เพราะเธอคือ 'ความรัก' ของฉัน

9.9

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.39 น.

  2 ตอน
  38 วิจารณ์
  10.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 21.39 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
 3 Years later
 
 
 
‘มีคนบอกว่า...หัวใจของคนเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...มันจริงมั้ยนะ?’
 
 
 
 
                โพสอิทสี่ส้มพร้อมกับตัวอักษรสีเขียวเข้มที่บรรจงวางเรียงกันอยู่บนแผ่นกระดาษนั่นถูกแปะลงหลังประตูห้องนอนของฉัน และคนที่เขียนมันก็ไม่ใช่ใคร...ฉันเองนี่แหละ ฉันถามตัวเองอีกครั้งเมื่อสายตายังคงจดจ้องอยู่กับข้อความที่ตัวเองเพิ่งเขียนเสร็จ อันที่จริงแล้ว...คำตอบมันควรจะเป็นยังไงกันแน่ แต่ฉันก็แอบเห็นด้วยกับข้อความนั่นนะ...ฉันว่าคนเรามักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มันไม่มีหรอกคำว่าตลอดไปน่ะ
 
 
 
                แต่สิ่งที่ฉันยังสงสัยในตัวเองมาตลอดสามปีก็คือ ฉันกำลัง ‘รอ’ อะไรอยู่ ทำไมหัวใจของฉัน...ความรู้สึกของฉัน...ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนเลยล่ะ เมื่อก่อนรู้สึกยังไง...ตอนนี้ก็ยังอยากรู้สึกแบบนั้นอยู่ ถึงได้รอมาเรื่อยๆแบบนี้ไง...มันทรมานนะกับการที่ต้องเฝ้ารอกับอะไรบางอย่าง...อะไรบางอย่าและคนบางคนที่ไม่รู้ว่าเขาจะย้อนกลับมาหรือเปล่า...เขาจะเดินกลับมาทางสายเก่าเหมือนที่เขาเคยเดินจากไปมั้ย...ฉันยังถามกับตัวเองเรื่อยมา...
 
 
 
                ฉันรออะไรมานานถึงสามปี...รอทั้งๆที่ไม่มีความหวังหลงเหลืออยู่เลย
 
 
 
 
“เลิกฟุ้งซ่านได้ล่ะน่าแก้ว ไปเรียนสิ ไม่อยากจบหรือไง”   ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านนิดๆก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายเพื่อเดินทางไปเรียนในปีสุดท้าย...และวันสุดท้าย
 
 
 
 
 
               
 
 
 
 
“แก้ว โทโมะกลับมาล่ะนะ” 
 
 
 
 
                จากความเหนื่อยล้าหลังจากเพิ่งเลิกเรียนมาทำให้เป็นเป็นอันต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินชื่อคนบางคนที่จากที่นี่ไปเมื่อสามปีก่อน ‘โทโมะ’  กลับมาแล้ว...นั่นเป็นสิ่งที่เขื่อนเดินยิ้มร่ามาบอกฉันด้วยความดีใจ และฉันคิดว่าครั้งนี้เขื่อนไม่ได้หลอกฉันเล่นเหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะก่อนเข้าบริษัทฉันเหลือบไปเป็นรถยนต์ของใครบางคนจอดอยู่หน้าตึก แน่นอนว่าฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นรถของเขา...แต่บางอย่างที่สะท้อนอยู่ในใจบอกฉันตลอดทางเดินขึ้นมาในห้องนี้ฟ้องว่ารถคันนั้นเป็นรถของคนที่ฉันคุ้นเคยดี
 
 
 
“ไปหามันกันเหอะ ฉันรู้ว่าเธอคิดถึงมันจะแย่”
 
 
 
 
“...”
 
 
 
 
“เร็วดิ เดี๋ยวถูกคนอื่นแย่งไปไม่รู้ด้วยนะ”
 
 
 
 
“ใคร?”   ฉันขมวดคิ้วถามเขื่อนเสียงสูงทันทีที่เขาพูดแบบนั้น ใครจะมาแย่งโทโมะไป ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขื่อนพยายามจะอธิบายสักนิดจนกระทั่งได้เห็นกับตาตัวเอง
 
 
 
 
                ผู้หญิงกับผู้ชายสองคนเดินเคียงข้างกันมาตลอดทางเดิน ในขณะนั้นสายตาของฉันยังคงจับจ้องผู้ชายคนนั้นไม่วางตา...ฉันจำได้ดีว่าเขาคือใคร ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเปลี่ยนไปปากก็ตาม ทั้งหน้าตาที่ดูหล่อเหลาคมคายขึ้น ทั้งบุคลิกที่ผิดเปลี่ยนไปจากเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายังไม่เปลี่ยนไปก็คือ...สายตาเย็นชาไร้เยื่อใยคู่นั้น มองมาที่ฉันแบบเดิม...ไม่มีผิดเพี้ยน
 
 
 
 
                โทโมะชะงักไปเล็กน้อยเดาว่าเขาคงเสียศูนย์เหมือนกันที่เจอฉันอยู่ที่นี่ด้วย เหอะ ฉันคงเป็นคนเดียวที่เขาไม่อยากเจอล่ะมั้ง ถ้าไม่อย่างนั้นเขาต้องมาเจอฉันแล้ว ไม่สิ...ผู้หญิงข้างๆเขามาด้วยนี่นา เขาจะอยากเจอฉันทำไมกันล่ะ ฉันพยายามฝืนตัวเองไม่ให้มองภาพเหล่านั้นเพราะรู้ดีว่าตอนนี้น้ำตาของตัวเองกำลังจะไหล...ทำยังไงดีนะ ฉันต้องทำยังไงดี
 
 
 
 
“สบายดีนะไอ้เขื่อน”  โทโมะเดินเข้ามากอดทักทายเพื่อนสนิทของเขาหากแต่สายตาเย็นชาคู่นั้นยังคงเหลือบมองฉันตลอดเวลา
 
 
 
 
 
                ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดในสถานการณ์อันน่าอึดอัดแบบนั้นและก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวเลยต้องเลี่ยงออกมาทั้งที่รู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทเหลือเกิน ไม่สิ...จะเสียมารยาทได้ยังไงก็ในเมื่อเขาไม่ได้ทักทายฉันและฉันก็ไม่ใช่คนที่โทโมะอยากจะเจอเสียเมื่อไหร่!
 
 
 
 
“แก้ว ไปไหน” 
 
 
 
 
“ธุระ ขอตัวนะ” 
 
 
 
 
 
                ฉันไม่ได้หันไปตอบเขื่อนอย่างที่ควรจะเป็น เพราะฉันไม่รู้ว่าหากตัวเองหันหน้ากลับไปแล้วพบกับความว่างเปล่าจากเขาอีก ฉันจะกลั้นน้ำตาได้ไหวหรือเปล่า อา...เจ็บจังเลย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันรอมาโดยตลอดมันหมดความหมายลงแล้ว...การรอคอยของฉันมีค่าเป็นศูนย์ เขามีคนใหม่แล้วและเธอก็ดูสวยมากถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้จักเธอคนนั้นก็ตาม โทโมะมีความสุขดีแล้ว ฉันเอง...ก็ควรปล่อยวางได้แล้วเหมือนกัน แบกเอาไว้มานานอย่างนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน...บางทีฉันคงต้อง ‘หยุด’ แล้วจริงๆ
 
 
 
 
 
 
                หากตอนนี้ฉันสามารถกลับบ้านได้ฉันคงกลับไปนานแล้ว ถ้าไม่ติดที่ว่าเฮียให้พวกฉันอยู่ร่วมฉลองการกลับมาของเคโอติค และในงานมีกฎว่าทุกคนจะต้องอยู่ฉลองกันให้ครบทั้งสมาชิกเก่าสมาชิกใหม่ โทโมะบอกกับทุกคนในงานว่าผู้หญิงที่ชื่อ แพม เป็นเพื่อนสนิทตอนที่อยู่ญี่ปุ่นด้วยกันและเธอก็อยากกลับมาเที่ยวเมืองไทยก็เลยมากับเขา...แต่ฉันไม่เชื่อ ไม่มีเหตุผลอะไรที่โทโมะจะต้องพาเขามาในงานนี้นอกเสียจากเขาต้องการ ‘เปิดตัว’
 
 
 
 
                ฉันเลือกนั่งคนเดียวอยู่ที่มุมห้อง ในมือมีเพียงแก้วน้ำพันซ์สีฟ้าใส...ฉันมองคลื่นน้ำในแก้วที่กำลังวนเป็นวงกลมด้วยความเหม่อลอยก่อนความคิดฟุ้งซ่านนั่นจะผุดขึ้นจากสมองฉันจำเป็นต้องกรอกของเหลวสีฟ้าใสลงกระเพาะเพื่อดับความรู้สุกทุกอย่างเอาไว้ และฉันจำไม่ได้ด้วยว่าฉันซัดเจ้านี้ไปเป็นแก้วที่เท่าไหร่กันแล้ว ตอนนี้ในหัวของฉันปวดตุ้บไปหมด ถึงจะเป็นแค่พั้นซ์ผสมแอลกอฮอลล์เจือจางก็เถอะ ฉันแพ้มันนี่นา...และฉันก็ไม่ใช่คนดื่มจัดด้วย
 
 
 
 
“โอ้ย! ปวดอะไรนักหนาว่ะ”  ฉันพยายามพาร่างกายของตัวเองออกมาที่ห้องน้ำด้วยความยากลำบาก เส้นเลือดในสมองพลุ่งพล่านสูดรวดเร็วจนฉันปวดตุ้บจนหัวแทบระเบิด ร่างกายร้อนซ่านสะบัดร้อนสะบัดหนาวจนอยากจะอาเจียนออกมาให้หมด และทันทีที่ถึงห้องน้ำฉันก็ปล่อยให้น้ำร้อนๆที่ฉันดื่มเข้าไปออกมาจนหมดกระเพาะ
 
 
 
 
                ถึงแม้ว่าสติของฉันจะเลือนรางแค่ไหน แต่ในมโนภาพ...ผู้ชายคนนั้นยังคงเด่นชัดอยู่ในหัวสมองของฉัน ถ้าหากว่าเมื่อตอนนั้นเราไม่มีเรื่องหมองใจกัน ฉันกับเขาคงจะมีความสุขไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ในฐานะคนรัก...ก็ต้องในฐานะเพื่อน สักอย่าง...มันก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ เป็นคนที่เคยรู้จักกัน เป็นคนที่ไม่รู้จักกัน เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน หรือว่าแท้จริงแล้วเราแค่บังเอิญเกิดมาอยู่บนโลกเดียวกันเท่านั้นเอง...ตอบที ตอบแก้วคนนี้ทีว่าแก้วควรจะทำตัวยังไงต่อไป
 
 
 
 
“ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ล่ะ”   ฝ่ามือร้อนของใครบางคนเข้ามาประครองตัวฉันให้เงยหน้าจากอ่างล้างหน้า พร้อมกับเอ่ยถามเสียงดุและเสียงนั้น...ฉันรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน
 
 
 
 
“ไม่ต้องมายุ่งน่า...ปล่อย~”  ฉันสะบัดแขนตัวเองแรงๆจนคนที่เข้ามาประครองยอมปล่อยมือจากฉัน แต่สุดท้ายเป็นฉันเองนี่แหละที่ไปไหนไม่รอด ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้โลกมันเบี้ยวกว่าเดิมแล้วก็ยังจะหมุนอีกด้วย เวียนหัวจนอยากจะอ้วกออกมาอีกรอบเลยจริงเหอะ
 
 
 
 
“อย่าดื้อน่า เป็นแบบนี้เสมอเลยนะ” 
 
 
 
ใครบางคนตรงเข้ามาประครองฉันอีกครั้งแล้วจับไหล่ฉันให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ส่งผลให้ฉันเห็นหน้าเขาได้อย่างเลือนรางเพราะความมัวของม่านตาแต่ถึงแบบนั้นในใจฉันก็รู้ดีแล้วว่าเขาเป็นใคร...คำพูดแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น...ทำให้ฉันใจเต้นแรงมานักต่อนักแล้ว...
 
 
 
 
“อย่ายุ่ง...แก้วจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ต้อง...มา...อย่า...”  ฉันพยายามเก็บก้อนสะอึกที่จุกอยู่กลางลำคอไม่กล้าที่จะร้องไห้ออกาให้เขาเห็นน้ำตาแม้แต่หยดเดียว สายตาของฉันเริ่มปรับโฟกัสจนฉันเห็นหน้าเขาได้ชัดเจน...อีกแล้ว...มันเต็มไปด้วยความว่างเปล่าอีกแล้ว เจ็บจัง...วันนี้ฉันเจ็บเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วกัน
 
 
 
 
“ไม่ให้ยุ่งได้ยังไง ก็แก้วเป็นแบบนี้”
 
 
 
 
“เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ถอยไป...”  โทโมะเหยียดยิ้มนิดๆให้ฉันก่อนจะมีเสียงคนเดินเข้ามา คนใจร้ายจึงดันแผ่นหลังฉันเข้าไปภายในห้องน้ำแคบๆนั่น
 
 
 
 
“นี่...”
 
 
 
 
“ชู่ว~…”   นิ้วเรียวของเขาแตะลงบนริมฝีปากของฉันอย่างแผ่วเบาเป็นเชิงให้ฉันเงียบเสียงลงเพื่อไม่ให้คนภายนอกได้ยิน ลมหายใจของเราขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น...มากขึ้น
 
 
 
 
อยู่ใกล้กันเกินไปจนน่าอันตรายจริงๆ...
 
 
 
 
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”  โทโมะแตะปลายคางของฉันแผ่วเบาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา จะว่าไงดีล่ะ...จะให้พูดว่าเขากำลังเอ็นดูฉันแบบนั้นก็ไม่น่าจะใช่นะ อย่าลืมสิ...เราสองคนน่ะไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว
 
 
 
 
“อย่ามายุ่งกับแก้วได้มั้ย ต้องการอะไร?”
 
 
 
 
          ฉันโวยวายใส่คนตรงหน้าอย่างเหลืออด ในเมื่อเขาไม่แคร์กันแล้ว...ทำไมถึงต้องทำเหมือนเป็นห่วงกันขนาดนี้ด้วย  แต่ก็น่าแปลก...ทั้งที่ฉันโวยวายใส่เขาแบบนี้ แต่โทโมะกลับเลือกที่จะนิ่งเฉยแล้วมองฉันที่กำลังต่อว่าเขานิ่งๆ แล้วจบด้วยการที่เขาพาตัวเองเข้ามาอยู่ใกล้ชิดฉันมากขึ้น
 
 
 
 
          ก่อนที่ใบหน้าคมๆนั่นจะโค้งลงมาจูบหนักที่ริมฝีปากของฉัน..ฝ่ามือร้อนทั้งสองตรึงไหล่ของฉันไว้แน่นจนแผ่หลังของฉันกับผนังห้องน้ำแนบชิดกันสนิทไม่มีช่องให้อากาศลอดผ่าน นานเท่าไหร่แล้วที่เราสองคนไม่ได้ใกล้กันขนาดนี้...ใกล้กินไปจนอันตรายต่อหัวใจและร่างกายของฉันได้ทีเดียวเชียวล่ะ
 
 
 
 
“อื้อ...ออกไปนะ”  
 
 
 
 
 
          ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดที่เหลือผลักโทโมะออกไปจนเราสองคนเป็นอิสระต่อกัน จากนั้นจึงวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำโดยไม่แคร์แล้วว่าใครจะเห็นหรือไม่เห็นยังไง ตอนนี้ฉันต้องการหนีจากคนใจร้ายที่สุดในโลกอย่างเขาให้พ้นก่อนเป็นดี  แต่สุดท้ายพระเจ้าก็ไม่เคยเข้าข้างฉันสักครั้ง...พอวิ่งไปได้ไม่นานอาการห้ามืดตาลายก็มาผจญจนฉันต้องทรุดตัวลงทั้งที่ยังไปไม่ถึงไหนดี...ฉันรู้สึกตัวแค่นั้นแหละ...รู้แค่นั้นจริงๆ...
 
 
 
 
 
 
 
“ตื่นแล้วเหรอ รู้มั้ยว่าทำให้โทโมะลำบากแค่ไหน...ใครก็ไม่รู้อ้วกเต็มเสื้อเลย”
 
 
 
 
 
         ฉันสะบัดหัวไล่ความมึนอยู่สองสามทีก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆตัวว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนหลังจากสลบไประหว่างที่วิ่งหนีเขา...เห็นมั้ยล่ะว่าพระเจ้าโหดร้ายกับฉันเสมอ เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็หนีโทโมะไม่พ้นอยู่ดี บ้าเหอะ! ถ้าคิดว่าฉันเป็นภาระขนาดนั้นแล้วเขาพาฉันมาที่ห้องทำไม ไม่ปล่อยฉันให้นอนตายไปตรงนั้นเลยล่ะ
 
 
 
 
 
 
 

 
ตอนจบแล้วน้าเหลืออีกตอนนึงกิกิ จบจริงแฮปปี้จริง!! (เหรอ?) ._.;
 
นุก : ก็ยังดื้อจิ้นอยู่ต่อไป ไม่รู้ทำไมฉันถึงดื้ออย่างนี้ง้า555555555
 
ความสุขของใครความสุขของมัน จุ้บจุ้บจุ้บ จุ้บพันครั้งเย้~ (' ')/

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา