ตรวจโลหะหนักในร่างกาย เป็นอย่างไร จำเป็นไหม ราคามากแค่ไหน?

Siwaporn_s

ขีดเขียนชั้นอนุบาล (87)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:175
เมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2563 19.27 น.

ทราบไหมว่า ฝุ่นละอองควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือแม้กระทั้งอาหารที่คุณกินเป็นประจำนั้น อาจมีการแปดเปื้อนของโลหะหนัก ซึ่งถ้าได้รับในปริมาณมากต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางทีอาจส่งผลรุนแรงต่อสภาพร่างกาย นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆตามมาได้ การตรวจโลหะหนักภายในร่างกาย เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ช่วยให้พวกเราสามารถสกัดกั้นโรคร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

 

โลหะหนักเป็นอย่างไร?

โลหะหนักเป็นส่วนประกอบที่เจอได้ตามธรรมชาติ มักประยุกต์ใช้ในระบบอุตสาหกรรมการผลิตองค์ประกอบ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยา รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรต่างๆจึงนับยอดเยี่ยมในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างมาก

 

นอกจากนั้นโลหะหนักชนิดสังกะสี เหล็ก ทองแดง ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญภายในร่างกายมนุษย์อีกด้วย เนื่องจากเป็นสารที่จำเป็นจะต้องต่อแนวทางการทำงานของระบบต่างๆแต่ถ้าร่างกายได้รับโลหะหนักมากจนเกินความจำเป็น ก็จะทำให้เกิดผลเสียตามมา โดยโลหะที่พบได้บ่อยว่ามีการปนเปื้อนในร่างกายจนมีอันตรายนั้นมีอยู่ 9 ชนิดร่วมกัน เช่น

 

* สารหนู (Arsenic)

* ปรอท (Mercury)

* แคตเมียม (Cadmium)

* โครเมียม (Chromium)

* วัวบอลท์ (Cobalt)

* นิเกิล (Nickle)

* แมงกานีส (Manganese)

* อลูมินัม (Aluminum)

* ตะกั่ว (Lead)

 

โลหะหนักไปสู่ร่างกายได้อย่างไร?

โลหะหนักเข้าสู่ร่างกายได้มากมายช่องทาง แม้พวกเรารู้ถึงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเหล่านี้ ก็จะสามารถวางแผนป้องกันได้อย่างเหมาะสม โดยวิธีที่โลหะหนักเข้าสู่ร่างกายมี 3 วิธีหลักๆดังต่อไปนี้

 

* การสูดดม ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ยาสูบ หรือควันที่มีพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมไปถึงฝุ่นที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศ มักมีการแปดเปื้อนของโลหะหนักอยู่ออกจะมาก ด้วยเหตุนั้นแม้คุณดมควันและก็ฝุ่นละอองเหล่านี้ โลหะหนักก็จะเข้าสู่ร่างกายไปด้วย

* การกิน แหล่งน้ำจืด น้ำทะเล แผ่นดินบางพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรม อาจมีการแปดเปื้อนของโลหะหนัก ซึ่งถ้าหากมีการจับสัตว์น้ำหรือมีการเพาะปลูกรอบๆดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ก็มีโอกาสที่สัตว์น้ำหรือพืชผักจะแปดเปื้อนโลหะหนักออกจะสูง ดังนี้ในบางประเทศมีการออกคำเสนอแนะให้หญิงตั้งท้อง หลีกเลี่ยงการรับประทานปลาทูน่า เนื่องมาจากพบว่ามีสารปรอทแปดเปื้อนในปริมาณที่สูง กระทั่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้

* การสัมผัส เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้โลหะหนักเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งจะต้องสัมผัสกับสารเคมีต่างๆหลายครั้ง ผิวหนังก็อาจมีการดูดซึมโลหะหนักที่แปดเปื้อนอยู่ได้ นอกนั้นการใช้เครื่องสำอางที่มิได้มาตรฐานมีการผสมสารโลหะหนัก ก็เป็นช่องทางที่ทำให้โลหะหนักสะสมภายในร่างกายได้ด้วยเหมือนกัน

 

เมื่อโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายจะออกอาการอย่างไร?

โลหะหนักแม้ว่าจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย แม้กระนั้นถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น จะมีผลรุนแรงได้ ซึ่งอันตรายจากโลหะหนักนั้นจะต่างๆนาๆตามประเภทของโลหะนั้นๆแต่โดยธรรมดาจะมีอาการเบื้องต้นดังต่อไปนี้

 

* ท้องร่วง คลื่นไส้ ปวดท้อง อ้วก

* หายใจไม่สะดวก สูดหายใจได้ไม่สุด

* มือหรือเท้า สั่น เมื่อยล้า

* รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงตามมือรวมทั้งเท้า

 

ดังนี้ปัญหาพิษจากโลหะหนักที่พบในตอนนี้มักมิได้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการได้รับพิษอย่างฉับพลันและก็ออกอาการโดยทันที แต่ว่าเป็นการได้รับโลหะหนักปริมาณน้อยแล้วก็สะสมไปเรื่อยๆจนถึงนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพตามมา เนื่องจากเมื่อสารโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปจับกับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆจนกระทั่งทำให้โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีพวกนั้นไม่ทำงาน ระบบต่างๆภายในร่างกายจึงหยุดชะงัก ยิ่งไปกว่านี้โลหะหนักยังส่งผลให้เกิดการอักเสบของเส้นเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน รวมทั้งยังเป็นพิษต่อเซลล์ภายในร่างกาย ทำให้เซลล์มีการแบ่งตัวแตกต่างจากปกติ ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของโรคมะเร็งอีกด้วย

 

แนวทางกันร่างกายให้ไกลห่างจากโลหะหนัก

จากสิ่งแวดล้อมในขณะนี้ อาจพูดได้ว่าโลหะหนักได้โอกาสไปสู่ร่างกายได้ตลอดระยะเวลา ผ่านการสูดดม สัมผัสและกินอาหารที่มีการปนเปื้อนโลหะหนัก แม้กระนั้นเราสามารถเลี่ยงได้เช่นเดียวกัน ด้วยการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำนี้

 

* หลบหลีกการอยู่ในที่ที่มีฝุ่นละอองควัน แม้กระนั้นแม้ต้องเดินทางไปยังสถานที่นั้น ควรสวมหน้ากากอนามัยที่บอกว่าสามารถกันฝุ่นผงแล้วก็โลหะหนักได้

* ถ้าเกิดต้องปฏิบัติงานหรืออาศัยในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากโลหะหนัก จำเป็นที่จะต้องสวมหน้ากากแล้วก็เสื้อผ้าที่กันพิษ

* หลีกเลี่ยงการสัมผัสแบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย แล้วก็อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ที่ย่อยสลายแล้ว

* อ่านฉลากของเครื่องมือต่างๆก่อนเลือกซื้อทุกหน เนื่องจากอุปกรณ์บางจำพวกอาจมีส่วนประกอบของโลหะหนักที่จำเป็นต้องรอบคอบในระหว่างการใช้งาน

* เลี่ยงการรับประทานอาหารซ้ำๆแม้แต่ผัก ผลไม้ก็ควรจะเวียนกิน เนื่องจากมีโอกาสได้รับโลหะหนักจำพวกเดิมโดยตลอด จนกระทั่งมีอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยเหตุนี้ควรจะรับประทานอาหารให้นานัปการเพื่อกระจายความเสี่ยง

* หลบหลีกการซื้อยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่มิได้รับการยืนยันมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยยิ่งไปกว่านั้นยาลูกกลอน เนื่องจากว่ามีการเจอโลหะหนักปนเปื้อนในโดยประมาณที่สูงมากมาย

* แม้อาศัยอยู่ในบ้านเก่าที่ก่อสร้างก่อนปี พุทธศักราช 2521 ควรจะปรับปรุงแก้ไขใหม่ เพราะเหตุว่าช่วงก่อนปี พ.ศ. 2521 มีการนำผลิตภัณฑ์สีทาบ้านที่ผสมสารตะกั่วมาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งถ้าสัมผัสหรือสูดดมอย่างต่อเนื่องจะทำให้เป็นอันตรายร้ายแรงได้

* เลี่ยงการใช้งานเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน ชนิดครีมหน้าขาว ที่ชี้แจงสรรพคุณว่าช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุว่าจำนวนมากจะมีส่วนผสมของโลหะหนักพวกปรอท ที่บางทีอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังได้

* ตรวจโลหะหนักในร่างกายเสมอๆทุกปี เพราะแม้พบว่ามีโลหะหนักภายในร่างกายเกินกฏเกณฑ์ แพทย์จะได้วางแผนเพื่อขับออกอย่างเหมาะสม

 

ตรวจโลหะหนักภายในร่างกายคืออะไร?

การตรวจโลหะหนักภายในร่างกายเป็นหนึ่งในกรรมวิธีการที่ช่วยให้พวกเราทราบดีว่าในร่างกายของพวกเรามีระดับโลหะหนักเกินมาตรฐานจนถึงก่อให้เกิดอันตรายไหม โดยแพทย์จะตรวจด้วยการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างเลือด เยี่ยวหรือเหงื่อ แล้วส่งไปตรวจทางห้องปฏิบัติการพิเศษซึ่งสามารถตรวจระดับโลหะหนักที่เป็นพิษต่อสุขภาพได้อีกทั้ง 9 ประเภท ถ้าพบว่ามีระดับโลหะหนักเกินมาตรฐานมาตรฐานจะได้กำหนดแผนการขับโลหะหนักออกมาจากร่างกายต่อไป

 

ผู้ใดควรตรวจโลหะหนักบ้าง?

อันที่จริงแล้วทุกคนสามารถเข้ารับการตรวจโลหะหนักได้ เพื่อกันโรคร้ายที่บางทีอาจเกิดขึ้น แต่ถ้าหากคุณมีความเสี่ยงดังต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจโลหะหนักบ่อยๆทุกปีเพื่อร่างกายที่แข็งแรงของตัวคุณเอง

 

* ผู้ที่แก่ 15 ปีขึ้นไป

* ผู้ที่ดำรงชีพที่มีการเสี่ยงจำเป็นต้องดมหรือสัมผัสกับโลหะหนักเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น บุคลากรในโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

* ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้โรงงานอุตสาหกรรม หรืออยู่ในสถานที่ที่พบว่ามีการปนเปื้อนหรือเคยมีการปนของโลหะหนัก

* ผู้ที่จำเป็นต้องดำเนินงานหรืออาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศ

* คนที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งจำต้องสัมผัสกับสารเคมีจำพวกปุ๋ย สารกำจัดแมลง บ่อยๆ

 

เตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการตรวจโลหะหนัก

 

วิธีการเตรียมพร้อมก่อนการตรวจโลหะหนักนั้นไม่ยุ่งยาก โดยมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้

 

* งดน้ำแล้วก็อาหาร (กินน้ำเปล่าได้) ก่อนเข้ารับการตรวจอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง

* งดเว้นอาหารทะเลก่อนจะมีการตรวจอย่างต่ำ 1 สัปดาห์

 

ค่าใช้จ่ายสำหรับเพื่อการตรวจโลหะหนักภายในร่างกาย

การตรวจโลหะหนักในร่างกายยอดเยี่ยมในวิธีที่ช่วยลดจังหวะเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้โรงหมอรัฐและเอกชนชั้นนำหลายที่ก็มีบริการตรวจโลหะหนักภายในร่างกาย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่โดยประมาณ 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายสำหรับบริการทางด้านการแพทย์และค่าสำหรับบริการโรงพยาบาลนั้นๆ

 

ถ้าตรวจเจอว่าโลหะหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานจำต้องทำอย่างไร?

ถ้าหากตรวจโลหะหนักแล้วพบว่ามีระดับโลหะหนักในร่างกายเกินมาตรฐานมาตรฐาน จำเป็นจะต้องวางแผนเพื่อกำจัดโลหะหนักพวกนั้นออกมาจากร่างกาย โดยแนวทางที่หมอใช้ในปัจจุบันคือการทำ คีเลชั่น (Chelation Therapy) โน่นคือการล้างพิษรวมทั้งโลหะหนักในเส้นเลือด โดยเป็นการให้ของเหลว ซึ่งสารประกอบชนิดกรดอะมิโนที่เรียกว่า Ethylene diamine tetra-acetic acid หรือ EDTA ผสมกับวิตามินและก็แร่ต่างๆเมื่อ EDTA เข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปทำหน้าที่จับกับสารโลหะหนัก อย่างเช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้กระทั้งแคลเซียมส่วนเกิน ต่อจากนั้นจะขับออกทางเยี่ยว โดยใช้เวลาสำหรับการให้ของเหลวราว 3-4 ชั่วโมง ทำประมาณ 8-10 ครั้ง นับเป็นวิธีที่ปลอดภัยและช่วยกำจัดโลหะหนักออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หลายท่านอาจมองผ่านการตรวจโลหะหนักในร่างกาย ด้วยเหตุว่ามีความรู้สึกว่าเกิดเรื่องไกลตัว แม้กระนั้นอันที่จริงแล้วโลหะหนักอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ยิ่งสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนั้นมีมลภาวะค่อนข้างจะมากมาย ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับโลหะหนักมากเพิ่มขึ้นตามไปด้วย การตรวจโลหะหนักอย่างสม่ำเสมอก็เลยเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรที่จะเอาใจใส่ เนื่องจากยิ่งตรวจพบเร็วเท่าใด ก็ยิ่งลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายได้เร็วขึ้นเพียงแค่นั้น

 

https://www.honestdocs.co/heavy-metal-inspection

 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา