ไกลปืนเที่ยง
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคำพูดของคุณป้าร้านของชำทำเอามะปรางครุ่นคิดมาตลอดทางขณะที่เธอกำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ซาเล้งประจำตัวบรรทุกเอาเจ้าแกละกับเจ้าจุกนั่งซ้อนไปด้วยข้างๆ จนมาถึงต้นมะขามใหญ่ริมทุ่งซึ่งเป็นที่พักผ่อนประจำของทั้งสาม ตรงที่โคนต้นมีแคร่ไม้ไผ่เก่าๆที่ทั้งสามช่วยกันสร้างเพื่อเป็นที่สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งสามหยอกเย้าแหย่กันไปมาจนตกบ่ายมะปรางจึงเอนหลังนอนบนแคร่โดยมีลูกสมุนเล่นเตะต่อยกันอยู่รอบๆเธอ
"เบาๆหน่อยโว้ยไอ้แกละไอ้จุก คนจะงีบเสียหน่อย"
"พี่ก็งีบของพี่ไปสิ พวกผมจะเล่นอ่ะ" เจ้าจุกเถียง
"ก็ข้าจะหลับลงได้ไง พวกเอ็งมาเล่นรอบๆเนี่ยหนวกหูชะมัดเลยไปเล่นที่อื่นก่อนไป๊ ..... แต่อย่าไปไกลนักเดี๋ยวข้าเรียกไม่ได้ยิน"
"อ้าว .... เอาไงแน่เนี่ย พออยู่ก็ไล่พอหายไปก็คิดถึง ไม่เข้าใจวัยรุ่นจริงๆเลยพับผ่าสิ" เจ้าแกละทำแก่แดดใส่พลางเท้าสะเอว
"เดี๋ยวปั๊ด!!!" สาวสวยทำท่าลุกขึ้นจะถีบแต่เจ้าแกละคุมเชิงอยู่แล้วหลบแผลวไปอีกตามเคย
"ไปๆ .... พวกเอ็งไปเล่นทางโน้น ข้าจะงีบสักพัก อย่าไปไกลล่ะ"
"คร้าบบบโผมมมม" ทั้งสองรับคำแล้วไปวิ่งเล่นอยู่กลางทุ่งซึ่งก็ไม่ห่างไกลจากโคนต้นมะขามที่มะปรางนอนอยู่นัก สายลมเอื่อยๆพัดเย็นชื่นใจ เสียงใบมะขามไหวเอนลู่ไปตามสายลมยามบ่าย เสียงนกร้อง 3 - 4 ตัวใกล้ๆเธอ นอกนั้นก็เป็นเสียงของไอ้แกละกับไอ้จุกกำลังเล่นด่าชื่อพ่อชื่อแม่กัน เธอแอบฟังแล้วอดขำและอมยิ้มไม่ได้ในความจะเอาชนะของเด็กๆ มะปรางเอนหลังลงบนแคร่เอามือรองศรีษะหยิบหมวกสานใบเก่าขาดๆมาคลุมหน้าปิดไว้พลางคิดถึงเรื่องที่คุยกับคุณป้าร้านขายของชำ ทำไมเธอจะไม่อยากไปจากที่นี่เหมือนกับทุกๆคนเล่า แต่เธอนั้นมีพ่อแก่ๆที่ต้องดูแล พี่สาวก็แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว พี่ชายก็แต่งงานด้วยอีกคน เหลือเพียงแค่เธอที่ต้องคอยดูแลพ่อซึ่งแม่ก็ตายจากไปเมื่อหลายปีก่อน เธอเคยทะเลาะกับพ่อเรื่องที่พ่ออยากให้เธอย้ายไปอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพเพื่อที่จะหางานทำหรือเรียนเป็นช่างตัดเสื้อที่โน่น แต่เธอไม่อยากทิ้งพ่อไปเพราะพี่ทั้งสองตั้งแต่แต่งงานไปแล้วก็ไม่เคยกลับมาดูแลพ่อเลย มีพี่สาวที่ส่งเงินมาเป็นรายเดือนพอให้ใช้จ่ายช่วงแรก หลังๆก็ไม่ส่งมาเลยเพราะช่วงนี้ครอบครัวของพี่ต้องใช้เงินซื้อบ้านทุกอย่างต้องประหยัด ส่วนพี่ชายทางเมียก็กำลังท้องต้องใช้เงินทำคลอด ทุกวันนี้เธอก็ช่วยพ่อขายกาแฟ โอเลี้ยง ปาท่องโก๋ เพื่อจุนเจือรายได้ครอบครัวไปวันหนึ่งๆส่วนเรื่องที่ย้ายไปอยู่กับพี่สาวนั้นคงเป็นไปไม่ได้เพราะพี่สาวของเธอกำลังต้องใช้เงินไม่อยากไปอยู่เป็นภาระให้กับพี่ทั้งสอง เธอจึงเลือกอยู่เพื่อดูแลพ่อที่ชราของเธอไปเรื่อยๆ เธอทำใจไว้แล้วว่าอย่างไรเสียอนาคตของเธอคงจะอยู่ที่โคกอีแร้งนี่จนวันตายแน่นอน หญิงสาวคิดถึงเรื่องตัวเองเรื่อยเปื่อยแล้วจึงม่อยหลับไป
บรื่น.....บรื่น...บรื่น....ตุบๆๆๆบรื่นๆๆๆ .... ปัง...ปัง...เอี๊ยดดดด "ลงเลยเพ่ลงเลย.....ยางแตกแล้วเพ่....รถไปไม่ได้แล้วเพ่ลงเลยๆ"
"อ้าวน้อง .... แล้วนี่ถึงหมู่บ้านโคกอีแร้งแล้วยังอ่ะ"
"นี่แหละเพ่....."โคกอีแร้ง" แต่รถมันยางแตกอ่ะจอดไม่ถึงป้าย พี่ถามชาวบ้านแถวนี้ดูละกันว่าทางเข้าหมู่บ้านไปทางไหน แต่นี่ถึงตำบลโคกอีแร้งแล้ว หมู่บ้านก็ใกล้ๆนี่แหละ"
"แล้วกลางทุ่งแบบนี้พี่จะถามใครอ่ะน้อง มีแต่วัวกะควายพี่คุยไม่รู้เรื่องหรอก"
"อ้าว .... แล้วมันปัญหาของผมไหมอ่ะพี่ ผมส่งพี่ได้แค่นี้จริงๆ ต้องไปแล้วเดี๋ยวต้องเอารถไปซ่อมอีก บ๊ายบายโชคดีนะพี่ ยาวเลยๆ" เด็กรถสองแถวพูดกับชายหนุ่มจบก็หันไปให้สัญญาณคนขับออกรถ เมื่อรถไปแล้วทิ้งแต่ฝุ่นควันตลบที่ถนนแดงไว้ด้านหลังพร้อมกับชายหนุ่มที่มีสัมภาระพะรุงพะรัง และคำสบถผรุสวาส ออกจากปากชายหนุ่มตามมา เมื่อไม่เห็นใครที่ไหนรอบตัวนอกจากที่นาและวัวควายชายหนุ่มรู้สึกท้อใจ ก่อนอื่นเขาต้องหาที่พักเหนื่อยเสียก่อนแล้วค่อยคิดหาทางต่อไป ว่าแล้วก็เห็นต้นมะขามใหญ่อยู่ลิบๆจึงแข็งใจเดินไปทางนั้น หวังใจจะอาศัยร่มมะขามเป็นที่พักกาย ยิ่งเดินใกล้ยิ่งเห็นต้นมะขามชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรถมอเตอร์ไซค์ซาเล้งจอดอยู่เสียด้วย ค่อยใจชื้นขึ้นเป็นกอง คิดว่าจะลองขอเจ้าของรถติดไปหมู่บ้านด้วยเสียเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ