หมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้ VS หมอหูคอจมูก เหมือนหรือต่างกันไหม ?
อาการคัดจมูกเรื้อรัง น้ำมูกไหลไม่หยุด ไอ จาม หรือแม้แต่อาการหูอื้อ ปวดบริเวณใบหน้า เป็นกลุ่มอาการที่สร้างความรำคาญและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตไม่น้อย เมื่อเผชิญกับปัญหานี้ คำถามแรกที่มักเกิดขึ้นคือ “เราควรไปหาหมออะไรดี?” ระหว่าง หมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้หรือ หมอหู คอ จมูก
หลายคนอาจสับสนเพราะอาการเหล่านี้ดูเหมือนจะคาบเกี่ยวกันในบริเวณ "ระบบทางเดินหายใจส่วนบน" ทั้งสองสาขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลบริเวณนี้ แต่แท้จริงแล้ว ทั้งสองมีความเชี่ยวชาญและมุมมองในการวินิจฉัยรักษาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

หมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้ โฟกัสที่ระบบภูมิคุ้มกัน
หมอเฉพาะทางด้านภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา (Allergist/Immunologist) คือผู้เชี่ยวชาญที่มองลึกเข้าไปถึง "สาเหตุ" ที่ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยา
- ปรัชญาการรักษา : หมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้จะตั้งคำถามว่า "ทำไม" ร่างกายของคุณจึงตอบสนองต่อสิ่งปกติ (เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ อาหาร) ราวกับว่ามันเป็นผู้บุกรุกที่เป็นอันตราย? พวกเขามองว่าอาการที่แสดงออกมา (เช่น น้ำมูกไหล คันตา ผื่น) เป็นผลลัพธ์มาจากความผิดปกติของ "ระบบภูมิคุ้มกัน" (Immune System)
- ขอบเขตการรักษา : หมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้ไม่ได้ดูแลแค่จมูก แต่ดูแลอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้น "ทั่วร่างกาย" ไม่ว่าจะเป็น
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis)
- โรคหอบหืด (Asthma)
- โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Eczema)
- การแพ้อาหาร (Food Allergy) หรือ แพ้ยา (Drug Allergy)
- การวินิจฉัย : เครื่องมือหลักคือการค้นหาสารก่อภูมิแพ้ เช่น การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test) หรือการตรวจเลือด (Specific IgE)
- แนวทางการรักษา: เน้นการจัดการที่ต้นเหตุของระบบภูมิคุ้มกัน ได้แก่
- การหลีกเลี่ยง : แนะนำวิธีจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
- การใช้ยา : เช่น ยาแก้แพ้ (Antihistamines), ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เพื่อ "ควบคุม" อาการอักเสบที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้
- การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน : หรือที่เรียกว่า "วัคซีนภูมิแพ้" (ทั้งแบบฉีดและอมใต้ลิ้น) ซึ่งเป็นการรักษาเดียวที่มุ่งเป้าไปที่การ "ปรับ" ระบบภูมิคุ้มกันให้หายขาดหรือทนต่อสารก่อภูมิแพ้ได้ในระยะยาว
หมอหู คอ จมูก (ENT) โฟกัสที่โครงสร้างและกายวิภาค
หมอโสต ศอ นาสิก (Otolaryngologist หรือ ENT) คือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (และรวมถึงศัลยแพทย์) ที่ดูแลความผิดปกติทาง "กายวิภาค" หรือ "โครงสร้าง" ของอวัยวะในบริเวณศีรษะและลำคอ
- ปรัชญาการรักษา : หมอ ENT จะตั้งคำถามว่า "อะไร" คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่ขัดขวางการทำงานปกติ? เช่น มีอะไรอุดตันหรือไม่? มีการติดเชื้อที่จุดไหน? หรือมีเนื้องอก/ติ่งเนื้อหรือไม่?
- ขอบเขตการรักษา : ดูแลความผิดปกติทั้งหมดที่เกี่ยวกับ หู (Ear), คอ (Throat), และ จมูก (Nose) รวมถึงไซนัส
- ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) (ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง)
- ผนังกั้นช่องจมูกคด (Deviated Septum)
- ริดสีดวงจมูก (Nasal Polyps)
- ต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) หรือ ต่อมอะดีนอยด์โต (Adenoid Hypertrophy)
- ปัญหาการได้ยิน (Hearing Loss) หรือ หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media)
- ปัญหาเรื่องเสียง (Voice Disorders) หรือการกลืน
- การวินิจฉัย: เครื่องมือหลักคือการตรวจร่างกายโดยตรง และการ "ส่องกล้อง" (Nasal Endoscopy) เพื่อดูโครงสร้างภายในโพรงจมูกและไซนัส หรืออาจใช้ CT Scan เพื่อดูความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกและโพรงไซนัส
- แนวทางการรักษา: มุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่โครงสร้างนั้นๆ
- การใช้ยา (Medication): เช่น ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ (ในกรณีไซนัสอักเสบติดเชื้อ), ยาลดบวม
- หัตถการหรือการผ่าตัด (Surgery/Procedures): เช่น การผ่าตัดไซนัส (Functional Endoscopic Sinus Surgery - FESS) เพื่อเปิดโพรงไซนัสที่อุดตัน, การผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นจมูกคด, หรือการผ่าตัดต่อมทอนซิล
จุดที่ "ภูมิแพ้" และ "หู คอ จมูก" ทำงานร่วมกัน
ความสับสนมักเกิดขึ้นใน "โรคคาบเกี่ยว" ซึ่งพบบ่อยที่สุดคือ โรคไซนัสอักเสบเรื้อรังที่มีภาวะภูมิแพ้ร่วมด้วย (Chronic Rhinosinusitis with Allergic Rhinitis)
สถานการณ์จำลองที่พบบ่อย:
- จุดเริ่มต้น (ภูมิแพ้) : ผู้ป่วยเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (หาหมอภูมิแพ้) เมื่อสัมผัสไรฝุ่น เยื่อบุจมูกจะบวม
- ผลกระทบต่อโครงสร้าง (ENT) : การบวมเรื้อรังนี้ ทำให้รูเปิดของไซนัส (ซึ่งเป็นโพรงอากาศข้างจมูก) อุดตัน
- การเกิดโรค (ENT) : เมื่อรูเปิดอุดตัน ของเหลวภายในไซนัสไม่สามารถระบายได้ เกิดการคั่งค้าง และนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียกลายเป็น "ไซนัสอักเสบ" (ตอนนี้เป็นพื้นที่ของหมอ ENT)
- วงจรเรื้อรัง : หากไม่ควบคุม "ภูมิแพ้" (ต้นเหตุที่ทำให้บวม) ไซนัสก็จะอุดตันและอักเสบซ้ำๆ แม้หมอ ENT จะให้ยาฆ่าเชื้อหรือผ่าตัดล้างไซนัสไปแล้วก็ตาม
ในกรณีนี้ การรักษาที่ดีที่สุดคือการดูแลร่วมกัน (Co-Management)
- หมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้ จะเข้ามาควบคุม "พื้นฐาน" ของโรค คือการอักเสบจากภูมิแพ้ ด้วยยาพ่นจมูกหรือวัคซีนภูมิแพ้ เพื่อไม่ให้เยื่อบุจมูกบวม
- หมอ ENT จะเข้ามาจัดการ "ผลลัพธ์" ที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น หากมีริดสีดวงจมูกที่โตจนอุดตัน หรือมีไซนัสอักเสบติดเชื้อรุนแรง หมอ ENT ก็จะทำการผ่าตัดหรือให้ยาที่จำเป็น
เช่นเดียวกันกับอาการ "หูอื้อจากภูมิแพ้" ภูมิแพ้ทำให้ท่อปรับความดันหู (Eustachian Tube) ที่เชื่อมระหว่างหลังโพรงจมูกกับหูชั้นกลางบวมและทำงานผิดปกติ (หมอภูมิแพ้ดูแล) ทำให้เกิดของเหลวคั่งในหูชั้นกลาง (หมอ ENT ส่องกล้องตรวจและอาจต้องเจาะระบาย)
แล้วเราควรไปหาใคร ?
เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองพิจารณาอาการหลักของคุณ:
- ไปหาหมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้ ถ้า:
- อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล สัมพันธ์กับการสัมผัสสิ่งกระตุ้น ชัดเจน (เช่น เข้าห้องนอนไรฝุ่นเยอะ, เล่นกับแมว, ช่วงอากาศเปลี่ยน)
- คุณมีอาการ "ภูมิแพ้ระบบอื่น" ร่วมด้วย เช่น คันตา น้ำตาไหล, หอบหืด, หรือมีผื่นคันตามผิวหนัง
- คุณสนใจการรักษาที่ "ต้นเหตุ" เพื่อปรับภูมิคุ้มกันในระยะยาว (Immunotherapy)
- ไปหาหมอหู คอ จมูก (ENT) ถ้า:
- อาการของคุณ เกิดขึ้นเฉียบพลันและรุนแรง เช่น ปวดใบหน้า ปวดกระบอกตา น้ำมูกเขียวข้น มีไข้ (อาจเป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลัน)
- คุณมีอาการ "เฉพาะที่" ที่ชัดเจน เช่น หูอื้อข้างเดียว, ได้ยินลดลง, เสียงแหบ, หรือมีอาการนอนกรนรุนแรง
- คุณเคยตรวจแล้วพบว่ามี ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ผนังกั้นจมูกคด หรือริดสีดวงจมูก
ไม่ต้องกังวลหากเลือกไม่ถูก เพราะแพทย์ทั้งสองสาขามีความเชี่ยวชาญในการวินิจฉัยแยกโรค หากหมอ ENT ตรวจแล้วพบว่าต้นตอหลักคือภูมิแพ้ที่ควบคุมไม่ได้ เขาก็จะส่งต่อคุณไปหาหมอเฉพาะทางโรคภูมิแพ้ หรือในทางกลับกัน หากหมอภูมิแพ้รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น และสงสัยปัญหาโครงสร้างที่ซับซ้อน ก็จะส่งต่อให้หมอ ENT ตรวจด้วยการส่องกล้องต่อไป
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้
