การเตรียมตัวก่อนตรวจภูมิแพ้
“จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา เป็นผื่นแดง คัน อื่นๆอีกมากมาย” อาการพวกนี้ชี้ว่าคุณกำลังแพ้อะไรสักอย่างซึ่งวิธีรักษาและป้องกันโรคภูมิแพ้ที่เยี่ยมที่สุด ทำได้ด้วยการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ แต่ว่า...ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ หลายคนไม่รู้ดีว่าอาการแพ้ที่ตัวเองเป็นบ่อยๆนั้นเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากอะไรกันแน่ ซึ่งถ้าเกิดต้องการทราบสาเหตุที่แจ่มแจ้ง ก็ควรเข้ารับการ ตรวจภูมิแพ้ เพื่อจะป้องกันได้ตรงจุด
โรคภูมิแพ้เกิดจากอะไร?
โรคภูมิแพ้มีหลายประเภท อาทิเช่น แพ้ยา แพ้ของกิน แพ้อากาศ แพ้ฝุ่นผง แพ้การสัมผัสสารต่างๆฯลฯ ซึ่งล้วนมีสาเหตุจากกลไกเดียวกันทั้งนั้น เป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายรู้ผิดว่าสารก่อภูมิแพ้นั้นๆก่อให้เกิดอันตราย ก็เลยปลดปล่อยสารฮีสตามีนออกมาเพื่อต้าน รวมทั้งทำให้มีการเกิดอาการแพ้ตามมานั่นเอง
สารก่อภูมิแพ้แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังต่อไปนี้
- สารก่อภูมิแพ้ที่เข้าสู่ร่างกายโดยการสูดดม ตัวอย่างเช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่นผง รังแคสัตว์ มักทำให้มีลักษณะอาการคัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหลเป็นสีใส จามบ่อย คันตา รวมทั้งมีเสมหะไหลลงคอ มักมีลักษณะแบบเป็นๆหายๆ
- สารก่อภูมิแพ้จากของกินที่กิน ได้แก่ อาหารทะเล ถั่ว นม ไข่ สังเกตได้จากอาการชาหรือคันที่ปาก หู คอหรือดวงตา มีผื่นเหมือนลมพิษ บวมตามใบหน้า ปาก ลิ้น คอ กลืนของกินตรากตรำ หายใจลำบาก เวียนศีรษะอาเจียน หากแพ้ร้ายแรงบางทีอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ว่าบางคนก็มีอาการภูมิแพ้อาหารซ่อนเร้น (Food Intolerance) ซึ่งเป็นสภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยของกินบางอย่างได้ตามธรรมดา ทำให้มักเกิดอาการเจ็บท้อง ท้องอืด ท้องเสียตามมา ซึ่งอาจงงกับการแพ้สารก่อภูมิแพ้จากอาหาร (Food allergy) จริงๆได้
- สารก่อภูมิแพ้ที่สัมผัสผิวหนัง ตัวอย่างเช่น สินค้าสำหรับผิว ยางจากผักผลไม้หรือต้นไม้ คนเจ็บจะมีลักษณะอาการคัน เกิดตุ่มนูนผื่นคันหรือมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง โดยยิ่งไปกว่านั้นบริเวณที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้
เพราะเหตุไรจำต้องตรวจภูมิแพ้
คนไข้โรคภูมิแพ้ผู้คนจำนวนมากสามารถปรับตัวแล้วก็เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับอาการแพ้ที่เกิดขึ้นได้บางบุคคลก็จำต้องรับประทานยาแก้แพ้เสมอๆ แต่การตรวจภูมิแพ้นั้นก็สำคัญ เพราะคุณจะได้รับรู้ว่าสารก่อภูมิแพ้เป็นอย่างไรกันแน่รวมทั้งหลีกเลี่ยงได้นอกเหนือจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ยังสามารถให้คำปรึกษาแก่คุณโดยยิ่งไปกว่านั้น ซึ่งบางทีอาจช่วยให้คุณดำเนินชีวิตได้ธรรมดาเกือบเท่ากันผู้ที่ไม่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างยิ่งจริงๆ
การเตรียมตัวก่อนตรวจภูมิแพ้
- แจ้งให้หมอทราบถึงยา อาหารเสริม วิตามิน แล้วก็สมุนไพรจำพวกอะไรก็ตามที่กำลังใช้อยู่ก่อนเข้ารับการตรวจ ด้วยเหตุว่ายาบางตัวอาจจะเป็นผลให้ผลการทดสอบคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอาทิเช่น โรคหัวใจ แล้วก็โรคความดันโลหิตสูง ที่กำลังใช้ยารักษาโรคดังที่กล่าวผ่านมาแล้วอยู่
- งดกินยาแก้แพ้และก็ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ อีกทั้งยาที่หมอสั่งและก็ยาที่หาซื้อมาใช้เอง ตรงเวลาอย่างต่ำ 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการทดลอง แต่ว่าถ้าหากจำเป็นต้องใช้ยา ควรจะขอความเห็นหมอก่อนว่าจะสามารถใช้ได้หรือไม่
- ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเตรียมตัวร่างกายก่อนเข้ารับการตรวจ ไม่สมควรเจ็บไข้หรือมีไข้
แนวทางการตรวจภูมิแพ้
ในขั้นต้นหมอจะสอบถามถึงอาการที่เข้าเกณฑ์ภูมิแพ้ ต่อจากนั้นจึงซักเรื่องราวสุขภาพรวมทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณ เพื่อประเมินว่าอาการภูมิแพ้คงจะมีต้นเหตุจากอะไร รวมทั้งเรื่องราวสุขภาพของคนภายในครอบครัว เพราะโรคภูมิแพ้นั้นสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ รวมทั้งภูมิแพ้บางจำพวกยังมีความข้องเกี่ยวกับโรคอื่นๆอาทิเช่น หอบหืด ฯลฯ
หลังจากซักประวัติ ลำดับต่อไปก็คือการตรวจเพิ่มเพื่อหาสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ มีวิธีดังต่อไปนี้
- การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy skin test) เป็นการนำน้ำยาที่สกัดจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆกลางอากาศ เช่นฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น แมลงสาบ รังแคสัตว์เลี้ยง เกสร ต้นหญ้า พืช เรื้อรา รวมทั้งสารก่อภูมิแพ้จากอาหาร ยกตัวอย่างเช่น นม ไข่ ถั่ว อาหารทะเล มาทดสอบกับผิวหนังของคนป่วย แนวทางแบบนี้ทำได้ง่าย ราคาไม่แพง และก็ทราบผลได้ทันที การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังทำได้ 2 วิธี ได้แก่
- การตรวจเลือดหาจำนวนสารก่อภูมิคุ้มกัน (Serum Specific IgE) ทำได้ด้วยการเจาะเลือดเพียง 1 ครั้ง ก็สามารถระบุสารก่อภูมิแพ้ได้หลายชนิด ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาเข้ารับการทดลองนานไม่ต้องงดเว้นยาแก้แพ้ก่อนตรวจ และไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกาย แม้กระนั้นมีราคาแพง แล้วก็จำต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้ผลตรวจ
- การลองหลีกเลี่ยงอาหารที่สงสัยว่าแพ้ ถ้าหากเป็นอาการภูมิแพ้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการรับประทานอาหารแพทย์จะให้ท่านทดลองหยุดรับประทานอาหารประเภทนั้นๆสลับกับการกลับมารับประทานอีกรอบ เพื่อสังเกตว่าระหว่างรับประทานและก็หยุดรับประทานมีลักษณะต่างกันยังไงถ้าหากระหว่างกินแล้วมีอาการแพ้ หมายความว่าคุณแพ้ของกินจำพวกนั้น
- วิธีสะกิด (Skin prick test) จะใช้น้ำยาสกัดสารก่อภูมิแพ้หยดลงบนผิวหนังรอบๆแขน ต่อจากนั้นใช้เข็มสะกิดเบาๆที่กึ่งกลางหยดน้ำยาเพื่อให้สารก่อภูมิแพ้เข้าไปสัมผัสในชั้นผิวหนัง ถ้าคุณมีภูมิแพ้ต่อสารนั้นๆก็จะเกิดปฏิกิริยาแพ้ ตามมาด้วยรอยนูนรวมทั้งผื่นแดง สามารถรู้ผลตอบแทนใน 20 นาทีหลังการทดสอบ แนวทางนี้นิยมใช้กันมาก เนื่องจากว่าทำง่าย สบายเร็ว ไม่เจ็บ รวมทั้งเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกายได้น้อย
- วิธีฉีดเข้าไปในผิวหนัง (Intradermal test) คล้ายกับวิธีสะกิด แต่ว่าจะใช้เข็มฉีดยาฉีดน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในชั้นผิวหนังแทน หากมีลักษณะอาการแพ้ก็จะกำเนิดเป็นรอยนูนจุดเล็กๆอ่านผลตอบแทนข้างใน 20 นาทีข้างหลังฉีดด้วยเหมือนกัน แม้กระนั้นแนวทางลักษณะนี้ทำยาก เสียเวล่ำเวลา ใช้เครื่องไม้เครื่องมือมากมาย เจ็บ แล้วก็เสี่ยงเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกายได้มากกว่าวิธีการสะกิด
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้