อนุสรณ์สถานแห่งใหม่ในอัมสเตอร์ดัมระบุชื่อเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวดัตช์ทั้งหมด 102,000 คน

กษัตริย์วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ (ขวา) พูดคุยกับผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และญาติหลังจากเปิดเผยอนุสาวรีย์ใหม่ในย่านชาวยิวอันเก่าแก่ของอัมสเตอร์ดัม 

อนุสรณ์ใหม่เพื่อเป็นเกียรติแก่เหยื่อชาวดัตช์กว่า 102,000 คนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยกษัตริย์วิลเลม-อเล็กซานเดอร์

ออกแบบโดยสถาปนิกชาวโปแลนด์-ยิว แดเนียล ลิเบสคินด์ อนุสรณ์สถานแห่งชื่อตั้งตระหง่านอยู่ในย่านชาวยิวของเมือง โดยจะแสดงชื่อ วันเกิด และอายุของเหยื่อทุกรายเมื่อเสียชีวิต โดยจารึกไว้บนอิฐที่ผนังด้านใดด้านหนึ่ง

ตัวกำแพงมีรูปทรงเป็นตัวอักษรฮีบรูสี่ตัว สะกดเป็นคำที่แปลว่า “In Memory Of”

ก่อนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มีชาวยิวประมาณ 140,000 คนอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ เมื่อสิ้นสุดสงคราม มากกว่าสองในสามของประชากรชาวยิวในประเทศถูกสังหารโดยพวกนาซี

Jacques Grishaver ประธานคณะกรรมการ Dutch Auschwitz ได้เปิดอนุสาวรีย์อย่างเป็นทางการพร้อมกับกษัตริย์ในวันอาทิตย์ ต่อหน้าบุคคลสำคัญและผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

หลังจากเดินผ่านประตูเข้าไป แต่ละคนก็หยิบหินสีขาวมาวางไว้หน้ากำแพงที่ระลึก ซึ่งเป็นประเพณีของชาวยิวเมื่อไปเยี่ยมหลุมศพ

'ความชั่วไม่มีคำสุดท้าย'

Mark Rutte นายกรัฐมนตรีผู้ดูแลชาวดัตช์ กล่าวว่า อนุสาวรีย์นี้ควรทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับคำถามว่าเนเธอร์แลนด์ทำเพียงพอที่จะปกป้องชาวยิวในช่วงสงครามหรือไม่

เขาเรียกยุคนั้นว่า “หน้าดำในประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา” และเสริมว่าอนุสาวรีย์ยังมีข้อความร่วมสมัยที่สำคัญ “ในสมัยของเรา เมื่อการต่อต้านชาวยิวไม่เคยห่างไกล อนุสาวรีย์บอกว่า - ไม่ มันกรีดร้อง - ระวังตัวไว้”

อนุสรณ์สถานใกล้กับห้องโถงคอนเสิร์ตเก่าที่ชาวยิวถูกกักตัวก่อนถูกส่งไปยังค่ายกักกันขณะที่อัมสเตอร์ดัมอยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมัน

ส่วนหนึ่งจ่ายโดยคราวด์ฟันดิ้ง: ผู้คน 84,000 คนจ่ายเงิน 50 ยูโรต่อคนเพื่อสนับสนุนอิฐก้อนหนึ่ง

การเปิดเผยอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากเพื่อนของแอนน์ แฟรงค์ จ็ากเกอลีน ฟาน มาร์เซ่น วางศิลาฤกษ์ก้อนแรกซึ่งมีชื่อไดน่า แฟรงเกนเฮาส์ วัย 20 ปี ถูกฆาตกรรมในเมืองโซบีบอร์

Rutte กล่าวว่าอนุสาวรีย์มีข้อความสำคัญ “อนุสาวรีย์นี้บอก 102,163 ครั้ง: 'ไม่ เราจะไม่ลืมคุณ ไม่ เราไม่ยอมรับว่าชื่อของคุณถูกลบ ไม่ ความชั่วร้ายไม่มีคำพูดสุดท้าย พวกเขาทุกคนเป็นใครบางคนและวันนี้พวกเขาได้ชื่อกลับคืนมา”