::+:: Mistake... ฉันขอโทษ ::+:: [Yuri]

9.7

เขียนโดย Noei95[Eunbi]

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 19.56 น.

  8 ตอน
  3 วิจารณ์
  14.78K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) ความผิดครั้งที่ 3 :: เรื่องวุ่นวาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ความผิดครั้งที่ 3 :: เรื่องวุ่นวาย
เวลาผ่านมาจนถึงเดือนกว่าหลังจากที่กลุ่มของยูริต้องประสบเหตุการณ์อันไม่น่าพิสมัยด้วยการถูกสาดน้ำสกปรกที่ผ่านการถูกพื้นห้องวิทยาศาสตร์ราดเข้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แทยอนถึงกับฉุนถึงขั้นที่เมื่อเจอหน้าหรือเดินผ่านยัยหัวฟักทอง (ที่คนตัวเล็กมักใช้เรียกอีกคนเสมอๆ) เป็นต้องสะบัดคอเชิดหน้าใส่จนคอแทบหัก ทางด้านฮยอนอาเองก็ไม่แพ้กัน เพราะหลังจากที่ครูโซยุนจัดการตรวจกล้องวงจรปิดตามที่ยูริบอกเรียบร้อยแล้วเจ้าหล่อนก็โดนลงโทษทำความสะอาดห้องเรียนชั้นสามทั้งชั้น ทำให้คนเอวบางทั้งโกรธทั้งเคืองยูริกับแทยอนเข้าไปใหญ่
แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือปัญหาที่มาจากตัวเจสสิก้าต่างหาก หลังจากที่เรียนมาได้เดือนเศษร่างบางก็เริ่มมีพฤติกรรมที่น่าเอือมระอา นั่นคือการหยุดเรียนนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คืออาทิตย์หนึ่งไม่เคยมาเรียนครบห้าวัน มาวันเว้นวันอีกทั้งยังไม่ค่อยจะตามงานทำให้เวลาเรียนแต่ละคาบชื่อที่ถูกเรียกหาอันดับต้นๆคือเจสสิก้า จอง แล้วร่างบางก็เป็นต้องเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าสลดๆอ้อนขอร้องให้คนตัวสูงช่วยอยู่เป็นประจำ นอกจากนั้นอีกปัญหาหลักที่เจอคือการมาสาย
ยูริเคยถามและถามประจำทุกครั้งที่เจสสิก้าหยุดเรียนไป ว่าเหตุใดวันก่อนถึงไม่มาโรงเรียน แต่คำตอบส่วนใหญ่ก็คือตื่นสาย นอนดึก และไม่สบาย ซึ่งยูริก็ได้แต่พยักหน้ารับส่งๆไปโดยที่ใจก็อดนึกไม่ได้ว่าอีกคนภูมิต้านทานโรคต่ำขนาดที่ป่วยวันเว้นวันเชียวเหรอ
เวลานี้เป็นเวลาพักกลางวัน ยูริและเพื่อนอีกเจ็ดคนก็มานั่งทานอาหารเที่ยงกันที่ใต้อาคารเช่นเคย เพียงแต่ครั้งนี้พยายามเลี่ยงจุดเสี่ยงอันตรายเขยิบเข้ามานั่งหลบมุมแทน คนผิวเข้มนั่งกอดอกมองเจสสิก้าที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาขีดๆเขียนๆแบบฝึกหัดลงในสมุดด้วยลายมือยึกยือทำเอายูริต้องขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะใช้มือดันหน้าผากคนตัวเล็กกว่าออกเบาๆเพื่อโน้มตัวลงไปเพ่งอ่านข้อความบนสมุดนั้นให้ชัดๆ
“สิก้า! นี่มันตัวㅌหรือตัว E กันแน่เนี่ย” เพื่อนคนอื่นๆที่กำลังนั่งพูดคุยกันหันมามองยูริทันที แทยอนขยับเข้ามาใกล้คนตัวสูงกว่าพลางชะโงกมองตัวหนังสือลายมือขยุกขยิกของเจสสิก้า
“แหม นิดๆหน่อยๆเองไม่เป็นไรหรอกน่า” เจ้าของลายมือยึกยือเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแหยๆให้ยูริตวัดสายตาขึ้นมามองเจสสิก้าอีกครั้ง สมุดเจ้าปัญหาถูกยกขึ้นพร้อมเรียวนิ้วยาวจิ้มไปที่ตัวสะกดตัวหนึ่ง
“แล้วนี่ล่ะ ตัวㄹของเธอนี่อย่างกับตัว S กลับด้าน” ครั้งนี้ซอนเยและโนอึลเริ่มให้ความสนใจด้วยเช่นกัน เจสสิก้าที่กำลังจะอ้าปากเถียงก็ถูกแทรกด้วยคนหน้าคมอีกครั้ง “ไหนจะตัวㅓ กับㅏ ของเธออีก จะเขียนขีดเลยออกมาให้เหมือนตัว t ทำไมกัน”
“ง่า เค้าขอโทษ” เจสสิก้าถึงกับครวญครางออกมาทันทีเมื่อโดนรัวใส่ “มันเป็นความเคยชินนี่นา”
ยูริลดสมุดลงเล็กน้อยพร้อมถอนหายใจเบาๆ
“เอาน่ายูล ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวนานๆไปสิก้าก็คงชินตัวหนังสือเกาหลีขึ้นมาบ้างแหละ นี่คงติดอังกฤษมากไปหน่อยเท่านั้นเอง” แทยอนแตะไหล่คนตัวสูงเบาๆพร้อมยกยิ้มบางๆอย่างไม่คิดอะไรมาก
“แต่พูดตรงๆนะสิก้า ลายมือเธอนี่อ่านยากชะมัดเลย เวลาครูจะตรวจทีคงต้องตามนักโบราณคดีมาแกะอ่านทีละตัวแหงๆ” ฮโยยอนออกความเห็นบ้างเมื่อเห็นตัวหนังสือของเจสสิก้าเต็มๆตา
“แต่ฉันว่านักโบราณคดียังต้องยอมแพ้เลยล่ะ” ดาน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ ทำเอาคนโดนรุมถึงกับร้องครวญครางออกมาอีกครั้ง
“อะไรอ่า ทำไมถึงรุมรังแกเด็กสาวบอบบางอย่างฉันกันอย่างนี้” สายตาทุกคู่หันขวับไปยังต้นเสียงทันที ก่อนจะเริ่มพูดกันทีละคน
“อย่างเธอเนี่ยนะเด็กสาวบอบบาง ถ้าสมองบางล่ะก็ฉันเชื่อ” ยูริว่าเสียงเรียบ
“เด็กสาวบอบบาง เธอเนี่ยเหรอ... โดนจักรยานชนจักรยานยังปลิวเลย” ประโยคแสนกวนประสาทนี้มาจากฮโยยอน
“ตรงไหนเหรอที่บ่งบอกว่าบอบบางน่ะ” ลีน่าถามพลางเลิกคิ้วสูง
“ว้าว บอบบาง” ตบท้ายด้วยแทยอนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแปล่งๆอย่างน่าขัน
“ใจร้ายที่สุด ทำไมถึงทำกันแบบนี้” เจสสิก้าเบ้ปากพร้อมใช้เสียงโลมาแว้ดๆใส่คนที่อยู่ใกล้สุดอย่างยูริทันที ทำเอาคนตัวสูงถึงกับสะดุ้งยกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทัน สายตาคนโดนรุมหันไปมองคนที่นั่งไม่ใกล้ไม่ไกลกันก่อนจะใช้เรียวนิ้วชี้ไปที่คนๆนั้นแล้วเริ่มปฏิบัติการแฉ
“ฮโย อย่าให้ฉันต้องพูดนะว่าวันก่อนเธอเดินตกท่อแล้วลุกขึ้นมาเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ขาข้างหนึ่งเปียกน้ำทั้งขา ต่อหน้าต่อตาประชาชี”
“ยัยเป็ดสัญชาติอเมริกา เธอวอนท์บาทาฉันเหรอยะ” คนถูกประจานทำท่าจะลุกขึ้นพุ่งเข้าหาร่างบางทันที แต่ใครๆก็รู้ว่าฮโยยอนก็แสร้งทำไปอย่างนั้นเอง ทางด้านเจสสิก้าเมื่อเห็นอีกคนทำท่าทำทางเช่นนั้นก็คว้าหมับเข้าที่แขนข้างหนึ่งของยูริทันทีพร้อมทั้งมุดตัวหนีเข้าไปหลบอยู่ตรงไหล่คนตัวสูงกว่าทันที
“อ๊าย อย่าน้า” ร่างบางขยับศีรษะหลบฮโยยอนไปมาซ้ายทีขวาทีให้น่าปวดหัว ลำบากถึงคนที่ต้องมาเป็นเกราะกำบังจำเป็นอย่างยูริที่ต้องขยับหัวหลบเจสสิก้าอีกที
“ที่รัก ช่วยเค้าด้วย” ประโยคถัดมาที่ทำเอาคนผิวเข้มถึงกับชะงัก คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ใส่ใจคำพูดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“อะไรนะ?”
“ฮะ? อะไรเหรอ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาทำตาปริบๆใส่พร้อมรอยยิ้มกว้างเช่นเคย ขณะที่ยังคงมุดหน้าอยู่กับไหล่ยูริ
“เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ” ยูริถามย้ำ
“อ๋อ ที่รักไง ทำไมเหรอ” เธอก็พอเข้าใจว่าการที่เด็กผู้หญิงจะเรียกเพื่อนตัวเองว่า ‘ที่รัก’ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติอะไร เพียงแต่คนที่ไม่เคยถูกเรียกมาก่อนอย่างยูริ พอมาโดนเรียกโต้งๆแบบนี้อย่างกะทันหันมันก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ ก่อนที่ยูริจะคิดอะไรมากไปกว่านี้เจสสิก้าก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้งพร้อมใช้สายตาเศร้าๆใส่
“ยูลไม่ชอบเหรอ”
“เปล่า ก็แค่ไม่ชิน ไม่ต้องคิดมากหรอก” เป็นอีกอย่างที่ยูริไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่ คือการเห็นใครก็ตามใช้สายตาสลดๆใส่ เพราะถึงจะอย่างไรเธอก็ไม่ใช่พวกชอบทำร้ายจิตใจใครหรือเห็นใครเศร้าสักหน่อย และนั่นก็ทำให้แววตาหม่นๆของเจสสิก้ากลับมาสดใสได้อีกครั้งแล้วหันไปเฮฮาหัวเราะคิกคักกับพวกฮโยยอนต่อไป
...เจสสิก้า เธอนี่มันเพี้ยนชะมัด...
 
เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ ซึ่งตรงกับวันที่ยูริเป็นเวรทำความสะอาดห้องกับเพื่อนอีกเก้าคน หลังเลิกเรียนยูริจึงต้องอยู่เพื่อทำความสะอาดเก็บกวาดห้องอย่างที่ทำมาทุกสัปดาห์ และมักจะมีปัญหาอยู่ตรงที่เพื่อนที่มีรายชื่ออีกเก้าคนที่เหลือมักจะโดนการทำเวรเป็นประจำเหลือไว้เพียงร่างสูงคนเดียวเท่านั้นที่ต้องทำความสะอาดทั้งหมด โชคยังดีที่มีแทยอนและเจสสิก้าอยู่คอยช่วยบ้างในบางครั้ง แต่ก็มีบางช่วงที่ทั้งสองไม่สามารถอยู่รอได้เนื่องจากติดธุระชมรมร้องเพลง
ส่วนฮโยยอนก็ติดชมรมเต้นเช่นกัน ขณะที่ซอนเยและโนอึลก็มักจะจับคู่กันไปเตร็ดเตร่หลังเลิกเรียนอยู่เป็นประจำ กับลีน่าและดาน่าก็ไม่ต้องพูดถึง ออดหมดเวลาคาบสุดท้ายดังขึ้นเมื่อไหร่เป็นต้องเก็บอุปกรณ์การเรียนแล้วตรงดิ่งกลับบ้านทันที
และในวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ยูริต้องอยู่ทำเวรตามลำพังโดยต้องทำทั้งจัดโต๊ะ-เก้าอี้ เช็ดกระดาษ กวาดพื้น ถูพื้น ปิดหน้าต่าง ปิดประตู และทิ้งขยะด้วยตัวเองทั้งหมด โดยที่เจสสิก้าและแทยอนต้องเข้าชมรมเพราะการแข่งขันประกวดร้องเพลงใกล้เข้ามาแล้ว ประธานและที่ปรึกษาชมรมจึงเข้มงวดกันมากไม่ปล่อยให้โดดมาอย่างแต่ก่อน
ถังขยะใบหนึ่งถูกหยิบยกออกมาจากห้องเรียนเพื่อนำไปทิ้งยังถังขยะใบใหญ่ซึ่งวางอยู่ท้ายระเบียง ทันทีที่ขยะถูกเทออกมายูริถึงกับเบ้หน้าเมื่อพบว่ามีแต่ซองขนมขมเคี้ยวไม่ก็หมากฝรั่งเต็มไปหมด แล้วคนที่ทำอย่างนี้ก็คงไม่ใช่ใครนอกจากฮยอนอาที่นั่งอยู่ใกล้ถังขยะที่สุด ร่างสูงเอื้อมมือไปดังกระดาษที่ติดอยู่ก้นถังออกมาเตรียมจะทิ้งลงถังขยะใหญ่ แต่ก็ต้องชะงักมือไว้เมื่อพบตัวหนังสือขยุกขยิกเขียนเป็นข้อความสั้นๆ
ล้างถังให้สนุกนะ ควอน ยูริ
คิ้วเข้มขมวดมุ่นก่อนจะมองเข้าไปที่ก้นถังก็พอเข้าใจความหมาย เพราะนอกจากเศษหมากฝรั่งที่ทำหน้าที่แทนกาวติดกระดาษไว้กับถังขยะแล้วยังมีเศษลูกอม ขนม และน้ำหวานเกาะกรังเต็มไปหมด ยูริโคลงศีรษะเบาๆพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
...นี่เกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรือไง...
คนตัวสูงค่อยๆใช้กระดาษแผ่นนั้นรองมือไว้เพื่อดึงเอาเศษหมากฝรั่งเหนียวๆออกพร้อมด้วยลูกอมที่ละลายติดแน่นกับถังขยะก่อนจะเดินหิ้วถังเจ้าปัญหาเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่สุดทางอีกฝั่งของระเบียง และก็ต้องพบกระดาษอีกแผ่นหนึ่งแปะอยู่หน้าประตูทางเข้า
ห้องน้ำชั้นนี้ ผีดุ!
รู้ได้ไงว่าดุ เคยโดนผีเรียกตัวเข้าห้องปกครองมาหรือไง ยูรินึกใจก่อนจะดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาพิจารณาว่าลายมือที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนี้เหมือนกับแผ่นก่อนไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งก็เท่ากับว่านี่เป็นฝีมือฮยอนอาอีกเช่นเคย ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องนั้นอย่างไม่ลังเล ไม่ใช่เพราะไม่กลัว... เปล่าเลย ถึงแม้จะไม่ได้กลัวจนขึ้นสมองแต่ก็มีหวั่นๆบ้างเหมือนกัน
...ตอนเด็กๆเล่นโดนฟานี่หลอกผีอยู่บ่อยๆ ทั้งที่ยัยนั่นเองก็กลัวขี้ขึ้นสมอง...
ยูริเพียงแค่คิดว่าถึงมีอยู่จริงแต่การที่จะมาปรากฏตัวกลางวันแสกๆแบบนี้มันก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ แล้วเธอก็เชื่อว่าถึงจะมีอยู่จริง วิญญาณพวกนั้นก็คงไม่โผล่มาหักคอเธอตายอยู่ในนี้หรอก.... มั้ง
ภายในห้องน้ำนี้มีห้องแยกทั้งหมดสี่ห้อง ยูริเลือกเดินเข้าไปในห้องแรกซึ่งอยู่ใกล้และสะดวกที่สุดเอื้อมไปหยิบสายยางขึ้นมาฉีดเข้าไปในถังขยะพร้อมทั้งใช้แปรงขัดห้องน้ำที่วางอยู่มุมห้องขัดเอาเศษหมากฝรั่งที่ยังคงติดอยู่บางส่วนออกก่อนจะเทลงส้วมแล้วกดชักโครก ยูริเดินออกมาจากห้องน้ำวางถังขยะลงข้างๆเพื่อล้างมือ และในตอนนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของหลอดไฟที่ทำงานติดๆขัดๆ
...หรือผอ.จะลืมจ่ายค่าไฟ?...
จะเป็นเพราะอะไรก็ช่างแต่สิ่งที่ทำให้ยูริถึงกับสะดุ้งคือเสียงประตูทางเข้าปิดลงเสียงดังลั่น พร้อมกับไฟที่กระพริบติดๆดับๆอยู่ครู่ใหญ่ก็ดับลงพร้อมๆกัน ร่างสูงชะโงกตัวออกมามองทางเข้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาขยับลูกบิดประตูเพื่อเปิดมันออกอีกครั้งแต่ปรากฏว่ามันล็อก!
“ล็อกได้ไง” ยูริเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบาๆพยายามจะเปิดประตูอีกครั้งแต่เปิดไม่ออก
...ต้องมีใครแกล้งแน่ๆ...
เป็นความคิดแรกและความคิดเดียวที่เป็นไปได้ เนื่องจากประตูบานนี้ต้องเปิดเข้ามาภายในห้องน้ำเท่านั้น อีกทั้งช่องลมภายในห้องน้ำก็เล็กเกินกว่าลมแรงจะพัดเข้ามาดันประตูให้ปิดเองได้ แถมช่องลมนั้นไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าแต่กลับอยู่ลึกเข้ามาตรงบริเวณอ่างล้างหน้าซึ่งมีกำแพงกั้นไว้อีกชั้น เพราะฉะนั้นสาเหตุมันก็มีอยู่อย่างเดียวคือฝีมือใครสักคนที่อยู่อีกฝั่งของประตู
ยูริแนบหูติดกับประตูพยายามฟังเสียงจากด้านนอก ประตูบานนี้มันล็อกได้เฉพาะจากด้านใน หรือไม่ก็ต้องเป็นพวกแม่บ้านที่มีกุญแจเท่านั้นถึงจะล็อกได้ เพราะงั้นการที่เธอไม่สามารถกระชากประตูให้เปิดออกได้ต้องเป็นเพราะมีใครบางคน หรืออาจหลายคนยื้อประตูไว้อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เธอคาดไว้
“ฉันชักอยากเห็นแล้วสิว่ายัยยูริอะไรนั่นจะทำหน้ายังไง” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังลอดผ่านบานประตูมาเบาๆพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก ซึ่งยูริไม่คุ้นหูเอาเสียเลย
“เห็นฮยอนอาบอกว่ายัยนั่นขี้เก๊กทำขรึมอยู่บ่อยๆ อยากจะเห็นซะแล้วสิว่าเจอแบบนี้ยังจะเก๊กอยู่ไหม” เสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดขึ้นบ้างให้คนที่แอบฟังอยู่ถึงกับขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
...นี่ฉันขี้เก๊กเหรอเนี่ย...
“ทำแบบนี้จะดีจริงๆน่ะเหรอ...” อีกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวั่นๆเล็กน้อย ซึ่งครั้งนี้ยูริรู้สึกคุ้นหูขึ้นมาตงิดๆ “นี่ ฉันว่าเราเลิกเถอะนะ”
“โอ้ย อะไรนักหนาเนี่ยจีฮยอน ถ้าเธอไม่อยากทำเธอก็กลับไปก่อนเลยไป” เสียงแรกตวาดใส่อย่างรำคาญ แต่นั่นก็ทำให้ร่างสูงรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือจีฮยอน เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของเธอซึ่งนั่งอยู่ข้างๆฮยอนอา
ยูริถอยใบหน้ากลับออกมาจากบานประตูพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาแทยอนพร้อมกับหันหน้ากลับเข้ามาด้านในห้องน้ำอีกครั้งแล้วเดินตรงมายังอ่างล้างมือ รอไม่นานนักปลายสายก็กดรับ
“ว่าไงยูล เสร็จแล้วเหรอ” คนตัวเล็กอดถามไม่ได้เมื่อครั้งนี้เพื่อนตัวสูงทำเวรตามลำพังเสร็จเร็วกว่าปกติ
“เปล่าหรอก แต่แทช่วยมาที่ห้องน้ำชั้นหกตึกสองหน่อยได้รึเปล่า ที่อยู่ติดกับห้อง 1-261-1 น่ะ” ยูริว่าพลางยกมือขึ้นกอดอกเอนหลังพิงกำแพง
“ทำไมล่ะ?”
“พอดีตอนนี้ฉันถูกขังอยู่ในห้องน้ำน่ะสิ คิดว่าเป็นพวกของฮยอนอาน่ะ” คนตัวสูงตอบเสียงเรียบก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่รู้ชีวิตนี้จะต้องเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน แต่ทันทีที่ปลายสายได้ยินชื่อคู่อริก็ถึงกับตะโกนถามเสียงหลงอย่างลืมตัว
“อะไรนะ!? ยัยหัวฟักทองนั่นอีกแล้วเหรอ แล้วนี่เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ถูกจับกดส้วมหรือเอาที่ดูดส้วมปั๊มปากรึเปล่า!? รอก่อนนะเดี๋ยวฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ!!” ว่าแล้วก็กดตัดสายไปทันทีทิ้งให้ยูริอ้าปากพะงาบๆที่หาทางแทรกไม่ทัน
...เจสสิก้าว่าเพี้ยนแล้ว เทียบไม่ได้กับแทยอนเลย...
ร่างสูงเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากระโปรงดังเดิม นึกห่วงคนตัวเล็กที่ไม่รอฟังอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย กำลังจะเตือนแล้วเชียวว่าอย่ามาคนเดียวให้พารุ่นพี่หรือไม่ก็เจสสิก้ามาเป็นเพื่อนด้วย เพราะพวกที่ยืนออกันอยู่ด้านนอกล้วนเป็นพรรคพวกของฮยอนอา ก็หมายความว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าฮยอนอากับแทยอนเกลียดกันยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน คงไม่ดีต่อแทยอนแน่ๆหากจะขึ้นมาเจอเด็กสาวอีกสามคนยืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว
...อย่าตายก็พอนะแทยอน...
แต่แล้วเสียงกุกกักก็ดังออกมาจากห้องด้านในสุดที่ถูกปิดไว้ เสียงคล้ายคนตะเกียกตะกายพยายามออกมาจากห้อง ไหนจะเสียงบิดลูกบิดประตูดังแกรกๆกับเสียงทุบประตูดังปึงปังดังต่อเนื่องมาเป็นระยะๆ ยูริยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองต้นเสียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะปรายตาไปยังประตูทางเข้าเล็กน้อย
ในเมื่อคนที่อยู่ด้านนอกคือเพื่อนของฮยอนอา คนที่อยู่ในห้องสุดท้ายมันก็ต้องเป็นหนึ่งในพวกนั้นหรือไม่ก็ต้องเป็นฮยอนอาแน่นอน พอคิดได้อย่างนั้นยูริก็ชักจะเบื่อเกมหลอกผีนี่เต็มกลืน
...เอ้า! อยากหลอกกันนักใช่ไหม ได้!...
ยูริเดินตรงเข้าไปในห้องหนึ่งที่อยู่ข้างๆห้องต้นเหตุ พยายามให้ทุกก้าวเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถอดรองเท้าออกแล้วปีนขึ้นไปยืนอยู่บนฝาชักโครกเพื่อชะโงกมองเข้าไปในห้องข้างๆ... แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
ใครบางคนใช้ผ้าสีขาวคลุมหัวเอาไว้พยายามทำเสียงขูดผนังบ้าง ทุบประตูบ้าง บิดลูกบิดบ้าง ให้เธอตกใจกลัว ซึ่งยูริแอบเห็นผมสีเด่นอร่ามตาที่เป็นสีเดียวกันกับฮยอนอาหลุดออกมาอยู่นอกผ้าเล็กน้อย คนตัวสูงยกมือขึ้นเท้าคางมองการกระทำของอีกคนต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งผีปลอมเริ่มเหนื่อยเปลี่ยนเป็นเอาหน้าแนบประตูแทน
“ทำอะไรเหรอ ฮยอนอา” เจ้าตัวสะดุ้งเฮือกเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงทันที “ท่าทางน่าสนุกดีนะ”
ฮยอนอาดึงเอาผ้าที่คลุมหัวตัวเองออกพร้อมส่งสายตาขุ่นมัวใส่คนที่อยู่ด้านบน
“นี่รู้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหม!?” คนถูกถามเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนที่อีกคนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ถ้ารู้อยู่แล้วทำไมไม่รีบบอกกันล่ะยะ!?”
“อ้าว... ก็เห็นเธอกำลังขูดกำแพงซะน่าสนุกเชียว ฉันก็เลยไม่อยากจะขัด” คนตัวสูงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางสบายๆให้อีกคนนึกโมโห
“ควอน ยูริ!”
“กลัวจำนามสกุลฉันไม่ได้หรือไง ขยันเรียกจังนะ” น้ำเสียงและท่าทีของคนตัวสูงยังคงเรียบนิ่งเอ่ยออกมาอย่างสบายๆเช่นเคยเป็นผลให้คนหัวสีฟักทองนึกหมั่นไส้หันไปคว้าสายยางฉีดน้ำหันมาฉีดใส่ยูริหันที
“โอ้ย! หยุดนะฮยอนอา! เล่นบ้าอะไรของเธอ!?” คนผิวเข้มร้องโวยวายพร้อมทั้งยกมือขึ้นป้องกันหน้าตัวเองทันที หลังจากที่คนเอวบางฉีดน้ำใส่ยูริจนพอใจแล้วก็ยกยิ้มหัวเราะอย่างสะใจ ทำให้คนนิ่งๆเงียบๆมาโดยตลอดเริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน
...เธอทำฉันเปียกมาสองรอบแล้วนะ ฮยอนอา!...
แต่ก่อนที่ยูริจะได้เอ่ยอะไรออกไปเสียงโวยวายจากด้านนอกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากเด็กสาวทั้งสองที่อยู่ภายในห้องมืดสลัว
“ฮึ แม่เพื่อนขนคิ้วบางของเธอนี่มาเร็วกว่าที่คิดเยอะเลยนะ แต่ดูท่าจะมาคนเดียว โง่ชะมัด... ทั้งๆที่เธอก็บอกแล้วว่าพวกของฉันอยู่ข้างนอก ไม่คิดจะกลัวสักหน่อยหรือไง” ฮยอนอาว่าพลางยกมือขึ้นเท้าเอวช้อนตามองคนผิวเข้มที่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาบ้าง
“ถ้ากลัวก็คงไม่ใช่แทยอนแล้วล่ะ”
“เหอะ แต่แบบนี้มันเรียกว่าบ้าบิ่นมากกว่ากล้าหาญนะ พวกข้างนอกนั่นน่ะเป็นพวกชอบใช้กำลังมากกว่าเจรจาซะด้วยสิ”
“แล้วเธอคิดว่าแทยอนอยากจะเจรจากับพวกเธอนักหรือไง” สิ้นเสียงยูริก็ผลุบหายกลับเข้าไปในห้องก่อนจะใส่รองเท้าแล้วเดินตรงไปยังประตูทางเข้าทันทีโดยมีฮยอนอาวิ่งตามไปติดๆ บานประตูเจ้าปัญหาเปิดออกได้อีกครั้งทำให้เด็กสาวทั้งสองเห็นภาพที่แทบจะเรียกได้ว่าตะลุมบอนของเด็กสาวทั้งสามคน
“หยุดๆ! แยกกันเดี๋ยวนี้!” ยูริตวาดลั่นพร้อมทั้งตรงเข้าไปดึงตัวเด็กสาวผมสั้นคนหนึ่งซึ่งไม่คุ้นหน้าออกห่างจากแทยอนทันทีเมื่อเจ้าหล่อนเงื้อมือเตรียมตบเต็มที่โดยมีพรรคพวกอีกคนหนึ่งยืนล็อกตัวแทยอนเอาไว้
“ปล่อยเซ่!” ทางด้านแทยอนเมื่อเห็นเพื่อนตัวยาวของตัวเองก็ดิ้นเร้าๆให้หลุดจากพันธนาการของเด็กสาวอีกคนจนกระทั่งหลุดออกมาได้ คนตัวเล็กยกมือขึ้นปัดๆไหล่ตัวเองเล็กน้อยพร้อมจิกสายตาใส่คนที่ล็อกตัวเธอไว้พลางเดินมายืนหยุดอยู่ข้างๆคนผิวเข้ม เช่นเดียวกับฮยอนอาที่เดินกลับเข้าไปในวงของตัวเอง
“ยูล!” คนตัวเล็กข้างๆกันตะโกนเรียกเสียงลั่นทั้งที่ยืนอยู่ห่างกันเพียงคืบ แทยอนหันมาจับไหล่ทั้งสองข้างของคนตัวสูงกว่าพร้อมทั้งหันตัวยูริหมุนซ้ายทีขวาที “เป็นอะไรรึเปล่า!? ยัยพวกหัวผลไม้พวกนี้ทำอะไรเธอรึเปล่า!? แล้วทำไมถึงเปียกอย่างนี้ล่ะ!!?”
“นี่! เธอว่าใครเป็นหัวผลไม้ยะ!” หนึ่งในกลุ่มหัวผลไม้แว้ดขึ้นทันทีให้แทยอนหันกลับไปถลึงตาใส่
“ฉันไม่ได้พูดกับพวกเธอเพราะฉะนั้น อย่ายุ่ง!” ตวาดเสร็จก็หันกลับมาพลิกตัวหมุนตัวยูริอีกครั้ง “ว่าไงยูล ยัยพวกนี้มันทำอะไร!?”
“เอ่อ แท... ฉันว่าใจเย็น --” ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนคนตัวเล็กแทรกเสียงแข็ง
“ยัยพวกนี้ทำอะไร!!?” เล่นโดนถามเสียงแข็งตาเขียวปัดแบบนี้ยูริก็ไม่กล้าที่จะขัดอะไรแทยอนอีก จำต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนตัวเล็กฟังแต่โดยดีทั้งที่ก็พอจะรู้ปฏิกิริยาของอีกคนดี แล้วมันก็เป็นอย่างที่ยูริคิดไว้ไม่มีคิดเมื่อเล่าจบอีกคนก็เริ่มออกอาการไม่พอใจทั้งทางสีหน้าแววตาและท่าทาวอย่างชัดเจน หันไปตวัดสายตาแข็งกร้าวใส่เด็กสาวอีกสี่คนทันที
“ทำไมต้องเล่นอะไรแบบนี้ฮยอนอา! ไม่พอใจกันก็ไม่เห็นต้องมายุ่งเกี่ยวกันเลยนี่! อย่างฉันเองก็ออกจะเกลียดเธอเข้าไส้ เพราะงั้นเจอหน้าแต่ละทีถึงไม่อยากจะมอง แต่ที่เธอทำแบบนี้มันจะเกินไปแล้วนะ!....” แล้วก็อีกสารพัดสารเพที่คนตัวเล็กกล่าวออกมาเสียยาวเหยียด อีกทั้งยังเขยิบตัวเข้าไปใกล้ฮยอนอาทีละนิดจนยูริต้องดึงรั้งแขนเอาไว้ก่อนที่จะเกิดการตะลุมบอนขึ้นอีกครั้ง
“โอ้ย จะอะไรนักหนาฮะยัยขนคิ้วร่วง ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงซักหน่อย ดูซิขนาดเจ้าตัวยังดูจะไม่ทุกร้อนอะไรเลย แล้วเธอจะมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันทำไม” คู่กรณีเอ่ยขึ้นบ้างพลางยกมือขึ้นเท้าเอวทำหน้าตาเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“ยูริเป็นเพื่อนฉัน เธอมีเรื่องกับฉันก็มาเคลียร์กับฉันตรงๆสิ” แทยอนข่มอารมณ์กัดฟันเค้นเสียงพูดกับอีกคนอย่างยากเย็น ยิ่งเห็นยัยหัวฟักทองนั่นดูจะไม่สนใจใยดีกับการกระทำของตัวเองก็ยิ่งนึกโมโห
“อุ๊ย แหม! เป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกินนะจ๊ะ แทยอน... แต่ฉันไม่ได้มีเรื่องกับเธอแค่คนเดียวนะอย่าลืมสิ ฉันมีกับพวกเธอทั้งสามคนนั่นแหละ!”
“ฮยอนอา!!” ดูเหมือนความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดของแทยอนจะหมดลง เจ้าตัวถึงได้พุ่งตัวออกไปเตรียมจะฝากรอยช้ำสักจุดสองสุดไว้ที่ตัวของคู่อริให้คลายความแค้นใจลงบ้าง หากแต่ก็ติดอยู่ที่เพื่อนตัวยาวที่ยังคงยืนรั้งตัวเธอไว้ไม่ให้ทำอะไรห่ามๆลงไปอย่างที่ใจคิด “ปล่อยเซ่! จะมารั้งฉันไว้ทำไมเนี่ย ขอฉันทุบยัยนั้นสักทีสองทีให้หายแค้นหน่อยเถอะ!”
“ใจเย็นน่าแท ฉันว่ามันไม่คุ้มหรอก” ยูริเองที่แม้จะไม่พอใจเสียเท่าไหร่ที่เนื้อตัวเปียกปอนโดยฝีมือฮยอนอา แต่พอมาเจออารมณ์ร้อนๆอย่างแทยอนเข้าเธอก็จำต้องใจเย็นแล้วยั้งเพื่อนตัวเล็กไม่ให้ทำอะไรก็ตามที่เสี่ยงต่อการเดินเฉียดเข้าห้องปกครอง
...อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ประวัตินักเรียนของแทยอนต้องแปดเปื้อนเพราะอารมณ์ชั่ววูบ...
“ใช่ๆ แทยอน...หัดฟังเพื่อนสี่ตาของเธอไว้บ้างนะ อย่าใจร้อน” เจ้าของหัวสีฟักทองกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะกับเพื่อนอีกสองคน จะมีก็แต่จีฮยอนที่แสดงสีหน้าไม่สบายใจ
“หุบปากไปเลยนะฮยอนอา อย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาสอนฉัน!” ไฟที่ลุกไหม้ถูกฮยอนอาราดน้ำมันซ้ำเติมเข้าไปให้กองเพลิงลุกโหมใหญ่โตขึ้น คนตัวเล็กดิ้นเร้าๆยกแข้งยกขาใส่คู่อริอย่างไม่ลดละจนคนตัวสูงต้องทั้งฉุดทั้งลากแทยอนให้ออกห่างจากกลุ่มฮยอนอาทันที
“พอแล้วแท ใจเย็นๆหน่อย”
“ก็ดูพวกนั้นสิ จะให้ฉันใจเย็นยังไงไหวล่ะ” แทยอนเถียงอีกคนทั้งๆที่ยังคงเข่นเขี้ยวใส่กลุ่มหัวผลไม้พร้อมทั้งถลึงตาใส่อย่างโกรธเกรี้ยว
“ก็ปล่อยพวกนั้นบ้ากันไปเองสิ เราไม่เห็นต้องไปบ้าตามเค้าเลยนี่นา”
“โอ้ย! เซ็ง!” แล้วคนตัวเล็กก็ร้องโวยวายออกมาอีกครั้งก่อนจะยอมผ่อนแรงลงไม่ขืนตัวดิ้นหนี ยูริจึงค่อยๆคลายแขนที่ล็อกตัวแทยอนเอาไว้ออกเล็กน้อย
“เซ็งอะไร? เซ็งฉันเหรอ” คนตัวสูงถามทั้งๆที่ยังอมยิ้มอยู่บางๆขณะที่ลากเพื่อนคิ้วบางมาจนถึงห้องเรียนได้สำเร็จ แทยอนทำเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเบาๆ “ก็นิดนึง”
“งั้นก็ขอโทษนะที่ทำให้ต้องเซ็ง ว่าแต่นี่ก็ออกจามาจากชมรมไปพักใหญ่แล้วนะ รุ่นพี่ไม่ว่าเอาเหรอ” ร่างสูงหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นก่อนจะเอ่ยถามถึงรุ่นพี่ชมรมแทยอนที่เจ้าตัวโดดออกมาได้นานพอสมควรแล้ว ป่านนี้ได้หัวเสียกันแย่ที่เด็กในสังกัดที่เป็นตัวเต็งในการแข่งขันประกวดร้องเพลงในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ และคำถามนี้เองที่ทำเอาสีหน้าคนตัวเล็กเปลี่ยนไปแทบจะในทันที
“เออจริงด้วย! ซวยแล้ว!” แทยอนถึงกับสาละวนเดินไปเดินมารอบๆยูริอย่างร้อนรนก่อนจะหันมาแตะไหล่คนผิวเข้ม “วันนี้ยูลต้องซ้อมยูโดใช่ไหม เลิกประมาณกี่โมง เดี๋ยวฉันกับสิก้าซ้อมร้องเพลงเสร็จแล้วจะลงไปรอนะ อ๊ะ ไปละๆ แล้วเจอกัน!”
ว่าแล้วก็วิ่งลงบันไดไปทันทีโดยไม่แม้จะรอฟังคำตอบที่ตัวเองเป็นคำถามขึ้น ทิ้งให้ยูริยืนเกาหัวแกรกๆก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของคนตัวเล็ก
...แทยอนจะเพี้ยนแข่งกับเจสสิก้าหรือไงนะ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา