นิสัยของไซบีเรียน

Thanitanitan

ขีดเขียนหน้าใหม่ (43)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:66
เมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562 18.03 น.

 


ไซบีเรียน ฮัสกี (Siberian Husky) เป็นหมาขนาดกลางที่มีถิ่นเกิดในแถบไซบีเรีย หมาสายพันธุ์นี้มีนิสัยเฉลี่ยวฉลาด แสนซน และมีพลังเหลือล้น สามารถวิ่งในระยะทางหลายไมล์แล้วก็วิ่งลากของหนักๆได้ด้วย เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกีเป็นสุนัขที่นิยมนำมาช่วยลากเลื่อน

 

ลักษณะทั่วไปของไซบีเรียนฮัสกี

โดยส่วนใหญ่ไซบีเรียน ฮัสกีโตเต็มวัยจะมีความสูงราว 20 - 23.5 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 17 - 28 กิโล จัดอยู่ในกลุ่มหมาขนาดกลาง โดยเพศผู้จะมีขนาดตัวและน้ำหนักมากยิ่งกว่าเพศเมีย ลักษณะตัวยาวรวมทั้งมีขนาดพอเหมาะ และมีความอึด มีพลัง และก็รวดเร็ว

นอกจากนี้ยังมีฝีเท้าเบาและมีลักษณะท่าทางการวิ่งที่ไหลลื่น ทำให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนสองชั้นซึ่งมีความยาวปานกลาง ขนชั้นนอกมีลักษณะเรียบตรง ส่วนขนชั้นในนั้นนุ่มและหนาแน่น เพื่อกันความหนาว

ไซบีเรียน ฮัสกี มีหลากสี โดยส่วนมากเป็นสีดำ สีขาวแล้วก็สีน้ำตาล หรืออาจเป็นสีผสม อาทิเช่นสีน้ำตาลกับขาว สีเทากับสีขาว และก็สีดำเทา

 

ลักษณะนิสัยส่วนตัวของไซบีเรียนฮัสกี

ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นสุนัขที่ตื่นตัวตลอดเวลาเฉลี่ยวฉลาด รักอิสระ ดื้อ รักสนุก รักในการเข้าสังคม แสนรู้ ต้องการเอาใจใส่และก็การดูแลเป็นอย่างมาก ที่สำคัญชื่นชอบการวิ่ง ซึ่งนับเป็นความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของหมาพันธุ์นี้ โดยสามารถวิ่งต่อเนื่องได้นานนับชั่วโมง แม้ว่าโดยส่วนมากไซบีเรียน ฮัสกี จะเป็นมิตร แต่ก็อาจดุร้ายต่อหมาที่ไม่คุ้นเคย นอกจากนี้บางตัวอาจมีนิสัยชอบขุด กัดสิ่งของต่างๆและก็หอนในบางครั้ง

 

การดูแลไซบีเรียนฮัสกี

ไซบีเรียน ฮัสกี ต้องการออกกำลังกายบ่อยๆ และก็ต้องแปรงขนอาทิตย์ละครั้ง รวมทั้งจำเป็นต้องแปรงขนทุกวันในตอนที่มีการผลัดขน ชอบอากาศหนาวเย็น แต่หากว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะสามารถอาศัยอยู่นอกบ้านในอากาศที่หนาวเย็นได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการให้ใช้เวลาอยู่ทั้งภายในบ้านรวมทั้งนอกบ้านเท่าๆกัน

 

สุขภาพของไซบีเรียนฮัสกี

ไซบีเรียนฮัสกีมีอายุเฉลี่ยโดยประมาณ 11-13 ปี โรคที่มักเกิดกับสุนัขสายพันธุ์นี้ อาทิเช่น โรคจอประสาทตาอักเสบไฮโปไทรอยด์ ต้อกระจก แล้วก็กระจกตาเสื่อม เพราะฉะนั้น เมื่อพาไปหาสัตวแพทย์ สัตวแพทย์อาจมีการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ และก็ตรวจตาเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคเหล่านี้หรือไม่

 

เรื่องราวของไซบีเรียนฮัสกี

ชาวชุกชี (Chukchi) ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย เป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์หมาไซบีเรียนฮัสกีขึ้นมา เพื่อช่วยดูแลฝูงกวางเรนเดียร์แล้วก็ใช้ในการลากเลื่อนหิมะ แต่ต้นเกิดของสายพันธุ์นี้ก็ยังคงเป็นปริศนา ซึ่งคาดว่าไซบีเรียน ฮัสกี้คงจะมีส่วนผสมของสุนัขหลายๆสายพันธุ์รวมกัน ชาวจุกชีจำเป็นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะสามารถฝึกหัดให้หมาพันธุ์นี้เป็นสุนัขลากเลื่อนได้

 

ปี ค.ศ. 1909 เป็นปีแรกที่ชาวจุกชีได้นำสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีมาลงแข่งขันลากเลื่อน ซึ่งในอดีตการแข่งขันสุนัขนับว่าเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมาก สำหรับการแข่งคราวหนึ่ง หมาจะต้องวิ่งเป็นระยะทาง400 ไมล์ จากเมืองโนม (Nome) ไปถึงเมืองแคนเดิล (Candle) ในรัฐอลาสกา ซึ่งเป็นทางที่เดินทางได้ทุกข์ยาก ด้วยความสามารถสำหรับเพื่อการวิ่งรวมทั้งการดึงเลื่อน ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกีกลายมาเป็นสุนัขสายพันธุ์ต้นๆที่นิยมสำหรับในการชิงชัยสุนัขในเวลาต่อมา

 

ทั้งนี้ในปีคริสต์ศักราช 1910 ชาร์ล ฟ็อกซ์ เมาเล แรมเซย์ (Charles Fox Maule Ramsay) ชายชาวสกอตแลนด์ ได้เล็งเห็นลักษณะและก็ความรู้ความเข้าใจของหมาสายพันธุ์นี้ จึงแนะนำให้ จอห์น ไอรอนแมน จอห์นสัน (John “Iron Man” Johnson) ผู้บังคับหมาลากเลื่อนใช้หมาไซบีเรียนฮัสกีลงแข่งขันลากเลื่อนในปีนั้น ทำให้เอาชนะทีมคู่แข่งได้อย่างง่ายๆและกลุ่มของแรมเซย์กลุ่มอื่นๆที่ใช้ไซบีเรียนฮัสกีเป็นหมาลากเลื่อน ก็ยังเข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 แล้วก็ที่ 4 สำหรับในการแข่งคราวนั้นด้วย ในทศวรรษถัดมา หมาพันธุ์นี้ได้ถูกชื่นชมให้เป็นสายพันธุ์ที่มีเกียรติสำหรับในการชิงชัยลากเลื่อน โดยเฉพาะด้านความทรหดอดทนในการแข่ง

 

ในปี ค.ศ. 1925 เมืองโนม รัฐอลาสกาได้กำเนิดโรคระบาดจากสารพิษขึ้น ทำให้มีความต้องการยาต่อต้านพิษอย่างเร่งด่วน จึงมีการจัดคนบังคับเลื่อน 20 คน แล้วก็หมาลากเลื่อน 150 ตัว เพื่อขนส่งยาต่อต้านพิษเป็นระยะทาง 674 ไมล์ผ่านรัฐอลาสกา ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 5 วันครึ่งเท่านั้น ถือว่าเป็นการเดินทางที่ใช้เวลาน้อยสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้สามารถช่วยผู้คนในเมืองโนมและก็ชุมชนรอบๆได้ เรื่องราวนี้มีชื่อเรียกว่า Great race of mercy หลังจากเหตุการณ์นี้ คนบังคับเลื่อนรวมทั้งหมาลากเลื่อนทั้งคณะ กลายเป็นกรุ๊ปที่โด่งดังไปทั้งประเทศอเมริกา แล้วก็บัลโต (Balto) สุนัขไซบีเรียนฮัสกีจ่าฝูงสุนัขลากเคลื่อนที่ได้วิ่งนำสหายสำหรับในการวิ่งหนสุดท้าย เพื่อส่งเซรั่มไปยังเมืองโนม ก็ได้รับความโด่งดังอย่างยิ่งจนมีการสร้างรูปปั้นไว้เป็นของที่ระลึกในเซนทรัลปาร์ค (Central park) ที่นิวยอร์ค

 

10 เดือน ภายหลังที่บัลโตได้วิ่งไปถึงเมืองโนม ความชื่นชอบในไซบีเรียนฮัสกี ก็เริ่มแพร่ไปที่ประเทศแคนาดา แล้วก็ในปี ค.ศ. 1930 อเมริกัน เคนเน็ล คลับ(American Kennel club) ชมรมหมาที่อเมริกา ได้เริ่มทำความรู้จักหมาไซบีเรียน ฮัสกีมากยิ่งขึ้น แล้วก็มีการนำหมาไซบีเรียนฮัสกีหลายตัวไปฝึกหัดเป็นกลุ่มช่วยเหลือรวมทั้งทีมค้นหาของทหารรัฐอลาสกาในอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

 

Tags : ไซบีเรียนฮัสกี

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา