“ฝ้าแดด” มีลักษณะยังไง รักษาให้จางลงได้ไหม?

GUEST1649747579

ขีดเขียนดีเด่น (367)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:690
เมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 16.05 น.

“ฝ้าแดด” มีลักษณะยังไง รักษาให้จางลงได้ไหม?

ฝ้า เป็นปัญหาผิวหนังที่ทำให้ผิวสีไม่เท่ากัน ดูไม่เรียบเนียน โดยฝ้าจะแบ่งตามสาเหตุการเกิดเป็น 2 ชนิด คือ ฝ้าแดด และฝ้าเลือด ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ฝ้าแดด ว่ามีสาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร ลักษณะของฝ้าแดดเป็นอย่างไรบ้าง สามารถรักษาให้ฝ้าจางหรือหายได้ไหม รวมถึงมีวิธีป้องกันฝ้าแดดอย่างไรเพื่อผิวหน้าใสและเรียบเนียน

แสงแดด ต้นเหตุของ ‘ฝ้าแดด’

ฝ้าแดด คือ ฝ้ารูปแบบหนึ่ง มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล สีแดงคล้ำ ดำ บนใบหน้า โดยมีแสงแดดเป็นต้นเหตุ ซึ่งภายในแสงแดดจะมีรังสีที่ทำอันตรายกับผิว นั่นก็คือ รังสีอัลตราไวโอเลต หรือที่หลาย ๆ คนมักจะเรียกกันว่า รังสียูวี(UV) เป็นตัวการกระตุ้นทำให้ผิวเกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น จึงเป็นเหตุทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ ผิวไหม้แดด เกิดฝ้าแดด หรือ จุดด่างดำ นั่นเอง

นอกเหนือจากแสงแดดแล้ว ก็ยังมีแสงสีฟ้า เช่น แสงจากหลอดไฟ แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และแสงจากโทรศัพท์ ที่เป็นตัวการทำให้เกิดฝ้า จึงจำเป็นต้องระวังด้วยเช่นกัน

ฝ้าแดง ฝ้าแดด เกิดจาก

วิธีรักษาฝ้าแดดมีอะไรบ้าง

ฝ้าแดดรักษาหายไหม? เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนที่กำลังเป็นฝ้าอยู่รู้สึกกลุ้มใจ โดยในที่นี้ต้องตอบเลยว่า รักษาได้ แต่ไม่สามารถรักษาให้ผิวหน้ากลับมาผิวสวยใสได้ในระยะเวลาสั้น ซึ่งวิธีรักษาฝ้าแดดที่ช่วยรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมีดังนี้

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยรักษาฝ้าแดด

ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ส่วนใหญ่ที่มีส่วนช่วยรักษาฝ้าแดดส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องสำอางค์ประเภทไวท์เทนนิ่ง ซึ่งไวท์เทนนิ่งจะช่วยลดการสร้างเม็ดสี ช่วยรักษารอยฝ้าแดดรวมถึงจุดด่างดำบนใบหน้า โดยในเครื่องสำอางค์ประกอบด้วยสารต่าง ๆ เช่น โคจิกแอซิด (Kojic acid) วิตามินซี (Ascorbic acid) อาร์บูติน (Arbutin) เมลาไวท์ (Melawhite) ลิโคไรซ์ (Licorice) เป็นต้น ซึ่งการรักษาฝ้าแดดประเภทนี้จะได้ผลดีกับฝ้าตื้น แต่ใช้เวลาในการรักษารอยฝ้าค่อนข้างมากกว่าวิธีอื่น อีกทั้งยังมีโอกาสแพ้หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน

ทำทรีทเม้นต์หน้า

การทำทรีตเม้นต์หน้าเป็นวิธีการรักษาฝ้าแดดโดยนำสารวิตามินต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการลดรอยฝ้าและจุดด่างดำ รวมถึงสารอาหารที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูสภาพใบหน้ามามาส์กหน้า ซึ่งการรักษาด้วยวิธีทำทรีตเม้นต์จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยอาทิตย์หนึ่งจะเข้ารับการรักษา 1-2 ครั้งเป็นระยะเวลา 1-2 เดือน จะเห็นได้ว่าร่องรอยฝ้าแดดและจุดด่าดำจะค่อย ๆ จางลง และมีผิวพรรรณสดใสจากการบำรุงหน้าเพิ่มขึ้น

ใช้ยาทารักษาฝ้าแดด

การใช้ยาทารักษาฝ้าแดดเป็นวิธีที่เหมาะกับการรักษาฝ้าตื้น โดยยาที่ใช้ในการรักษาฝ้าแดดจะมีหลายประเภทโดยแต่ละประเภทจะมีผลต่อการรักษาต่างกัน เช่น ยาทากรดวิตามินเอ (Retinoic Acid) จะช่วยลอกเซลล์ผิวชั้นบน ยาทาอะเซเลอิก (Azelaic Acid) และยาทาไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) จะช่วยลดการสร้างเม็ดสี เป็นต้น แต่การใช้ยารักษาจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากทางแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะการใช้ยามีโอกาสเกิดการระคายเคืองผิว หรือ รู้สึกแสบร้อนผิว ได้ง่าย

ทำเลเซอร์แก้ฝ้าแดด

การทำเลเซอร์เป็นวิธีการรักษาฝ้าแดดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันเพราะจะช่วยทำให้ฝ้าแดดรวมถึงรอยต่าง ๆ จางลงอย่างรวดเร็ว แต่ว่าการรักษาด้วยการทำเลเซอร์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการสร้างเม็ดสี นอกจากนี้การรักษาประเภทนี้เป็นการปล่อยความร้อนเพื่อทำลายเม็ดสี จึงทำให้ผิวที่ทำเลเซอร์ไวต่อแสงมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ผิวบางลงและแพ้ง่าย หากดูแลไม่ดีจะทำให้ฝ้าเกิดขึ้นใหม่ง่ายมากยิ่งขึ้น

ทานอาหารที่มีส่วนช่วยรักษาฝ้าแดด

สำหรับผู้ที่อยากใช้วิธีรักษาฝ้าแดดแบบธรรมชาติสามารถเลือกวิธีการทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งวิตามินเหล่านี้จะมีส่วนช่วยทำให้รอยฝ้าจางลง ลดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น กระจ่างใส และแข็งแรงมากขึ้น

วิธีป้องกันฝ้าแดดมีอะไรบ้าง

นอกจากการรักษาฝ้าแล้วก็ควรป้องกันไม่ให้ผิวหน้าเกิดฝ้าแดดเพิ่มขึ้น รวมถึงช่วยให้การรักษาเป็นไปได้ด้วยดี ดังนี้

ไม่อยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานานเกินไป

เนื่องจากในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่ส่งผลอันตรายต่อผิว ถ้าอยู่ในที่ที่มีแสงแดดสว่างเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้ผิวไหม้แดด และยังทำให้เกิดฝ้าแดด กระ และจุดด่างดำได้ด้วย ดังนั้นหากจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่มีแสงแดดเป็นเวลานาน ก็ควรใช้อุปกรณ์หรือเสื้อผ้าที่ช่วยบังแดดได้ และควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสีUV

ฝ้าแดง ฝ้าแดด วิธีป้องกัน

ทาครีมกันแดดทุกครั้งแม้อยู่ในที่ร่ม

แม้ว่าจะอยู่ในที่ร่ม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเกิดฝ้า เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตสามารถทะลุผ่านสิ่งกีดขวางเข้าไปสู่ผิวหนังชั้นลึกได้ ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดอยู่เสมอแม้ว่าจะไม่ได้เผชิญกับแดดโดยตรงก็ตาม โดยครีมกันแดดที่ดีนั้นควรมีค่า spf และค่า pa ที่เหมาะสม 

ค่า spf คือ ค่าป้องกันรังสี UVB โดยจะมีหน่วยเป็นตัวเลข เช่น spf50 หมายถึงสามารถช่วยป้องกันแสงแดดได้ยาวนานขึ้นจากผิวปกติ 50 เท่า

ค่า pa คือ ค่าป้องกันรังสี UVA โดยจะใช้เครื่องหมาย + เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ในแสงแดด เช่น pa+ จะป้องกันรังสีได้มากกว่าปกติ 2 เท่า หรือ pa++ จะป้องกันรังสีได้มากกว่าปกติ 4 เท่า เป็นต้น

ในที่นี้จะมาแนะนำครีมกันแดดของ Bioderma ซึ่งมีค่า spf และค่า pa ที่เหมาะสมสำหรับการออกแดด 

  • Photoderm Aquafluide

ฝ้าแดง ฝ้าแดด ใช้ bioderma Photoderm Aquafluide

Photoderm Aquafluide เป็นครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย โดยเนื้อครีมจะมีความเบาบาง เกลี่ยง่าย อีกทั้งยังซึมเข้าไปในผิวอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่ง Photoderm Aquafluide มีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB มี Cellular Bioprotection® ที่คอยปรับความสมดุลให้ผิว และยังช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งในครีมยังมีสารที่ช่วยชะลอการเกิดจุดด่างดำ รวมถึงฝ้า กระ และริ้วรอยได้อย่างดี

  • Photoderm Cover Touch

ฝ้าแดง ฝ้าแดด ใช้ bioderma Photoderm Cover Touch

Photoderm Cover Touch เป็นครีมกันแดดที่เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวผสม และผิวแพ้ง่ายโดยมีเนื้อครีมเหลว เกลี่ยง่าย แห้งไว จึงทำให้ไม่ไปอุดตันในรูขุมขน ซึ่ง Photoderm Cover Touch จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ทำให้ชะลอการสร้างเม็ดสี ช่วยปรับสีผิวบนใบหน้าให้มีความเรียบเนียน และปกปิดร่องรอยต่าง ๆ บนใบหน้า

โดยการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องนั้นควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที และควรทาครีมซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ครีมกันแดดทำหน้าที่ป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฝ้าแดด ฝ้าแดง วิธีป้องกัน ลดฝ้าแดด

ดูแลร่างกายให้ดีอยู่เสมอ

หากร่างกายอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ หรือตกอยู่ในภาวะความเครียด ก็จะทำให้ระบบส่วนต่าง ๆ ในร่างกายทำงานแย่ลง และนั่นก็จะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ใบหน้าหม่นหมอง ผิวหนังอ่อนแอลง เป็นสิว รวมถึงเป็นฝ้าง่ายมากขึ้น ดังนั้นจึงควรดูแลร่างกายอยู่เสมอ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอโดยนอนวันละประมาณ 6-8 ชั่วโมง ทานน้ำวันละ 8 แก้ว รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี รวมถึงหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด เป็นต้น

ข้อสรุป

ฝ้าแดด เป็นปัญหาผิวที่ทำให้หลาย ๆ คนไม่อยากเป็น เพราะใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน และยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ใบหน้ามีรอยฝ้าแดด หรือสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาฝ้าแดดให้ได้ผล จำเป็นจะต้องดูแลใส่ใจผิวหนังเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงที่ที่มีแสงแดดแรงมาก แต่แล้วในบางกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ ครีมกันแดด จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และช่วยชะลอการสร้างของเม็ดสี ดังนั้นก่อนออกไปกลางแจ้งควรทาครีมกันแดดทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที ทาเป็นประจำทุก ๆ 2 ชั่วโมง และหาอุปกรณ์สวมใส่เพื่อปกป้องผิวจากรับสีอันตรายที่อยู่ในแสงแดด

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา