RAUSANNE แทนใจรักในใจเธอ

9.3

เขียนโดย signorina

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.37 น.

  25 ตอน
  0 วิจารณ์
  25.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เพียงคำขอบคุณ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

6

~ เพียงคำขอบคุณ ~

 

            ป้ายรอรถประจำทางถนนกรีนสตรีท

 

            เช้าวันนี้ อากาศอบอุ่นกว่าเมื่อวาน แอลลิเซ่นรวบผมของเธอให้เฉียงมาทางขวาแล้วปล่อยให้เส้นผมสยายมาทางด้านหน้า เธอเลือกสวมเสื้อยืดแขนยาวสีแดงอิฐ มีผ้าพันคอสีขาวลายจุดสีดำ กางเกงยีนส์สีดำและรองเท้าผ้าใบ

            วันนี้เธอตั้งใจว่า ถ้าหากได้พบกับชายหนุ่มคนที่ช่วยเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของชายผู้ไม่สมประกอบเมื่อวานนี้ เธอจะกล่าวขอบคุณเขา เธอยิ้มขำเมื่อนึกถึงฉาก ดราม่าเมื่อคืนนี้ เมื่อเธอได้เล่าให้แอนนาฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถประจำทาง…

 

            “เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้เองค่ะแม่”

            แอลลิเซ่นมองหน้ามารดา แล้วเริ่มรู้สึกว่า เธอไม่น่าเล่าออกมาเลย

            แอนนาเบิกตาโพลง ส่ายศีรษะ

            “โอ้ พระเจ้า โอ้ พระเจ้า โอ้ พระเจ้า”

            “ครั้งเดียวพระเจ้าก็ได้ยินแล้วค่ะแม่”

            “นี่แอลลิเซ่น ลูกจำหน้ามันได้รึเปล่า เราต้องเอามันเข้าคุกเสียให้เข็ด คนพวกนี้เลวทรามจริงๆ ทำได้แม้แต่กับเด็กอายุเท่านี้”

            “แม่คะ หนูอายุ 18 ปีแล้วค่ะ ไม่ใช่ 7 ขวบ” เธอท้วงขึ้น

            “ก็นั่นแหละ แม่ไม่ยอมให้มันคนนั้นลอยนวลแน่ๆ ”

            “ลืมๆ ไปเถอะค่ะแม่ หนูคิดว่าคงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้วหละ”

            โคลผละสายตาจากรายการโทรทัศน์ตรงหน้า แล้วหันมาพูดบ้าง

            “อืม ลุงเองก็ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลยนะ นายอำเภอบอกว่าเมื่อวานมีงานเทศกาลอาหารประจำเมือง คนก็เลยแห่เข้าเมืองมาร่วมงานกันนะสิ”

            “เอ่อ แล้วเขาจะมีงานนี้ไปอีกกี่วันคะ”

            แอนนายังคงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์

            “วันนี้น่าจะเป็นวันสุดท้ายนะ”

            อืม เยี่ยม เธอคิด

            “นี่นะ แอลลี่ แม่ว่าลูกน่าจะไปเรียนพวกศิลปะป้องกันตัวเอาไว้ก็ดีนะ จะเป็น   เทควันโดหรืออะไรก็ช่างเถอะ เผื่อว่า…….”

            แอลลิเซ่นสะกดใจไม่กลอกตา

            “…แม่คะ ได้โปรดเถอะ” เธอท้วงขึ้นก่อนที่แอนนาจะพูดจบ

            แอนนาถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นของลูกสาว

 

            รถประจำทางมาถึงแล้ว แอลลิเซ่นก้าวขึ้นไปด้วยความมั่นใจ ผู้โดยสารบนรถยังคงแน่นขนัด ยืนเบียดเสียดกันอยู่เหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้เธอพยายามแทรกตัวเข้าไปยืนในมุมที่มีแต่ผู้หญิงยืนกัน เมื่อจัดระเบียบท่าทางให้เข้าที่แล้ว เธอไม่ลืมว่า วันนี้มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการ

            เธอกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาชายหนุ่มร่างสูง ผมสีบลอนด์ ผิวขาว สะพายเป้สีดำที่มีตัวอักษรปักคำว่า KNOCK  เอ่อ… ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดที่เธอจำได้ตอนที่เขาก้าวลงจากรถแล้วเดินไป

            เธอกวาดสายตาไปทางซ้ายที ขวาที

            ให้ตายสิ คนแน่นแบบนี้ มองไม่ถนัดเลย... เธออุทานในใจ

 

            รถแล่นไปได้ครู่ใหญ่ เธอคิดว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีคงจะถึงป้ายหน้าโรงเรียน เธอพยายามมองหาชายคนนั้นอีกครั้ง แวบหนึ่ง เธอรู้สึกว่านัยน์ตาสีเขียวล้ำลึกสบกับนัยน์ตาเธอเข้าพอดี เธอหันกลับมาทันที เพื่อตั้งสติ

            แอลลิเซ่นหันกลับไปอีกครั้งตรงมุมนั้นทางขวามือ ใช่แล้ว ผู้ชายคนนั้น

            เธอมั่นใจว่าต้องเป็นเขา ร่างสูง ผมบลอนด์ ผิวขาว สะพายเป้ใบเดิม

            แน่นอน เป็นเขาแน่ๆ เธอคิด

            แอลลิเซ่นตั้งใจจะยิ้มให้เขาเป็นการทักทายตามมารยาท แต่เธอก็ต้องยกเลิกความคิดนั้นออกไปทันที เขายืนในท่าทางสบายๆ มือทั้งสองข้างซุกเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หน้าตาที่ราบเรียบไร้อารมณ์และท่าทางของเขา แลดูเป็นคนถือตัว เย่อหยิ่งอย่างบอกไม่ถูก เธอคิด

            ที่สำคัญ เขาไม่ได้หันหน้ามาทางที่เธอยืนอยู่เลยแม้แต่น้อย

 

            แอลลิเซ่นกำลังสับสน เธอเข้าใจถูกหรือเปล่าว่าชายคนนี้เป็นคนที่ตั้งใจช่วยเธอเมื่อวานนี้  หรือว่าเขาแค่บังเอิญย้ายตำแหน่งมายืนตรงจุดนั้นพอดี เธอวิเคราะห์

            ขณะที่รถกำลังเตรียมจอดที่ป้ายโรงเรียนเฮกซ์เตอร์ แอลลิเซ่นตัดสินใจทำบางอย่างทันที ก่อนที่เธอจะไม่มีโอกาส

            โรวว์แซน ก้าวลงจากรถแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน เขายังขำอยู่นิดหน่อยเรื่องสาวน้อยคนนั้น

            สาวน้อยของชายผู้สวมสูทผูกไท… เขายิ้ม

 

            โรวว์แซน มองเธอตั้งแต่ที่เธอเริ่มก้าวขึ้นมาบนรถ แล้วไปยืนแทรกตัวอยู่ท่ามกลางผู้โดยสารหญิง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ ใจหนึ่งเขากำลังคิดว่าเธอมองหาชายผู้สวมสูทผูกไท เขาขมวดคิ้ว ยิ้มขำออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ฟังดูคุ้นหู แทรกขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของเขา

 

            “เฮ้ โรวว์ ว่าไงพวก นี่นายกลับมาทำตัวแปลกประหลาดอีกแล้วนะ ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยหว่ะ”

            อืม... ไมค์ ลูกชายตัวแสบของนายกเทศมนตรี เขานั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถออดี้สีเหลืองสด ไมค์มักจะมองว่า การที่โรวว์แซนนั่งรถประจำทาง แทนที่จะขับปอร์เช่นั่งสบายๆ มาเรียนนั้น เป็นการทำตัวแปลกประหลาด ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เขาก็รู้ดีว่า ไมค์มองผิดถนัด !

            “อือฮึ นายหล่ะเป็นไง... เฮ้ รถสีสวยดีนี่” เขาตอบกลับ

            “ช่ายยย พวก... ฉันรู้ มันเจ๋งมาก อ้อ เย็นนี้ฉันว่าจะไปขี่ม้าที่คอกม้าบ้านนายหว่ะพวก”                     
            “อ้อ ไปสิ เดือนที่แล้วปู่ของฉันเพิ่งได้ม้ารางวัลชนะเลิศมาไว้ที่คอก นายน่าจะได้ลองดูสักตั้ง”

            “เจ๋งไปเลย งั้นเย็นนี้ฉันจะรอกลับพร้อมนายนะพวก ไปละ”

            แล้วออดี้สีเหลืองสดก็ทะยานไปข้างหน้า หายวับไป ก่อนที่โรวว์แซนจะทันได้ท้วงประเด็นใดๆ ต่อ

 

 

            ชั่วโมงแล็บวิชาชีววิทยา

            โรวว์แซน เข้ามานั่งประจำที่โต๊ะตัวเดิมของเขา

            เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ เลื่อนกระเป๋าไปทางขวามือแล้วสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ที่กระเป๋าของเขามีกระดาษแผ่นเล็กสีเขียวติดอยู่ เขาขมวดคิ้วสงสัยพลางยิ้มบางๆ แล้วดึงมันออกมา อ่านข้อความบนกระดาษ

          ขอบคุณที่ช่วยฉัน เมื่อวานนี้ !!

 

            เขาขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มกว้างขึ้นแล้วตอนนี้

            โรวว์แซนเข้าใจแล้ว เมื่อเช้าบนรถประจำทางสาวน้อยของชายผู้สวมสูทผูกไท มองหาเขาต่างหากหล่ะ เขาคิด

            “ไง” เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา

            โรวว์แซนซุกมือเข้ากระเป๋ากางเกง

            “ไง” เขาเอ่ยตอบ รอยยิ้มยังคงอยู่

            เธอกลอกตา

            “ไง คำเดียวเนี่ยนะ” เธอท้วง

            เขายักไหล่ ทำนองว่าใช่

            “คุณหายเงียบไปเลย แบบ… จู่ๆ ก็หายไปอะ”

            เขาฝืนยิ้มให้เธอ “เปล่า ผมไม่ได้หายไปไหนนี่”

            “คุณเป็นอะไรไป” เธอถาม

            “ผมสบายดี”

            เธอกลอกตาอีกครั้ง ถอนหายใจ

            เธอเอ่ยเสียงหวาน อย่างใจเย็น “คุณก็รู้ ฉันไม่ได้หมายความถึงเรื่องนั้น ฉันหมายถึง ทำไมคุณหายไปเสียเฉยๆ ไม่โทรหา ไม่…….” เธอหยุดกลางคัน แล้วพูดต่อ

            “โอเค ถ้าคุณยังไม่หายโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเทอมที่แล้ว ฉันมีเวลาเหลือเฟือรอให้คุณหายโกรธ”

            เขาหันมา สีหน้าประหลาดใจ “ที่จริงแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ผมยังคงเป็นผม คุณก็เป็นตัวคุณเองอยู่เสมอ และผมก็ไม่ได้โกรธอะไรคุณเลยนะแคท” เขาผายมือ ยิ้มอย่างสดใส

            ใช่แล้ว แคทธริน นั่นเอง

 

            ตลอดชั่วโมงชีววิทยา แคทธรินไม่มีสมาธิกับการทำแล็บเลย เธอมัวแต่คิดหาคำตอบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโรวว์แซน

            เขา ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล การศึกษา เป็นชายหนุ่มที่ผู้หญิงทุกคนหมายปอง ส่วนเธอเองก็มีทุกอย่างเทียบเท่าเขาเช่นกัน อีกทั้งพ่อแม่ของทั้งสองก็รู้จักสนิทสนมกันดี คุณพ่อของเธอ โคลเป็นหมอประจำตระกูลวินด์เซอร์

            เธอครุ่นคิด

 

            โรวว์แซนไม่เคยเอ่ยเป็นคำพูดว่าขอเธอเป็นแฟน แต่ก็ไม่เห็นจะแปลก เขาเป็นคนอย่างนั้น เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดแสดงความรู้สึกเท่าไหร่ แต่เขามารับเธอไปขี่ม้า ทานอาหารค่ำ เดินเล่นที่บ้านเขาบ่อยๆ นี่ยังไม่พอหรือที่จะเรียกว่า เขามีใจให้เธอ เธอคิด

            เธอรีบสลัดความกังวลนี้ทิ้งไปทันที

            เธอคือแคทธริน วิลเลอรี่ หญิงสาวอายุเพียง 18 ปี เธอมีพร้อมทุกอย่าง เธอเป็นต้นแบบที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยถูกใครปฏิเสธ แล้วทำไมเธอจะต้องมากังวลกับเรื่องนี้ด้วย เธอตัดสินใจแล้ว

            ชั่วโมงแล็บจบลง

            แคทธรินเดินไปหาโรวว์แซนที่โต๊ะ

            “วันอาทิตย์นี้ เห็นคุณพ่อบอกว่าจะไปตรวจสุขภาพของคุณปู่วินด์เซอร์ ฉันก็ไปด้วย คุณว่างมั้ย คุณพ่อจะพาสมาชิกคนใหม่ของบ้านไปแนะนำให้รู้จักด้วย” เธอเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แล้วยิ้ม

            เขายิ้มตอบ “ ว่างสิ งั้นเจอกัน  ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา