RAUSANNE แทนใจรักในใจเธอ

9.3

เขียนโดย signorina

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.37 น.

  25 ตอน
  0 วิจารณ์
  25.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) แรกพบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

5

~ แรกพบ ~

 

            เช้าวันต่อมา

 

            “แม่คะ วันนี้ เอ่อ ไม่ใช่สิ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูตั้งใจว่าจะนั่งรถประจำทางไปเรียนค่ะ” แอลลิเซ่นบอก

            แอนนาหันมามองหน้าลูกสาว ขณะที่มือยังคงปรุงซุปข้าวโพดในหม้อที่อยู่ตรงหน้า เธอเพิ่งจะได้มองเต็มตาว่า ลูกสาวตัวน้อยของเธอโตเป็นสาวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

            แอลลิเซ่นแต่งตัวสบายๆ ตามสไตล์ของเธอ เธอติดปอยผมข้างหน้าทั้งสองข้างด้วยกิ๊บสีดำแบบไม่มีลวดลาย แล้วปล่อยผมยาวสยายไปข้างหลัง เธอสวมเสื้อคอเต่าสีชมพูอ่อนแล้วทับด้วยสเวตเตอร์สีน้ำตาลช็อกโกแลต สีเดียวกับผมของเธอ และกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มตัวเก่ง

            ช่างเรียบง่ายเหลือเกิน แอนนาคิด

            แล้วเธอก็หันกลับไปปรุงซุปข้าวโพดต่อ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

            “อ้าว ทำไมล่ะ”

            “เปล่านี่คะ ก็แค่… หนูอยากทำในแบบเดิมๆ ที่หนูเคยทำ” เธอยักไหล่ เป็นทำนองว่า ไม่เห็นจะแปลก

 

            หลังจากที่พ่อของเธอจากไป แอลลิเซ่นก็อาศัยการนั่งรถประจำทางไปเรียน แอนนารับปากจะไปรับส่งเธอที่โรงเรียนทุกวัน แต่เธอก็ยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง ด้วยเหตุผลที่ว่า สำนักงานที่แอนนาทำงานอยู่นั้น เป็นคนละทางกับทางที่ไปยังโรงเรียนของเธอ เธอไม่อยากให้แม่ของเธอต้องเสียเวลาขับรถอ้อมไปอ้อมมา จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วแอนนาตั้งใจจะซื้อรถให้แอลลิเซ่นไว้ใช้เป็นของตัวเอง เธอก็ยังยืนกรานปฏิเสธอีกตามเคย

            แอนนา อนุมานได้ว่าลูกสาวของเธอต้องการใช้ชีวิตในแบบที่เรียบง่ายและพึ่งพาตนเอง… เหมือนพ่อของเธอ

            “ก็แล้วแต่ลูกสิจ้ะ”

            “ขอบคุณค่ะ” เธอโน้มตัวไปจุ๊บที่แก้มแอนนาเบาๆ แอนนายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

            “อ้อ แล้วลูกบอกกับแคทเขาแล้วหรอ”

            “ยังค่ะ”

            อีกอึดใจต่อมา แคทธรินก็เดินลงมายังห้องนั่งเล่น โคลกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ เธอเดินไปหอมแก้มโคลหนึ่งที แล้วจึงพูดขึ้น

            “อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อ”

            โคลแหงนหน้าขึ้นมา ยิ้มให้เธอ และพยักหน้า

            เธอพูดต่อ “อื้มม หอมจัง เมนูประจำวันนี้ คือ….”

            เธอชะเง้อมองไปที่โต๊ะอาหารแล้วครางออกมา “ว้าว ดีจัง”

            “อะไรจ้ะ แคท” แอนนาเดินมา วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ

            “ก็ ดีที่มีแม่ครัวรู้ใจไงคะ อิอิ”

            “จ้าา… โคลคะ มาทานอาหารกันได้แล้วค่ะ” แอนนาเอ่ย

             แอลลิเซ่น กำลังจะบอกแคทธรินเรื่องที่เธอจะนั่งรถประจำทางไปเรียน แล้วเธอก็ตัดสินใจระงับไว้ก่อน อย่างน้อยก็ค่อยบอกหลังจากทานอาหารเสร็จละกัน เธอคิด

 

            หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว แคทธรินลุกขึ้น เดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็ก แล้วหันกลับมายังแอลลิเซ่น แล้วพูดขึ้นว่า

            “อ้อ แอลลี่ วันนี้หลังเลิกเรียนฉันต้องเข้าประชุมสภานักเรียนอีกแล้วหละ แล้วหลังจากนั้นคงต้องอยู่ซ้อมเชียร์ด้วย เธอจะว่าอะไรมั้ยถ้า….”

            แอลลิเซ่นสบโอกาสรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที

            “อื้ม ไม่เป็นไรเลยแคท ฉันกำลังจะบอกเธอว่าฉันจะนั่งรถประจำทางไปเรียนเองจ้ะ ไม่ต้องห่วง สบายอยู่แล้ว” แอลลิเซ่นทำท่าผายมือ ยิ้ม

            “อ้อ แย่จัง ต้องขอโทษเธอด้วยนะที่ทำให้ลำบาก”

            “แอลลี่นะ เค้าเซียนเรื่องรถประจำทางไปแล้วล่ะจ้ะแคท อย่าห่วงเลย” แอนนาช่วยสมทบอีกแรง

            แคทธรินยิ้มน้อยๆ แล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปยังรถของเธอ ก่อนจะเอ่ย

            “อ๋อ ก็ได้ ตามนั้นเลย งั้นหนูขอตัวนะคะ”

            แอลลิเซ่น หันมามองมารดา แอนนาขยิบตาขวาให้หนึ่งที เธอยิ้มซุกซน

 

 

            ทันทีที่ไปถึงป้ายรอรถประจำทางบนถนนกรีนสตรีท แอลลิเซ่นหยิบสมุดเล่มเล็กซึ่งเป็นข้อมูลทั่วไปที่โรงเรียนให้มาเมื่อวันแรก เธอสำรวจดูรถประจำทางที่จะผ่านไปโรงเรียนมัธยมเซนต์ฮาโมนี่... อืม เจอแล้ว

            ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา รถประจำทางตามเป้าหมายก็มาจอดตรงหน้าเธอพอดี เธอขึ้นไปแล้วก็พบว่า ไม่มีที่นั่งว่างเหลืออยู่เลย เอาเถอะ โรงเรียนก็คงอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มากนัก เธอคิด

            เมื่อรถแล่นไปได้สักระยะหนึ่ง แอลลิเซ่นพบว่า บนรถมีผู้โดยสารยืนอยู่เต็มพื้นที่แล้ว เธอหยิบหูฟังเครื่องเล่นเพลงขึ้นมาเสียบหูฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์ และแล้วก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น แอลลิเซ่นสะดุ้งสุดตัว เมื่อรู้สึกว่ามีมือมือหนึ่งกำลังลูบไล้ไปมาที่สะโพกของเธอ

 

            เธอหันหลังไปมอง แต่สิ่งที่เห็นคือชายหนุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเธอ เขาทำสีหน้าราบเรียบเป็นปกติ ออกจะเย็นชาเกินไปด้วยซ้ำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์แล้วหันกลับมา พยายามเบี่ยงตัวออกไปให้มากที่สุด แต่ก็ไม่มากพอเพราะมีผู้โดยสารยืนกันอยู่เต็มพื้นที่

            เงียบงันกันไปชั่วครู่ และแล้วเหตุการณ์เดิมก็หวนกลับมาอีก ชายหนุ่มผู้ไม่สมประกอบยังพยายามที่จะสัมผัสเธอ แต่คราวนี้เธอจะไม่ยอมอีกต่อไป ความโกรธแผ่ซ่านขึ้นมาเป็นระลอกๆ แอลลิเซ่นระเบิดออกมา

            “นี่คุณ อย่ามายุ่งกับก้นของฉันนะ” เธอตะโกนเสียงดังลั่น จนตัวเองยังแปลกใจ

            “………...” ชายหนุ่มผู้ไม่สมประกอบทำสีหน้าไม่รู้ไม่เห็น ขมวดคิ้วเชิงตำหนิ แล้วส่ายหน้าเบาๆ

            บรรยากาศโดยรอบเป็นไปด้วยความเงียบงัน

            แอลลิเซ่นหันกลับไป กลอกตาไปมา แล้วผ่อนลมหายใจแรง

 

            อีกครู่ต่อมา เธอหลงคิดไปว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว แต่จากทางหางตาเธอเห็นชายหนุ่มผู้ไม่สมประกอบคนเดิมกำลังเอื้อมมือมาอีกครั้ง

 

            เอาหละ คราวนี้เป็นไงเป็นกัน เธอคิด

 

            ขณะที่เธอจะหันหน้าไปหาเรื่องอย่างเต็มรูปแบบ จู่ๆ ก็กลายเป็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งโผล่พรวดมาจากมุมไหน เธอเองก็ไม่แน่ใจ เขาเข้ามายืนชิดอยู่ข้างหลังเธอ แทรกกลางระหว่างเธอกับชายหนุ่มผู้ไม่สมประกอบแล้วตอนนี้ แอลลิเซ่นอยากหันหน้าไปมองแต่ด้วยความที่บนรถแน่นขนัด เธอจึงล้มเลิกความคิดนั้น

            เธอสังเกตจากทางหางตา มือซ้ายของเขายังคงจับห่วงเพื่อทรงตัว แขนแกว่งไปแกว่งมาตามการเคลื่อนไหวของรถ ให้ตายสิ ผู้ชายที่ไหนกันมีนิ้วเรียวสวยขนาดนั้น เธอคิด

            แอลลิเซ่นพบว่า ชายคนนี้เป็นคนร่างสูงกว่าเธอมากทีเดียว ทุกครั้งที่มีการขยับตัว คางของเขาก็จะกระทบกับศีรษะของเธอพอดี

 

            และแล้วเมื่อรถหยุดที่ป้ายประจำทางหน้าโรงเรียนเฮกซ์เตอร์ ชายคนนี้ก็แทรกกายลงจากรถไปพร้อมเพื่อนของเขา แอลลิเซ่นอ้าปากค้างอยู่ครึ่งวินาที แล้วหุบลงตามเดิม เธอยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาอย่างชัดเจนเลย ไม่ทันได้ขอบคุณด้วยซ้ำ เธอคิด

            รถประจำทางวิ่งมาหยุดอยู่ที่ป้ายหน้าโรงเรียนมัธยมเซนต์ฮาโมนี่แล้วตอนนี้ แอลลิเซ่นก้าวลงจากรถ เดินไปตามทางที่นักเรียนกลุ่มใหญ่เดินกันไป เธอเดินตรงไปที่ล็อกเกอร์ของตัวเอง เก็บของที่ไม่จำเป็นไว้ในนั้น หยิบแผนที่ห้องเรียนขึ้นมาดู อืม ชั่วโมงวิชาภาษาฝรั่งเศส วิชาชีววิทยา…

            แอลลิเซ่น สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อมีมือๆ หนึ่งแตะที่ไหล่เธอและมีเสียงกระซิบที่หูของเธอว่า

            “บองชูวร์ ” มี นั่นเอง

            เธอยิ้ม “เฮ้ มี เธอนั่นเอง ครั้งที่แล้…”

            มี ท้วงขึ้นก่อนที่แอลลิเซ่น จะพูดจบ

            “อือฮึ ฉันรู้แล้วหละ คือตอนนั้นฉันมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ ฉันคำนวณตารางเรียนแล้ว ตัดสินใจว่าการโดดเรียนชั่วโมงภาษาอังกฤษของมิสเตอร์เฟลเป็นความคิดที่ดีที่สุด”

            แอลลิเซ่นยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มว่ารู้ทัน แล้วพูดต่อ

            “แล้ววันนี้….”

            “อืม ใช่แล้ว เท่าที่ฉันดูตารางของเราทั้งสองคน เรามีวิชาที่เรียนตรงกันตั้งสามวิชาแน่ะ รวมถึงเช้านี้ ชั่วโมงวิชาภาษาฝรั่งเศส ไปกันเล้ย ! ”

            แอลลิเซ่นหัวเราะกับท่าทางสนุกสนานของมี แล้วทั้งสองก็เดินกันไป

    

             ที่ลานกว้างของสนามฟุตบอลบริเวณโรงเรียนเฮกซ์เตอร์

            โรวว์แซนกับแมคซ์กำลังเดินลัดสนามมุ่งหน้าไปยังสนามบาสเก็ตบอล แล้วแมคซ์ก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

            “โรวว์”

            “หืมม”

            “เมื่อเช้า... จู่ๆ ฉันก็เห็นนายพุ่งพรวดเข้าไปยืนอยู่ข้างหลังเด็กสาวคนหนึ่ง ทำไมวะ นายนึกอยากจะจีบสาวขึ้นมาซะงั้นหรอ ฮ่ะๆๆ ”

            โรวว์แซนยิ้ม ส่ายหน้า แล้วใช้ศอกถองชายโครงเพื่อนรักเบาๆ

            “จีบสาวบนรถประจำทางที่มีคนยืนเบียดกันอยู่เนี่ยนะ” เขาหัวเราะหึๆ

            แมคซ์ผายมือพร้อมทำท่ายักไหล่ แทนคำพูด ก็ไม่แน่ !

            “ก็ฉันเห็นผู้ชายสวมสูทผูกไท ยืนยิ้มระรื่นอยู่ข้างหลังเธอ และกำลังจะ แบบว่า เอ่อ”

            เขายักไหล่หนึ่งทีแล้วเอ่ยต่อ    “จับก้นเธอนะ”

            “โอ้ว นายเป็นชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตนั่นเอง แต่... เฮ้ย ผู้ชายสวมสูทผูกไทเนี่ยนะ”

            “อือฮึ”

            “โอ้ะโอ น่าสงสารสาวน้อยคนนั้นจริงๆ ” แมคซ์ทำหน้าตาล้อเลียน แต่ยังเสริมต่อ

            “เอ้ะ แล้วนายไม่คิดจะถามเธอก่อนรึไง ว่าเธออยากให้นายทำอย่างนั้นรึเปล่า บางทีเธออาจจะชอบ แบบว่า…” แมคซ์ทำท่ายื่นมือออกไปกลางอากาศ แล้วหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้โรวว์แซน

            “ก็ถ้าเธอชอบ เธอคงไม่หัวเสียขนาดตะโกนต่อว่าชายคนนั้นซะดังลั่นหรอก”

            “เฮ้ เฮ้ เดี๋ยวก่อนพวก นี่อย่าบอกนะว่านายมองเธออยู่ตั้งนานแล้ว”

            “……..”โรวว์แซนส่ายหน้า ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร

            “เฮ้ พวก ไม่เอาน่า นายไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า” แมคซ์แปลกใจ

            “ทำไม ฉันเป็นผู้ชาย ผู้ชายก็ต้องมองผู้หญิงสิ หรือนายจะให้ฉันมองผู้ชายด้วยกัน ฮ้า ! ”

            แมคซ์ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นเชิงสำรวจเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า แล้วบทสนทนาก็จบลงเพียงเท่านั้น

 

            โรวว์แซน ร่วมซ้อมบาสเก็ตบอลกับทีมของโรงเรียนด้วยบ่อยๆ เขาเล่นได้ดีมาก แต่เมื่อไหร่ที่โค้ชเอ่ยชวนให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างจริงจัง เขาก็ยืนกรานปฏิเสธทุกครั้งไป เขายังเป็นสมาชิกของชมรมว่ายน้ำ ไม่ว่าจะว่ายน้ำได้เก่งหรือทำสถิติได้ดีเพียงใด เมื่อมีการทาบทามให้เป็นตัวจริงขึ้นมา แน่นอนว่า เขาก็ปฏิเสธอีกตามเคย

            ขณะที่เขาผละออกมานั่งพักที่ขอบสนาม ดูการเล่นของทีมไป แล้วความคิดก็หวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เขายิ้มน้อยๆ…

            หญิงสาวหน้าตาธรรมดาๆ เดินขึ้นมาบนรถอย่างลังเล มองซ้ายทีขวาทีราวกับว่านี่เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอ เธอใช้มือลูบผมสีน้ำตาลช็อคโกแลต ยืนในท่าเก้ๆ กังๆ อยู่ซักพัก แล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบหู ที่เครื่องเล่นมีพวงกุญแจตัวจิ๋วห้อยอยู่ เป็นตัวอักษร L และเขายังจำได้ ตอนที่เธอสะดุ้งเมื่อมีมือของชายสวมสูทผูกไทคนนั้นสัมผัสโดนตัวเธอ            

            อืม ในเมืองใหญ่ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เขาคิด

            สีหน้าของเธอจ้องเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย โรวว์แซนขำเล็กน้อยเมื่อนึกถึงมุมนี้ แล้วเธอก็หันกลับไป แต่แล้วเมื่อเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ยอม เธอหันกลับมาจ้องอาฆาตชายสวมสูท แล้วพูดว่า นี่คุณ อย่ามายุ่งกับก้นของฉันนะ ตอนนั้นโรวว์แซนถึงกับรีบเอามือปิดปาก สำลักเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แมคซ์ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขา ทำหน้าแปลกใจและสับสน

            เขายังคงยืนมองปฏิกิริยาของเธออยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเริ่มมองเห็นว่าชายสวมสูทผูกไทยังไม่ลดละความพยายามที่จะสัมผัสเธอ เขาขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว ขณะที่ชายสวมสูทยื่นมือออกไปอย่างช้าๆ เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วแทรกกายผ่านผู้โดยสารสองสามคนไปยืนเบียดอยู่ตรงนั้น

            ใช่แล้ว ตรงนั้น ข้างหลังเธอ

            เขารู้สึกได้ว่า เธอมีอาการสั่นเทา ซึ่งอาจจะมาจากความโกรธในตัวชายสวมสูทที่ทำกิริยาหยาบคายต่อเธอเมื่อครู่ โรวว์แซนพยายามเบี่ยงตัวเพื่อไม่ให้เบียดชิดเธอจนเกินไป เขายิ้ม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพยายามที่จะหันหลังมามองแต่เธอทำไม่ได้     เธอผ่อนลมหายใจยาว

            หืม เป็นอาการโล่งอกหรือลำบากใจมากกว่าเดิมนะ เขาคิด

            ทุกครั้งที่มีการขยับตัว คางของเขาก็จะกระทบเบาๆ กับศีรษะของเธอพอดี เขาสูดลมหายใจเข้า พบว่าเส้นผมของเธอมีกลิ่นหอมกรุ่นเหมือนผลไม้ชนิดหนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าเป็นกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่หรือเชอร์รี่ แต่เป็นกลิ่นที่หอมหวาน อบอวลอยู่ตรงหน้าเขา เขาสงสัยว่าคนที่ยืนรอบๆ ตัวเธอจะได้กลิ่นหอมนี้กันบ้างไหม

            เขายังคงยืนอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งรถหยุดจอดที่ป้ายโรงเรียนเฮกซ์เตอร์ แมคซ์ขยับตัวมาสะกิดเขาที่ไหล่ เขาพยักหน้า แทรกผ่านตัวเธอ แล้วทั้งสองก็ก้าวเท้าลงจากรถไป

 

            เขารวบรวมสติให้กลับมายังสนามบาสตรงหน้า ทีมบาสต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศทางแล้วตอนนี้ แมคซ์เดินตรงมาหาเขา เขาโยนน้ำเปล่าให้ขวดหนึ่ง แล้วเอ่ย

            “ไปกันเถอะ ฉันว่าจะไปหาคุณปู่ด้วยนะวันนี้ คงต้องทำข้อตกลงร่วมกันใหม่ในบางประเด็น”

            แมคซ์พยักหน้า ก่อนที่โรวว์แซนจะทันได้ลุกขึ้นยืน เขาก็กางฝ่ามือยื่นออกมาขวาง

            “เดี๋ยวๆ ”

            “ทำไมหรือ” โรวว์แซนขมวดคิ้ว

            “เมื่อกี้ฉันคุ้นๆ ว่า เห็นนายยิ้มค้างกลางอากาศ ยิ้มหวานซะด้วยสิ” แมคซ์ทำท่ากอดอก รอฟังคำตอบ

            โรวว์แซนลังเล “ก็ คิดอะไรเพลินๆ นะ” เขายิ้มมุมปาก

            “โอเคๆ  ฉันยอมแพ้แล้ว ไอ้คนมีโลกส่วนตัวสูง”

            โรวว์แซนหัวเราะชอบใจ “แน่นอน”

            “เสียใจด้วย ฉันคิดว่าฉันรู้ทันนายหว่ะพวก”

            โรวว์แซนหันมายักคิ้วขึ้น แมคซ์ไม่พูดอะไร แต่ทำท่าเดินกอดอกอย่างสบายใจแบบคนรู้ทัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา