รู้ไว้ก่อนสาย! อาการแพ้ยาปฏิชีวนะ ผลข้างเคียงจากยาที่ไม่ควรมองข้าม
ปัจจุบัน โรคภัยไข้เจ็บมียาและวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในยาที่คุ้นหูเป็นอย่างดีก็คือประเภทที่เรียกว่า “ยาปฏิชีวนะ” ฟังชื่อแล้วคงต้องร้องอ๋อ เพราะแทบทุกคนล้วนเคยได้รับการจ่ายยาประเภทนี้กันทั้งนั้น จนบางคนถึงกับเรียกว่าเป็นยาครอบจักรวาล เพราะรักษาอาการป่วยได้หลากหลาย แต่ยาชนิดนี้อาจไม่สามารถรักษาได้ทุกอาการอย่างที่คิด เพราะความจริงแล้ว มีข้อห้ามและควรระวังมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ ก่อนจะเกิดอาการแพ้ยาปฏิชีวนะหรือลามไปสู่การดื้อยาได้ หากใช้ไม่ถูกต้อง
ยาปฏิชีวนะคืออะไร รักษาทุกโรคได้จริงหรือ?
Amoxil, Augmentin, Zithromax หรือ ClindaGel เป็นชื่อทางการค้าของยาปฏิชีวนะกลุ่มต่างๆ ที่เราคุ้นหูกันดี ยาเหล่านี้คือยาที่ใช้รักษาโรคหรือกลุ่มอาการที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยอาจออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้โดยตรง หรือเพียงหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อราหรือเชื้อไวรัสได้ เช่น ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่
อาการแพ้ยาปฏิชีวนะ รุนแรงแค่ไหน ใช้ไม่ถูกวิธีจะส่งผลอย่างไร
โดยทั่วไป ยาทุกชนิดอาจมีผลข้างเคียงหรือก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งในแต่ละบุคคลอาจมีอาการไม่เหมือนกัน ยาปฏิชีวนะเป็นยากลุ่มที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย บางคนอาจแสดงอาการแพ้แทบจะทันทีที่ได้รับยา แต่บางคนก็อาจแพ้หลังจากรับยาไปแล้วพักหนึ่ง
อาการแพ้ยาปฏิชีวนะที่สังเกตได้ทั่วไป ผู้ป่วยอาจมีอาการคันหรือลมพิษ น้ำตาไหล ชาหรือบวมที่ริมฝีปาก จามติดต่อกันหลายครั้ง หายใจลำบาก หัวใจเต้นแรง หรือร้ายแรงกว่านั้นอาจทำให้หมดสติได้
นอกจากการแพ้ยาแล้ว ผลจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมอาจทำให้ดื้อยา เนื่องจากยาปฏิชีวนะแทบทุกชนิดถูกผลิตขึ้นมาเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น การใช้ยาชนิดนี้เมื่อเป็นไข้หวัดที่เกิดจากไวรัสหรือใช้รักษาอาการอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง อาจไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นเลย แถมยังเสี่ยงต่อดื้อยา
การใช้ยาไม่ครบก็ทำให้เสี่ยงต่อการดื้อยาเช่นเดียวกัน ปกติแล้ว แพทย์จะกำชับเสมอว่าต้องใช้ยาให้ครบตามกำหนด ห้ามหยุดยาแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว ไม่เช่นนั้น อาการติดเชื้ออาจจะยังไม่หายสนิทและทำให้การรักษาเป็นไปได้ลำบากยิ่งขึ้น
หากมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะ ควรทำอย่างไร
การแพ้ยาไม่ได้เกิดเพียงครั้งแรกที่ได้รับยาเท่านั้น ยาบางชนิดที่เคยใช้มาแล้ว เมื่อกลับมาใช้อีกครั้งก็อาจแพ้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติอยู่เสมอ หากมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรหยุดยาและรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าลืมนำยาตัวนั้นไปด้วย และอาจถ่ายรูปอาการแพ้ให้แพทย์ดูเพิ่มเติม แต่จำไว้ว่า ห้ามพยายามแก้ไขอาการแพ้ด้วยการทำให้อาเจียนหรือกินยาแก้แพ้เองเด็ดขาด
ปกติแล้ว เราควรจดบันทึกเอาไว้ว่าตนเองแพ้ยาอะไร และแจ้งแพทย์เสมอเมื่อเข้ารับการรักษา แต่ก็อาจมียาบางชนิดที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าแพ้ ดังนั้น จึงควรสังเกตอาการหรือผลข้างเคียงทุกครั้งที่ใช้ยา และอย่าลืมว่าต้องใช้ยาให้เหมาะสมกับโรคที่เป็นอยู่ เพราะหากเกิดอาการแพ้ยาหรือดื้อยาขึ้นมา การเจ็บป่วยครั้งต่อไปอาจต้องใช้ยาที่แรงกว่าเดิม
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้