One Bangkok เมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืนตอบโจทย์กรุงเทพฯ

ถ้าย้อนกลับไปสิบปีก่อน คำว่า “Smart City” อาจฟังดูเหมือนคอนเซปต์ที่เป็นไปได้ยาก เพราะเมืองที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยียังดูไกลเกินตัว แต่ปัจจุบันนี้เมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืน กลายเป็นเรื่องจริงที่จับต้องได้ไม่ใช่เพราะเราอยากมีเทคโนโลยีล้ำ ๆ เท่านั้น แต่เพราะเมืองเริ่มต้องการพื้นที่ที่ทำให้การเติบโตเศรษฐกิจเดินหน้าไปพร้อมกับคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างยั่งยืน

หลายคนอาจเข้าใจว่าเมืองอัจฉริยะคือเมืองที่มีหุ่นยนต์ รถไร้คนขับ หรือจออัจฉริยะเต็มไปหมด แต่ความจริงแล้ว เมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืน (Smart & Sustainable City) คือเมืองที่เข้าใจคนและสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน โดยมีลักษณะเด่นคือ

• ใช้ข้อมูลจริง (Data-driven City): ระบบเก็บข้อมูลจราจร อุณหภูมิ หรือคุณภาพอากาศ เพื่อวางแผนเมืองแบบแม่นยำ
• เชื่อมโยงการเดินทาง (Mobility Smart): มีระบบขนส่งและทางเท้าเชื่อมถึงกัน เดินทางได้สะดวก
• จัดการพลังงานและขยะอย่างยั่งยืน: อาคารประหยัดพลังงาน ระบบรีไซเคิลน้ำและของเสีย
• สร้างคุณภาพชีวิตในทุกวัน: มีสวน พื้นที่สีเขียว และจุดพักผ่อนในระยะเดินถึง
• มี อาคารประหยัดพลังงานระดับ LEED และ WELL Certification ที่ออกแบบให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
• มี ระบบจัดการน้ำฝนและน้ำรีไซเคิล (Water Reuse System) ช่วยลดการใช้น้ำจากภายนอกเมือง
• มี เส้นทางเดินเชื่อมและทางจักรยาน (Walkable City) ให้คนสามารถเดินจากที่พัก สำนักงาน ไปสวนสาธารณะได้ภายในไม่กี่นาที
• และมี สวนสีเขียวขนาดใหญ่ ที่เป็นเหมือน “ปอดของเมือง” ช่วยดูดซับคาร์บอนและลดอุณหภูมิ

และหนึ่งในทำเลสำคัญที่กำลังเปลี่ยนภาพของกรุงเทพฯ ให้เข้าใกล้แนวคิดเมืองอัจฉริยะมากที่สุดคือ โซนพระราม 4 โดยพื้นที่แห่งนี้กำลังถูกออกแบบใหม่ให้เป็น ศูนย์กลางเมืองที่ยั่งยืน (Sustainable Urban Core) ด้วยแนวทางที่ผสมผสานความทันสมัยกับธรรมชาติ เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และให้ความสำคัญกับสิ่งเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนชีวิตคนเมืองได้จริง โดยมีทั้งพื้นที่แบบ Mixed Use ไม่ว่าจะเป็นตึกอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย หรือสวนสีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

เมืองอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยหัวใจของความยั่งยืน

เห็นได้ชัดเลยว่าเมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืนไม่ใช่แค่การเอาเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา แต่คือการใช้เทคโนโลยีอย่างเข้าใจ เพื่อให้เมืองอยู่ได้ยาวนานโดยไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในเมือง โดยแนวคิดนี้ประกอบด้วย 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่

• Smart Infrastructure: โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะที่ช่วยให้เมืองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบจัดการพลังงาน การรีไซเคิลน้ำ และการเก็บข้อมูลการใช้ทรัพยากรแบบเรียลไทม์
  
  
• Green Energy & Design: การออกแบบอาคารและพื้นที่ให้ใช้พลังงานสะอาด เช่น แสงอาทิตย์ พลังงานลม พร้อมระบบระบายอากาศธรรมชาติและการปลูกต้นไม้แนวตั้ง
  
  
• Sustainable Living: การสร้างเมืองที่คนอยู่อาศัยได้จริง มีสวนสาธารณะ ทางเท้า ทางจักรยาน และพื้นที่ให้ผู้คนพบปะกันได้โดยไม่ต้องพึ่งรถยนต์

ซึ่งการออกแบบเมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืนนั้น เป็นการผนวกกำลังระหว่างการใช้เทคโนโลยี และการออกแบบที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คน ที่จะช่วยผลักดันให้เมืองนั้นพัฒนาก้าวหน้าบนความเข้าใจ โดยที่ทั้งหมดนี้จะต้องผ่านกระบวนการคิดเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาวได้อย่างแท้จริง