ปฎิบัติการรัก จักรกลทะยานฟ้า : ภาค จิตวิญญาณแห่งนกไฟ

9.4

วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.46 น.

  6 Chapter
  34 วิจารณ์
  17.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556 19.07 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) การเรียนภาคปฎิบัติและอาหารกลางวันที่แสนวุ่นวาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    
    
          ...เคยนึกถามตัวเองว่า เราได้มีเป้าหมายที่ควรทำ เราควรทำอย่างไรบ้าง
          ...ถึงรู้ทั้งรู้ แต่เราก็กลับทำอะไรไม่ได้
          ...แม้รู้ว่า เธออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องก็จริง
          ...ฉันก็จะไม่ยอมยกโทษให้จนกว่าจะไปกราบขอขมาหน้าหลุมศพ 


          เสียงห้วยความคิดในหัวค่อยๆจากหายพร้อมกับเปิดเปลือกตาออกขึ้นมาจากอ่างล้างหน้าที่มีน้ำเต็มอ่าง แล้วยกหัวที่จมในอ่างขึ้นมา หยดน้ำเล็กและละอองน้ำ กระเซนออกไปเบาๆ เรียวมือค่อยๆจับหน้าผมแล้วเสยไปทางด้านหลังไล่น้ำออกจากเส้นผมสีน้ำตาลเข้มออกไป


          "เฮ้ ! อัคคี ไปกันเถอะ !" เสียงของผู้ชายอีกฝ่ายเข้ามาในชุดรัดรูปเป็นชุดนักเรียนภาคสนามสำหรับการฝึกฝนหรือสวมใส่กับเกราะจักรกล ซึ่งเป็นชุดรัดรูปคล้ายชุดกีฬา แต่มันออกแบบให้ยืดหยุ่นและทนทานมากกว่าปกติ กำลังเรียกอีกฝ่ายที่กำลังเอาหัวจุ่มน้ำในอ่างล้างหน้า


          ซึ่งชุดเสื้อของอิจิกัและอัคคีนั้น เป็นชุดรัดรูปแขนสั้น ชายเสื้อรัดรูปแค่ใต้อก เผยให้เห็นกล้ามท้องอ่อนๆของเด็กหนุ่มทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าของอิจิกะจะแทบไม่เห็นกล้ามท้องเลย ส่วนอัคคีนั้น ถึงจะอ่อนแต่ก็พอมีอย่างบุรุพทั่วไป และสวมรองเท่าผ้าใบเหมือนกันทั้งสองคน


          ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในห้องล๊อคเกอร์ซึ่งเป็นห้องใหญ่สำหรับเก็บของ อยู่ใต้อาหารสนามฝึกซ้อมและประลองหุ่นชุดเกราะจักรกลแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่เก็บเสื้อผ้าสำหรับนักเรียนของที่นี่ พวกเขาอาศัยที่พวกคนอื่นๆ(นักเรียนหญิง)ไม่อยู่ เท่านั้น ถึงจะมาใช้ห้องล๊อคเกอร์ได้


          "ได้เวลาแล้วเหรอ ?"อัคคีหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆมาเช็ดหัวให้พอแห้ง

          "ใช่แล้ว ชักช้าจะโดนพี่จิฟุยุเล่นเอา"

          
          อัคคีพยักหน้าเบาๆก่อนก่อนที่จะเก็บของในตู้แล้วเดินออกไปพร้อมอิจิกะ ออกมาสู่ที่ลานสนามฝึกซ้อมอันกว้างใหญ่


          สนามนี้รอบๆค่อนข้างใหญ่และพื้นเป็นดินอย่างดี เหมาะสำหรับการฝึกซ้อมภาคปฎิบัติและสามารถทำการบินขึ้นได้สูงในระดับหนึ่ง พื้นที่ก็กว้างพอที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และที่กั้นสนามทำจากวัสดุอย่างดี ป้องกันอาวุธหรือผลจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขันของชุดเกราะจักรกลได้อย่างดีเยี่ยม

ตรงกลางของสนามฝึกมีกลุ่มนักเรียน


          "มั่วทำอะไรอยู่ ทั้งสองคนน่ะ !!"เสียงของสาวมั่นในชุดพละที่ดูสง่ามีสีหน้าที่ดูขรึมสักนิด ผมสีดำยาวกำลังจับจองอิจิกะอยู่ เธอกำลังยืนอยู่จุดศูนย์กลางในวงล้อมของนักเรียนหญิงคนอื่นๆในห้องเรียนเดียวกับของอิจิกะและอัคคี กำลังตะโกนบอกทั้งสองที่กำลังวิ่งเข้ามารวมกลุ่มตอนนี้      


          "ขอโทษด้วยครับ อาจารย์" อิจิกะกล่าวกับหญิงสาว

          "วันหลังขอให้เตรียมตัวเร็วกว่านี้ด้วยนะ ยืนอยู่ข้างหน้าฉันทั้งคู่้เนี่ยแหละ" ผู้ที่เป็นอาจารย์สั่งให้อิจิกะและอัคคียืนอยู่แถวหน้าสุด


          โอริมุระ จิฟุยุ หญิงสาวที่เคยเป็นผู้สังเกตุการณ์หุ่นชุดเกราะจักรกลในประเทศไทยเมื่อคราวก่อน และเธอเป็นถึงอาจารย์ของสถาบันโรงเรียนIS โดยเป็นอาจารย์ประจำชั้นห้องของอิจิกะ เป็นคนที่ดูขรึมและเข้มงวด โดยเฉพาะการเรียนการฝึกภาคปฎิบัติเธอจะเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยมี อาจารย์มายะ อาจารย์ผู้ช่วยยืนอยู่ข้างๆ


                                   http://www.keedkean.com


          "เอาล่ะ ! วันนี้เราจะมีการทบทวนพื้นฐาน , การควบคุมอาวุธ และจะมีจัดการประลองของพวกที่มีหุ่นชุดเกราะจักรกลต้อนรับเด็กใหม่ที่เข้ามาเรียนที่นี่ด้วย !" จิฟุยุยืนกล่าวคำพูดพร้อมกับชี้หน้าไปที่อัคคี


          นักเรียนทุกคนหันควับมาทางอัคคีเป็นทางเดียวกันราวกับว่า 'วันนี้คงมีดวลกันแน่ๆ'


          "หลังจากการเรียนคาบเช้า พอเข้าถึงคาบบ่าย ฉันจะจัดการประลองโดยจะให้ผู้ที่มีชุดเกราะจักรกลส่วนตัว สมัครใจเป็นคู่ประลองให้เขา" จิฟุยุพูดแล้วกล่าวต่อว่า "เอาล่ะได้เวลาแล้ว พวกที่มีชุดเกราะส่วนตัว คอยเป็นพี่เลี้ยงในการช่วยเหลือคนอื่นๆด้วย เพราะพวกเธอมีประสบการณ์ การใช้ที่สูงกว่าอยู่แล้ว"


          กลุ่มนักเรียนทั้งหมดก็แยกย้ายไปฝึกฝนโดยมี จิฟุยุควบคุมและสอน และมี นักเรียนที่มีชุดเกราะจักรกลส่วนตัวซึ่งมีทักษะสูงกว่านักเรียนทั่วไป และชุดเกราะจักรกลส่วนตัวนั้น มีไม่ถึง 480 เครื่องบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ และผู้ที่มีชุดเกราะส่วนตัว จะต้องชำนาญการใช้มากกว่าคนทั่วไป(ผู้หญิง)


          "ถึงอัคคีคุงจะคอยเป็นพี่เลี้ยงเพราะขับ IS ได้และมีเครื่องส่วนตัว แต่ก็ใช่ว่าทักษะจะสูงกว่าคนทั่วไป ฉะนั้น คอยศึกษาจากการเรียนคาบเช้าทั้งหมดด้วยนะคะ" อาจารย์มายะกล่าวแล้วยิ้มบางๆให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตา่ลเข้ม


          อัคคีพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะเรียนภาคสนามด้วยกัน ไม่ว่าการใช่หุ่นชุดเกราะจักรกล การเคลื่อนที่ และการบินต่างๆ ซึ่งทุกจะได้เรียนเท่ากันหมด ยกเว้นพวกที่มีชุดเกราะจักรกลส่วนตัว รวมถึงอัคคี ที่จะมีหน้าที่คอยดูแล แต่ก็ต้องเรียนรู้ในส่วนที่เขายังไม่เคยเรียนด้วย


          ชายหนุ่มจากเมืองไทยมองสำรวจไปรอบเหมือนกำลังมองหาใครบางคน ท่ามกลางกลุ่มสาวๆที่กำลังวุ่นวายกับการเรียนรู้ในการสวมใส่ชุดเกราะจักรกลฝึกหัด และก็ไปเจอสิ่งที่เขาต้องการค้นหาเข้า


          "ดูนัวส์..."สายตาของเขา จับเจ้าไปที่หญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักเรียนคนอื่นๆในขณะที่จิฟุยุกำลังสอนภาคสนาม นัยน์ตาของเขานั้น มีความแค้นที่ค่อยๆก่อเป็นสุมไฟซ่อนอยู่


          เธอยังไม่รู้ตัวว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องอยู่ จนกระทั้งมีมือเล็กๆข้างหนึ่งเข้ามาตบบ่าอัคคีให้รู้สึกตัว


          "อย่ามองแต่มองเพื่อนฉันด้วยสายตาแบบนั้น และอย่าคิดว่าเป็นนักเรียนใหม่แล้วไม่ทำอะไรเลยนะ"เสียงของหญิงสาวผมเงิน และสวมที่ปิดตาข้างซ้าย น้ำเสียงที่ดูเข้มแข็งเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แต่ขนาดตัวมันไม่ให้ เข้ามาตบบาอัคคีจากด้านหลังด้วยสีหน้าสงสัยและไม่พอใจซ่อนอยู่

          "ไม่เห็นมีอะไรให้น่ามองเลยสักนิด"อัคคีหันควับมา ทำสีหน้าแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

          "นายกำลังมองชาร์ล็อตต์ อย่ามาไขสือ"อีกฝ่าย กอดอกจ้อง แสดงสีหน้าไม่พอใจเพราะเพื่อนถูกจ้องโดยคนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้า โดยเฉพาะคนที่ทำให้เธอเจ็บแค้นได้ ภายใน3หมัด

          "หรือจะให้ฉันจ้องเธอล่ะ ลอร่า ?"ชายหนุ่มค่อยหันมาจบจ้องดวงตาสีแดงอ่อนของอีกฝ่าย

          "อย่าจ้องฉันด้วยสายตาแบบนี้ เจ้าลูกหมา !"

          "ฉันไปเป็นหมาตอนไหน ?"

          "ตอนนี้ !"

          "เธอ...!"

          "เจ้าลูกหมา !"

          
          ขณะที่เกิดศึกที่ลอร่าไปเถียงกับอัคคีเรื่องไม่เป็นเรื่อง อิจิกะเข้ามาเห็นแล้วก็ได้เข้ามาคั่นกลางทั้งสองแล้วแยกออกมาจากกัน


          "พอเถอะนะ จะมาทะเลาะอะไรกันตอนนี้ เราอยู่ด้วยกันก็ต้องเป็นเพื่อนกันสิ เน๊อะ ลอร่า"อิจิกะยิ้มแห้งๆให้ลอร่า

          "นายไม่ใช่เพื่อนของฉัน นายเป็น...เจ้าสาวของฉันต่างหาก"เธอหันมาพูดกับอิจิกะ ก่อนจะหลบสายตาบิดเบือนความอาย


          อัคคีหรี่ตามองทั้งสองคุยกัน มันรู้สึกทะแมงๆและเหมือนไม่อยากจะยุ่งเท่าไหร่นัก แต่ก็จะเดินหนีัได้ไม่ถึง3ก้าว ก็มีผู้หญิงผมลอนสีทองท่าทางเป็นผู้ดียืนอยู่ตรงหน้าอัคคี


          "วันนี้รู้สึกว่ากำหนดการจะมาเร็วขึ้นนะคะ"เซซิเลียยิ้มอย่างมีเลิศนัย

          "อาศัยช่วงคาบบ่ายมาประลองสินะ"

          "ค่ะ...จะบอกเอาไว้ก่อนนะคะ ตอนนี้ยังถอนตัวทัน เพราะยังไงก็ไม่สามารถรับมือ บลู เทียร์ ของดิฉันได้หรอกค่ะ"

          "ก่อนจะพูดแบบนั้น เธออาจจะโดนฉันล้มด้วยสองหมัดเสียก่อนน่ะสิ"อัคคียิ้มในมุมปาก

          "มั่นใจจังนะคะ พูดยังกับว่าไม่ต้องใช้อาวุธก็ชนะได้งั้นเหรอคะ"

          "แน่นอนสิ และมั่นใจมากๆด้วย แค่สองหมัด"

          "ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะยิงให้หมอบเลยค่ะ"

          
          อัคคีได้แต่จ้องดวงตาของเซซิเลียแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นเงียบๆ ส่วนอิจิกะไปคุยกับลอร่าอย่างไรไม่ทราบ ตอนนี้ลอร่าจู่ๆก็ควงแขนอิจิกะคุยกันเสียแล้ว


          "อะ...อะไรกันคะ ! การกระทำแบบนั้นมันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ !" เซซิเลียเห็นลอร่าควงแขนอิจิกะกันหวานย้อยจึงอดไม่ได้ เข้ามากอดควงแขนอีกข้าง แล้วสายตาของเซซิเลียก็หันมาจับจ้องที่ลอร่า

          "แล้วเธอจะมายุ่งอะไรกับเจ้าบ่าวของฉันกัน !?" ลอร่าจ้องตาเซซิเลียกลับเหมือนจ้องจะกินกัน


          อิจิกะก็คงทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ แขนถูกหน้าอกนุ่มๆของเซซิเลียทาบเอาไว้อยู่แขนของอิจิกะเพราะขนาดหน้าอกเซซิเลียที่จะโตเหมือนผู้ใหญ่กว่าลอร่าหลายสิบเท่าเลยทีเดียว


          การเรียนการสอนก็ดำเนินไปอย่างวุ่นวายนิดหน่อย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่เหมือนว่า ปฎิสัมพันธ์ของเด็กใหม่ช่วงแรกๆจะแตกต่างกับอิจิกะนิดหน่อยเพราะเข้ากับใครไม่ได้ดีนักเหมือนอิจิกะสมัยเข้าเรียนใหม่ๆ การเรียนการสอนก็ดำเนินไปจนถึงช่วงพักกลางวัน


          แม้แต่ตอนพักกินข้าวในโรงอาหารหลังเรียนภาคเช้าเสร็จ อิจิกะจะเข้ามานั่งกินข้าวร่วมกันกับอัคคี ที่นั่งกินคนเดียว แต่แล้วสาวๆส่วนใหญ่ ก็เข้าไปนั่งใกล้ๆกับอิจิกะเสียมากกว่า ทำให้อิจิกะ ฝ่าวงล้อมไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปหาอัคคีได้เลยแม้แต่จะขยับหนี


          แต่ก็มีคนๆหนึ่งกลับเข้ามานั่งที่อัคคีข้างๆแล้วนั่งกินอาหารที่ถือมาอย่างแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้อัคคีรู้สึกแปลกใจ


          "ดูนัวส์ !?"อัคคีถึงกับเผลออุทานออกมา


          ชาร์ล็อตต์ ดูนัวส์เข้ามานั่งทานอาหารในโต๊ะเดียวกับอัคคี แต่ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตามแต่


          "ครับ ?" เธอหันหน้ามาหาตามเสียง

          "นี่เธอ..."

          "ไม่ว่ากันผมขอร่วงโต๊ะด้วยนะครับ ทางนู้นคงแน่นหมดแล้ว แฮะๆ" ชาร์ล็อตต์ยิ้มให้บางๆแล้วก็นั่งทานต่อ


          ดูเหมือนว่าเธอจะไมไ่ด้สนใจเหตุการณ์เมื่อเช้าตรู่เลยสักนิดเดียว

          
          "เรื่องของเธอ ตามสบาย" อัคคีนั้นถึงจะ ไม่อยากอยู่ใกล้คนที่มีสายเลือดทางความแค้นอยู่หรอก แต่จะให้อาลวาดมันก็ไม่ใช่นิสัยของเขา ฉะนั้น จึงทนนั่งทานข้าวไปเงียบๆกับชาร์ล็อตต์ โดยอัคคีรีบจะกินแล้วรีบออกไปจากที่นี่เสีย


          จนกระทั้งอาหารติดคอ ร่างการของอัคคีจึงสั่งให้ไอออกมาเพราะอาหารติดคอ


          "น้ำครับ น้ำ"ชาร์ล็อตต์ยื่นน้ำในแก้วมาให้

          "แค่กๆ !"อัคคีไม่รอช้ารีบรับน้ำมาดื่มทันที

          "เป็นไงมั้งครับ อัคคี"

          "ฉันไม่ขอบคุณ คนที่ทำร้ายของครัวฉันหรอกนะ" อัคคีหรี่ตามองชาร์ล็อตต์

          "พูดอะไรกันน่ะครับ เล่นมุขฝืดดีนะครับ" ชาร์ล็อตต์ยิ้มแห้งๆ เพราะเข้าใจว่ามันเป็นมุข

          "มุขบ้านเธอเซะ !" คิ้วของอัคคีจู่้ๆก็กระตุกทันใด เหมือนถูกกวนโอ๊ยแปลกๆ

          "ล้อเล่นนิดหน่อยเอง"

          "นี่มันใช่เวลาล้อเล่นหรือไง" อัคคี คิ้วกระตุกอีกรอบ


          การสนทนาเหมือนจะไปคนละเรื่องเดียวกันของอัคคีและชาร์ล็อตต์ ก็ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั้งมีอะไรก็ไม่รู้จับจ้องมาที่ด้านหลังที่นั่งของอัคคี ราวกับเป็นสายตาไม่ไว้วางใจเสียเท่าไหร่นัก และเป็นคนแรกที่ทำให้อัคคีหงุดหงิดได้ขนาดนี้ จนหลุดมาด ผู้ที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งที่ ขี้เก๊กในสายตาผู้อื่นจนหมดสิ้น


          หลังจากนั้นก็ตามด้วยช้อนที่ลอยมาใส่หัวอัคคีทันที


          "ห้ามคุยอย่างสนิทสนมกับเพื่อนของฉัน !" ลอร่าจ้องอัคคีด้วยสีหน้าไม่พอใจ

          "ฉันก็ไม่ได้อยากจะคุยกับคนที่ทำร้ายครอบครัวฉันหรอกนะ" อัคคีจับหัวตัวเองด้วยความเจ็บปวด ถึงจะไม่มาก หันไปมองต้นเสียงที่อยู่ข้างหลัง

          "ฉันไม่สนใจ แต่ฉันไม่ชอบ มีอะไรไหม"คำพูดของลอร่าเหมือนจะหาเรื่องกับอัคคีเสียแล้ว

          "แล้วทำไมไม่อยู่กับอิจิกะล่ะ" อัคคีหันไปมอง

          "พวกบ้านั้นเกาะแกะเจ้าบ่าวของฉันหมดเลย..."ลอร่าคอตกใส่


          ชาร์ล็อตต์เห็นอย่างนั้นก็เข้าพาลอร่า โบเดวิกมานั่งแล้วปลอบใจ อัคคีก็ได้แต่นั่งเงียบๆ

          "เอาน่ะๆ อย่าคิดมากสิครับลอร่า" ชาร์ล็อตต์ลูบหลังลอร่าเบาๆ

          "แบบนี้ฉันไม่ยอม" ลอร่าจ้องตาอีกฝ่ายหญิงอีกฝ่าย


          อัคคีจ้องมองทั้งสองฝ่ายคุยกันคงคิดว่า คงเป็นเพื่อนที่สนิทกันแน่นอน แต่สักพักก็ฉุดคิดได้ว่า ชาร์ล็อตต์คือศัตรูของเรา จึงรีบทานข้าวแล้วรีบออกไปจากโรงอาหารให้เร็วไวที่สุด


          เอาเป็นว่าอัคคีเริ่มรู้สึกว่า ตอนนี้อยากจะออกไปหาความสงบสักพัก จึงทานอาหารคำสุดท้ายก่อนจะลุกออกไปเงียบๆ แล้วเดินออกจากโรงอาหารทันที และก็ไม่มีใครทราบเลยว่า ช่วงพักกลางวันทั้งเวลานั้น อัคคีได้อยู่ส่วนไหนของสถาบันกันแน่


(To be continued next chapter)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา