สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าฝุ่น : สาเหตุของอาการแพ้ฝุ่นที่ควรเฝ้าระวัง

jjasmine

ขีดเขียนชั้นมอต้น (108)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:137
เมื่อ เมื่อวาน 22.26 น.

 

ใครที่เกิดอาการจามฟึดฟัดทุกทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้าน รู้หรือไม่ว่า ร่างกายอาจกำลังบ่งบอกว่าคุณกำลังมีอาการแพ้ฝุ่นที่ลอยอยู่ภายในบ้านก็เป็นได้ 

สำหรับอาการแพ้ฝุ่นนั้นไม่ได้เกิดจากการแพ้ "ฝุ่น" โดยตรง แต่เป็นการแพ้สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) ที่มักปะปนอยู่ในฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไรฝุ่น ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อาศัยอยู่ในที่นอน หมอน พรม ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์หุ้มผ้าต่างๆ ไรฝุ่นกินเศษผิวหนังที่หลุดลอกของคนเราเป็นอาหาร และสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้คือ มูลและซากของไรฝุ่นนั่นเอง 

 

แต่นอกจากไรฝุ่นแล้ว ยังมีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ฝุ่นอื่นๆ ที่พบได้ในฝุ่น เช่น

  1. ละอองเกสรดอกไม้และพืช: แม้จะพบมากในช่วงฤดูดอกไม้บาน แต่ก็สามารถปลิวมากับลมและสะสมอยู่ในฝุ่นภายในบ้านได้
  2. ขนและรังแคของสัตว์เลี้ยง: สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ขนและรังแคของสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง
  3. สปอร์ของเชื้อรา: เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่ชื้นและอบอุ่น สปอร์ของเชื้อราสามารถลอยอยู่ในอากาศและปะปนอยู่ในฝุ่นได้
  4. สะเก็ดผิวหนังของแมลง: แมลงต่างๆ เช่น แมลงสาบ สามารถทิ้งสะเก็ดผิวหนังและมูล ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้
  5. อนุภาคจากควันและมลพิษทางอากาศ: อนุภาคขนาดเล็กจากควันบุหรี่ ควันรถยนต์ และมลพิษทางอุตสาหกรรม สามารถเกาะติดกับฝุ่นและกระตุ้นอาการแพ้ได้

กลไกการเกิดอาการแพ้ฝุ่น: เมื่อผู้ที่มีอาการแพ้สูดดมเอาสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เข้าไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะตอบสนองอย่างผิดปกติ โดยเข้าใจผิดว่าสารเหล่านี้เป็นอันตราย จึงสร้างแอนติบอดี (Antibody) ชนิด IgE (Immunoglobulin E) ขึ้นมาเพื่อต่อต้าน

เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้เดิมอีกครั้ง แอนติบอดี IgE ที่สร้างไว้จะจับกับสารก่อภูมิแพ้นั้น แล้วกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมสต์เซลล์ (Mast Cell) หลั่งสารเคมีต่างๆ ออกมา เช่น ฮิสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ ที่เราคุ้นเคย

 

ลักษณะอาการแพ้ฝุ่น: สัญญาณที่ร่างกายส่งมา

อาการแพ้ฝุ่นสามารถแสดงออกได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการแพ้และบริเวณที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

 

  1. อาการทางจมูก 
    • คัดจมูก แน่นจมูก หายใจไม่สะดวก
    • น้ำมูกไหลใสๆ จำนวนมาก
    • จามติดต่อกันหลายครั้ง
    • คันจมูก แสบจมูก
    • สูญเสียการได้กลิ่นชั่วคราว
  2. อาการทางตา 
    • คันตา แสบตา น้ำตาไหล
    • ตาแดง บวม
    • มีขี้ตาเหนียว
  3. อาการทางผิวหนัง 
    • ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ
    • ลมพิษ
    • ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
  4. อาการทางเดินหายใจส่วนล่าง (ในกรณีที่รุนแรง) 
    • ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะตอนกลางคืนหรือตอนเช้า
    • หายใจมีเสียงหวีด (Wheezing)
    • แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
    • อาการหอบหืดกำเริบ (สำหรับผู้ที่เป็นโรคหืดอยู่แล้ว)
  5. อาการอื่นๆ 
    • ปวดศีรษะ
    • อ่อนเพลีย
    • นอนหลับยากเนื่องจากอาการคัดจมูกหรือไอ

 

ความรุนแรงของอาการแพ้ฝุ่นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

 

การป้องกันอาการแพ้ฝุ่นเพื่อช่วยลดการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในฝุ่นให้ได้มากที่สุด ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีเหล่านี้  

 

  1. ควบคุมความสะอาดภายในบ้าน 
    • ทำความสะอาดเป็นประจำ: ดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air) ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้
    • ซักเครื่องนอนสม่ำเสมอ: ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ด้วยน้ำร้อน (อย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส) ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อฆ่าไรฝุ่น
    • ทำความสะอาดผ้าม่านและพรม: ซักผ้าม่านและพรมเป็นประจำ หรือเลือกใช้ผ้าม่านและพรมที่ทำความสะอาดง่าย
    • เช็ดพื้นผิว: เช็ดพื้นผิวต่างๆ ในบ้านด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เพื่อกำจัดฝุ่นแทนการกวาด ซึ่งจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย
    • ลดการใช้สิ่งของที่กักเก็บฝุ่น: หลีกเลี่ยงการใช้พรมหนาๆ ตุ๊กตาจำนวนมาก หรือเฟอร์นิเจอร์หุ้มผ้าที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
  2. ควบคุมความชื้นในบ้าน 
    • ใช้เครื่องลดความชื้น: รักษาความชื้นในบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (ประมาณ 40-50%) เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและไรฝุ่น
    • ระบายอากาศ: เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเป็นประจำ เพื่อลดความอับชื้นและช่วยระบายฝุ่น
  3. ดูแลเครื่องปรับอากาศ 
    • ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ: ล้างหรือเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของผู้ผลิต
    • บำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ: ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ
  4. สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ 
    • ดูแลความสะอาดสัตว์เลี้ยง: อาบน้ำและแปรงขนสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ
    • จำกัดบริเวณสัตว์เลี้ยง: หากเป็นไปได้ ควรกำหนดบริเวณที่สัตว์เลี้ยงสามารถเข้าถึงได้ เพื่อลดการกระจายของขนและรังแค
  5. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ภายนอกบ้าน 
    • สวมหน้ากากอนามัย: เมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองมาก เช่น ขณะทำความสะอาดบ้าน หรืออยู่ในช่วงที่มีมลพิษทางอากาศสูง
    • หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงที่มีละอองเกสรมาก: สำหรับผู้ที่แพ้ละอองเกสร ควรหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงที่มีการแพร่กระจายของละอองเกสรสูง

 

แต่สำหรับใครที่สงสัยว่ามีอาการแพ้ฝุ่นเรื้อรัง ทางที่ดีที่สุดควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจทำการทดสอบภูมิแพ้ (Allergy Testing) เพื่อระบุสารก่อภูมิแพ้ที่คุณแพ้ได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ



โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา