A.I.S.Story ชมรมสืบเรื่องลี้ลับ

5.5

เขียนโดย SilverFox

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 18.57 น.

  1 Duty
  11 วิจารณ์
  4,913 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) คฤหาสน์เลข 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก


ΨrannaΨ
สวัสดีค่ะ
 นี่เป็นเรื่องที่สองที่รันน่าตั้งใจเขียนค่ะ ถึงจะบอกว่าแนวสยองขวัญ แต่ไม่ค่อยหน้ากลัวอย่างที่คิดหรอกค่ะ เพราะจุดเด่นของเรื่องนี้คือ คู่ฝาแฝด ที่คนพี่แข็งแกร่ง ทอมบอย ส่วนคนน้องน่ารัก เรียบร้อย สิ่งที่จะทำให้เรื่องนี้ดำเนินไปได้คือแฝดคู่นี้ สึบากิ(พี่สาว)  สึบาสะ(น้องสาว)ถ้าขาดใครสักคนจะขาดสีสัน และยังมีแฟนของทั้งสองคนอีก สึบาสะหญิงสาวผู้มีสัมผัสที่หก ผู้เป็นคนเดียวที่มองเห็นวิญญาณ อยากจะบอกว่า รันน่าจะไม่ค่อยบรรยายลักษณะของดวงวิญญาณแต่ละตน จะบรรยายเฉพาะตัวที่บางตอนคนอื่นสามารถมองเห็นได้ ต้องการให้คนอ่านจินตนาการเองล้วนๆ และเพื่อให้สมบทบาท ว่าสึบาสะสามารถมองเห็นได้คนเดียว เอาล่ะค่ะเล่าซะยาวล่ะ ไปดูตอนแรกกันได้เลยค่ะ

     ความภาคภูมิใจของนักเขียนคือการทำให้คนอ่าน มีรอยยิ้มค่ะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ♥
                                              ByΨrannaΨ
..........................................................

"ฉันไม่ได้อยากมีสัมผัสที่หกหรอกนะ แต่ช่วยไม่ได้ เราเลือกไม่ได้นี่ เพราะงั้น ชั้นใจใช้พลังนี้เพื่อช่วยคนอื่น"
 
+Duty 1 คฤหาสน์เลข 4+
กรี๊ดดด!! “อย่า..อย่าเข้ามา...อย่าเข้ามานะ” เสียงหญิงสาวคนนึงกรีดร้องด้วยความกลัวต่อบางสิ่งบางอย่างตรงหน้า
 
“อย่า...อย่าเข้ามา...ม่ายยย!!”
 
กิ๊ง ~ก่อง~ เสียงนาฬิกาที่โรงเรียนบอกเวลาพักเที่ยง
 
“นี่ๆพวกเรา รู้ข่าวรึยัง เรื่องนั้นน่ะ นี่ สึบาสะฟังกันมั่งซิ” หญิงสาวเจ้าของ ดวงตาและเส้นผมสีทองที่มัดผมแกละสองข้าง หันมามอง หญิงสาวที่มีหน้าตาไม่ต่างจากเธอ แต่มัดผมเปียที่ตะโกนขึ้น ก่อนที่จะหันไปว่าหญิงสาวที่ชื่อสึบาสะเพื่อเรียกร้องความสนใจ
 
“อาไยหยอ (อะไรหรอ)” สึบาสะถามสาวผมเปีย ที่พูดขึ้นโดยที่ในปากมีขนมเค้กชิ้นโตอยู่ในปาก
“โธ่ สึบาสะเวลาจะพูดบอกกี่ครั้งแล้วว่ากินให้เสร็จก่อน” สิ้นเสียงของสาวผมเปีย เค้กชิ้นโตที่เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วก็หายวับไปกับตาเพราะมันลงไปอยู่ในท้องของสึบาสะเรียบร้อย
 
“เฮ้อ~ สึบาสะเธอเนี่ยน้า เวลาปกติก็เรียบร้อยดีอยู่หรอก แต่ทำไมเวลากินความเรียบร้อยถึงหายไปหมดนะ” สาวผมเปียถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะนิสัยที่แก้ไม่หาย ของ  สึบาสะ
 
“แหม~ไม่เห็นต้องว่ากันเลยนี่ แค่เรื่องกินเองอ่ะสึบากิ แล้ว...ยกยงยีเยื่องไยหยอ(ตกลงเรื่องอะไรหรอ)” สึบาสะพูดแล้วเว้นว่านิดนึงก่อนที่จะกินเค้กอีกก้อนที่วางไว้แล้วถามต่อ สาวผมเปีย ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดเสียงดังว่า
 


“ฟังให้ดีนะสึบาสะ”สึบาสะพยักหน้าหงึกๆรับคำโดยที่ในปากยังมีเค้กอยู่ทำให้เรียกเสียงหัวเราะของ เพื่อนทั้งห้องได้ในทันที ก่อนที่สึบาสะจะกลืนเค้กชิ้นโตลงท้องแล้วทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อนทั้งห้องที่ หัวเราะเยาะเธอก่อนจะหันกลับมาฟังสิ่งที่สึบากิจะพูด
 
“เธอจำเรื่องเมื่อวานได้ไหม ที่มีกลุ่มรุ่นพี่ม.ปลายปีสามประกาศว่าจะทดสอบความกล้าที่คฤหาสน์หลังนั้นน่ะ”สึบาสะพยักหน้ารับสึบากิแต่พอสึบากิจะเล่าต่อก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น
 
“อ๋อ เรื่องที่พวกนั้นไปลุยที่คฤหาสน์ตอนกลางคืนกันสามคนแต่กลับออกมาแค่คนเดียว แถมคนที่กลับออกมายังเสียสติไปแล้วเสียด้วยใช่ไหมจ๊ะ สึบากิ เธอคิดจะไปมั่งรึไง”สึบากิทำหน้ามุ่ยใส่ผู้มาใหม่ที่โผล่มาจากด้านหลัง และเพราะรู้ทันตัวเองจึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
 
“แล้วนายมาที่นี่ทำไม  โช ไม่มีที่ให้สิงสถิตรึไง” โช ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีชา ตาสีนํ้าตาลทอง เป็นคนที่จัดได้ว่าหล่อมากทีเดียว ถึงหน้าตาจะเหมือนคนจริงจัง แต่จริงๆเป็นคนมีเสน่ห์ขี้เล่น เป็นกันเองมาที่เดียว 'แต่ถ้าโกรธล่ะก็ น่ากลัวชะมัด'สึบากิคิด

“อ้าวๆ พูดแบบนี้หาเรื่องกันหรอเจ๊ ผมมาหาคุณสึบาสะไงล่ะ เนอะคุณสึบาสะ”สึบาสะพยักหน้าหงึกๆรับคำของผู้มาใหม่ทำให้สึบากิย่นจมูกไม่ พอใจเล็กน้อย’หนอยจำไว้เลยนะเจ้าโช แค่สึบาสะเข้าข้างนิดหน่อยอย่าได้ใจนักเลย นายเผลอเมื่อไหร่ ‘หึๆ น่าดู’เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ความคิดของหญิงสาวตรงหน้าจึงรีบไปหลบหนังของสึบาสะ ทันที
 

‘โช คบกับสึบาสะมาได้สองปีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมจนป่านนี้ฉันกับโชก็ไม่เคยพูดกันได้ดีๆเกินห้านาทีเลยไม่รู้ เพราะอะไร แต่ใจเราไม่อยากให้สึบาสะคบกับหมอนี่เลยนอกจากจะอายุน้อยกว่าสึบาสะแล้ว เพราะเจ้าหมอนี่ทำให้สึบาสะต้องเดือดร้อนบ่อยๆเพราะสาวๆในห้องของหมอนั่นน่ะ แหละชอบอิจฉาสึบาสะเลยแกล้งสารพัดเพื่อให้สึบาสะเลิกคบกับโช เจ้าหมอนี่ไม่หน้าเนื้อหอมเลยทำให้สึบาสะต้องลำบาก ผู้ชายหลายคนก็ต้องน้ำตาตกในเพราะสึบาสะเหมือนกัน สึบาสะเป็นหญิงสาวตัวเล็กน่ารัก ชอบมัดหางม้า ใครมองแล้วก็รู้สึกอยากเอ็นดูเธอทั้งนั้นนอกจากจะน่ารักแล้วยังเรียบร้อย อีก(ยกเว้นตอนกิน)ทำให้เธอก็เนื้อหอมในหมู่หนุ่มๆเช่นเดียวกัน ฉันที่เป็นพี่สาวฝาแฝดที่เกิดก่อนสึบาสะได้ไม่กี่นาทีเลยต้องลำบาก เมื่อก่อนต้องคอยระวังผู้ชาย ตอนนี้ยังต้องคอยระวังผู้หญิง แล้วยังเรื่องนั้นของสึบากิที่มีแค่เราสี่คนที่รู้อีก ตายๆ’สึบากิคิดไปก็หงุดหงิดไปก่อนที่สึบาสะจะทำให้บรรยายกาศที่กำลัง มาคุอยู่สงบลง
 
“นี่ๆ สึบากิเล่าต่อซิ”
 
“ถ้าเธอไม่เล่าเดี๋ยวชั้นเล่าเองก็ได้ฟังนะคุณสึบาสะคืองี้....”ยังไม่ทันที่โชจะเล่า สึบากิก็พูดแทรกขึ้นเพื่อไม่ให้โชเล่า
 
“ก็อย่างที่หมอนี่บอก เลยคิดว่าเราน่าจะสืบเรื่องนี้ซักหน่อยนะ นี่มันรายที่ 24 แล้วนะ เย็นนี้ไปประชุมที่ชมรมเรากันเถอะ” ทั้งสองพยักหน้าให้กับสึบากิ ก่อนทีจะรีบกินข้าวกลางวันต่อแล้วโชก็กลับห้องของตัวเอง
 
“หือ?..นี่ๆสึบากิงานนี้ลำบากแหงๆเลย”สึบาสะเห็นอะไรบางอย่างนอกห้องเรียนเดินผ่าน(หรือก็ลอยน่ะแหละ)ไปทางตึกพวกปีสาม จึงสะกิดสึบากะ
 
“เธอเห็นอะไรงั้นหรอสึบาสะ”สึบากิพูดเบามากจนเหมือนกระซิบกับสึบาสะพลางคิดในใจว่า’เอาแล้วไง’
 
“รุ่นพี่ปีสามที่หายตัวไปเมื่อเดือนที่แล้วน่ะ”สึบากิตอบกลับด้วยเสียงที่เบาไม่แพ้สึบากิ และตอนนี้ใบหน้าของสึบาสะที่ปกติจะมีสีขาวอมชมพูได้กลายเป็นสีซีดเหมือนคน ขาดเลือดไปแล้วเรียบร้อย
 
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมองแล้วล่ะรีบกินเถอะ เอาของฉันไปกินด้วยก็ได้นะ”ทันใดนั้นแหละพอได้ยินคำว่า’กิน’ใบ หน้าที่ซีดเมื่อกี๊กลับมาเป็นสีขาวอมชมพูอีกครั้งและรีบหยิบขนมของสึบากิ ขึ้นมากิน(ยัด)เข้าปากทันที ทำให้สึบากิถอนหายใจด้วยความเอือมและโล่งอก เมื่อเห็นสึบาสะกลับมาเป็นปกติ’หรือแสร้งทำไม่ให้เป็นห่วงไม่รู้’
กิ๊ง~ก่อง~ เสียงบอกหมดคาบเรียนสุดท้าย ทุกคนจึงลุกขึ้นทำความเคารพอาจารย์เก็บของใส่กระเป๋าและออกจากห้องไปทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนในทันที
 
เสียงคุยจอแจดังขึ้นระหว่างทางที่พวกสึบากิเดินเพื่อจะไปห้องชมรม และเรื่องที่คุยนั่น คงไม่พ้นเรื่องเมื่อวานเป็นแน่
 
เอี๊ยด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้น ป้ายหน้าประตูเขียนว่า’ชมรมสืบเรื่องลี้ลับ’เมื่อเข้าไปในห้อง สึบากิยื่นมือไปด้านข้างประตูเพื่อเปิดไฟให้สว่างเป็นผลทำให้มองเห็นทุกสิ่งในห้องทั้งหมด
 
ใน ห้องนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลยด้านซ้ายก็ตู้หนังสือด้านขวาก็ที่วางของต่างๆ สุดทางที่เห็นก็มีหน้าต่างข้างๆมีทั้งกล้องถ่ายรูป กล้องอัดวีดีโอ และหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ส่วนตรงกลางก็มีโต๊ะที่ที่ตั้งเป็นแนวตรงทั้งสองข้างของโต๊ะมีเก้าอี้อยู่ข้างล่ะสอง ตรงกลางบนโต๊ะก็มีแจกันกับชุดเครื่องชากาน้ำร้อนกับขนมเซมเบ้ครบ(ขนมนี่เน้น สึบาสะเป็นคนกินล้วนๆ)
 
สึบากิเดินไปนั่งเก้าอี้ทางด้านซ้ายตัวแรก ส่วนสึบาสะกับโชก็ไปนั่งด้านขวาโชเข้าไปก่อนตามด้วยสึบาสะ
จากนั้นสึบากิก็นั่งไขว่ห้างเอามือชันคางและเข่าแล้วพูดขึ้นว่า
 
“หมอนั่น ช้าชะมัด”น้ำเสียงของสึบากิบ่งบอกว่ารู้สึกหงุดหงิดทำให้คนที่นั่งเรียบร้อยพูดขึ้นว่า
 
“แหม สึบากิเรามายังไม่ทันห้านาทีเลยรอหน่อยเถอะเห็นใจคนที่อยู่คนละตึกบ้างเถอะ”
 
“จ้า~”สึบากิขานรับแต่สีหน้าก็เปลี่ยนจากหงุดหงิดเป็นเบื่อทันที
 
ตุบ! เสียงประตูที่ถูกเปิดขึ้นอย่างรุนแรงทำให้สึบาสะที่กำลังชงชาสะดุ้งเฮือกจนน้ำหกเลอะโต๊ะ
 
“ว้าย!”สึบาสะอุทานขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเสียงประตูทำให้น้ำหก โชจึงต้องส่งผ้าให้สึบา สะเอาไปเช็ดโต๊ะที่แฉะไปหมด ส่วนคนที่เปียกก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นสึบากิที่อยู่ตรงข้ามกับสึบาสะ ทำให้ความเบื่อถูกแทนที่ด้วยความโกรธ
 
“ว่าไง นอกจากจะมาสาย พังข้าวของ ทำโต๊ะเปียกน้ำแล้วที่สำคัญ ยังทำน้ำร้อนหกใส่ชั้นอีก”บรรยากาศมาคุรอบตัวของสึบากิทำให้ ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีดำ ดวงตาสีฟ้าใส  ที่มาใหม่เสียวสันหลังวาบก่อนที่จะรีบวิ่งเข้ามาพร้อมปิดประตูกับเข้าที่ให้เบาที่สุด
 
“ขอโทษ กลัวว่าจะมาสายเลยรีบไปหน่อย”ชายหนุ่มรีบวิ่งมาขอโทษสาวผมเปียทันที ส่วนสึบากิก็ทำเป็นไม่มองหน้าแล้วเสไปเรื่องอื่นเพราะขี้เกียจคุยกับคนมาสาย
 
“เอาล่ะในเมื่อมาครบแล้วก็มาคุยกันเรื่องงาน ในคืนนี้ดีกว่า”
“ห๊ะ~ งานอะไรไม่เห็นบอกกันก่อนเลยนะสึกิ”ชายตรงหน้าหญิงสาวผมเปียพูดขึ้นพลางถามหญิงสาวเรื่องงานใหม่หรืองานแรกตั้งแต่เปิดชมรม
 
“หึ ก็ขยันมาสายนี่ถึงได้ไม่รู้เรื่องแต่ก็นะ เรื่องงานชั้นกำลังอธิบายอยู่นี่แหละ คราวหน้าถ้านายมาสายนะโซระฉันล็อคห้องให้ยืนอยู่ข้างนอกแน่ เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกหรอกนะถึงยกโทษให้”ชาย หนุ่มที่ชื่อว่าโซระกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่เพราะเค้ารู้จักคนตรงหน้าดีเธอทำแน่ เค้อเป็นแฟนกับสึกิ(สึบากิ)มาตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่งรู้นิสัยเธอดี พลางคิดว่า’มาสายไม่ได้เด็ดขาด’
 
“เอา ล่ะงานก็คือ การไปตรวจสอบว่าพวกพี่ๆที่ไปคฤหาสน์นั้นหายไปไหน เกิดอะไรขึ้น กับพวกเขา เพราะภาพในสองปีที่ผ่านมานี่เป็นรายที่ 24 แล้วไม่ซิต้องเรียกว่ากลุ่มที่ 24ถึงจะถูก แรกๆก็แค่ข่าวลือว่ามีคนเข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้นแล้วไม่ได้กลับมา แต่ถ้ากลับมาได้ก็จะเหมือนคนบ้าเสียสติ ไม่รับรู้อะไรได้แต่พูดว่า "'อย่าเข้ามา'ทุกราย"
 
“พอ มาช่วงหลังๆเริ่มมีคนอยากลองดีกับคฤหาสน์นั่นประมาณว่าไม่เชื่อเข้าไปก็เป็น อย่างที่ข่าวลือว่าจนทุกคนคิดว่านั่นไม่ใช่แค่ข่าวลือ บางคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆคฤหาสน์หลังนั้นก็หวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างจากคำให้ การที่ฉันไปตรวจสอบมาเมื่อวาน บางสิ่งบางอย่างที่ว่าคือทุกครั้งที่มีคนเข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้นจะได้ยิน เสียง กรีดร้องที่น่าจะเป็นของผู้ที่เข้าไปว่า’ช่วยด้วย...อย่าเข้ามา.....ออกไปให้พ้น’ทำให้คนบริเวณนั้นกลัวกันมากเลยย้ายบ้านกันไปหมด รู้ไหมภายในสองปีมีคนบริเวณนั้นย้ายไปแล้วประมาณเท่าไหร่”คนที่นั่งข้างๆสงสัยจึงส่ายหน้าเป็นการตอบ แต่สุดท้ายคนที่เฉลยก็คือโช
 
“12ถ้าไม่นับรวมบ้านของกลุ่มผู้เสียหาย”คนที่ตกใจมากที่สุดกับคำพูดของโชก็คือโซระ เพราะน่าเริ่มซีดเป็นไก่ต้มแล้ว(สึบากิคิด)แล้วโซระก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วให้สึบากิพูดต่อ
 
“นั่นแหละ เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าถ้าจะไม่ใช่แค่ข่าวลือ”
 
“อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น คงไม่ใช่แค่เพราะสถิติการย้ายบ้านของคนบริเวณนั้นหรอกนะ”โช พูดติดตลกเป็นผลให้สึบากิหน้ามุ่ยลงก่อนที่จะแลบลิ้นสะใจใส่โชเพราะสึบาสะตี แขนของโชเหมือนต้องการบอกไม่ ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ เป็นผลทำให้สึบากิพูดต่อ
 
“แน่ นอนไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนั้นแน่ แต่เป็นเพราะเมื่อเช้าสึบาสะเห็นหนึ่งในกลุ่มของรุ่นพี่ก่อนหน้ากลุ่มล่าสุด ก็คือสองวันก่อนเดิน(ลอย)ไปตึกม.ปลายปีสาม…”
 
“เห..ก็แสดงว่าไม่ได้หายตัวไปซินะ”คำพูดของโชที่พูดติดตลกไม่ได้ดูสภาพการณ์เลย ว่าตอนนี้ทั้งสามคนนอกจากเขาหน้าซีดไปเป็นที่เรียบร้อยเป็นผลให้โชเริ่ม สงสัยเมื่อสึบาสะเอามือข้างขวาจับชายเสื้อของเขาแล้วพูดว่า
 
“ถ้าวิญญาณน่ะใช่ค่ะ แต่ร่างกายสึบาสะไม่รู้”เมื่อได้ยินดังนั้นโชก็หน้าซีดลงเพราะเข้าใจในความหมายทันที’เห็นอีกแล้วซินะ’
 
“นั่น แหละคือสาเหตุ เพราะความสามารถของสึบาสะใช่ สัมผัสที่หกของสึบาสะมันบ่งบอกได้ชัดเจนขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่ได้ปรากฎเหตุการณ์มานานหลายปีเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องตรวจสอบ”ทุกคนพยักหน้ารับ และคิดว่า’ใช่ นี่แหละสาเหตุที่ทำให้เราเปิดชมรม เพราะต้องการนำความสามารถของสึบาสะมาช่วยเหลือคนอื่นถึงแม้จะอันตรายแต่สึบา สะก็ตั้งใจทำให้สึบากิยอมเปิดชมรม’
 
“สึกิ แล้วเธอตรวจสอบประวัติของคฤหาสน์หลังนั้นมารึยัง”สึบากิพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า
 
“ตาบ้าโซระคิดว่าฉันเป็นใคร ฉันไปสืบมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวานแต่ข้อมูลที่ได้มามีน้อยมากจะฟังกันไหม”ทุกคนพยักหน้าตั้งใจฟังคำพูดของสึบากิ สึบากิจึงสูดลมหายใจลึกๆแล้วพูดว่า
 
“เมื่อ สี่ปีก่อนก่อนที่จะมีคฤหาสน์หลังนั้นเคยเป็นป่าเป็นสถานที่ๆโรงเรียนเราชอบ พาไปทัศนศึกษาหรือเข้าค่ายเป็นประจำ กลางป่านั้นทุกคนคงจะรู้ดีที่นั่นมีสุสานฝังศพของพวกที่ไร้ญาติหรืออาจจะมี แต่ไม่มีใครช่วยจัดสถานที่ฝังให้ก็จะเอาไปฝังที่นั่น เหมาะแก่การทดสอบความกล้าเชียวล่ะ”เสียงและรอยยิ้มของสึบากิทำให้ทุกคนเผลอหายใจเข้าโดยไม่รู้ตัวโดยเพาะสึบาสะดูจะกลัวมากที่สุด
 
“แต่เมื่อสามปีที่แล้วมีคนอยากจะได้ที่ดินแถวนั้นเพราะมันกว้าง เลยทำให้มีคนต่อต้านกันเยอะมากที่จะปลูกสร้างอะไรที่นั่น”
 
“เค้าคิดจะสร้างอะไรหรอ สึบากิ”คำพูดของสึบาสะทำห้สึบากิยิ้มอีกครั้งแล้วพูดว่า
 
“ก็คฤหาสน์ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ไง”
 
“แล้วคนที่ต่อต้านเค้าทำไม่สำเร็จรึไง”สึบาสะพยักหน้ารับคำพูดของโซระเป็นเหตุผลให้สึบากิพูดว่า
 
“ไม่ใช่ไม่สำเร็จ แต่เพราะเกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นทำให้ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนต้องยอม”
 
“เกิดอะไร”โซระถามขึ้นอีกครั้ง
 
“เกิดไฟป่าที่นั่นหลังจากผ่านมาสี่วันยังไงล่ะ”เฮือก!ทุกคนตกใจกับคำพูดของสึบากิ
 
“ไหม้ ไม่เหลือชิ้นดีเลย ป่างี้เกรียมหมดเลย สุสานก็เละเทะไม่มีเหลือ ศพที่ถูกฝังก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะเหตุนี้บางคนก็คิดว่า ป่านั้นคงอยากจะให้สร้างคฤหาสน์ขึ้นมาเลยหยุดการต่อต้าน แต่บ้างก็คิดว่าวิญญาณที่อยู่ที่นั่นโกรธเลยเผาป่า”
 
“แล้ว หลังจากนั้นผ่านไปสี่วันก็เริ่มการก่อสร้างและทุกๆสี่วันจะต้องเกิด อุบัติเหตุไม่เล็กก็ใหญ่เกิดขึ้นทำให้คนงานลดลงแต่คนที่ซื้อที่ดินนั้นก็ลง ทุนจ้างใหม่ด้วยราคาค่าจ้างที่สูงกว่าเดิม แล้วอย่างงี้มีหรอที่จะไม่มีช่างสร้าง แต่ชะรอยก็เกิดเหตุการซ้ำซากแต่คนที่ดินก็ไม่ยอมจนสร้างคฤหาสน์หลังนั้น เสร็จ”
 
“โห อย่างงี้คนจ้างหมดเงินไปเท่าไหร่เนี่ย แค่ค่าที่ดิน อุปกรณ์ต่างๆแล้วยังจะ...”ยังไม่ทันที่โซระจะพูดต่อสึบากิก็ไขความสงสัยให้โซระว่า
 
“100ล้าน มากกว่า100ล้าน”คนถามถึงกับอึ้งในคำตอบพล่งคิดว่า’โอ้แม่เจ้าหาเงินมาจากไหนนักเนี่ย ไม่ใช่ว่าขาย ตับไต ไส้พุงหมดแล้วหรอกนะ’

 

“เอา ล่ะเรื่องที่ชั้นรู้ก็มีแค่นี้แหละ คืนนี้เจอกันที่หน้าคฤหาสน์ตอนเที่ยงคืน ขอเตือน ห้ามเข้าไปก่อนเด็ดขาดขอย้ำอีกครั้งห้ามเด็ดขาด”ทุกคนพยักหน้ารับพลางคิดเหมือนกันว่า’ใครจะกล้าเข้าไปในที่อย่างนั้นคนเดียว แล้วไหนบอกว่าข้อมูลมีน้อยไง ระเอียดยิบเชียว’
 
หลังจากนั้นทุกคนก็กลับบ้านของตนและเตรียมตัวให้เรียบร้อยแล้วรอให้ถึงเวลา
 
เวลา 00.00 น.
 
“เฮ้อ~ เราสองคนมาถึงก่อนหรอเนี่ย ช้าชะมัด”สึบากิกับสึบาสมาถึงที่คฤหาสน์แล้วแต่สองหนุ่มยังไม่มาสึบากิจึงเริ่มหงุดหงิด แต่เมื่อสึบาสะ สะกิดให้สึบากิหันไปดูหน้าของสึบากิก็มุ่ยทันทีแล้วพูดด้วย น้ำเสียงไม่พอใจว่า
 
“ช้าชะมัด~พวกนายสองคนนี่เป็นคุณชายสายเสมอรึไง โดยเฉพาะโชติดเชื้อโซระรึไง”ทั้งสามได้แต่ส่ายหน้าในกิริยาและคำพูดของสึบากิ ก่อนที่สึบาสะจะหันหน้าไปทางคฤหาสน์แล้วเห็นอะไรบางอย่างเป็นผลให้มือของสึบาสะสั่นจนทุกคนิ่มสงสัยในท่าทีที่แปลกไปของสึบาสะ
 
“สึบาสะเป็นอะไรไป”โชถามสึบาสะเป็นผลให้มือข้างหนึ่งคว้ามือเค้าไว้แล้วมืออีกข้างก็ชี้ไปที่หน้าต่างของคฤหาสน์
 
“ระ..รุ่นพี่ ซากิ”ทุกคนรีบหันไปทางที่สึบาสะชี้ทันทีแต่พอทุกคนหันไปก็ไม่เห็นอะไรมีแต่สึบาสะที่ ยังชี้แล้วยังมองไปทางนั้นไม่ละสายตาและตอนนี้หน้าของเธอซีดจนเหมือนคนขาด เลือดทำให้โชจับมือของสึบาสะให้แน่นขึ้นเหมือนต้องการปลอบ
 
“ไปกันเถอะ”ทุกคนพยักหน้าแล้วเดินก้าวเข้าไปในบ้านทันทีที่เดินไปที่ประตูหวังจะดันให้เปิดก็
 
เอี๊ยด! เฮือก! ประตูที่ทุกคนก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็เปิดขึ้นทุกคนจึงตัดสินใจก้าวเข้าไป อย่างระมัดระวัง และคนที่ดูเหมือนจะระมัดระวังที่สุดก็คือสึบาสะ ตั้งแต่ประตูเปิดเองเมื่อกี๊โชสังเกตุว่าเค้าละสายตาจากหน้าต่างแล้วเปลี่ยน ไปมองที่ประตูแทน’คงเห็นอะไรบางอย่างซินะ’
 
แล้วเมื่อจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน ทุกคนตอนนี้เดินอยู่บริเวณกลางบ้างก็ต้องชะงักเท้า เมื่อได้ยินเสียงหลายเสียงดังขึ้น
 
กรี๊ด! ช่วย ด้วย ช่วยพวกเราด้วย เราไม่อยากอยู่ที่นี่ อย่าเข้ามา หลายเสียงร้องประสานกัน เสียงนั้นบ่งบอกถึงความกลัว และความทรมาณได้อย่างชัดเจน คนที่กลัวที่สุดก้ไม่แคล้วจะเป็นสึบาสะอีกน่ะซิ เพราะตอนนี้เธอวิ่งเข้ามากอดโชเป็นที่เรียบร้อยโดยโชกอดเธอแน่นเพราะเค้ารู้ ว่าตอนนี้หญิงสาวตรงหน้ากำลังกลัวในสิ่งที่พวกเรามองไม่เห็นแต่เธอมองเห็น ส่วนอีกสองคนก็พยายามตั้งสติและบอกให้ทุกคนเดินต่อไปจนถึงหน้าประตู
 
เอี๊ยด! เสียง ประตูที่เปิดออกเองโดยที่ไม่มีใครอยู่คงคิดได้อย่างเดียวว่า ที่เปิดให้พวกเราเข้ามาตั้งแต่แรกต้องไม่ใช่คนแน่ๆเพราะทันใดที่ประตูเปิด หรือก่อนหน้าที่จะเปิดอีก สึบาสะมีปฏิกิริยากับประตูบานนั้น’ท่า ทางที่นี่คงไม่ได้มีวิญญาณแค่สองสามตนแน่ๆสัมผัสที่หกของสึบาสะทำให้นอกจาก จะได้ยินเสียงแล้วยังเห็นได้ชัดเจนจนน่ากลัวจริงๆขนาดคนไม่เห็นยังกลัวเลย แล้วสึบาสะจะไม่....’สึบากิคิดอย่างนั้นแต่ก็ก้าว ต่อไปพอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นทางขึ้นบันไดสองข้างซ้ายขวา แล้วยังมีห้องอยู่ข้างบนอีกหลายห้อง ทั้งหมดตัดสินใจขึ้นทางซ้ายเพราะทั้งหมดไม่คิดจะแยกจากกันเพราะมันอันตรายจน เกินไป พอจะขึ้นไปข้างบนอยู่ดีๆร่างของสึบาสะก็ชะงักและสั่นด้วยความกลัวมากกว่า เดิม สายตาของสึบาสะมองไปที่สุดของบันไดที่จะขึ้นแล้วสายตาก็เลื่อนลงมาเรื่อยๆ เป็นเหตุให้ทุกคนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงชอบกล
 
“สึบาสะเป็นอะไรไป เธอเห็นอะไร”สึบาสะไม่ตอบเธอยังมองไปที่บันไดแล้วเลื่อนสายตาลงมาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงพื้นล่างที่พวกเค้ายืนอยู่
 
“สึบาสะ เธอมองเห็นอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ สึบาสะ”สึบาสะไม่ตอบเธอยังคงเงียบแล้วยังจ้องมองไปที่บันไดแล้วเลื่อนสายตาลงมา เรื่อยๆทุกครั้งที่สึบาสะเลื่อนสายตาสึบากิรู้สึกว่าอาการตัวสั่นและหวาด กลัวของสึบาสะจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆสึบากิจึงตัดสินใจแล้วพูดเหมือนเริ่มรู้สึก ถึงความเย็นยะเยือกว่า
 
“ทุกคนถอยหลังออกห่างจากบันไดเร็ว”ทุกคนถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็วจนอยู่สุดทางประตู
 
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เสียงโคมไฟเพดานแตกเป็นเหตุให้ทั้งหมดหยุดชะงักการเคลื่อนไหวด้วยความตกใจก่อนจะได้ยินเสียงที่เงียบไปตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้าน
กรี๊ด! ช่วยพวกเราด้วย อย่าเข้ามานะ ทำไมพวกแกไม่ขึ้นไปข้างบน เสียงร้อยโหยหวนหลายเสียงดังขึ้น  เป็นผลให้สึบากิที่ตั้งสติอยู่เริ่มมีความกลัวเข้ามาแทนที่
 
กึง! กึง! ตึง! ตึง! เสียงคฤหาสน์สะเทือนตามด้วยเสียงฝีเท้าหลายสิบคนดังขึ้น
 
“นะ...นี่มัน..หรือว่า... Poltergeist*”สึบากิพูดขึ้นและคนที่ตอนนี้ตื่นกลัวจนแทบจะช็อคจะเป็นใครไปไม่ได้นแกจากสึบา สะดูเหมือนสายตาของสึบาสะยังคงจับจ้องไปที่บันไดแต่สายตาเธอตอนนี้เลื่อนมา ถึงพื้นแล้ว
 
*ปรากฎการณ์ทางวิญญาณ
 
“สึบาสะบอกมาเดี๋ยวนี้ ว่าเธอเห็นอะไรกันแน่”สึบาสะก็ยังไม่ตอบสายตาเธอตอนนี้เลื่อนมาจนใกล้จะถึงตัวพวกเขาเต็มทีแล้ว ‘เธอเห็นอะไรกันแน่นะสึบาสะ อะไรทำให้ธอกลัวได้นาดนี้ จะหนีดี...ไม่เราจะไม่หนีไม่งั้นสิ่งที่เราพยายามจะสูญเปล่าต้องไปต่อ’
 
“ทุกคนรีบวิ่งขึ้นบันไดทางขวาเดี๋ยวนี้” ทุกคนพยักหน้ารับคำของสึบากิแล้วรีบวิ่งไปที่บันไดขวาจนสุดทางเมื่อเห็นว่าข้าง บนมามีปฏิกิริยาใดกับสึบาสะเพราะตอนนี้สึบาสะยังคงเลื่อนสายตามองพื้นที่ๆ พวกเธออยู่เมื่อกี๊ก่อนที่จะเปลี่ยนทิศตอนนี้สายตาของสึบาสะกำลังเลื่อนมา ที่บันไดทางขวาแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะขึ้นบันไดอีกขั้นแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งจากทางด้านขวามือของเธอ
 
เอี๊ยด! เสียงประตูข้างตัวสึบากิเปิดทำให้ทั้งสี่รีบถอยหลังก่อนที่จะชะงักอีกครั้งเมื่อสึบาสะคนที่กำลังหวาดกลัวเงียบอยู่ตลอดพูดว่า
 
“สึบากิเข้าไปกันเถอะ สึบาสะเห็นนะเค้ากำลังขอร้องให้เราเข้าไป”สึบาสะตอนนี้ละสายตาจากบันไดมาที่ประตูแทน เพราะเห็นบางสิ่งบางอย่าง สึบาสะมองด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย  สึบากิจึงพยักหน้าแล้วทั้งสี่ก็เข้าไป
 
เอี๊ยด! ปึง! เสียงประตูที่เปิดดังขึ้นเมื่อปิดลง ทำให้สายตาทั้งสามจดจ้องไปยังประตู ก่อนที่จะหันไปมองข้างหน้าหันไปมองทิศทางที่สึบาสะมองเมื่อทั้งสามหันไปต่าง ตื่นตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
 
“น่ะ..นี่มัน ไม่น่าเชื่อ”สิ่งที่คนทั้งสี่เห็นคือ เลือดจำนวนมากที่สากกระเซ็นอยู่ที่พื้น แล้วมีเศษ เส้น ผมและสิ่งที่สึบากิคิดว่า เป็นเศษเนื้อซึ่งคงเป็นเนื้ออะไรไปไม่ได้นอกจากเนื้อมนุษย์ ทั้งสามหันมามองสึบาสะที่ตอนนี้ที่ดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมา สึบาสะสะอึกสะอื้นแล้วพยักหน้าให้อะไรบางอย่าง แล้วเธอก็ใช้แขนเสื้อซับน้ำตา ก่อนจะหันไปบอกกับทั้งสามว่า
 
“สึบากิ โช โซระ เรารีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกเราจะกลายเป็นศพรายต่อไป เร็วเข้าคนๆนั้นกำลังจะมาที่นี่ต้องรีบหนี”สิ้น เสียงของสึบาสะทุกคนรีบวิ่งเตรียมจะเปิดประตู แต่ประตูกลับเปิดเอง แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะตกใจในเมื่อสึบาสะบอกว่าเร็วที่สุด แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่หน้ากลัวมากๆกำลังจะมาทางนี้
 
“รีบลงไปทางบันไดซ้ายเร็วเข้าเถอะค่ะ คนๆนั้นกำลังตื่นแล้ว”ทุกคนรีบลงจากบันไดทางซ้ายตามที่สึบาสะบอกแล้วให้สึบาสะนำทางเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายให้มากที่สุด
 
เมื่อทุกคนจะเปิดประตูอีกครั้งประตูกลับเปิดไม่ได้สึบากิจึงตัดสินใจแล้วพูดว่า
 
“ทุกคนหลบไป!”
 
ฮ่า! ปึง! เสียงประตูพังเมื่อสึบากิเตะทุกคนก็รีบหนีออกไปจนมาถึงกลางคฤหาสน์
 
กรี๊ดดด! เสียงของสึบากิดังลั่นเมื่อเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างจับขาเค้าเป็นผลให้เธอล้ม
 
“สึบากิ”โซระรีบวิ่งไปหาสึบากิอย่างรวดเร็วแล้วพยายามจะพยุงตัวขึ้นแต่ไม่เป็นนผล มีอะไนบางอย่างจับขาของสึบากิไว้แน่น
 
“คะ..คนๆนั้นจับขาของสึบากิเอาไว้”ไม่พูดเปล่าสึบาสะรีบวิ่งไปพร้อมหยิบมีดที่อยู่ในกระเป๋าออกมาพร้อมกับฟันบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งสามมองไม่เห็น
 
อ๊า! เสียง ร้องหนึ่งดังขึ้นข้างหลังสึบากิทำให้ทุกคนรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างจับขาสึบา กิแน่นอน เมื่อสึบากิตั้งหลักได้ทั้งสี่จึงรีบวิ่ง วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้วก็มีบางสิ่งยึดขาของสึบาสะไว้ เพราะสึบาสะมองเห็นทำให้รู้ว่าผู้ที่จับขาของเค้ากำลังแสยะยิ้ม
 
“ไม่! ปล่อยสึบาสะเดี๋ยวนี้นะ”สึบากิร้องขึ้นและพยายามวิ่งไปดึงมือของสึบาสะหวังจะหลุดออกมาได้
 
ฉึก! อ๊ากกก!! เสียงของอะไรบางอย่างที่พัดไปตรงสิ่งที่มองไม่เห็น ทันให้สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นร้องขึ้นด้วยความทรมาณ ก่อนที่ทั้งสี่จะเห็นเลือดจากผู้ที่มองไม่เห็นไหลเมื่อได้จังหวะทั้งสี่จึง ออกวิ่งอีกครั้ง จนถึงประหน้าบ้านก็เปิดออกให้พวกเขาทั้งสี่หนีทุกคนรีบวิ่งจนออกมาได้สำเร็จ
 
พะ..พวกแก ตึง! ตึง! เสียงบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งสามมองไม่เห็นดังขึ้นและพยายามเขย่าประตูเพื่อจะออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น
 
“มันเกิดอะไรขึ้น สึบาสะ”ทุกคนเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงหยุด แล้วหันมาถามสึบาสะ ตอนนี้ที่ใบหน้าของสึบาสะเปื้อนไปด้วยน้ำตาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า
 
“ฮึก ฮึก ทุกคนช่วยพวกเรา...ฮึก...เอาไว้..พวกรุ่นพี่ที่หายตัวไป....พวกคนงานก่อสร้างที่ตายเพราะอุบัติเหตุที่นี่...ช่วยพวกเราเอาไว้”ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่โชจะรับร่างของสึบาสะที่ตอนนี้สลบไปแล้ว
 
“พวกเรารอดแล้วซินะ เพราะพวกเค้าช่วยเรา”
 
วันต่อมา 6.00น.
 
ทั้งสี่คนหยุดไม่ได้ไปโรงเรียนแต่ ก็ไม่ได้นอนอยู่เฉยๆ สึบาสะเล่าเหตูการณ์ทุกอย่างให้ฟังพร้อมกับพ่อแม่ทั้งสามว่า
 
“ที่ทุกคนหายตัวไปเพราะทุกคนถูกเจ้าของคฤหาสน์ที่ตายไปฆ่าตายค่ะ ส่วนคนที่กลับมาได้คงเจอแบบเดียวกับพวกสึบาสะ ได้ วิญญาณดวงอื่นๆที่อยู่ที่นั่นช่วยไว้ แต่ก็ช็อค จนเสียสติอย่างที่ได้ยินแหละค่ะ ตอนที่เกิดไฟไหม้เป็นเพราะว่า เจ้าของคฤหาสน์เป็นคนเผาเพื่อสร้างเหตุการณ์อย่างที่ได้ยินมาค่ะ แต่วิญญาณที่อยู่ที่นั่นโกรธแค้นเจ้าของคฤหาสน์มากค่ะ เพราะคนๆนั้นไม่รู้อะไรเลย เค้าดูถูกและไม่เชื่อว่าวิญญาณมีอยู่จริง วิญญาณที่ถูกฝังอยู่ที่นั่น จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุเพื่อให้พวกเค้าหยุดก่อสร้างแต่พวกเค้าก็ไม่หยุด”
 
“แล้วซากศพหายไปไหนล่ะ แล้วสิ่งที่เธอเห็นตรงบันที่ฉันถามแล้วไม่พูดล่ะ”สึบากิถามขึ้นสึบาสะจึงตอบว่า
 
“ไหม้ไปกับไฟค่ะส่วนเศษซากที่เหลือคนๆนั้นก็ทำลายทิ้งไม่มีเหลือแล้วค่ะ ทุกคนจึงโกรธแค้นมาก แต่ที่ตอนนั้นสึบาสะไม่บอกเพราะกลัวมากค่ะ วิญญาณดวงนั้น เป็นวิญญาณอาฆาตค่ะ”สึบากิพยักหน้าอย่างเข้าใจสึบาสะจึงเล่าต่อว่า
 
“เมื่อสร้างคฤหาสน์เสร็จตอนตีสี่ของวันนั้นวิญญาณอาฆาตทั้งหลายจึงฆ่า เจ้าของคฤหาสน์ค่ะ ตอนแรกเสียงที่คนแถวนั้นได้ยินนั้น เป็นเสียงของเจ้าของคฤหาสน์ค่ะ  หลังจากนั้นใครที่เข้าไปในคฤหาสน์ก็จะถูกฆ่าคนที่รอดก็เป็นอย่างที่บอกค่ะ”พ่อ แม่ของทั้งสามตกใจในเรื่องที่ได้ยินแต่ก็ตั้งใจรับฟังสิ่งที่สึบาสะพูด พ่อแม่ของทั้งสามรู้ว่าสึบาสะไม่ใช่เด็กที่ชอพูดโกหก และพ่อแม่ของทั้งสามก็เคยได้ยินสึบาสะพูดกับอะไรที่เค้ามองไม่เห็นจึงเชื่อ แล้วแม่ของโชก็พูดขึ้นมา
 
“แล้วจะให้แม่ทำยังไงจ๊ะ”สึบาสะพยักหน้าแล้วพูดว่า
 
“รุ่นพี่ที่ตายที่นั่นบอกว่า ให้เผาคฤหาสน์นั้นทิ้ง แล้วให้พระมาสวดมนต์สี่บท แล้วสร้างหลุมศพในบริเวณนั้นสี่แห่งค่ะ แล้วก็ปลูกต้นไม้แถวนั้นอีกครั้ง วิญญาณทุกดวงอยากให้ที่นั่นกลับมาเป็นเหมือนเดิมค่ะ”พ่อแม่ทั้งสามพยักหน้ารับคำของสึบาสะแล้วสึบากิก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า
 
“แล้ววิญญาณ เจ้าของคฤหาสน์ล่ะ”
 
“สร้างศาลเล็กๆตรงกลางป่าให้มีลักษณะเป็นคฤหาสน์ให้เค้าอยู่ค่ะ แล้วเค้าจะไม่มายุ่งกับเราอีก”ทุกคนพยักหน้ารับคำของสึบาสะ
 
หลังจากนั้นทุกคนก็ทำตามที่สึบาสะพูด จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกที่นั่นเลย
 
“นี่สึบาสะที่นั่นเรียกว่าคฤหาสน์อะไรน่ะ เพราะพอสร้างเสร็จเจ้าของก็ตายเลยไม่รู้”ทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วยสึบาสะจึงพูดว่า
 
“คฤหาสน์ เลข 4 ค่ะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างวนเวียนอยู่ที่เลข4ค่ะ และเป็นเลขที่เจ้าของคฤหาสน์ชอบเป็นพิเศษด้วยค่ะ”
 
และนั่นคือที่มาของคฤหาสน์เลข 4
.........................................................

ขอขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ช่วยติดตามชมตอนต่อไปกันด้วยนะค่ะ
to be continued...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา