เลือกบริษัทรับทำ SEO ดูอย่างไร ให้ยอดขายพุ่ง เว็บไซต์ได้อันดับสูงบน Google

ทุกวันนี้ใครๆ ก็ใช้ Google ในการค้นหาสินค้า หรือบริการที่ตนเองต้องการ และ Google ยังเป็น Search Engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดทั่วโลก ซึ่งการที่มีคนเข้าชมเว็บไซต์บน Google อย่างเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดประโยชน์ตามมา คือ การขายสินค้าหรือบริการ การขายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ เป็นต้น

ในทางกลับกัน หากเว็บไซด์ของคุณ ถูกค้นหาขึ้นมาอยู่บ่อยๆ จนติดอันดับต้นๆ ใน10 อันดับหน้าแรก ของการค้นหาได้ ก็จะช่วยให้สินค้าและบริการของคุณ น่าสนใจดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าร้านอื่น เป็นการเพิ่มกำไร อีกช่องทางหนึ่งนั้นเอง

รับทำ SEO

ถ้าคุณใช้บริการจ้างบริษัทที่ รับทำ SEO ผู้เชี่ยวชาญจะออกแบบ วางแผน Reseach Keyword ทำ On-page, Off-page ให้ถูกต้อง เหมาะสม บริการดีอย่างมีคุณภาพ โดยวิเคราะห์ในด้านการตลาดออนไลน์ Digital Marketing เพื่อช่วยให้คุณติดอันดับหน้าแรก ใน Googleได้ไว ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นคงในอนาคต

ซึ่งการที่เราจะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้

• ออกแบบเว็บไซด์สวย ดูน่าเชื่อถือ อ่านง่าย สบายตา เพื่อเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ Organic Traffic ผ่าน Google Search
• เพิ่มบทความ วางแผนคีย์เวิร์ดที่ควรมี เพื่อเป็นการเพิ่มมีโอกาสในการขายติดอยู่ในหน้าแรกของ Google
• ช่วยลดต้นทุนการตลาด เพิ่มยอดขายผ่าน campaign search marketing
• วัดประสิทธิภาพการทำ SEO ด้วย conversion ที่เพิ่มมากขึ้น
• มีการรายงานต่อสัปดาห์หรือต่อเดือนได้เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของ SEO
• วางแผน สเกลธุรกิจ ให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเห็นผลลัพธ์ระยะยาว

สาเหตุที่ต้องทำ SEO

หากคุณต้องการอยากจะเพิ่มกำไรในด้านธุรกิจออนไลน์ ใช่แค่ว่ามีเว็บไซต์ไว้เพื่อขายสินค้าและบริการของคุณแค่นั้น อาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะในปัจจุบันนี้ ใครๆย่อมต้องการให้เว็บไซต์ของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับต้นๆของ Search Engine เพื่อเพิ่มยอดขายกันทั้งนั้น

ซึ่งการที่เราจะดึงลูกค้าให้หันมาสนใจในสินค้า และบริการของเราได้ คุณจะต้องวางแผน ออกแบบเว็บไซต์ให้ถูกใจ Google ด้วย ถึงจะสามารถติดอันในการค้นหาหน้าแรกได้ การกระทำเช่นนี้เรียกว่า การทำ SEO

การทำ SEO มีกี่แบบ

สำหรับใครสนใจอยากใช้บริการการจ้างทำ SEO แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า การทำ SEO แบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่

1. SEO แบบ ON-PAGE SEO คือ การปรับแต่ง แก้ไข รวมทั้งจัดการเว็บไซต์ ให้มีคุณสมบัติตรงตามที่ Google ต้องการทุกข้อ เพื่อให้ Google นำข้อมูลของเว็บเราไปจัดเก็บพร้อมประมวลผล ให้ไปเป็นผลการค้นหาอันมีประสิทธิภาพมากที่สุด
2. SEO แบบ OFF-PAGE SEO คือ วิธีจัดการปัจจัยภายนอก เพื่อให้ตำแหน่งผลการค้นหาของเราดีขึ้น เช่น การนำลิงก์จากภายนอกเชื่อมมายังบทความในเว็บเรา หรือที่เรียกว่า Backlink นั่นเอง
3. SEO แบบ TECHNICAL SEO จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับ On-Page SEO เพียงแต่ TECHNICAL SEO แต่จะทำการระดม วิเคราะห์ นำเทคนิครวมทั้งวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ Google มองโครงสร้างของเว็บไซต์ว่ามีความง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การจัดเก็บข้อมูลให้ภาพรวมออกมาดี และทำให้เว็บไซต์ให้น่าสนใจ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเนื้อหาในเว็บ (หรือไม่เกี่ยวข้องกับ Keyword)

การทำ SEO สายขาว

การทำ SEO สายขาว คือ การทำโดยอยู่ภายใต้ กฎ กติกาของ Google ให้ถูกต้องตามทุกประการ หรือที่เราเรียกกันว่า Google Guideline โดยจะเน้นไปที่ คุณภาพของเว็บไซต์

หากคุณสร้างเนื้อหาเว็บไซต์อย่างคุณภาพ จะทำให้ Optimize Coding ของ Google bot อ่านเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น การสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ โดยการกระจายเนื้อหา ไปบนเว็บไซต์ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือสูง ( High Domain Authority ) จะช่วยทำให้ ranking เว็บไซต์ของท่านดีขึ้นตามมาด้วย

นอกจากนี้ การเขียนบทความด้วย SEO Article จะทำให้เว็บไซต์ของท่านมีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น และการเขียนบทความ SEO ยังช่วยเพิ่ม Organic traffic ให้กับเว็บไซต์ของท่านได้อีกด้วย

สิ่งที่การทำ SEO สายขาวไม่ควรทำ ที่คุณควรรู้ไว้คราวๆ ก็มีเช่น ห้ามใช้การสแปมเนื้อหาข้อความ ใช้โปรแกรมเขียนบทความจนบทความอ่านไม่รู้เรื่อง ,ห้าม copy เนื้อหาของเว็บไซต์อื่นมาลงเว็บไซต์เรา, ห้ามสร้าง backlink แบบผิดธรรมชาติ เป็นต้น

การทำ SEO ดำ

การทำ SEO ดำ คือ การทำ SEO ด้วยวิธีการที่ผิดหลักธรรมชาติ หรือ ในวงการที่เรียกว่า SEO หมวกดำ หรือ Blackhat SEO การทำ SEO สายดำ จะอยู่ในอุตสาหกรรม พวกเว็บไซต์ผิดกฎหมาย, เว็บพนัน, เว็บที่ขายสินค้าผิดกฎหมาย เป็นต้น

ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้ จะไม่สามารถสร้าง Backlink แบบเว็บทั่วไปได้ จึงต้องใช้เทคนิคอื่น ๆ เช่น ทำ backlink เช่น การสร้าง PBN, การ Redirect, การ SPAM เนื้อหา รวมไปถึงการ Hack เว็บไซต์อื่นมาทำ Backlink นั่นเอง

โดย SEO สายดำนั้น จะเห็นผลได้ในระยะสั้น และสุดท้ายแล้วเว็บไซต์นั้นก็จะโดน Google แบน สักวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน

ประโยชน์ของการจ้างบริษัทรับทำ SEO

ในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ใช้ Google ในการหาข้อมูลต่าง ๆ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมควรทำ SEO และการจ้างบริษัทรับทำ SEO มีประโยชน์ ดังนี้

1. หากเว็บไซต์ของคุณติดอันดับบนหน้า Google ยิ่งติดไวเท่าไหร่ จะส่งผลให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
2. ช่วยประหยัดค่าโฆษณาบนเว็บไซต์ได้ด้วย
3. สร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้า และบริการของเว็บไซต์ของคุณ
4. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันกับคู่แข่งในประเภทธุรกิจเดียวกัน
5. ส่งผลให้เกิดการขยายตลาด และขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก

ราคาค่าใช้จ่ายในการทำ SEO

ราคาค่าใช้จ่ายในการทำ SEO โดยทั่วไปแล้ว การจ้างบริษัทรับทำ SEO ส่วนใหญ่จะจ้างเป็น Contract รายเดือน โดยจะระบุราคาต่อจำนวนเดือนตามที่ตกลงกัน

นอกจากนี้ การคำนวณราคาของการทำ SEO จะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของประเภทธุรกิจ ในแต่ละเอเจนซี่เองก็จะมีวิธีการคำนวณแตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่แบ่งอัตราค่าบริการตามความยากง่าย (Difficulty) ในการทำ SEO ของแต่ละ Keyword

จากที่เราทำการสำรวจมา การคำนวณราคาของการทำ SEO ส่วนใหญ่จะมีเรทราคา ดังนี้

บริษัทที่ 1 บริษัทอาอุน ไทย แลบบอราทอรี่ส์ จำกัด

• ต่ำ (Low) โดยเริ่มต้นที่ Keyword ละ 1,500 บาทต่อเดือน
• ปานกลาง (Middle) โดยเริ่มต้นที่ Keyword ละ 8,500 บาท ต่อเดือน
• สูง (High) โดยเริ่มต้นที่ ราคาเริ่มต้น Keyword ละ 16,000 บาท ต่อเดือน

บริษัทที่ 2 บริษัทเมทราไบต์ คลาวด์ จำกัด

• ต่ำ (Low) โดยเริ่มต้นที่ Keyword ละ 3,000 บาทต่อเดือน
• ปานกลาง (Middle) โดยเริ่มต้นที่ Keyword ละ 10,000 บาท ต่อเดือน
• สูง (High) โดยเริ่มต้นที่ ราคาเริ่มต้น Keyword ละ 13,000 บาท ต่อเดือน

บริษัทที่ 3 Nerd Optimize

• ในกรณีที่ คู่แข่งน้อย ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000-50,000 ต่อเดือน
• แต่ถ้ากรณีที่ คู่แข่งเยอะหรือยากขึ้นก็จะสูงถึง 100,000 บาทต่อเดือน

จากข้อมูลที่เราได้มา จะเห็นได้ว่า ก่อนที่คุณจะทำการตกลงราคาจ้างบริษัทในการทำ SEO คุณสามารถส่งตัวอย่าง Keyword และเว็บไซต์ ให้ทางบริษัทประเมินราคาก่อนได้ หากใครสนใจอยากทำ SEO ก็อาจจะต้องเตรียม มีการวางแผนในเรื่องของงบประมาณ ว่าคุณต้องการให้เว็บไซด์ของคุณอยู่ในระดับใดนั้นเอง

การเตรียมตัวก่อนทำ SEO

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำ SEO มี 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. กำหนดรูปแบบเว็บไซต์ที่ตนเองต้องการว่าอยากให้เป็นในลักษณะใด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะออกแบบหน้าเพจให้ผู้บริโภคคลิกไปแล้ว เจอสินค้าหรือบริการของเราเลยทันที ดังนั้นหน้าเว็บไซต์ของคุณต้องเป็นระเบียบ สวยงาม และต้องใช้งานง่าย อ่านง่าย ไม่ซับซ้อน รวมถึงมีการแบ่งหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบด้วย
2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของเรา ว่าเป็นลูกค้าประเภทใดบ้าง และอยู่ที่ไหน ซึ่งเราสามารถกำหนดโดยการปักหมุด หรือจะเลือกแบบเป็นจังหวัดหรือประเทศก็ได้
3. สำรวจการใช้คำ วิเคราะห์ keyword ว่ามีคำไหนบ้าง ที่คนส่วนใหญ่ใช้ค้นหากัน หรือลองคิดว่าถ้าหากคุณเป็นลูกค้า แล้วคุณจะค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณ จะต้องค้นหาคำว่าอะไรบ้าง
4. คิดข้อความโฆษณา ที่ต้องดึงดูดความสนใจ ดึงจุดเด่นของสินค้าหรือบริการของคุณ และที่สำคัญข้อความนั้นต้องสั้นกระชับ ได้ใจความตรงกับความต้องการที่คุณอยากจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคมาสนใจ รวมถึงต้องเกี่ยวข้องกับคำค้นหา และเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณด้วย

SEO คืออะไร

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า SEO คืออะไร ซึ่ง SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำ หรือปรับปรุงเว็บไซต์ให้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ของการค้นหาใน Search Engine โดยใช้ Keyword ที่เหมาะสม และตรงตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เพื่อให้ดึงดูดความสนใจลูกค้า

SEO จำเป็นไหมต่อการทำการตลาดออนไลน์

การทำ SEO มีความสำคัญต่อกลยุทธ์การตลาดออนไลน์มาก เพราะในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ใช้ Google ในการหาข้อมูลต่าง ๆ ที่ตัวเองต้องการ

การทำ SEO จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้เว็บไซด์ของคุณดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการสินค้า และบริการของคุณ โดยผ่านช่องทางออนไลน์นั้นเอง