ขอบคุณความบังเอิญ

6.3

เขียนโดย zeeto

วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.36 น.

  17 ตอน
  0 วิจารณ์
  17.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 22.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) ติวภาษา (กาย)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          จบสิ้นกันทีความรักที่สวยงามของฉันอุตส่าตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปหาร้านดอไม้เพื่อไป
สารภาพรักกับศยา  ทำไมสุดท้ายเรื่องทั้งหมดกับไม่เป็นไปตามคาดหมาย  วันนี้ผมขึ้นรถประจำทาง
กลับบ้านเช่นทุกวันต่างก็ตรงที่นายธัญเทพมายื่นส่งผมขึ้นรถนี่แหล่ะ  ขื่นไม่ยอมให้มันมายืนส่งขึ้น
รถไม่วายผมคงต้องซ้อนท้ายเวทป้าของมันแน่  คนอะไรบอกอยู่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดไม่ฟังบ้างเลย
ไม่รู้จะทำให้ผมอายไปถึงเมื่อไร 
"พัทธ์เป็นไรวันนี้แม่เห็นกลับบ้านมาทำหน้างอคอหักเป็นปลาทูนานแล้วน่ะ" ผมนั่งกดรีโมททีวี
เปลี่ยนช่องรายการไปเรื่อยๆจนผู้เป็นแม่ที่นั่งปักผ้าอยู่หันมาถามด้วยความสงสัยกับอาการของผม
"เปล่าครับแม่" ผมวางรีโมทก่อนลุกเดินไปกอดแล้วหอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดใหญ่ 
"พอเลยๆ โตแล้วน่ะไม่ต้องมาอ้อนแม่เลยทำแบบนี้แสดงว่ามีความลับกับแม่ใช่ไหม" 
"เปล่าน่ะครับพัทธ์จะไปกล้ามีความลับกับแม่ได้ไงจริงไหม"
"ให้จริงเถอะเมื่อเช้าอามีนโทรมาบอกแม่ว่าเห็นเราซื้อช่อดอกไม้รึอะไรซักอย่างช่อบะเร่อก่อนไป
โรงเรียน  เอาไปให้ใครบอกแม่มาซ่ะดีๆเลย" ผมหันมองหน้าแม่อย่างตกใจก็ผมคิดว่าเมื่อเช้าจะมี
ใครเห็นผมแล้วน่ะนี่อามีนกลับมาเห็นซะงั้นป่านนี้ทุกคนก็รู้หมดแล้วซิ
"ไงพัทธ์ตกลงซื้อไปให้ใคร ศยาหรือว่าสาวที่ไหน" นี่แม่ผมมีกุมารทองรึไงถึงได้รู้ขนาดนี้แต่จะ
แปลกได้ไงในเมื่อยัยตัวแสบก็เรียนโรงเรียนเดียวกับผม ผมหมายถึงน้องเมลูกของอามีนนั้นเอง
"นี่น้องเมบอกแม่หรอครับ?"
"แล้วตกลงเอาไปให้ใคร" จะบอกแม่ได้ไงล่ะว่าตั้งใจเอาไปให้ศยาแต่กลายเป็นนายธัญเทพนั้น
 เรื่องแบบนี้หน้าอายจะตาย ระหว่างที่ผมกำลังอ้ำอึ้งอยู่ดูเหมือนวันนี้จะไม่เป็นใจอะไรกับคนอย่าง
ผมเลยซิน่ะ  ใครจะไปคิดว่ายัยตัวป่วนอยู่บ้านปกติต้องไปเรียนพิเศษทุกเย็นไม่ใช่หรอ
"ป้าพิมพ์สวัสดีค่ะ" ผมและแม่หันไปที่ประตูหน้าบ้านเห็นน้องเมยืนถือชามกับข้าวหน้าจะเป็นฝีมืออา
มีนให้เอามาให้อีกแน่นอน
"อ้าวน้องเมเอาอะไรมาอีกล่ะวันนี้" 
"คุณแม่ให้เอาพะโล้ของโปรดพี่พัทธ์มาให้ค่ะ" ผมรีบเดินออกไปรับจานกับข้าวก่อนเดินเข้าเอาไป
เก็บไว้ในครัวพร้อมกับจัดขนมและน้ำหวานออกมาให้น้องเมตามเคย 
"พี่พัทธ์เนี้ยรู้ใจน้องเมที่สุ๊ดดดด"
"อย่ามาปากหวานเลยน้องเมกินๆเข้าไป" ความจริงที่เอาของกินมาให้ก็แค่จะหาอะไรปิดปากคนช่าง
พูดอย่างน้องเมเท่านั้นแหล่ะครับ  ขื่นปล่อยให้ปากว่างมีหวังเรื่องยาวแน่นอน 
"น้องเมตกลงพี่พัทธ์เขาเอาดอกไม้ไปให้ใคร" เฮ้ยผมอุตส่าพานอกเรื่องแล้วน่ะทำไมแม่อยากจะรู้นักล่ะ"อ๋อ..พี่พัทธ์เขาเอาไปให้.." 
"น้องเมกินน้ำก่อนซิ" ไม่พูดเปล่าผมยกแก้วน้ำจ่อที่ปากของน้องเมพร้อมยกกระดกแก้วให้น้องเม
กลืนเข้าไป ผู้เป็นแม่หันมามองพร้อมกับน้องเม  ที่ใช้หางตามองผมก่อนจะค่อยๆดื่มน้ำเข้าไปช้าๆ 
"อร่อยไหมน้องเมเดี๋ยวพี่เอาให้ใหม่" 
"พัทธ์...หยุดตรงนันแหล่ะแล้วนั่งลง" ผมค่อยเดินกลับมาก่อนจะนั่งลงข้างๆน้องมที่หัวเราะชอบใจ 
"น้องเมตกลงพี่พัทธ์เอาช่อดอกไม้ไปให้ใครลูก?" ผมหันไปมองหน้าน้องเมแต่คงไม่เป็นผลจริงๆ 
"ช่อดอกไม้หรอค่ะป้าพิมพ์ พี่พัทธ์เอาไปให้..." 'ปริ่งป่อง!!' ฮาๆๆๆขอบคุณออดสวรรค์ที่ดังในเวลา
นี้ ผมหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่กับน้องเม อย่างชัยชนะ
"เดี๋ยแม่ไปเปิดเองนั่งอยู่นี้แหล่ะ"
          
          ผมสอบถามที่อยู่ของพัทธ์จากเพื่อนในห้องเรียนหลายๆคนก่อนจะขับเวทป้าคู่ใจมาตามเส้น
ทางเรื่อยๆจนมาถึงบ้านหลังขาวที่ตบแต่งไปด้วยต้นไม้จนหนาทึบทั้งหมด 
"มาหาใครจ๊ะ?" ระหว่างที่กดกริ่งหน้าบ้านผมก็ยืนรอให้เจ้าของบ้านออกมาเปิดประตูอย่างใจจดใจ
จอ หญิงสูงวัยแต่ยังคงสวยรูปหน้าเคล้าโคลงเหมือนกับพัทธ์  ถ้าเดาไม่ผิดต้องเป็นแม่ของพัทธ์
แน่นอน 
"สวัสดีครับคุณน้าผมมาหาพัทธ์ครับ"
"เพื่อนพัทธ์หรอเข้ามาก่อนซิ" ผมโค้งขอบคุณก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับแม่ของพัทธ์ที่
เดินนำเข้ามา 
"ใครมาครับแม่?" เสียงคนในบ้านตะโกนถามเมื่อผู้เป็นแม่เดินเข้าไปภายในบ้าน  ผมถอดรองเท้า
วางเรียบร้อยก่อนจะเดินตามเข้ามา  ทันทีที่สายตาของผมไปสบกับคนที่นั่งเล่นกับเด็กผู้หญิงคน
หนึ่งอยู่หันมาเห็นหน้าผมก็ถึงกับค้าง
"เพื่อนมาหาน่ะพัทธ์คุยกันไปก่อนน่ะเดี่ยวแม่ไปเอาขนมมาเพิ่ม" 
"ป้าพิมพ์เดี๋ยวเมช่วยค่ะ" เด็กผู้หญิงคนนั้นลุกเดินตามแม่ของพัทธ์เข้าไปในครัว  แต่พัทธ์ที่
พยายามจะดึงไว้กับไม่ทันเพราะเด็กหญิงคนนั้นหลบอย่างรวดเร็ว
"มึงมาบ้านกูทำไม?"
"ก็อยากมาหาแฟนไม่ได้หรอ?"
"หยุดเลย...อย่าพูดอะไรแปลกๆในบ้านถ้าแม่กูรู้จะว่าไงอีกอย่างกูไม่ได้เป็นแฟนมึงด้วยอย่ามั่ว"
"พัทธ์จะปฏิเสธยังไงก็ได้น่ะ  แต่เอาล่ะเราจะไม่บอกแม่ของพัทธ์ก็ได้ว่าพัทธ์เป็นแฟนเรา  รอพัทธ์
พร้อมเดี๋ยวเราค่อยบอกด้วยกันก็ได้" 
"เฮ้ยยย...มึงเลิกบ้าได้ไหมเนี้ย" ผมมองหน้าคนที่่พยายามจะปกปิดทุกอย่าง
"ขนมมาแล้วจ้า...ว่าแต่ชื่ออะไรลูกแม่ไม่เคยเห็นหน้าเลยปกติเจอแต่เจ้าดรัน" 
"ชื่อธัญครับพอดีผมจะมาคุยกับพัทธ์เรื่องสอบเข้ามหาลัย พอดีผมไม่ค่อยเก่งว่าจะลบกวนให้พัทธ์
เขาช่วยติวให้หน่อย  คุณแม่ไม่ว่าน่ะครับ?" (คุณแม่) ผมทำหน้าตาเป็นเด็กเรียนเสียเต็มประดาก่อน
หันไปหาผู้เป็นแม่ของพัทธ์ที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ
"ดีซิมาเลยลูกมานอนค้างมาติวที่นี่ได้เลยนานๆจะมีเพื่อนมาติวกันแบบนี้ซิดี ไม่เหมือนวัยรุ่นเดี๋ยวนี้
เอ๊ะอะไปเที่ยวดูหนัง มาแบบธัญแม่โอเคสนับสนุน" 
"สนับสนุนด้วยน่ะค่ะพี่ธัญ" เสียงของเด็กสาวที่ตอนนี้ผมพอจะจำหน้าได้แล้วล่ะว่าคือน้องเม  ที่เป็น
หรีดของโรงเรียนนั้นเอง ผมหันไปยิ้มให้เพราะพอจะเดาออกว่าน้องเมสื่อว่าอะไรคนที่นั่งฟังผมคุย
กับแม่เริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาบ้างแต่คงไม่กล้าขัดแน่นอน
"เออ...ธัญแม่ถามหน่อยซิวันนี้พัทธ์เขาเอาช่อดอกไม้ไปให้ใครหรอ" ผมไม่คิดว่าจะเจอคำถามนี้
เลยเหมือนกัน  หลังจากได้ยินก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเองผมหันไปมองหน้าพัทธ์ที่พยายามบอก
ว่าไม่ให้ผมบอก
"ช๊อคดอกไม้นั้นพัทธ์เอามาให้ผมครับ"
"เฮ้ย /ห่ะ" เสียงของแม่และพัทธ์ที่ร้องออกมาพร้อมกันแทบจะทันที
"อย่าพึ่งตกใจครับคุณแม่ พอดีผมฝากให้พัทธ์เขาซื้อมาให้  พอดีวันนี้ผมมีเรียนศิลปะผมต้องวาด
ภาพในหัวข้อของจากคนรักผมเลยให้พัทธ์เขาเอาช่อดอกไม้มาให้ครับ"
"อ่อแบบนี้นี่เอง แม่ก็นึกว่าจะได้ลูกเขยซ่ะอีก" ผมหันไปมองหน้าคนที่ค่อยๆกลืนน้ำลายลงคออย่า
ยากลำบาก  กับน้องเมที่นั่งหัวเราะกับใบหน้าผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง
"ธัญบอกว่าจะติวหนังสือใช่ไหม  พัทธ์พาเพื่อนขึ้นไปติวหนังสือบนห้องซิเดี๋ยวพ่อกลับมาแม่จะขึ้น
ไปเรียก น้องเมจะไปกับพี่เขาไหม?" ทันทีที่ผู้เป็นแม่พูดจบผมหันไปมองหน้าน้องเมที่ต่างก็รู้ทันเช่นกัน
"ไม่ค่ะน้องเมมีซ้อมหรีดยังไงน้องเมกลับก่อนดีกว่า"
"โชคดีครับน้องเม" ผมหันไปโบกไม้โบกมือส่งให้น้องเมที่ออกจากบ้านไปก่อนจะหันกลับมาหา
พัทธ์และหันไปยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ของพัทธ์อีกครั้ง
"อ้าวนั่งเฉยทำไมพัทธ์ไปซิพาเพื่อนไปติว"
"ครับ" เจ้าของบ้านหันมาค้อนใส่ผมก่อนจะลุกเดินนำขึ้นไปบนบ้านทันที
          
          แม่น่ะแม่ปล่อยให้คนอื่นเข้าบ้านได้ง่ายๆทำไมเนี้ย ไอ้นี่ก็เหลือเกินอยู่ๆบุกมาบ้านทั้งๆที่พึ่ง
รู้จักกันวันนี้แท้ๆหน้าด้านที่สุด ผมเดินเข้ามาในห้องโดยมีอีกคนเดินตามหลังเข้ามาก่อนปิดประตู
ห้องลง 
"มึงจะติววิชาไหนก่อน?" ผมหันไปถามคนที่ยืนกอดอกมองตามผมตลอด  บวกกับรอยยิ้มบ้าๆนั้นอีก
มันชวนให้ผมหงุดหงิดจริงๆไม่รู้มันจะยิ้มโชว์เหล็กดัดฟันอีกนานไหม
"ตกลงจะติวอะไรก่อน...ถ้ามึงจะมาเพื่อกวนประสาทกลับไปเลยไป" ผมเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะ
หยิบหนังสือเรียนทั้งหมดมาวางกองกับพื้นห้อง
"พัทธ์อยากสอนวิชาไหนก่อนล่ะ?" ผมถามมันก่อนใช่ไหมแล้วทำไมมันจะต้องมาย้อนผมด้วยเนี้ย
"งั้นเอาวิชาคณิตศาสตร์ก่อนแล้วกัน"
"ไม่เอาอ่ะเราอยากเรียนวิชาภาษาไทยก่อน" แล้วมันจะถามหาพระแสงอะไรในเมื่อมันก็เป็นคน
เลือกเองสุดท้าย ผมถอนหายใจก่อนหันไปหยิบหนังสือภาษาไทยที่มีเสียงหัวเราะเบาๆอยู่ด้านหลัง
คิกคัก 
"มึงจะให้กูติวตรงไหนให้" 
"เราอยากให้พัทธ์ติวตรงภาษาของมนุษย์ที่ใช้ในการสื่อสารน่ะว่ามีอะไรบ้าง เราจำไม่ค่อยได้ พัทธ์
ช่วยบอกหน่อยซิ" ตกลงนี่มันโง่ขนาดการสื่อภาษาของมนุษย์แบบไหนมันก็ไม่รู้เลยรึไงว่ะ
"ตรงนี้น่ะมึงจำไว้เลย...ภาษาในการสื่อมี สื่อด้วยการพูด การเขียน และอีกหนึ่งอย่างคือภาษากายที่
ใช้การแสดงออกมาเพื่อให้คนที่ต้องการสื่อสารด้วยรับรู้ว่าเราสื่ออะไรถึงเขา" ผมบอกก่อนจะขีดใต้
คำที่หนังสือให้แต่จู่ๆไอ้บ้านี้ก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆผมพร้อมกับกดปลายจมูกลงที่แก้มเบาๆ 
"เฮ้ยยย...มึงทำบ้าอะไรของมึงเนี้ย"
"ก็ติวภาษาไทยไง..พัทธ์บอกเองไม่ใช่หรอว่ามีภาษาเขียน ภาษาพูดแล้วก็ภาษากาย ไอ้ภาษา
เขียนกับภาษาพูดเราเข้าใจน่ะ  แต่ภาษากายเราไม่แน่ใจเลยลองทำตามความรู้สึกดู พัทธ์เข้าใจใช่
ไหมที่เราทำ" ดูมันซิอยู่ๆมาหอมแก้มแบบนี้ใครจะไปอยากรับรู้กับมันล่ะนี่มันลวนลามชัดๆ
"ไม่รู้โว๊ยเลิกกวนประสาทกูแล้วตั้งใจเรียนได้ไหมห่ะ?" 
"ก็ถ้าไม่ปฏิบัติเราไม่ค่อยเข้าใจน่ะ" พูดจบมันก็ก้มหน้าก้มตาอ่านที่ผมขีดให้มันต่อตอนนี้ผมอยาก
จะชกหน้ามันจริๆน่ะแค่วันนี้วันเดียวทำไมผมกับรู้สึกเรื่องราวมันนานมาเป็นปีแล้วนี่ผมต้องรับมือกับ
ไอ้บ้านี่อีกนานแค่ไหนเนี้ย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา