ทำความรู้จักกับ “สิวติดสาร สิวสเตียรอยด์”

GUEST1649747579

ขีดเขียนดีเด่น (379)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:706
เมื่อ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2565 13.53 น.

คาดว่าในปัจจุบันนี้ ทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า สิวสเตียรอยด์ ไม่ว่าจากประสบการณ์ตรง หรือ จากการได้ยินจากข่าวสารการกีฬา  สเตียรอยด์มีอยู่ 2 ประเภท คือ แบบธรรมชาติร่างกายสร้างขึ้นเอง ช่วยทำให้ระบบในร่างกายทำงานปกติ  อีกประเภทคือ แบบสังเคราะห์ที่ถูกผลิตขึ้น เป็นยาเคมีที่ช่วยรักษาโรคได้ดีและเร็ว  แต่มีผลข้างเคียงอันตราย หากใช้ผิดวิธี

ปัญหาจากสิวติดสาร หรือคือ สิวสเตียรอยด์ นั้น เกิดขึ้นจากการที่ผิวหน้าได้รับสารสเตียรอยด์แบบสังเคราะห์ที่เป็นส่วนผสมจากครีมทาหน้า ครีมรักษาสิว เป็นเวลานาน  ดังนั้นเราจะมาทำความเข้าใจว่า หน้าแพ้สารสเตียรอยด์มีลักษณะอย่างไร วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวแพ้สาร สิวสเตียรอยด์  สุดท้ายถ้าแพ้สารสเตียรอยด์รักษายังไง

สิวสเตียรอยด์

สิวสเตียรอยด์ คืออะไร ?

สิวสเตียรอยด์ (Steroid Acne) คือ ภาวะของกลุ่มอาการทางผิวหนังที่มีอาการ เป็นผื่นคล้ายสิว ชื่อภาษาอังกฤษของกลุ่มอาการแบบนี้เรียกว่า Acneiform Eruption ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบสิวแท้ และอาการอื่น ๆ ที่คล้ายสิว โดยมากมักเกิดในผู้ที่ได้รับสารสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน

การเกิดของสิวทั่วไป (สิวฮอร์โมน)นั้น จะเกิดจากการที่มีน้ำมันอุดตันอยู่ในรูขุมขนมากเกิน มีสิ่งสกปรกอุดตันที่ผิว เกิดเป็นสิวอุดตัน แล้วขยายขนาดขึ้นเป็นหัวสิว มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และอาจอักเสบได้ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียมากเกิน แต่ สิวสเตียรอยด์นั้น จะเริ่มเกิดจากการมีการอักเสบของเซลล์บุรูขุมขนพร้อมกันและของเสียถูกขับออกมารวมกับน้ำมัน เกิดการอุดตัน

โดยสรุป สิวสเตียรอยด์ มีลักษณะเป็นปื้น กระจุก ปะทุทุกรูขุมขน ทุกเม็ดจะคล้ายกันและมีขนาดเท่าๆ กันไม่ขึ้นกับระยะเวลาเกิดสิว  ในขณะที่สิวปกติทั่ว ๆ ไป จะมีหัวปิด หัวเปิด และขนาดปะปนกันโดยขึ้นกับระยะเวลาของการเกิดสิว

 

สิวสเตียรอยด์ มีอาการอย่างไร

สิวสเตียรอยด์ เริ่มจากการอักเสบของเซลล์รูขุมขนและมีการหลั่งของเสียออกนอกเซลล์ จนไปรวมตัวกับน้ำมัน ทำให้เกิดเป็นสิวสเตียรอยด์  อาการหน้าแพ้สารสเตียรอยด์ สิวติดสารเป็นดังต่อไปนี้

  • ผด ผื่น จะขึ้นง่ายกว่าเดิม
  • เป็นสิวผด สิวอุดตันขึ้นเป็นปื้น ๆ แดง ๆ
  • ผิวแดงเหมือนแพ้อะไรมา
  • มีอาการคัน
  • ผิวเริ่มบางและแพ้ง่าย
  • ผิวหน้ามันง่ายมากกว่าปกติ
  • ผิวจะเริ่มเหี่ยวย่น เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว

 

สิวสเตียรดอยด์ เกิดจากอะไร

มีอยู่ 2 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ หน้าติดสารสเตียรอยด์ คือ

- เพราะความอยากสวยอยากงาม : ซึ่งอาจจะด้วยจากการใช้เครื่องสำอางหรือครีมที่ใส่สารสเตียรอยด์นานๆ  หรือ ด้วยการรักษาในคลีนิกเสริมความงาม โดยเฉพาะการรักษาสิว การฉีดสิว ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์จำนวนมาก และเข้มข้น เพื่อรักษาแบบเร่งด่วน  หรือ

- โรคผิวหนัง : อาจมาจากโรคผิวหนัง ที่อักเสบรุนแรงจนต้องใช้ยาที่มีสารสเตียรอยด์

สิวสเตียรอยด์ เกิดจาก การใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าที่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม ไปกดภูมิคุ้มกันที่ผิวหนังให้มีการเสียสมดุล เกิดการอักเสบของรูขุมขน มีตุ่มหนองที่อาจเกิดจาก แบคทีเรีย เชื้อรา หรือไรรูขุมขน สิวแพ้สารสามารถขึ้นได้ทั่วหน้า และขนาดสิวจะเท่า ๆ กัน เป็นระยะสิวเดียวกันขึ้นเป็นปื้น ๆ  สิวสเตียรอยด์ นั้น มีทั้งอาการบวม เจ็บ และคัน

 

สิวสเตียรอยด์ รักษาได้อย่างไร

การรักษาสิวสเตียรอยด์ สิ่งแรกคือ เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมของ สารสเตียรอยด์ทันที แต่ต้องเข้าใจว่าหลังเลิกใช้ก็อาจเกิดสิวเห่อมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และควรต้องอดทนสักระยะหนึ่งโดยไม่หันกลับไปใช้ตัวที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์อีก

หากว่าอาการหลังหยุดสารสเตียรอยด์ไม่รุนแรง และไม่พร้อมพบแพทย์ ก็ให้ใช้วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง ดังนี้

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของ AHA BHA ไม่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง
  • เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น ก็อาจใช้ยารักษาสิว เช่น Benzac, Clinda M , Tretinoin เป็นต้น
  • ต้องอดทนและใจเย็น เพราะต้องใช้เวลารักษาสิวติดสารยาวนานอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป อาจยาวไปจนถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน
  • ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ

 

แต่ถ้าหากว่ามีอาการรุนแรงมาก ทางเลือกที่ดีกว่าก็คือเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาหน้าแพ้สเตียรอยด์อย่างไรก็ตามการพบแพทย์เพื่อปรึกษาหาสาเหตุและทำการรักษาหน้าแพ้สเตียรอยด์นั้น อาจจะมีค่ารักษาที่ค่อนข้างสูง เพราะจะต้องใช้เทคโนโลยี่เข้ามาช่วย วิธีการรักษาเมื่อพบแพทย์อาจเป็นหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของวิธีต่อไปนี้ในการรักษาสิวสเตียรอยด์

 

1. การทานยาปฏิชีวนะ

สามารถใช้ยากิน ประเภทกลุ่มยาฆ่าเชื้อสิว ได้แก่ Tetracycline , Erythromycin เป็นต้น

ปัญหาสิวจากสเตียรอยด์

2. การใช้ยาทา

ยาชื่อ Tretinoin ซึ่งเป็นยาทาสำหรับรักษาสิว มีทั้งแบบครีมและเจล สามารถรักษาสิวอุดตันและสิวอักเสบระดับเล็กน้อยถึงปานกลางต้องใช้ยาต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ แต่ช่วงแรก ๆ ผิวหนังจะแห้ง มีสิวเกิดมากขึ้น ซึ่งเป็นอาการปกติ จึงควรดูแลด้วยการทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่จำเป็นต้องหยุดยา

ครีม สิวสเตียรอยด์

3. การกดสิว

เป็นวิธีรักษาเสริมอย่างหนึ่งของสิวสเตียรอยด์ ควรที่จะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เพราะควรทำด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้อักเสบติดเชื้อ หรือทิ้งรอยแผลเป็นมากกว่าเดิม

รักษาสิวสเตียรอยด์

4. โปรแกรมฉายแสง Magic Light รักษาสิวสเตียรอยด์  หรือ ฉายแสง LED 4 สี

จะช่วยให้สิวสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตันยุบลง ช่วยปรับสมดุลการทำงานของเซลล์ผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้สมดุล ฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงขึ้น  เป็นโปรแกรมฉายแสงเย็นลงสู่ผิว ปรับสมดุลของเคมีในเซลล์ให้เข้สู่ภาวะปกติ ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกแสงความยาวคลื่นที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน 

ฉายแสงสิวสเตียรอยด์

5. เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 Laser

เป็นหนึ่งในวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ในปัจจุบัน เมื่อพบว่าการใช้ยากิน หรือยาทาไม่ได้ผล เลเซอร์ชนิดนี้จะช่วยรักษาสิวและป้องกันผลข้างเคียงจากสิวด้วย แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ เพราะจะมีผลกระทบต่อผิว ทำให้ผิวบอบบาง และไวต่อแสง

สิวสเตียรอยด์การป้องกัน

การป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์

ควรที่จะเข้าใจว่าถึงแม้จะสามารถกู้ผิวหน้าแพ้สารสเตียรอยด์ได้ ผิวหน้าก็อาจไม่กลับเหมือนเดิม ทางที่ดีควรจะหลีกเลี่ยง หรือระมัดระวังไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรอยด์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์ได้โดย

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ปราศจากสบู่ น้ำหอม AHA/BHA และกรดวิตามินเอ
  • มองหาสกินแคร์ที่เน้นให้ผิวแข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้น คืนสมดุลให้กับผิว งดการใช้สกินแคร์เร่งหน้าขาว หน้าใส และลดริ้วรอยไปก่อน
  • งดการสครับผิว ขัดหน้า นวดหน้า รวมถึงการใช้แผ่นลอกหน้า ลอกสิวไปก่อน
  • พยายาเลี่ยงแสงแดดถ้าทำได้ เพราะอาจจะไปกระตุ้นการเห่อของสิวสเตียรอยด์มากขึ้นมาอีก เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ  และพักผ่อนให้เพียงพอ

 

สิวสเตียรอยด์ มากส์หน้า

สรุป

การรักษาสิวสเตียรอยด์ให้หายขาดนั้น ต้องใช้เวลานานมาก ทั้งยังอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ในขณะที่บางคนไม่สามารถมีผิวหน้าที่แข็งแรงเหมือนเดิม 100% การดูแลสิวสเตียรอยด์นั้นจะไม่ใช่วิธีการรักษาที่เบ็ดเสร็จตายตัว ต้องมีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของแต่ละคน  ฉะนั้นควรศึกษาให้ละเอียดในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าที่ไม่มีสารสเตียรอยด์ ล้างหน้าให้สะอาดไม่เหลือคราบสิ่งสกปรกใดๆ ที่อาจจะอุดตันใบหน้า  ควรนอนหลับให้เพียงพอ งดอาหารรสจัดทุกชนิด ออกกำลังกายเป็นประจำ หากปฏิบัติได้ตามนี้ โอกาสที่จะกลับมามีสิวสเตียรอยด์ สิวติดสาร ก็จะเกิดขึ้นน้อยลง

สิวสเตียรอยด์ ปรึกษาหมอ

 

แก้ไขครั้งที่ 3 โดย GUEST1649747579 เมื่อ16 มิถุนายน พ.ศ. 2565 14.59 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา