รู้จักกับโรคไบโพลาร์ชนิด Cyclothymia

Thanitanitan

ขีดเขียนหน้าใหม่ (43)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:66
เมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 21.13 น.

โรคไบโพลาร์ หรือไบโพล่า (Bipolar Disorder) เป็น โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้วที่ทำให้มีอารมณ์ซึมเศร้าในช่วงหนึ่ง และมีร่าเริงแตกต่างจากปกติในอีกตอนหนึ่งสลับกันไป โรคนี้ถือเป็นความผิดปกติทางอารมณ์ที่จำต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

ไบโพลาร์

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไบโพลาร์จะมีลักษณะอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างอารมณ์ซึมเศร้า (Major depressive episode) สลับกับช่วงอารมณ์ดีมากเกินปกติ (Mania หรือ Hypomania) โดยอาการในแต่ละช่วงบางทีอาจเป็นอยู่นานนับเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือนับเป็นเวลาหลายเดือนก็ได้ ลักษณะของโรคจะมีผลเสียต่อผู้ป่วยอีกทั้งในด้านการงาน การดำรงชีพ ความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ แล้วก็การดูแลตนเองเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ 

 

จำพวกของโรคไบโพลาร์

โรคไบโพลาร์มีหลากหลายประเภท แบ่งแยกตามอาการแล้วก็ความรุนแรงได้เป็นประเภทสำคัญๆดังต่อไปนี้

  • Bipolar I เป็นโรคไบโพลาร์แบบที่ร้ายแรงที่สุด

ผู้ป่วยจะมีอาการแบบร่าเริงแตกต่างจากปกติขั้นต่ำ 1 ครั้ง และก็ลักษณะโรคซึมเศร้าอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยมีลักษณะอาการทุกวันอย่างน้อย 1 อาทิตย์ โดยอาการแบบอารมณ์ดีไม่ปกติ (มาเนีย) ของผู้ป่วย Bipolar I จะร้ายแรงกว่าลักษณะของผู้ป่วย Bipolar II มากมาย

  • โรคไบโพลาร์แบบ Bipolar II 

โรคไบโพลาร์แบบนี้มักตรวจพบภายหลังจากผู้ป่วยมีลักษณะของโรคซึมเศร้าแล้วขั้นต่ำ 1 ครั้ง ร่วมกับอาการมาเนียอย่างอ่อน (Hypomania) อย่างต่ำ 1 ครั้งเช่นกัน โดยมีตอนที่มีอารมณ์ธรรมดาคั่นอยู่ระหว่างอาการซึมเศร้าแล้วก็อาการอารมณ์ดีผิดปกติ ภาวะอารมณ์ดีในโรคไบโพลาร์แบบ Bipolar II จะมีไม่มากเท่า Bipolar I ก็เลยมักจะรับการวินิจฉัยผิดพลาดว่าเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากอาการมาเนียอย่างอ่อนของผู้ป่วยมักถูกละเลยไป

  • โรคไบโพลาร์แบบ Cyclothymia 

เป็นโรคไบโพลาร์ชนิดอ่อน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Cyclothymic disorder ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการมาเนียและก็ซึมเศร้าที่ร้ายแรงน้อยกว่าอีก 2 ประเภทข้างต้น

ไบโพลาร์ชนิดอ่อน (Cyclothymia) คืออะไร

โรคไบโพลาร์แบบอ่อน (Cyclothymic disorder หรือ Cyclothymia) มีลักษณะอาการราวกับโรคไบโพลาร์ทั่วไป เป็น ผู้ป่วยจะมีอารมณ์แปรปรวนขึ้นๆลงๆสลับกันระหว่างสภาวะที่มีอารมณ์ร่าเริงเกินปกติ กับภาวะอารมณ์ซึมเศร้า โดยมีช่วงสั้นๆที่มีอารมณ์เป็นปกติบ้าง

Cyclothymia กับไบโพลาร์ แตกต่างกันที่ความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น 

ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์จะมีลักษณะที่ร้ายแรงกว่า โดยในช่วงอาการแบบมาเนียนั้นจะเริ่มด้วยความรู้สึกที่ปลาบปลื้ม เป็นสุขเหลือล้น กระฉับกระเฉง มีความรู้สึกว่าเป็นที่สุดของโลกนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆอาทิเช่น ขับรถเร็ว เสพสิ่งเสพติด หรือดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยไบโพลาร์ที่มีลักษณะอาการมาเนียอาจไม่นอนติดต่อกันได้ถึง 2 วัน พูดเร็วขึ้น และเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาไปอย่างรวดเร็วและไม่สัมพันธ์กัน 

ในขณะที่ผู้ป่วย Cyclothymia จะมีสภาวะซึมเศร้าและอาการมาเนียที่อ่อนกว่าไบโพลาร์ มีอาการน้อยกว่า รวมทั้งเกิดขึ้นในระยะที่สั้นกว่า อาการดูอย่างกับว่าเวลาปกติที่คุณผ่านวันที่ดีและก็วันที่ห่วยสลับกันไป ยกตัวอย่างเช่น นอนน้อยลง สนทนามากเพิ่มขึ้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าจะมีอารมณ์แปรปรวนขึ้นลงไปตลอด แทบจะไม่มีตอนที่อารมณ์เป็นปกติเลย

อาการโรคไบโพลาร์ชนิด Cyclothymia

นอกจากอารมณ์แปรปรวนแล้ว ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ชนิดอ่อนยังอาจมีอาการอื่นๆในอาการต่อไปนี้

  • มีอารมณ์แปรปรวนขึ้นๆลงๆมานานอย่างน้อย 2 ปี
  • อาการทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงานหรือความสัมพันธ์กับคนที่อยู่รอบข้างอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วง 2 ปี
  • ตอนที่คุณไม่มีอาการหรือมีอารมณ์ปกตินั้นเกิดขึ้นน้อยกว่า 3 เดือนติดต่อกัน
  • อาการไม่รุนแรงถึงขั้นเข้ามาตรฐานโรคไบโพลาร์

 

การรักษา

ผู้ป่วย Cyclothymia หลายคนสามารถมีชีวิตได้อย่างปกติโดยไม่ต้องรักษา แต่ว่าคนรอบข้างก็ควรจะเฝ้าสังเกตดูลักษณะของผู้ป่วยด้วย เนื่องจาก 1 ใน 3 ถึง 1 ใน 2 ของผู้ป่วย Cyclothymia สามารถมีอาการรุนแรงขึ้นจนถึงแปลงเป็นโรคไบโพลาร์ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคไบโพลาร์ ซึ่งจะมีความเสี่ยงเป็นโรคไบโพลาร์มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งการป้องกันการพัฒนาจากโรค Cyclothymia ไปเป็นโรคไบโพลาร์นั้นทำได้ยาก แม้กระนั้นผู้เชี่ยวชาญมั่นใจว่าการเริ่มรักษา Cyclothymia ให้เร็วที่สุดสามารถป้องกันไม่ให้โรคนี้แปลงเป็นโรคไบโพลาร์ได้

อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบันไม่มีการรักษาที่แน่ชัดสำหรับโรค Cyclothymia แม้กระทั้งยาที่ใช้รักษาโรคไบโพลาร์ ตัวอย่างเช่น กลุ่มยาควบคุมสติ ก็ไม่สามารถช่วยทำให้อาการดีขึ้นได้เสมอ 

การรักษาที่นิยมใช้เป็นการสนทนาบำบัดกับนักจิตวิทยา (Talk therapy) โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยทำให้ตัวผู้ป่วยทำความเข้าใจการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง รวมทั้งเข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุที่บางทีอาจเป็นตัวกระตุ้นให้อาการเกิดขึ้นอีก ตัวอย่างเช่น อารมณ์ที่แปรปรวนนั้นเกิดขึ้นได้จากการนอนไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการเดินทางผ่านโซนเวลาต่างๆนอกนั้น การบำบัดด้วยแสง (Light therapy) ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ใช้รักษาโรค Cyclothymia ได้

 

Tags : ไบโพลาร์

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา