วิธีรักษา และดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

GUEST1660817967

ขีดเขียนชั้นมอต้น (119)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:117
เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 17.25 น.

               โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากไขมัน และเนื้อเยื่อสะสมในผนังของหลอดเลือด ทำให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในตำแหน่งนั้นหนาตัวขึ้น ทำให้หลอดเลือดมีการตีบแคบลง ทำให้เลือดซึ่งนำออกซิเจนไหลผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และเกิดอาการอื่นๆ ตามมา อย่างอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก บริเวณอกข้างซ้ายหรือกลางอก เหมือนมีคนมากดทับ ถือเป็นอาการหลักของหลอดเลือดหัวใจตีบ บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นอาจหมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้น หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาโดยด่วน ซึ่งในปัจจุบันการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป เพราะด้วยมีเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้ง่ายต่อการรักษามากขึ้น ทั้งนี้ในการรักษาสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์

วิธีรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

  1. การใช้ยามีหลายกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • ยาลดความดันโลหิต: ช่วยลดการหดตัวของหลอดเลือดและลดการทำงานของหัวใจ เช่น ยาเอสเอ็นไอ
  • ยาลดคอเลสเตอรอล: ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เช่น สเตติน
  • ยาลดการจับตัวของเม็ดเลือด: ช่วยลดความหนืดและความเสี่ยงของการเกิดโรคลิ่มเลือด รวมถึงยาแอสไปริน
  • ยาต้านเกร็งหลอดเลือด: ช่วยลดการเกร็งของหลอดเลือด เช่น ยาโปรนาซา
  1. การผ่าตัด: ในบางกรณีที่ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรงมาก หรือไม่สามารถควบคุมด้วยการใช้ยาได้ การผ่าตัดอาจจำเป็น เช่น การทำบายพาสหลอดเลือดหัวใจ
  2. การทำการบายพาสหลอดเลือดหัวใจ: เป็นกระบวนการที่ใช้ท่อต้านน้ำตาลที่มีลวดโปร่งเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อขยายหลอดเลือดที่ถูกตีบ
  3. การวางติดตั้งสเตนท์: หลังจากการทำการบายพาส สเตนท์อาจถูกวางเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อช่วยรักษาความเป็นผู้ตีบของหลอดเลือด
  4. การฝังเข็มสะสมเม็ดเลือด: เป็นกระบวนการที่ใช้ในกรณีที่หลอดเลือดตีบรุนแรงมาก โดยการฝังเข็มเพื่อสร้างการไหลของเลือดที่เพียงพอสำหรับหัวใจ
  5. การฟื้นฟูสุขภาพหัวใจ: หลังจากการรักษาอาจจำเป็นต้องมีการฝึกออกกำลังกายและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่สุขภาพดี เพื่อเสริมสร้างสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงมากขึ้น

              ซึ่งเราสามารถป้องกันการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ด้วยการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในประจำวันได้ด้วยการ  ทานผัก ผลไม้เป็นประจำ,ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่,ไม่สูบบุหรี่,ออกกำลังกายสม่ำเสมอ,งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์,ทำจิตใจให้สดชื่น อย่าเครียดบ่อย ควรตรวจวัดความดันเลือด เจาะเลือดหลังงดอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 12 ชม. ถ้าเป็นผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 90 ซม. และผู้หญิงที่มีรอบเอวมากกว่า 80 ซม. เพื่อตรวจหาระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ เอชดีแอล  และน้ำตาลในเลือด ทั้งนี้โรคหลอดเลือดหัวใจ ถือเป็นอีกหนึ่งภัยอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม หรือละเลย หากพบความผิดปกติควรรีบไปตรวจร่างกายเพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.nonthavej.co.th/heart-disease.php

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา