รวมเรื่องควรรู้ส่งของไปญี่ปุ่น ห้ามส่งอะไรบ้าง ?
การส่งของไปต่างประเทศ โดยเฉพาะ “ประเทศญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการควบคุมและตรวจสอบพัสดุเข้าออกอย่างเข้มงวด ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สำหรับใครที่ต้องการส่งของไปให้เพื่อน คนในครอบครัว หรือส่งสินค้าให้ลูกค้าในญี่ปุ่น การศึกษาข้อกำหนดต่าง ๆ ของศุลกากรญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากละเลย อาจทำให้ของที่ส่งไปถูกยึด ตีกลับ หรือเกิดปัญหาทางกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ บทความนี้จะพาไปดูว่า ส่งของไปญี่ปุ่น ห้ามส่งอะไรบ้าง ? รวมถึงการส่งของไปญี่ปุ่นมีเรื่องใดที่ควรรู้บ้าง เพื่อลดความเสี่ยงารเกิดปัญหาภายหลัง
1. ทำความเข้าใจระเบียบของศุลกากรญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นมีกฎระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในหมวดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน เช่น อาหาร ยา วัตถุไวไฟ และอาวุธ หากผู้ส่งไม่ตรวจสอบให้ดี อาจทำให้พัสดุถูกตีกลับหรือถูกทำลายโดยศุลกากรญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ผู้ส่งมีประวัติเสียหายกับบริษัทขนส่งหรือแม้แต่มีผลกระทบทางกฎหมาย
2. รายการสินค้าต้องห้ามส่งไปญี่ปุ่น
อีกหน่งสิ่งต้องรู้เกี่ยวกับส่งของไปญี่ปุ่น ห้ามส่งอะไรบ้าง ? มีหลายประเภท ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- สินค้าต้องห้ามตามกฎหมายญี่ปุ่น
- ยาเสพติดทุกชนิด: รวมถึงยาที่มีส่วนผสมของสารต้องห้าม เช่น CBD, THC (แม้ในปริมาณเล็กน้อย) หรือยาแก้ปวดแรง ๆ บางตัวที่สามารถซื้อได้ในไทย แต่ถือว่าผิดกฎหมายในญี่ปุ่น
- อาวุธและเครื่องกระสุน: มีทั้งอาวุธปืน มีดพับดาบ หรืออุปกรณ์จำลองที่อาจใช้เป็นอาวุธได้
- วัตถุระเบิดหรือวัตถุไวไฟ: ไฟแช็ก น้ำมันเชื้อเพลิง พลุ หรือแบตเตอรี่ลิเธียมที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ภาพลามกอนาจาร: ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์หรือไฟล์ดิจิทัล ญี่ปุ่นมีกฎหมายควบคุมเข้มงวดในด้านนี้
- สิ่งของปลอมแปลง: ของลอกเลียนแบบแบรนด์เนม รวมถึงของที่ละเมิดลิขสิทธิ์อื่น ๆ
- สินค้าที่ต้องขออนุญาตก่อนส่ง
- อาหารสด: ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานของญี่ปุ่นก่อนนำเข้า
- เครื่องสำอาง และอาหารเสริม: บางประเภทจัดอยู่ในหมวดยา ต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า
- ผลิตภัณฑ์จากสัตว์หรือพืชหายาก: เช่น หนังสัตว์ เขากวาง สมุนไพรบางชนิด
3. การเตรียมเอกสารสำหรับการส่งของไปญี่ปุ่น
เพื่อให้การส่งของราบรื่น นอกจากการต้องรู้ว่าส่งของไปญี่ปุ่น ห้ามส่งอะไรบ้าง ? ผู้ส่งควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เช่น
- ใบรายการของ (Invoice) ที่ระบุรายละเอียดของสินค้าอย่างชัดเจน
- ใบขออนุญาต (หากสินค้านั้นอยู่ในรายการต้องขออนุญาต)
- ที่อยู่ผู้รับที่ชัดเจน พร้อมเบอร์ติดต่อ เพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบหรือนำส่งได้ทันทีหากเกิดปัญหา
4. ควรเลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ส่งของไปญี่ปุ่น
การเลือกใช้บริการขนส่งที่เชี่ยวชาญด้านการส่งพัสดุไปญี่ปุ่น จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเอกสารต่าง ๆ ถูกต้องตามข้อกำหนด และบริษัทจะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับของที่ห้ามส่งหรือขั้นตอนที่ควรปฏิบัติได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ การเลือกบริการที่มี Tracking จะช่วยให้คุณติดตามสถานะของพัสดุได้ตลอดเวลา
5. เคล็ดลับก่อนส่งของ
นอกจากต้องรู้ว่าส่งของไปญี่ปุ่น ห้ามส่งอะไรบ้าง ? ยังมีเคล็ดลับที่ควรรู้คือ
- เช็กกฎอัปเดตล่าสุดจากเว็บไซต์ศุลกากรญี่ปุ่น หรือสอบถามโดยตรงจากบริษัทขนส่งที่คุณใช้บริการ
- ห่อหุ้มพัสดุอย่างดี พร้อมติดฉลากแจ้งหากมีของเปราะบาง
- อย่าโกหกในเอกสาร เช่น การแจ้งรายการของไม่ตรงความเป็นจริง เพราะหากถูกสุ่มตรวจเจอ อาจถูกปรับหรือถูกระงับการนำเข้า
ทั้งหมดนี้คือคำตอบว่าส่งของไปญี่ปุ่น ห้ามส่งอะไรบ้าง ? ซึ่งการส่งของไปญี่ปุ่นแม้จะดูไม่ยุ่งยากในมุมของการแพ็กและจัดส่ง แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่คือกฎระเบียบที่เข้มงวดมากของศุลกากรญี่ปุ่น ผู้ส่งจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อกำหนดต่าง ๆ โดยเฉพาะรายการสินค้าต้องห้าม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต หากวางแผนและเตรียมตัวให้ดี การส่งของไปญี่ปุ่นก็จะเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยอย่างแน่นอน
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้