ปัญหายกกระชับหน้าแล้วไม่เห็นผล: สาเหตุหลักอาจมาจากการเลือกเทคนิคที่ไม่ตรงกับปัญหา

หลายคนอาจรู้สึกผิดหวังหลังเข้ารับการทำหัตถการเพื่อกระชับผิวหน้า เพราะผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ ทั้งที่ลงทุนทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย จริง ๆ แล้วปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากเครื่องมือหรือแพทย์เสมอไป แต่อาจมาจากการเลือกเทคนิค ยกกระชับหน้า ที่ไม่ตรงกับสภาพผิวและระดับความหย่อนคล้อยของแต่ละคน

ทำไมบางคนยกกระชับหน้าแล้วไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง

ผิวหน้าของคนเรามีหลายชั้น ตั้งแต่ผิวชั้นบนจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งแต่ละเทคนิคการ ยกกระชับหน้า จะทำงานในระดับความลึกไม่เท่ากัน เช่น เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) จะเหมาะกับคนที่มีผิวเริ่มหย่อนและต้องการให้ผิวเฟิร์มขึ้นเล็กน้อย ส่วนอัลเทอร่า (Ulthera) หรือเทอร์มาจ (Thermage) จะลงลึกถึงชั้น SMAS ที่เป็นโครงสร้างหลักของใบหน้า จึงเหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก หากเลือกเทคนิคที่อ่อนเกินไปสำหรับปัญหาที่มีอยู่ ผลที่ได้ย่อมไม่ชัดเจน หรืออาจเห็นเพียงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น

ความแตกต่างของเทคนิคแต่ละแบบและผลที่คาดหวังได้

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัด คือการเข้าใจความสามารถของเทคโนโลยีแต่ละชนิดผิดไป บางเทคนิคของการ ยกกระชับหน้า ช่วยให้ผิวแน่นขึ้นแต่ไม่ได้ยกโครงหน้า ในขณะที่บางวิธี เช่น HIFU หรือการผ่าตัดดึงหน้า จะยกได้จริงแต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นมากกว่า การคาดหวังว่าหัตถการเพียงอย่างเดียวจะแก้ได้ทุกระดับของปัญหาผิว จึงไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้อง การวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียดก่อนเลือกเทคนิคเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่มีทั้งไขมันสะสมและผิวหย่อนร่วมกัน เพราะอาจต้องใช้วิธีผสม เช่น การสลายไขมันร่วมกับคลื่นอัลตราซาวด์

ปัจจัยเสริมที่มีผลต่อประสิทธิภาพหลังการทำ

ผลลัพธ์ของการ ยกกระชับหน้า ยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมหลังทำ เช่น การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากพอ และหลีกเลี่ยงความร้อนจัดในช่วงแรก เพราะอุณหภูมิสูงอาจทำให้คอลลาเจนที่เพิ่งถูกกระตุ้นเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ อายุและสภาพผิวก็เป็นตัวกำหนดระยะเวลาที่ผลลัพธ์อยู่ได้นาน หากผิวมีความบางหรือมีอายุมาก ผลลัพธ์อาจจางเร็วกว่าในคนที่ยังมีคอลลาเจนมาก

เลือกเทคนิคที่ใช่ เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

การจะให้การ ยกกระชับหน้า เห็นผลจริง จำเป็นต้องเลือกเทคนิคที่เหมาะกับระดับความหย่อนคล้อยและโครงสร้างใบหน้าแต่ละคน รวมถึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวิเคราะห์สภาพผิวอย่างลึกซึ้ง เพราะแม้เครื่องมือจะทันสมัยเพียงใด แต่หากเลือกไม่ตรงกับต้นตอของปัญหา ผลลัพธ์ก็อาจไม่ต่างจากการไม่ได้ทำเลย