ศึกษาค้นพบวิธีการป้องกันการแพร่ระบาดจากแม่สู่ลูกได้แล้วโดยวิธีการรับประทานยาต้านเชื้อไวรัสในตอนตั้งครรภ์ จะช่วยลดการเสี่ยงจากการรับเชื้อของเด็กแรกคลอดลงได้

 

นอกจากนี้ เชื้อเอชไอวียังสามารถติดต่อได้อีกหลายวิธี แต่ก็มีโอกาสน้อยมาก อาทิเช่นการเจาะหูโดยการใช้เข็มร่วมกับผู้ติดเชื้อโรค หรือแม้กระทั้งการสัก ไม่ว่าจะเป็นการสักผิวหนังสักขนคิ้ว นอกเหนือจากเลือดแล้ว เชื้อเอสไอวียังสามารถติดต่อกันผ่านทางน้ำเหลืองได้ด้วย โดยอาจติดโรคจากการที่รอยแผลของเราสัมผัสกับรอยแผลของผู้ติดโรค แต่ว่าก็ถือว่ามีโอกาสต่ำมาก โดยจะติดเชื้อได้ก็ต่อเมื่อเป็นแผลเปิด แผลสด และก็มีเลือดหรือน้ำเหลืองที่มีเชื้อไหลเข้าไปเป็นจำนวนมากเท่านั้น

 

ปัจจัยที่ทำให้ติดโรคเอดส์

 

สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีมีหลายประการ คือ

  • ปริมาณเชื้อเอชไอวี ถ้าหากได้รับเชื้อเอชไอวีในปริมาณมากก็จะมีผลให้เสี่ยงต่อการรับเชื้อสูงตามไปด้วย โดยเชื้อเอชไอวีพบมากที่สุดในเลือด รองลงมาเป็น น้ำอสุจิและก็น้ำในช่องคลอด
  • มีบาดแผล ถ้าหากมีบาดแผลบริเวณผิวหนังหรือช่องปาก ย่อมทำให้ได้โอกาสติดเชื้อโรคสูงมากขึ้น (จากการร่วมเพศทางโพรงปาก) เพราะว่าเชื้อเอชไอวีสามารถเข้าสู่รอยแผลได้
  • ความบ่อยสำหรับเพื่อการสัมผัสเชื้อ หากมีการสัมผัสเชื้อไวรัสบ่อยโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อก็มีสูงขึ้น อาทิเช่น นักค้นคว้าที่ต้องกระทำทดลอง ศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชไอวี ฯลฯ
  • การติดเชื้อแบบอื่นๆเช่น แผลเริม ซึ่งแผลประเภทนี้จะมีเม็ดเลือดขาวอยู่ที่รอบๆรอยแผลจำนวนมากทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการรับเชื้อได้ง่าย

 

การป้องกันโรคเอดส์

โรคเอดส์เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้เพียงทำความเข้าใจให้ถูก และกระทำตามหลักดังต่อไปนี้

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ร่วมเพศ
  • มีคู่รักเพียงผู้เดียว
  • ก่อนแต่งงาน หรือมีบุตร ควรต้องรับการตรวจร่างกาย แล้วก็ตรวจเลือด
  • งดใช้สารเสพติดทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เข็ดขยาดฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

ขอบคุณบทความจาก https://www.honestdocs.co/aids-hiv-infection-and-prevention

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา