7 ขั้นตอนเก็บเงินซื้อบ้านง่ายๆ ก็มีบ้านเป็นของตัวเอง

บ้าน เป็นความฝันของใครหลายๆ คนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองสักครั้งในชีวิต แต่บ้านนั้นก็มีมูลค่าและราคาค่อนข้างสูง ทำให้การเป็นเจ้าของบ้านเป็นเรื่องที่ยาก แต่ในปัจจุบัน การเก็บเงินซื้อบ้านไม่ได้ยากเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะทุกคนสามารถศึกษาข้อมูล เพื่อวางแผนเก็บเงินสร้างบ้านได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีตัวช่วยจากสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆ อย่างแอปพลิเคชันเก็บเงิน ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถเก็บเงินซื้อบ้านได้ง่ายและเร็วขึ้น

1. เปิดบัญชีเพื่อเก็บเงินซื้อบ้าน 

ขั้นตอนแรกสุดของการเก็บเงินซื้อบ้าน คือ การเปิดบัญชีสำหรับเก็บเงินสร้างบ้านโดยเฉพาะ เพื่อแยกเงินส่วนนี้ออกจากค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างชัดเจน เป็นการสร้างกำลังใจ ผลักดันให้เก็บเงินได้ตามเป้าหมาย โดยในการเปิดบัญชีเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านมีขั้นตอน ดังนี้

• ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการเปิดบัญชี ว่า ใช้เพื่อเก็บตังซื้อบ้านอย่างเดียว
• เลือกสถาบันการเงินหรือธนาคาร โดยพิจารณาประเภทของบัญชี ทั้งบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำ หรือบัญชีอื่นๆ ที่มีเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยตามความต้องการ
• ตรวจสอบข้อมูลของบัญชีอย่างละเอียด เช่น อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ข้อกำหนดยอดเงินขั้นต่ำ ยอดฝากประจำทุกเดือน เงื่อนไขการให้บริการต่างๆ เป็นต้น
• จัดเตรียมเอกสารตามเงื่อนไขของธนาคาร เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารทางการเงิน เช่น สลิปเงินเดือน หรือรายงานการเงิน
• ติดต่อเปิดบัญชีสำหรับเก็บเงินสร้างบ้านกับธนาคารที่เลือก โดยธนาคารจะให้กรอกแบบฟอร์มเพื่อเปิดบัญชี พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารและทำการเปิดบัญชีให้
• ฝากเงินเริ่มต้น ด้วยบางธนาคารจะมีข้อกำหนดให้มีเงินฝากเริ่มแรก เพื่อทำการเปิดบัญชี จำนวนเงินอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร
• เมื่อบัญชีได้รับการอนุมัติ ก็รอรับสมุดบัญชีเป็นอันเสร็จสิ้น
  
  

ซึ่งในปัจจุบัน ทุกธนาคารจะมีแอปพลิเคชัน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโอนเงิน หรือฝากเงิน อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าการโอนเงินอัตโนมัติ เพื่อโอนเข้าบัญชีสำหรับเก็บเงินซื้อบ้านได้อีกด้วย ทำให้ทุกคนมีวินัยในการเก็บตังซื้อบ้านมากยิ่งขึ้น

2. เลือกแบบบ้านที่ต้องการ

ลำดับถัดมา เมื่อมีบัญชีสำหรับเก็บเงินซื้อบ้านแล้ว ก็ควรจะเลือกรูปแบบบ้านที่ต้องการ เพื่อกำหนดเป้าหมายหรือยอดเงินว่าจะต้องออมเงินเท่าไร สำหรับแบบบ้านนั้น ก็สามารถเลือกได้จากแนวทางดังต่อไปนี้

• เลือกลักษณะของบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเองหรือครอบครัว เช่น บ้านชั้นเดียว บ้าน 2 ชั้น บ้านแฝด เป็นต้น โดยพิจารณาตามจำนวนผู้อยู่อาศัย เด็กหรือผู้สูงอายุ กิจกรรมต่างๆ
•  จำนวนห้องของบ้านเหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว รวมถึงห้องทำงาน ห้องเก็บของอย่างเหมาะสม
• ทำเลของบ้านอยู่ในเมืองหรือนอกเมือง อำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถสาธารณะ หรือรถไฟฟ้า
• แหล่งอำนวยความสะดวกรอบๆ บ้าน เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล เป็นต้น
• ความน่าเชื่อถือของโครงการหรือหมู่บ้าน มีความปลอดภัย สร้างบ้านได้มาตรฐาน มีสวนสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกายได้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง
  
  

ดังนั้น หากต้องเก็บเงินซื้อบ้านแล้ว ก็ควรจะได้บ้านที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว

3. กำหนดเป้าหมายของการเก็บเงินซื้อบ้าน

หลังจากเลือกบ้านได้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนคำนวณยอดเงินตามเป้าหมาย เพื่อให้สามารถเก็บเงินซื้อบ้านได้อย่างราบรื่น ดังนี้

• สอบถามโครงการหรือหมู่บ้าน เพื่อประเมินราคาของบ้านว่า มีราคาประมาณเท่าไร
• ระบุยอดเงินที่ต้องการออม ซึ่งจะต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย
• กำหนดระยะเวลาสำหรับเก็บเงินซื้อบ้าน เช่น 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี
• ในระหว่างเก็บตังซื้อบ้านก็อาจจะมีดอกเบี้ยจะการออกมเงินเพิ่มขึ้นมาอีก ดังนั้น ในส่วนนี้ก็สามารถนำมาคำนวณเพิ่มเติมได้
  
  

นอกจากจะเก็บเงินซื้อบ้านเป็นเงินก้อนใหญ่แล้วนั้น ยังสามารถเลือกใช้สินเชื่อบ้านในการซื้อบ้านได้อีกด้วย ซึ่งจะต้องศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูล เช่น อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ ของแต่ละสถาบันการเงินให้ดี ให้เหมาะสมกับสภาพการเงินมากที่สุด

4. เริ่มต้นเก็บเงินซื้อบ้าน

วิธีเก็บเงินซื้อบ้านส่วนสำคัญ คือ เริ่มต้นเก็บเงินซื้อบ้าน เพราะหลังจากเลือกบ้านตามความต้องการแล้ว ทราบยอดเงินเป้าหมายแล้ว ลำดับถัดมาคือ จะเก็บตังซื้อบ้านอย่างไรให้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งจะต้องมาพิจารณาไปทีละส่วน ดังนี้

• ประเมินความสามารถในการออม โดยพิจารณาจากรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือน ว่า สามารถเก็บเงินได้เท่าใด
• กำหนดรูปแบบออมเงินของตนเอง เช่น กำหนดสัดส่วนเงินออมจากรายรับ เก็บเงินส่วนที่เหลือมาเป็นเงินออม เป็นต้น
• อาจจะพิจารณาลดหรือตัดรายจ่ายบางประเภท เพื่อเพิ่มเงินออม
  
  

แต่สิ่งสำคัญ คือ จะต้องมีวินัยในการเก็บเงินซื้อบ้าน เพราะจะต้องเก็บเงินทุกเดือนตามเป้าหมาย หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินก็อย่างน้อยจะต้องออมเงินเข้าบัญชีเก็บตังซื้อบ้านบ้าง เพื่อฝึกวินัยอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

5. หาตัวช่วยเก็บเงินซื้อบ้าน

เก็บเงินซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะจะต้องใช้ความพยายามและอดทนเป็นอย่างมาก ด้วยบ้านแต่ละหลังราคาค่อนข้างสูง ทำให้ยอดเงินเป้าหมายจึงสูงตามไปด้วย ยิ่งทำให้ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงต้องมีตัวช่วยเพื่อให้สามารถเก็บเงินซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น เช่น ตั้งค่าโอนเงินเข้าบัญชีเก็บตังซื้อบ้านอัตโนมัติทุกเดือน เพื่อให้ออมเงินได้อย่างสม่ำเสมอ ใช้แอปพลิเคชันเก็บเงิน เป็นต้น

แอปเก็บเงิน

แอปพลิเคชันเก็บเงินเป็นนวัตกรรมจากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ทุกคนที่ต้องการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายบางอย่าง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยแอปพลิเคชันเหล่านี้ จะมีฟีเจอร์ต่างๆ ช่วยให้เก็บเงินซื้อบ้านเป็นเรื่องง่าย และเก็บเงินได้จริง 

ยกตัวอย่าง แอปพลิเคชันเก็บเงินซื้อบ้านของธนาคารกสิกรไทยอย่าง “MAKE by KBank” ซึ่งช่วยให้ติดตามรายจ่ายและเก็บเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีฟีเจอร์เด่นๆ เช่น

• Cloud Pocket: ช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างกระเป๋าเงินย่อยๆ ได้อย่างไม่มีจำนวนจำกัดภายในหนึ่งบัญชี ซึ่งสามารถกำหนดได้ว่า กระเป๋าย่อยใบนั้น เก็บเงินเพื่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นเก็บเงินซื้อบ้าน เก็บเงินท่องเที่ยว เก็บเงินสำรอง เก็บเงินค่าผ่อนชำระ เป็นต้น โดยฟีเจอร์นี้ จะทำให้แยกเงินได้อย่างชัดเจน ไม่ใช้เงินรวมกัน
• Expense Summary: ช่วยสรุปรายจ่ายในแต่ละเดือนเป็น 6 หมวดหมู่ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าชำระ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้รู้พฤติกรรมการใช้เงินของตนเองได้เป็นอย่างดี จึงสามารถวิเคราะห์และพิจารณาตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกได้ ทำให้มีเงินออมซื้อบ้านมากยิ่งขึ้น
  
  

แอปพลิเคชันเก็บเงินของแต่ละสถาบันการเงินหรือธนาคารก็จะมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนมีเป้าหมาย เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเก็บเงินซื้อบ้านหรือเก็บเงินเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างได้ง่ายขึ้น ดังนั้น แอปเก็บเงินเหล่านี้ จึงถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้เก็บตังซื้อบ้านได้จริง

6. หารายได้เสริมเพิ่มเติม

นอกจากรายได้ประจำแล้ว ก็อาจจะทำให้การเก็บเงินซื้อบ้านเป็นเรื่องยาก ใช้เวลานาน ดังนั้น หลายคนจึงเลือกมองหารายได้เสริมหรืออาชีพเสริม เพื่อเพิ่มเงินออมให้สามารถเก็บตังซื้อบ้านได้เร็วขึ้น

• งานพาร์ทไทม์ เป็นการทำงานนอกเหนืองานประจำ เพราะไม่ต้องทำงานเต็มเวลา สร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
• ทำธุรกิจออนไลน์ เช่น ขายสินค้าออนไลน์ เขียนบล็อก เป็นต้น
• รับงานฟรีแลนซ์ในสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น ออกแบบสื่อ วาดภาพต่างๆ เขียนบทความ แปลภาษา
• ขายสินค้าทำเอง เช่น งานศิลปะ ทำอาหาร ขนม
• เข้าร่วมโครงการออนไลน์เพื่อสร้างรายได้เสริม เช่น โครงการการทดสอบซอฟต์แวร์ รับตอบแบบสอบถาม รับตอบข้อความ
• เป็นผู้สอนออนไลน์ อาจจะอัดคลิป เพื่อสอนในหัวข้อต่างๆ ตามความถนัด
  
  

การหารายได้เสริมเพิ่มเติมจะช่วยให้เก็บเงินซื้อบ้านได้เร็วขึ้น ลดเวลาออมเงินลง นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ตนเองได้ลองเรียนรู้ พัฒนาทักษะทำสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งอาจจะเกิดประโยชน์ในหน้าที่การงานในอนาคตได้อีกด้วย โดยบางคนอาจจะทำงานเสริมได้เงินดีกว่างานประจำ จนต้องลาออกมาทำงานเสริมอย่างเต็มตัว ยิ่งทำให้เก็บตังซื้อบ้านได้มากขึ้น

7. นำเงินไปลงทุนต่อยอด

วิธีเก็บเงินซื้อบ้านไม่ได้มีเพียงแต่หารายได้เสริมเท่านั้น สำหรับเงินออมซึ่งอยู่ในบัญชีเก็บเงินซื้อบ้านอยู่แล้ว ก็สามารถนำมาหาเงินเพิ่มเติมได้ด้วยการลงทุนต่อยอดหลากหลายรูปแบบ เช่น

• ลงทุนในกองทุนหรือหลักทรัพย์ ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ในระยะยาว เช่น หุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้หรืออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
• ลงทุนเกี่ยวกับตนเอง ด้วยการพัฒนาทักษะต่างๆ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดหารายได้เสริมได้ เช่น เรียนรู้ภาษาใหม่ เรียนรู้เทคโนโลยี ฝึกทักษะทำอาหาร เป็นต้น
  
  

ทั้งนี้ สำหรับการนำเงินในบัญชีเก็บเงินซื้อบ้านไปลงทุนต่อยอดในหลักทรัพย์ต่างๆ จะต้องศึกษาข้อมูลลงทุนให้รอบคอบ พิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งประเมินตนเองว่า สามารถรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง สามารถสร้างรายได้หรือขาดทุนได้พร้อมๆ กัน ดังนั้น จึงไม่ควรลงทุนโดยขาดความรู้ความเข้าใจ เพราะอาจจะทำให้สูญเสียเงินทั้งหมดก็เป็นได้

ข้อสรุปของการเก็บเงินซื้อบ้าน

การเก็บเงินซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่ ด้วยจำนวนเงินและระยะเวลาที่จะต้องอดทน พยายามเก็บเงินให้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป หากทำตามวิธีเก็บเงินซื้อบ้านนี้ เริ่มจากเปิดบัญชีเก็บตังซื้อบ้าน เลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ กำหนดยอดเงินเป้าหมาย แล้ววางแผนเก็บเงินอย่างรอบด้าน ทั้งคำนวณรายรับ-รายจ่าย หารายได้เสริม หรือนำเงินไปลงทุนต่อยอด รวมถึงมองหาตัวช่วยดีๆ ในการเก็บเงินซื้อบ้านอย่าง “MAKE by KBank” แอปพลิเคชันของธนาคารกสิกรไทย