THE WAY OF LOVE.หลงทางรัก

9.9

เขียนโดย OUM_PF

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.46 น.

  24 ตอน
  245 วิจารณ์
  37.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 18.24 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

THE WAY OF LOVE.หลงทางรัก

ตอนที่๕

 

 

                              เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้วที่ภาณุออกจากโรงพยาบาล เขาได้แต่อยู่ที่

บ้านเพื่อรักษาตัว แขนข้างซ้ายยังคงถูกผ้าพันคล้องอยู่กับท้ายทอย คงอีกนานวันจึงจะหาย และ

ไม่รู้ว่าเป็นอะไรตั้งแต่วันนั้นเขาก็เอาแต่คิดถึงเธอคนนั้น ตอนที่เธอหันหลังเดินออกจากห้องพักผู้

ป่วยหัวใจของเขาก็เหมือนเต้นช้าลง...เขาอยากจะพบเธออีกครั้ง แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ควรทำแบบนั้น

และเขาทำแบบนั้นไม่ได้!

 

 

               “ไง นั่งเหงาเป็นหมาหงอยเลยนะ”เธอเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นมองปริญที่เดินเข้า

มาพร้อมกับถาดอาหาร

 

 

               “ต้องขอบคุณมือปืนสิวะ ถ้ามันยิงหัวไหล่ขวาฉันคงไม่มีโอกาสได้ทำงานแบบนี้”

 

 

               “เหอะ มันตั้งใจจะยิงตัดขั้วหัวใจแกหรอก ยังจะไปขอบคุณไม่อีก”เขาหัวเราะเบาๆ

ก่อนจะเหลือบไปมองถาดอาหารและเบ้หน้า

 

 

               “ข้าวต้มอีกแล้วหรอวะ”

 

 

                   “เออ กินๆเข้าไปเหอะ แขนเดี้ยงแค่นี้ถึงกับต้องลำบากฉันยกมาให้ ขาก็ไม่ได้หัก

สักหน่อย”เขายิ้มบางๆ แม้ปริญจะพูดเช่นนี้ แต่ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้ก็มีแต่มันเท่านั้นแหละที่

คอยอยู่ดูแลเขา

 

 

               “เออ แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้าง”เขานึกขึ้นมาได้ทันที ปริญเลื่อนชามข้ามต้ม

มาตรงหน้าเขา ก่อนจะเอ่ย

 

 

               “ก็ดีมั้ง ไม่รู้สิ หลังจากวันนั้นฉันไม่เคยเข้าไปดูอีกเลย”

 

 

               “แกพอจะรู้เบอร์โทรติดต่อไหม”

 

 

               “ไม่ว่ะ เออ พี่สาวเขาโทร.เข้าเบอร์แกไม่ใช่หรอ”

 

 

               “เออ ใช่”

 

 

               ปริญมองภาณุที่หุนหันเดินไปค้นโทรศัพท์บนเตียงขึ้นมากดดูเรื่อยๆ อดสงสัยไม่ได้ว่า

มันจะมาสนใจผู้เคราะห์ร้ายจากฝีมือการขับรถแบบพร้อมลงนรกของมันอะไรตอนนี้ ตั้งแต่ออกจาก

โรงพยาบาลคราวก่อนเขาก็สังเกตเห็นว่ามันดูแปลกๆไป หรือว่าเขาจะคิดไปเอง...

 

 

               เขาเลิกสนใจภาณุ ก่อนจะคว้าแฟ้มเอกสารมากมายก่ายกองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

เปิดดู ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าที่บริษัทของเพื่อนรักกำลังมีปัญหาจึงเอ่ยถาม

 

 

               “แกรู้หรือยังว่าใครยักยอกเงิน”ภาณุเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะตอบ

 

 

               “ใกล้ละว่ะ มันคงกลัวละมั้งว่าฉันจะสาวถึงตัวมัน ถึงได้จ้างคนมายิงฉัน เรื่องนี้รู้แค่คนสนิท”

 

 

               “แม้แต่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีก็ไม่รู้หรอวะ”

 

 

               “นั่นเป็นบุคคลที่ไม่ควรรู้ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ฉันได้ข้อมูลอะไรมาเยอะเลย”

 

 

               “แกคิดว่าใคร”เขาถามโต้งๆ ภาณุล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะเอ่ย

 

 

               “นายประภพ ศิรนานนท์”

 

 

               “เขามีหุ้นในบริษัทก็ไม่น้อย”

 

 

               “ใช่ แต่คิดจะทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าขุดหลุมศพให้ตัวเองชัดๆ เขาคิดว่าหากเขายักยอก

เงินไปแล้วยังมั่นใจว่าจะได้กำไรจากโครงการของฉันอยู่ดี ฉันจะเชือดไก่ให้ลิงดู”

 

 

               “ยังไงล่ะ”

 

 

               “บอกตอนนี้ก็ไม่สนุกสิวะ ฉันเบื่อข้าวต้มว่ะ ออกไปหาอะไรกินกันเหอะ”

 

 

               “ฉันใช่คนใช้หรอวะ เออ ไปก็ไป”เขาบ่นแต่มิวายอาสาพาภาณุออกไปหาอะไรทาน

ข้างนอก ตอนนี้คงไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะที่ภาณุโดนยิงคราวที่แล้ว ตำรวจก็ยังตามหาคนร้าย

กันให้วุ่น ทั้งๆที่ภาณุเลือกที่จะแจ้งความว่าเป็นการยิงผิดตัวเท่านั้น ให้การว่าช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหา

กับใคร เพราะภาณุไม่อยากให้คนที่ส่งมือปืนมาลอบทำร้ายรู้ว่าภาณุรู้ตัวแล้ว เพราะยิ่งทำแบบนั้น

ยิ่งจะทำให้ไก่ตื่น แกล้งทำเป็นไม่รู้ไปก่อนน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ...

 

 

               “อยากกินอะไรล่ะ”

 

               ปริญเอ่ยถามเพื่อนขณะที่บังคับพวงมาลัยไปเรื่อยๆ ฝ่ายนั้นเอาแต่มองไปเรื่อยเปื่อย

 

 

               “อะไรก็ได้ ง่ายๆ”

 

 

               “แล้วมันคืออะไรวะ”

 

 

               “เอาน่า ขับไปเรื่อยๆเหอะ”เขาอยากจะถอดพวงมาลัยทุ้มหัวให้มันเข้าโรงพยาบาลไป

อีกรอบนัก ขนาดเขาเป็นเพื่อนสนิทมันแท้ๆ ก็ยังไม่ค่อยจะเดาใจมันออกเลย

 

 

 

 

 

               “พี่ฟาง!”

 

               ธนันต์ธรญ์สะดุ้งสุดตัว ก่อนจะตีแขนของน้องสาวที่ทำหน้าทะเล้นอยู่ข้างๆ เธอเสเก็บ

ของเมื่อขายของเสร็จเรียบร้อยแล้ว พิมประภาก็เดินกระเผลกกระเผลกมายืนอยู่ข้างๆเธอ ก่อน

เสียงหวานจะเอ่ยเย้าแหย่

 

 

               “คิดถึงใครอยู่นะ”

 

 

               “บ้าน่าพิม พี่ทำงานเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แค่ง่วงอยากพักผ่อนก็เท่านั้น”

 

 

               “แต่อาการแบบนี้มันไม่น่าใช่แค่เหนื่อยนะคะ”ธนันต์ธรญ์หันขวับก่อนจะเอ่ย

 

 

               “แก่แดดนักนะเรา พี่อยู่แต่ก้นครัวจะไปพบรักใครได้ หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว”แต่ดู

เหมือนน้องสาวตัวดีจะไม่หยุดง่ายๆ พิมประภาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

 

               “อายุก็ปูนนี้แล้ว จะหาคนดูแลตัวเองก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย พิมน่ะดูแลตัวเองได้แล้ว”

 

 

               “หรอยะ ขาเดี้ยงแบบนี้อย่าเพิ่งทำปากดี แล้วอีกอย่างผู้ชายที่ไหนเขาจะมาแล

ยายเผิ้งแบบพี่กัน “ธนันต์ธรญ์ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของพิมประภา อย่างเธอจะมี

โอกาสไปพบเจอใครที่ไหน วันๆก็อยู่แต่ร้าน ยิ่งแต่ละวันยุ่งวุ่นวายทั้งวันแบบนี้ เห็นทีว่าเธอจะต้อง

จ้างลูกจ้างจริงๆนั่นแหละ เพราะเวลาจะหายใจแทบไม่มี

 

 

               “ก็เพราะว่าเอาแต่รอพี่คนนั้นอยู่น่ะสิ โลกมันไม่กลมขนาดนั้นหรอกน่าพี่ฟาง แค่กำไล

ลูกปัดที่เขาให้ไว้ ทำไมพี่ต้องเอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกมัดกับมันด้วย”

 

 

               “พี่ไม่ได้รอสักหน่อย พอเถอะ นู้นขายขนมหวานไปเลยลูกค้ามาแล้ว”เธอเอ่ยตัดบท

เมื่อเห็นลูกค้าเดินเข้ามาพอดี มือเล็กยกถาดอาหารมากมายหายเข้าไปบริเวณหลังบ้าน วันนี้ลูกค้า

เยอะทำให้กับข้าวขายหมดเร็วกว่าปกติ ชีวิตของเธอต้องการแค่ความสุขของน้องสาวเท่านั้น ใน

เมื่อพิมประภาคือครอบครัวของเธอ เธอก็จะดูแลน้องสาวให้ดีที่สุด...

 

 

 

 

               สายตาคมกล้าภายใต้กรอบแว่นมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยหัวใจที่เหม่อลอย

ตอนนี้เขากำลังแย่ แย่ที่สุด บางสิ่งบางอย่างกำลังผิดปกติไปจากเดิมมากมายนัก เขาเดาทางแทบ

ไม่ถูกว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ลมหายใจถูกพ้นออกมาแรงๆอย่างคนที่กำลังกลัดกลุ้ม

 

 

               “คุณพ่อขา”

 

               เสียงหวานของพาขวัญเอ่ยเรียกบิดา ร่างสูงโปร่งเดินมากอดคุณประภพ ก่อนจะเอ่ย

ออดอ้อน

 

 

               “ขวัญอยากได้กระเป๋าค่ะคุณพ่อ คอลเลคชั่นนี้เพิ่งออกใหม่ คุณพ่อให้ขวัญนะคะ”คน

เป็นพ่อที่ช่างตามใจลูก เมื่อได้ฟังเสียงหวานๆก็ถึงกับใจอ่อนยวบ

 

 

               “เท่าไหร่ล่ะ”

 

 

               "ห้าแสนค่ะ นะคะ นะคะ”

 

 

               “กระเป๋าอะไรลูก ตั้งห้าแสน ตอนนี้ธุรกิจของเรากำลังแย่”

 

 

               “คุณพ่อไม่รักขวัญ ความจริงคุณพ่อจะเก็บเงินส่งให้ยายสองพี่น้องนั่นต่างหาก

ทำไมคะ ยังรักยังห่วงมันอยู่อีกหรอ ใช่สิขวัญกับแม่...”

 

 

               “หยุด!”

               พาขวัญสะดุ้งสุดตัว เมื่อสัมผัสได้ว่าคนเป็นพ่อกำลังโกรธ นึกโทษตัวเอง ไม่น่าทำ

แบบนี้เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ ท่านทำอย่างที่เธอว่าจริงๆนี่

 

 

            “พ่อส่งเงินให้เขาเพราะหน้าที่ ไม่มีความผูกพันอะไรต่อกันทั้งสิ้น เลิกพูดแบบนี้สักที”ว่า

แล้วท่านก็เซ็นเช็คเงินส่งให้ลูกสาวทันที เมื่อพาขวัญได้ในสิ่งที่พอใจก็เดินออกจากห้องทำงาน

ของคุณประภพไปทันที

 

 

            หวนนึกถึงคำพูดของพาขวัญ ก็ทำให้เขาคิดถึงบุตรสาวอีกสองคนที่เขาไม่เคยเหลียวแล

เขาเพิ่งสืบเจอว่าพวกเธอไปอยู่ที่ไหนกันเมื่อห้าหกปีมานี้ เป็นปีที่แม่ของเด็กทั้งสองจากไปด้วย

โรคร้าย เขาไม่มีโอกาสแม้จะไปร่วมงานศพของผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่ชีวิต เพราะเขาเป็นคน

เห็นแก่ตัวจึงทิ้งเธอและลูกมา และเขาก็ต้องพบว่าการทำแบบนั้นมันทรมานยิ่งกว่า ในเมื่อตอนนี้

เขาไม่มีความสุขเลยสักนิด เขาไม่กล้าสู้หน้าลูกสาวทั้งสองคน เพราะทั้งสองคงจะโกรธเกลียดเขา

มาก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยดูดำดูดีพวกเธอเลย นึกแล้วก็ละอายแก่ใจยิ่งนักที่เขาเป็นคนน่ารังเกียจ

แบบนี้...

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา