[ EXO : BIGBANG : 2NE1] อาญาหัวใจ

9.3

เขียนโดย Wuzhenni

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.13 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,621 อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) คนสุดท้าย 【The Last Killer】

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

เกือบชั่วโมงแล้วที่เขาและผู้จัดการสาวคนงามต้องนั่งติดแหง็กอยู่บนถนนใหญ่

 

หากว่าเขาจะตื่นให้เช้าอีกซักนิดก็คงจะเข้าประชุมทัน...

 

แต่นี้มันเลยสามสิบนาทีเข้าไปแล้ว

 

คงไม่แคล้วจะโดนตาแก่คู่หูดูโอ้เท็ดดี้ไซ (Psy) ด่ากระหน่ำอีกตามเคย

 

“ บอมบอม...คุณว่าจะรายงานเรื่องด่วนให้ผมฟังไม่ใช่เหรอ  เล่ามาเลยสิ..”

 

“ เรื่องด่วน..อ่อ ใช่เกือบลืม”  หล่อนหันไปหยิบแฟ้มรายงานมาเปิดดูก่อนจะปิดมันลงแล้วยัดใส่กระเป๋าตามเดิม

 

“ เรื่องการโปรโมตอัลบั้มของเพื่อนคุณ....ซึงรี แค่สัปดาห์แรกยอดขายก็ไม่กระเตื้องขึ้นเลย ยอดดาว์นโหลดก็น้อย....ทำให้หุ้นบริษัทของเราตกหล่นลงไปมาก นอกจากคุณจะต้องเตรียมฟังคำด่าว่าที่คุณเข้าประชุมสายแล้วเนี่ย เรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสำคัญที่คุณต้องหาข้อแก้ตัวให้มันดีๆด้วยนะ”

 

“เดี๋ยวนี้ศิลปินหน้าใหม่ๆ มีกันตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่แปลกหรอกที่กระแสจะแผ่วลง”

 

“เอ้า..คุณก็รู้ดีหนิ" ผู้จัดการสาวหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย แววตาแอบฉงนสงสัย

 

"แล้วทำไมทีตอนนั้นคุณไม่เสนอในที่ประชุมให้สร้างกลุ่มศิลปินหน้าใหม่ขึ้นมาล่ะ ถ้าคุณอยากจะดันศิลปินเก่าๆให้มีกระแสเหมือนเมื่อก่อน  คุณควรจะโทรเรียกให้เพื่อนคุณที่อยู่ USA กลับมาทำงานที่นี้ แล้วคัมแบ็คในนามของวงบิ๊กแบงอีกครั้งหนึ่ง....เสร็จแล้วก็ค่อยปล่อยอัลบั้มเดี่ยวของแต่ละคนออกมา ฉันว่ามันยังพอจะดึงการตลาดได้อยู่นะ เพราะแฟนคลับของบิ๊กแบงก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากลุ่มแฟนคลับกลุ่มอื่น”

 

หล่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่นัยยะที่สำคัญแฝงอยู่ในวาจานั้น มีหรือที่เขาจะดูไม่ออก

 

“คัมแบ็ครึ?  ก็ดี ถ้าจียงกลับมาก็ค่อยคุยกัน..ปีนี้ก็ปีสุดท้ายที่ต่อสัญญากับทางฝั่งนู่นแล้ว...แต่ ดูเหมือนทุกๆคนคงอยากจะให้มันกลับมาเร็วๆ”น้ำเสียงที่ราวกับข่มความเจ็บปวดจากคำพูดของอีกฝ่าย ถึงแม้จะเป็นการเหยียดหยามทางอ้อมก็ตาม

 

คนที่มากความสามารถ ยังไงก็สมควรที่ได้รับการยกย่อง

 

ไม่ใช่คนเละเทะหรือไม่ได้ความอย่างเขา

 

“ ก็แน่ล่ะ...จียงเขาทำคะแนนของค่ายเรามาตั้งแต่ก่อนเขาเดบิวต์ ขาดเขาไปคนหนึ่งก็เหมือนขาดหัวไปทั้งหัว”

 

ซึงฮยอนชายตามอง ก่อนจะยิ้มรับในความจริงที่ถูกเอ่ยออกมา

 

 “ คนเก่งแบบนั้น...ประธานยางมองดูคนไม่ผิดจริงๆ”

 

เขาหมายถึงประธานผู้บริหารคนเก่า  หากแต่ประธานบริษัทคนใหม่ซึ่งก็คือเขา

 

แค่ทักษะเบื้องต้นยังล้มเหลว...อย่างอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึง

 

ยิ่งจียงกลับมาเร็วเท่าไหร่ ความพินาศของบริษัทก็ลดความเสี่ยงลงได้เยอะมากขึ้น

 

“ ใช่ และถ้าได้คนเก่งๆอย่างเขามาช่วยคุณทำงานด้วย บริษัทเราคงฟื้นตัวได้เร็ว”

 

มือที่จับพวงมาลัยเกร็งแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดผ่านผิวนวลขาว หากแต่ผู้จัดการสาวแสนสวยก็มิได้ทันสังเกตเห็น ยังคงพร่ำบ่นตามประสาคนขี้บ่นเป็นทุนเดิม

 

“ คุณรู้มั้ยว่าตอนเนี่ย คู่แข่งของเรา ไปไกลกว่าเรามากแค่ไหน ยิ่งเป็นบริษัทของกลุ่ม exo ขนาดเลิกจับไมค์หันมาเอาดีด้านงานค่ายเพลง ยังทำคะแนนสูง ไม่น้อยหน้าค่ายใหญ่เลยซักนิด ... โดยเฉพาะ ชานยอล  อายุยังน้อยแต่ความคิดความอ่านดีกว่าผู้ใหญ่หลายๆคนซะอีก”

 

“ คุณรู้จักเขา?” 

 

“ ค่ะ” หล่อนพยักหน้ารับ “ เคยร่วมงานด้วยกันมาก่อน  เขาดีนะคะ...สุภาพ ให้เกียรติรุ่นพี่ดีมาก แถมยังมีความสามารถรอบด้าน  คงไม่แปลกที่เขาจะนั่งแท่นเป็นผู้บริหารของบริษัท ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของลีดเดอร์ซูโฮ  แต่ก็นะ..”

 

ผู้จัดการสาวหยุดพูดพลางกวาดตามองผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ไปมาบนท้องถนน

 

“ ทำไม?” คนฟังเอ่ยปากถาม

 

“ คุณเคยได้ยินข่าวคดีฆ่าข่มขืนเมื่อสิบปีที่แล้วตรงซอยจูยอนบ้างมั้ย?”

 

เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวเอ่ยชื่อถนนที่คุ้นเคยในอดีต

 

“ อือ”  เสียงตอบรับที่ไม่สู้จะเต็มใจรู้ 

 

เพราะคนที่รู้ไม่ได้รู้มากแค่อย่างเดียว....

 

ทุกภาพยังคงติดตา!!

 

“ เขาว่ากันว่า สาวเคราะห์ร้ายคนนั้น คือ แฟนของชานยอล สมัยที่เขายังเป็นแค่เด็กเทรน มันน่าเศร้านะ....ที่แฟนของตัวเองมาตายในวันสำคัญที่สุด ถ้าไม่ออกมายืนรอตัวเองจนดึกดื่น คงไม่เจอเรื่องเลวร้ายแบบนั่น ไม่รู้ว่า ในใจของชานยอลเขาจะเคียดแค้นไอ้พวกชั่วหกตัวนั้นมากแค่ไหน”

 

“ คงไม่ใช่หรอก”  เขาเถียงเสียงแผ่ว เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายเต็มดวงหน้า แววตาสั่นพร่าเล็กน้อย ความตระหนกตกตื่นบวกกับความไม่เชื่อในจิตใจ

 

“ผมว่าคนละคนซะมากกว่า  ข่าวมั่วซะล่ะมั้งบอมบอม...คุณก็รู้ดีว่า ค่าย sm เขาไม่ปล่อยให้เด็กของเขามีแฟนตอนช่วงเป็นเด็กฝึก”

 

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ก็วงในเขาเล่ามากันแบบนี้ แล้วอีกอย่าง ห้ามมีแฟน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแอบมีไม่ได้” หล่อนแย้งกลับ

 

“ แต่ก็นั้นแหล่ะ...คนที่มีดวงหน้ายิ้มยวนชวนฝันแบบนั้น  ไม่แน่..

 

มันอาจจะเป็นรอยยิ้มที่ฆ่าคนโดยไม่รู้ตัวก็ได้ใครจะรู้!

..................................................................

         

      ปาร์คชานยอลค่อยผลักบานประตูเข้าไปก่อนจะพบสภาพของห้องที่ตกแต่งด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกไว้ทุกอย่าง แม้จะเป็นแค่ห้องคนป่วยธรรมดาไม่ใช่ขั้นวีไอพีเพราะห้องเหล่านั้นถูกจองไว้จนเต็มไม่มีห้องว่างเหลืออยู่ แต่ความรวยจากฐานอำนาจของเงินที่ ทำให้ห้องที่ว่ากลายเป็นห้องคนป่วย พรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมาย

 

“ ฮยอง....”  เขาทักทายชายหนุ่มกำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียงหนานุ่มที่สามารถปรับระดับการเอนของมันให้ไปในทิศทางที่ต้องการ เพียงแค่แตะขอบราวเตียงเบาๆ

 

“ อ้าว...ชานยอล มาเยี่ยมพี่ทำไมไม่บอกกันก่อนเลยฮึ?”

ลีดเดอร์หนุ่ม คิมจุนมยอนหรือซูโฮ ลูกชายของศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาหลี

 

เขา ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนตู้เอทีเอ็มประจำวง เมื่อครั้งที่กลุ่มวง exo ยังเป็นเพียงแค่กลุ่มศิลปินเล็กๆ จนกระทั่งมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ความรวยของลีดเดอร์ก็มิได้ตกบกพร่องลงแต่อย่างใด

 

“ เมื่อตะกี้โทรคุยกับอยู่กับใครเหรอครับ ฮยอง”

 

“ อ่อ...เทาเทา โทรมา..ก็โทรมาถามอาการที่ขานั้นแหล่ะ”  เทาเทา หรือ ฮวางจื้อเทา สมาชิกเชื้อชาติจีนที่อยู่กลุ่มของฝั่งเอ็มซึ่งซูโฮมักจะเอ็นดูและรักใคร่เขามาก

 

แต่จะมากจนเกินกว่าความเป็นพี่น้องหรือไม่นั้น....

 

ชานยอลก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ เพราะทุกทีซูโฮก็คอยดูแลสมาชิกในกลุ่มทุกคนอยู่แล้ว

 

ต่างกันแค่ เทา มักจะได้รับอภิสิทธิ์จากซูโฮมากกว่าคนอื่นๆ

 

“ โทรมาทุกวันเลยเหรอฮะ?”

 

“ ก็....เกือบจะทุกวัน” ใบหน้าที่พยายามซ่อนอารมณ์ ผิวแก้มที่แดงซ่านเพราะความอาย ทำให้ชานยอลหลุดขำออกมา

 

“ ขำอะไรชยอล...น้องเขาอยู่ไกลยังโทรมาถามอาการฉันอยู่ตลอด แต่แกน่ะ อยู่ใกล้กันแค่เนี้ย ไม่ยักจะโผล่หัวออกมา”

 

“เอ้า.. ก็ผมให้เซฮุนกะแบคมาเยี่ยมแทนแล้วไงฮะ”

 

“ ไอ้สองคนนั้น...เซฮุนยังดี ยังโผล่หน้ามาแบมือขอเงินกินหนมกันอยู่บ้าง  แต่นังแบคน่ะสิ....ตั้งแต่วันแรกที่ฮยองนอนโรงบาลมันก็ไม่กรีดกรายย่างเท้าเข้ามาเยี่ยมกันเลย”

 

“ เอ๊ะ แต่แบคเขาก็บอกผมว่าเขามาเยี่ยมพี่อยู่บ่อยๆ”  หัวคิ้วถูกขมวดเข้าหากัน ซูโฮส่ายหน้าหน่ายใจ

 

“ แกก็เชื่อมันทุกทีสิน่า  นังนั้น...วันๆก็เอาแต่กรีดตา นั่งอยู่หน้ากระจก  โรงบาลที่มีแต่คนป่วยแบบนี้ แกคิดเหรอว่ามันจะเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ได้นาน เดี๋ยวก็เบ๊ะปากร้องอี้ๆ  เมียแกแกก็น่าจะรู้ดี”

 

“ เฮ้ย”  ชานยอลร้องพลางโบกมือปฏิเสธข้อกล่าวหาในประโยคสุดท้ายนั่น “ แบคเขาเป็นเพื่อนผม เป็นแค่เพื่อนเท่านั้นครับ”

 

“ เพื่อน?  โอเค....แกอาจจะมองมันว่าเป็นเพื่อนคู่นอนแก้เหงา  แต่นังแบคมันคงไม่คิดแค่นั้นหรอก ดูเวลามันมองแกสิ...ยังกะจะข่มขื่นแกทางสายตายังไงยังงั้น”

 

ลีดเดอร์หนุ่มเผลหลุดพลั้งปากพูดออกไป

 

คำว่า “ข่มขื่น” ช่างเสียดแทงจิตใจของคนที่ยืนฟังอยู่นัก

 

ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่  ถูกชะล้างให้หายเหลือเพียงดวงตาที่ด้านชาเพราะความเจ็บปวดอันซุกซ่อนมานานเต็มทน

 

“ เอ่อ... ฮยองขอโทษนะ  คือ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น  เอาเป็นว่าเรื่องของนายกะนังแบค ก็ต่างคนต่างก็เข้าใจกันอ่ะน่ะ เรื่องชายรักชาย เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร”

 

“ ผมกับแบคเป็นแค่เพื่อน”  เขาพูดเสียงนิ่งเรียบ แววตาประดุจน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก แม้ภายในห้องจะไม่ได้อบอวลด้วยกลิ่นไอของเครื่องปรับอากาส แต่ความเย็นที่ตายด้านของคนอีกคน ทำให้ซูโฮฮยองสัมผัสมันจนผิวเนื้อทุกส่วนนั้นสั่นเกร็ง

 

“ จริงๆ วันนี้ที่ผมมาเยี่ยมฮยองก็เพราะจะมาถามความคืบหน้าของคดี มันไปถึงไหนกันแล้ว”

ซูโฮผู้มีฐานะร่ำรวย กับแวดวงที่รายล้อมไปด้วยบุคคลชั้นสูงมากมาย การที่จะทำให้คดีเมื่อสิบปีก่อนยังคงเคลื่อนไหวอยู่ได้นั้น เป็นผลมาจากอิทธิพลของลีดเดอร์หนุ่มเพียงคนเดียว

 

กลุ่มฆาตกรในค่ำคืนของวันสุดท้าย

 

ชีวิตของแฟนสาวของเขาต้องสังเวยให้แก่พวกเดนตายทั้งหกคน

 

แม้ตอนนี้จะถูกจับประหารไปแล้วสี่  แต่ก็ยังเหลืออีกสอง

 

พวกมันจะหนีรอดไปแบบนี้ไม่ได้

 

ตราบใดที่เขายังไม่ตาย  ชีวิตของพวกมันก็จะต้องถูกล่าไม่มีวันจบสิ้น!

 

“คดีของยุนจีอา” ชื่อของแฟนสาว ที่ลีดเดอร์หนุ่มค่อยเผยอปากเอ่ยพูดออกมา “ ตำรวจที่รับผิดชอบคดีเขาเพิ่งมาหาฉันเมื่อเช้า  ถ้าหากนายยังจำได้ว่า ยังมีโจรอีกสองคนที่ยังตามตัวไม่เจอ”

 

“ ผมไม่มีวันลืมหรอกฮยอง!”  เขาพูดเสียงแข็งกร้าว ซูโฮมองหน้าเขาก่อนจะชี้มือไปยังลิ้นชักของโต๊ะที่อยู่ตรงหัวเตียง

 

“ เปิดลิ้นชักแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ของวันศุกร์ที่แล้วออกมาอ่าน”

 

ชานยอลทำตามคำสั่ง แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร  ในขณะที่ซูโฮก็ยังคงอธิบายให้เขาฟังต่อ

 

“ หัวข้อข่าวที่เขียนพาดว่า  ‘หนุ่มตีนผีซิ่งรถตกเหวบนทางด่วนตายคาที่’ นั้นน่ะ  ตำรวจที่มาเมื่อเช้าบอกกับพี่ว่า  พวกเขาตรวจสอบประวัติของคนๆนี้แล้ว ไอ้เนี้ยเคยเป็นพวกกลุ่มศิลปินฮิปฮอปใต้ดินแถวย่านนัมดง  เคยไปออดิชั่นที่ YG แต่ก็ไม่ผ่านออดิชั่น แต่ทีเด็ดกว่านั้น ตำรวจเขาพบหลักฐานบางอย่างที่มันพัวพันกับคดีของยุนจีอาอยู่ในซากรถด้วย”

 

“ อะไร?” 

 

“ คลิปเสียง!”   ซูโฮหยิบรีโมทเตรียมพร้อมที่จะกดมัน  หากแต่มิวายจะหันมามองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

 

“ ตำรวจเขาบันทึกคลิปเสียงลงใส่แผ่นเอามาให้พี่ฟังแล้ว...แต่พี่ก็ทนฟังต่อจนจบไม่ได้จริงๆ  ที่สำคัญในคลิปเสียงนี้ทำให้เราสามารถตามตัวฆาตกรอีกคนหนึ่งได้ นายพร้อมที่จะฟังมันได้ใช่มั้ย?”

 

“ ผมพร้อมที่จะฟัง ไม่ว่ามันจะเลวร้ายมากแค่ไหน! ผมอยากรู้ว่าไอ้ฆาตกรคนสุดท้ายที่ฆ่ายุนจีอามันเป็นใคร ผมจะลากหัวมันมาก้มกราบสุสานของเธอก่อนที่มันจะตายด้วยน้ำมือของผมเอง!”

 

ซูโฮมองดูแววตาที่เคียดแค้นของอีกฝ่ายด้วยอาการหวาดหวั่น ชานยอลที่เป็นชานยอลในด้านมืดใกล้จะสำแดงฤทธิ์ให้ประจักษ์ชัดเห็นแล้วสินะ

 

เขาเลื่อนมือไปกดปุ่มเพลย์บนรีโมท

 

เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ตั้งไว้ตรงมุมห้องดังขึ้น

 

มันเป็นเสียงที่ไม่น่าอภิรมย์ให้ผ่อนคลาย เสียงหัวเราะของพวกมันเหมือนยิ่งนัก

 

เหมือนกับเสียงที่เขาได้ยินผ่านปลายสายของโทรศัพท์ในวันนั้น

 

“ ช่วยด้วย..... ปล่อยฉันนะ ปล่อย!!!”

 

เสียงของยุนจีอา ทำให้เขาหลงลืมตัวคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่ไม่ไกลจาก  มือไม้ที่สั่นเกร็งเพราะความโกรธทำให้ผิวแก้วในมือเริ่มมีรอยร้าวจนในที่สุด…..

 

“เพล็ง!!!”  เสียงแก้วแตก เศษของมันหล่นร่วงลงบนพื้น หากเท้าของคนที่ทำให้มันแตกกลับเหยียบขยี้หมายมั่นว่า ชื่อของไอ้ฆาตกรคนสุดท้ายถ้าเล็ดลอดออกมาให้เขาได้ยินเมื่อไหร่ ชีวิตของมันก็จะเหมือนกับเศษแก้ว

 

ถึงจะเจ็บ มันก็จะต้องเจ็บจนเจียนตาย!!

 

“ เฮ้ย.... มึงไปดูต้นทางดิ”  เสียงหนึ่งในไอ้พวกชั่วหกตัวกำลังสั่งใครบางคนให้ทำตามคำสั่งที่ว่า  ชานยอลครุ่นคิดอยู่ในใจ

 

คงจะเป็นเสียงหัวโจกพวกมัน....

 

เขาจำได้ วันที่ไปเยี่ยมเยือนพวกมันในคุก  เสียงที่มันพร่ำวอนขอชีวิตยังคงดังอยู่ไม่รู้คลาย

 

“ ฉันผิดไปแล้ว....ยกโทษให้พวกฉันเถอะนะ”

 

เหตุไฉนคำพูดในเสียงเทปกับคำอ้อนวอนในแดนปะหารถึงต่างกัน

 

ก็เพราะจิตใจคนเมื่อรู้ซึ้งว่าจะต้องตาย

 

จิตใต้สำนึกก็เริ่มทำงาน

 

หากมันก็ช้าเกินกว่าจะให้อภัย

 

“ . แถวนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดหรอกน่า ถ้ามึงไม่อยากร่วมสนุกกะพวกกูก็ไปดูต้นทาง

เอ้า...มัวยืนเฉยอยู่ได้  ไปสิ”

 

“เฮ้ย มึงทำไมไม่อัดวีดีโอไว้วะ?”

 

“ อัดเสียงเนี่ยแหล่ะ จะได้ฟังได้ไม่เบื่อ”

 

คำตอบของคนที่คาดว่าน่าจะเป็นไอ้ตีนผีที่เพิ่งตายไปเมื่ออาทิตย์ก่อนผสมกับเสียงครางที่เร่าร้อนของพวกมัน

 

“ อือ....ขยับสูงอีกนิดสิ  เออ... โยกอีก น่าน...อย่างน่าน”

 

“....ปล่อยฉัน  อย่า ไม่นะ!!

 

ซูโฮเอามือปิดหูทั้งสองข้างเอาไว้ เมื่อบทเพลงรักหนึ่งสาวกับไอ้พวกเดนหกตัวกำลังขีดเขียนบรรเลงอย่างบ้าคลั่งทั้งๆที่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไม่ได้ยินยอม

 

“ ยอล..ปิดเหอะ พี่ทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว” 

 

ซูโฮเอื้อมมือจะปิด ทว่า...นิ้วเรียวยาวของชานยอลกลับเยื้อยุดไม่ให้เขาทำอย่างที่ว่าไว้

 

“ไม่ต้อง ผมจะฟัง!!”

 

เขาแย่งรีโมทควบคุมออกมาจากมือของซูโฮและเพิ่มโวลุ่มเสียงให้ดังขึ้น

 

มีแต่เสียงร้องครางของไอ้ชั่วบ้ากาม หาได้มีเสียงของคนรักของเขาเลยซักนิด

 

ชีวิตหญิงสาวตัวเล็กๆคนนั้น คงโดนยมทูตกระชากวิญญาณมิให้รับรู้ถึงความเจ็บปวดจากพวกมันอีก

 

“ มีคนมาพี่  มีคนมา!” เสียงตะโกนทุ้มลึกดังขึ้นมาแต่ไกล 

 

“ เฮ้ย..มีคนมา หลบก่อนพวกเรา หาที่หลบเร็ว...”

 

“ แล้วผู้หญิงคนนี้..จะปล่อยทิ้งไว้อย่างงี้เหรอ ฮยอง”  น้ำเสียงเจือปนความห่วงใยอยู่บ้าง อย่างน้อยหนึ่งในสมาชิกของพวกมันก็ยังมีคนที่มีจิตใต้สำนึกของความเป็นคน

 

ถึงจะชั่วก็ไม่ได้ชั่วจนเต็มขั้น

 

“ ทิ้งไว้อย่างงี้แหล่ะ เดี๋ยวแม่งก็ฟื้น” คำพูดที่ไม่ได้ตระหนักรับรู้ว่า วิญญาณของเหยื่อนั่นไม่ได้อยู่กับร่างของเจ้าของอีกต่อไป

 

ชานยอลค่อยๆเดินเข้าไปหาเครื่องเล่นที่ตั้งอยู่มุมห้อง แววตาจับจ้องไปที่มัน หูทั้งสองยังคงรอคอยวลีที่สำคัญ มิขาด

 

“ มัวยืนบื้ออะไรอยู่เร็วๆสิ”

 

เร็วๆสิ

 

เขาเร่งเร้า สมองที่อยู่ภายในพร้อมแล้วที่จะจดจำชื่อของฆาตกรคนสุดท้าย

 

“ครืดๆๆ” 

 

คลับคล้ายว่าเครื่องเล่นนั้นจะมีปัญหา  ชานยอลมองนิ่ง ในขณะที่คนนอนป่วยอยู่บนเตียงก็แอบมุดหลบเข้าไปอยู่ใต้ผ้านวมทันที

 

ไอ้ที่มุดหลบไม่ใช่กลัวเครื่องมันจะระเบิด แต่ที่มันจะระเบิดไม่ใช่ของ

 

แต่เป็น.....คน!!

 

“โครม!!”

 

เครื่องเล่นเสียงที่ถูกกวาดลงไปกองอยู่ที่พื้น รีโมทที่อยู่ในมือก็ถูกขว้างทิ้งลงไปด้วยเช่นกัน  ชิ้นส่วนถูกแยกกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางตามแรงโมหะของคนร่างสูง

 

“ ชานยอล..ใจเย็นๆก่อน” เสียงประโยคอันสั่นพร่า อารมณ์ที่หวาดหวั่นในตัวของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 

“ ตอนนี้ตำรวจเขารู้แล้วว่าไอ้โจรคนสุดท้ายคือใคร ขาดแต่หลักฐานประกอบอย่างอื่นก็เลยกำลังส่งคนไปสืบเรื่องของมันอยู่”

 

“ผมอยากรู้” เขากัดฟันเค้นถาม ไฟในอารมณ์ที่ลุกโชติมิอาจดับลงได้

 

 “มันเป็นใคร”

 

“ ฉันว่านายน่าจะรู้จักคนๆนั้นดี”ลีดเดอร์รุ่นพี่หยิบกองหนังสือพิมพ์ที่วางทิ้งไว้ พลิกหาหน้ากระดาษที่เขาต้องการก่อนจะยื่นให้ชายหนุ่ม

 

ภาพที่ชานยอลเห็นในหน้ากระดาษ

 

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ดวงหน้าคม แววตาเข้มรับกับคิ้วที่พาดเฉียงเหนือขึ้นไปช่วยขับเสน่ห์ในดวงตาให้กรุ่มกริ่มเย้ายวน พอๆกับเรียวปากที่โค้งชะงอนดั่งคันศร ที่เผยให้เห็นภาพรวมใบหน้าอันสมบูรณ์ ไร้ที่ติของชายคนนี้

 

เขานิ่งงัน  สีหน้านั้นมีแววตกใจปนกับความไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้เห็น

 

บุคคลที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้

 

ฆาตกรคนสุดท้าย

 

"ชเวซึงฮยอน!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา