Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร

6.6

เขียนโดย Xian_xi

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.

  13 ตอน
  20 วิจารณ์
  17.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ศึกเทวะ-จอมมาร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                           “  ถ้ายังตามมาอีก  ข้าจะไว้หน้าเจ้า  ”  เขาขู่คำราม
            
            เสียงย่ำเท้าดังขึ้นทุกขณะ  ใกล้เข้ามา   เทพมังกรขบกรามกรอด  จ้องเขม็งที่ปากทาง   บุรุษ     
ชุดเกราะทองท่าทางคุ้นเคยเลี้ยวเข้ามา   ดวงตามังกรหนุ่มลุกประกายกล้าทันทีที่เห็นเขา
                           
                           “  เข้ามาทำไม  ” เขาถามเสียงห้วน
            
            เซิ่งตู่หยุดดูไกลๆ  ยิ้มละไม  ชาบูหลั่นตาไม่ยิ้มตอบ
                           
                          “  ที่นี่เป็นที่ของข้า  เจ้าเข้ามาทำไม  ”
                           
                          “  อุทยานนี้แต่เดิมมาเป็นที่สาธารณะ  ทุกคนมีสิทธิ์ใช้เท่าเทียมกัน   จะบอกว่าเป็น 
ของเจ้าได้อย่างไร  ”
                           
                          “  เจ้า!  ”  ชาบูหลั่นตานึกโมโห  ทำท่าจะปรี่เข้าไปอัดแม่ทัพสวรรค์เสียหน่อยให้   
หายแค้น   ฉับพลันดวงตาที่ดูเป็นมิตรก็แข็งกร้าว   อีกฝ่ายข่มด้วยสายตาเตือนเขาว่าอย่าวู่วามจะดีกว่า
                           
                           “  ข้ามาที่นี่เพื่อนำพระบัญชาขององค์จักรพรรดิมาถ่ายทอดแก่เจ้า  ”
             
             เซิ่งตู่พูดเสียงเรียบ  แต่หนักแน่นมีพลัง  ชาบูหลั่นตาเจ็บใจที่ไม่กล้าขัดเขา
                           
                           “  ว่าอะไร  ”
                           
                           “  ทรงรับสั่งให้ย้ายเจ้ามาอยู่ในความควบคุมของข้านับแต่นี้ต่อไป  ”
             
             เทพมังกรตะลึงงัน
                          
                          “  เป็นไปไม่ได้  ”   เขาได้ยินเสียงตัวเองแหบแห้ง   องค์จักรพรรดิทรงเลือกเขา     
เข้ามาเอง  แล้วจู่ๆทำไมทรงย้ายให้ไปอยู่กับผู้ที่เขากำลังไม่พอใจอยู่  หรือว่าเขาทำผิดอะไร  ไม่นี่  เขาไม่เคย
ทำผิดอะไร แล้วทำไมเป็นแบบนี้  ไม่จริง  เป็นไปไม่ได้  เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
                           
                           “  ถ้าเจ้าไม่เชื่อ  ข้ามีหลักฐานจะให้เจ้าดูก็ได้  ”  เซิ่งตู่ชูสาสน์ทองให้ดู แล้วคลี่ออก 
ตัวอักษรแต่งแต้มด้วยน้ำหมึกลอยขึ้นเหนือกระดาษสีน้ำนม   พลิ้วระริกเคลื่อนวนราวกับมีชีวิตต่อกันเป็น
ประโยค   น้ำเสียงทุ้มก้องแว่วมากับสายลม
                   
          จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งสามโลก   พระเกียรติเกริกก้องทั่วหล้า   แว่นฟ้า  แผ่นดิน  ผืนน้ำต้องยอมสยบ 
มีพระบัญชาให้เทพพาหนะประจำองค์นามว่าชาบูหลั่นตา  ย้ายไปสังกัดกับแม่ทัพสวรรค์เซิ่งตู่เพื่อค้นพบวิธีบรรลุ
เป้าหมายของตน    ขอให้เจ้าเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา  และอวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จโดยเร็ว    
บัญชานี้มีผลนับแต่เทพมังกรได้ได้รับรู้ตลอดจนแต่นี้ต่อไป   ลงพระนาม  จักรพรรดิเป่าซิน
            
             อักษรใหญ่สีแดงพุ่งโลดเรียงตัวเป็นพระนามจักรพรรดิสวรรค์ค้างกลางอากาศชั่วขณะหนึ่งให้ผู้อ่าน
ประจักษ์แก่สายตา  แล้วตัวอักษรทั้งหมด  พระสุรเสียงขององค์จักรพรรดิก็หายวับไป    เช่นเดียวกับดวงใจ 
เทพมังกรที่แทบจะหลุดลอยไปนอกร่าง
                   
                          นี่มันอะไรกัน!
            
             ความสงสัย   เสียใจ  ขุ่นเคืองและไม่เข้าใจถาโถมใส่ดังคลื่นทะเลคลั่งกระโจนซัด ผาหินแทบ 
แหลกทลาย   ไม่รู้เมื่อไรที่มือเขาถูกบีบเข้าหากัน  แน่นขึ้น  แน่นขึ้น  จนสั่นระริกไปทั้งแขน   นายที่เขาเชื่อใจ
และภักดี   เหตุใดจึงทอดทิ้งเขาให้อยู่กับผู้ที่ทำร้ายเขา
                       
                            “  ข้าไม่เข้าใจ  เหตุใด  ค้นพบวิธีบรรลุเป้าหมายอะไร  ”  เขาคำรามกรอด  นัยน์ตาคม
ลุกวาวจ้องอีกฝ่ายหมายเอาคำตอบ   ความสงสัยและโกรธเคืองนั้นพรั่งพรูใส่แม่ทัพสวรรค์ซึ่งเป็นเพียงผู้นำ
บัญชามา
                      
                           “  ต้องขออภัยที่ข้ามิอาจอธิบายให้เจ้าเข้าใจทั้งหมดในตอนนี้  เพราะข้ามีธุระต่อ      
ไว้พรุ่งนี้ดีกว่า   รุ่งขึ้นตอนเช้าขอให้เจ้ามาพบข้า   เป็นวันแรกของการทำงาน  ”
            
            แววตาเทพมังกรสั่นระริกด้วยความโกรธ   เซิ่งตู่กล่าวลาแล้วหันหลังกลับ  ขยับเท้าเพียงสองก้าวก็
หายวับไป   ทิ้งให้ชาบูหลั่นตาอัดอั้นใจอยู่ตามลำพัง
            
            เซิ่งตู่แล่นฉิวออกมาถึงนอกอุทยาน   คนสนิทเขามีสีหน้ากังวลใจ
                        
                          “  ปล่อยไว้อย่างนี้จะดีหรือขอรับ  ”  เขานึกถึงความโกรธเกี้ยวของเทพมังกรแล้วกลัว
ความวุ่นวายจะตามมา
            
            แม่ทัพใหญ่มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน  เหลียวกลับไปดูในอุทยาน  ครู่เดียวความรู้สึกนั้นก็คลายลง
                        
                          “  ไม่เป็นไรหรอก  ”
 
            
            เช้าวันต่อมา   ชาบูหลั่นตาไม่ไปตามนัด   แต่เซิ่งตู่เดาไว้อยู่แล้ว
                        
                         “  เมื่อเขาไม่มา  ข้าก็จะไปตามเขาเอง  ”  เขาบอกคนสนิท  “  เขาควรจะรู้ว่าเวลานี้  
ไม่อาจขัดขืนได้อีก  ”
            
             เทพมังกรนั่งบนหินใหญ่ริมน้ำ   ใบหน้าคมสงบเช่นเดียวกับผิวน้ำซึ่งสะท้อนเงาอยู่   เสียงเดิน     
ลัดหญ้าสวบสาบใกล้เข้ามา
                        
                           “  มาแล้วหรือ  ”  ชาบูหลั่นตาทัก   แสดงว่าเขารออยู่แล้ว
                        
                           “  ก็ข้ารู้ใจเทพมังกรนี่  ”  เซิ่งตู่ตอบกลั้วรอยยิ้ม
            
           เทพมังกรเหยียดตัวขึ้น   หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับแม่ทัพสวรรค์   สองสายตาประสานกัน  ต่าง   
จ้องลึกลงในใจและหยั่งเชิงอีกฝ่าย
                        
                           “  เจ้าคงจำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร  ”
                         
                           “  ไม่รู้   ก็เหมือนเดิมทุกวัน  ”
                         
                           “  เอาความจริง  ”  แม่ทัพใหญ่เสียงขึงขัง
             
             ชาบูหลั่นตาเล่นหูเล่นตายั่วโมโหเขา   อีกฝ่ายพูดเสียงดัง
                         
                           “  ทุกคนฝึกฝนกันอย่างหนัก  เจ้าจะเอาเปรียบคนอื่นมานั่งเล่นสบายใจอยู่ได้อย่างไร  
จงตามข้าไป  ” 
                        
                            “  ข้าไม่ไป  ”  เทพมังกรตอบเสียงแข็งพอกัน
                         
                            “  ต้องไป  ”
                         
                            “  ไม่  ”
             
            ชาบูหลั่นตาจ้องตาท้าทาย
                        
                          “  นายทหารต้องเชื่อฟังคำสั่งของแม่ทัพใช่หรือไม่  ”  เซิ่งตู่หันไปถามคนสนิท   เขา 
รีบพยักรับคำ  “  แล้วถ้าหากไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาควรจัดการอย่างไร ”
                         
                           “  ต้องลงโทษตามวินัยทหาร  ”
                         
                           “  แล้วตามวินัยทหารจะลงโทษผู้ไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างไร  ”
                         
                           “  ต้อง...  ”
                         
                           “  พอแล้ว!  ”  ชาบูหลั่นตาแหวลั่น   “  อยากฆ่าข้าก็เข้ามา   ไม่ต้องทำเป็นยกเหตุ
อ้างผล  ”
                         
                           “  เจ้าพูดอะไร  ”  เซิ่งตู่ตกใจกับคำพูดเขา
                        
                           “  เลิกเสแสร้งเสียทีเถอะ  ”  ชาบูหลั่นตาตะโกนอย่างหมดความอดทน  “  อยากฆ่าข้า
แล้วมัวรออะไรอยู่  ”
            
            เขาปราดเข้ามาอย่างวู่วาม   เซิ่งตู่ตกใจปัดป้องพัลวันแล้วถอยหลบไป                 
                         
                          “  เจ้าพูดอะไรของเจ้า   ข้าไม่เข้าใจ  ”
           
            อีกฝ่ายตามตะลุยต่ออย่างบ้าคลั่ง   แม่ทัพใหญ่จะทำอย่างไรก็ไม่อาจหยุดความเลือดร้อนของเขา  
ได้แต่ป้องกันตัวแต่ไม่ตอบโต้ใดๆ     ชาบูหลั่นตากลับยิ่งเดือดดาล   เสียงต่อสู้สะท้านสะเทือน   น้ำในสระ
กระฉอกพุ่งเป็นคลื่นใหญ่   ต้นไม้ไหวโอนเอนแล้วถล่มระเนระนาดในเวลาไม่นาน   ดวงตาเทพมังกรแดงก่ำ  
เนื้อเหนือปากและจมูกยกขึ้นเป็นริ้วนูนเผยเขี้ยวแหลมราวอสรพิษ  แขนขาหดสั้น   มืองุ้มงอ  เล็บจิกเป็น     
กรงเล็บ  ลำตัวขยายยืดยาว   เกล็ดสีเขียววาววับผุดเต็มร่างกาย
            
            คำพูดหลายคำฟังไม่ได้ศัพท์   ล่องลอยดังปุยเมฆ  กลับมั่นคงดังผาหิน  ก้องกังวานประหนึ่งกลองลั่น
จากที่ไกล  บางคราวเสียงสูงแล้วกลับต่ำจนแทบรัวหาย   เทพมังกรปวดหัวแทบระเบิด
                        
                           “  อ๊ากกกกกกกกกกก  ”
           
            ลำตัวมหึมาบิดเกร็งสุดทานทน   รู้ตัวอีกทีเห็นเชือกสีนวลเรืองพันรอบตัวไว้แน่นจนขยับไม่ได้   ยิ่งดิ้น
ยิ่งรัดแน่น   เทพมังกรความคิดสับสนพยายามดิ้นให้หลุด   ร่างยักษ์เริ่มกลายเป็นเทพบุตร  แม้จะเล็กกว่า    
ร่างเดิมหลายเท่า  กระนั้นเส้นเชือกก็ยังตามบีบรัดจนไม่เหลือช่องให้หลุดรอดไป   แม่ทัพสวรรค์ถือปลายเชือก
เหาะขึ้น  ตวัดสายพันรอบต้นไม้ใหญ่ที่ถูกโค่นเหลือครึ่งเดียวแล้วมัดให้แน่นหนา   จากนั้นเป่ามนตร์กำกับอีกครั้ง
            
             เทพมังกรฮึดฮัดดิ้นรน   ดวงตาสีเลือดบอกจะเอาให้ตาย   อีกฝ่ายยืนดูเขานิ่งๆแล้วส่ายหน้า       
ชาบูหลั่นตาคำรามระงม  ยิ่งดิ้นยิ่งติดพัน   สายเชือกบีบเนื้อจนโปนปูดออกมาตามหว่างเชือกและบาดจน  
เลือดซิบ   แต่ก็ไม่ยอมแพ้   ร่างนั้นเกร็งสะท้านสุดแรงแล้วกลับหยุดอย่างอ่อนเปลี้ย
                         
                           “  แม้ไม่แน่ใจว่าเจ้าโกรธแค้นอะไรข้า  ”  เซิ่งตู่บอก  “  แต่ข้อสงสัยที่เจ้าถามเมื่อวาน 
ยังอยากจะฟังคำตอบหรือเปล่า  ”
            
            อีกฝ่ายไม่โต้ตอบอะไร   แต่สภาพเขาตอนนี้ถึงไม่อยากฟังก็คงหนีไปไหนไม่ได้
                         
                          “  สิ่งที่เจ้าปรารถนาที่สุดในตอนนี้  ”  เซิ่งตู่พูดพลางเดินไปทางหนึ่ง   “  ก็คือการได้รับ
การยอมรับนับถือจากทุกคน  ”
            
             แล้วเขาก็หันหลังกลับมาจ้องหน้าเทพมังกร   ฝ่ายนั้นหลบตามองต่ำ
                        
                            “  องค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องนี้ดีจึงทรงทำทุกอย่างเท่าที่จะทรงทำได้เพื่อให้เจ้าเป็น
ที่ยอมรับแต่ก็ไม่เป็นผล   ข้าจึงทูลขอให้ทรงย้ายเจ้ามาอยู่กับข้า  ”
                       
                            “  คำกล่าวหาว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่รู้เอามาจากที่ใด   แต่ที่เป็นความจริงก็คือ  ”  เขาเดิน
มาใกล้ชาบูหลั่นตา  “  ข้าเท่านั้นที่ช่วยเจ้าได้  ”
            
             เทพมังกรจ้องตอบด้วยดวงตาวาววับอย่างสนใจระคนสงสัย
                         
                          “  ทุกคนไม่เข้าใกล้เจ้าเพราะกลัวว่าเจ้าจะทำอันตรายพวกเขา  ดังนั้น  เจ้าต้องแสดง 
ให้เห็นว่าเจ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น  ทั้งยังจะเป็นที่พึ่งช่วยพวกเขารอดพ้นอันตรายได้อีกด้วย  ”
                         
                          “  ที่พึ่ง? ”  ชาบูหลั่นตาไม่เข้าใจ
                         
                          “  นี่คือความคิดของข้า   เจ้าเอาแต่ผูกมิตรอย่างเดียวคงไม่พอ  เพราะเมื่อกลับร่างเดิม
พวกเขาก็จะหนีไปอีก  ฉะนั้นต้องให้พวกเขายอมรับเจ้าได้ทุกร่างไม่ว่าเป็นมังกรหรือว่าตอนนี้  ”  เซิ่งตู่เดินพูด 
“  ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ    เจ้าต้องแก้ไขความกลัวของพวกเขา   และทางแก้นั้น   การมาเป็นส่วนหนึ่ง   
ของกองทัพเป็นทางออกที่ดีที่สุด   ตอนนี้ชาวสวรรค์ต้องหวาดหวั่นกับพวกปีศาจที่มักจะยกทัพมาตีสวรรค์    
อยู่เนืองๆ   พลังของเจ้าจะสามารถต่อกรกับพวกมันได้ถ้ารู้จักควบคุมมัน    ทีนี้เมื่อเจ้าแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ 
เป็นภัยทั้งยังช่วยให้พ้นภัย   ชาวสวรรค์ก็จะเลิกกลัวเจ้าและยอมรับเจ้าในที่สุด  ”
             
             ชาบูหลั่นตาคิดตาม   รู้สึกว่าแม่ทัพผู้นี้ความคิดเข้าท่าแต่ก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสำเร็จเพราะเขา         
ก็พยายามมาตลอดแต่ก็ผิดหวังทุกครั้ง  
             
             จู่ๆผู้ติดตามก็เอ่ยขัดจังหวะแล้วเข้ามาซุบซิบกับเซิ่งตู่
                          
                           “  ลองไปคิดดูแล้วกัน  ” แม่ทัพใหญ่หันมาพูดกับชาบูหลั่นตา  “  จะยอมทำตาม       
พระบัญชาให้ข้าช่วยเจ้าหรือจะดื้อดึงอย่างนี้ต่อไปก็แล้วแต่ตัวเจ้า   ส่วนข้าตอนนี้ต้องขอตัวกลับไปทำหน้าที่
ของข้าต่อ  ”
             
              เขาร่ายมนตร์คลายเชือกอาคม   ทันใดนั้นร่างโปร่งก็ถลาล้มบนพื้นอย่างหมดแรง
                          
                            “  ลองไปคิดดูแล้ว   ถ้าสนใจที่ข้าบอก   ไปหาข้าได้ทุกเมื่อ  ”
 
           
            ค่ายหลวงตั้งอยู่ลึกในหุบเขาที่ซับซ้อน   แฝงตัวอยู่ท่ามกลางม่านหมอกและสีเขียวของลำเนาไพร  
ที่นี่กว้างขวางมาก   เป็นฐานบัญชาการหลักและมีศูนย์ฝึกนักรบที่ใหญ่ที่สุด    นักรบสวรรค์ทุกนายต้องผ่าน 
การฝึกอย่างหนักหน่วงจากที่นี่เสียก่อนจึงจะได้ไปประจำการจุดต่างๆทั่วสวรรค์   ทุกวันที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วย
เหล่านักรบที่มาฝึกฝนการต่อสู้ของตนให้ยิ่งแข็งแกร่งรุดหน้า   เพื่อจะสามารถปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองสวรรค์ได้
อย่างเต็มที่และเตรียมรับมือกับผู้รุกรานอย่างจอมปีศาจซึ่งมักจะยกทัพมาโจมตีสวรรค์อยู่เนืองๆ
            
            นายกองผู้หนึ่งเร่งรุดหน้าไปที่เรือนใหญ่   ขออนุญาตเข้าไปก็พบแม่ทัพใหญ่กำลังสนทนากับ      
แม่ทัพคนสนิท   ฝ่ายผู้มาใหม่รายงานสองสามคำแล้วขอลา
                        
                           “  ยังไม่มา  ”  แม่ทัพใหญ่มุ่นหัวคิ้วนิดหนึ่ง
                         
                           “  นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว   วันนี้ก็วันที่สาม  ”  แม่ทัพคนสนิทบอก  “  ยังไม่มีวี่แววจาก
เทพมังกรเลย  ”
            
             สีหน้าเซิ่งตู่ดูกังวลไม่น้อย   ฉับพลันก็มีเสียงเอะอะอลหม่านจากข้างนอก  ไม่ใช่เสียงที่เกิดจาก 
ความตื่นเต้นตกใจ  หากตามด้วยเสียงขู่ราวกับมีผู้รุกรานเข้ามา
                          
                           “  เกิดอะไรขึ้น  ”  พวกเขารีบออกไปดู
            
             กลางวงล้อมของนักรบสวรรค์นับพันที่ขู่ผู้บุกรุกด้วยอาวุธนานา    เซิ่งตู่เห็นเทพมังกรยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เขาตื่นเต้นและดีใจมาก  ฝ่ายชาบูหลั่นตาต้องนิ่งอดทนกับท่าทีข่มขู่หวาดกลัวของชาวสวรรค์ตลอดทางมา   
พอเห็นเซิ่งตู่ก็จะเข้าไปหาแต่เหล่านักรบถลาขวางทันทีเพราะคิดว่าจะเข้ามาทำร้าย
                          
                             “  หยุด!!  ”  เสียงแม่ทัพใหญ่สะท้านไปทั่ว
            
             เหล่านักรบชะงักงันด้วยความตกใจ  แล้วหันไปมองเซิ่งตู่อย่างงุนงง   ชาบูหลั่นตาจึงเดินต่อเข้าไป  
ถึงเบื้องหน้าระยะใกล้ของแม่ทัพสวรรค์   สองเทพยืนสบตากันท่ามกลางสายตาหวั่นเกรงของทุกคน   ทันใดนั้น
เทพมังกรก็ทรุดร่างลงชันเข่าข้างหนึ่ง
            
           ท่าทางนั้นเรียกเสียงฮือฮาอย่างคาดไม่ถึง   เทพมังกรที่พวกเขาคิดว่าร้ายกาจนัก  กลับยอมก้มหัว
เคารพนบนอบแม่ทัพใหญ่ของพวกเขา
                          
                          “  ชาบูหลั่นตา  ”  เซิ่งตู่ยิ้มออก
            
            แม่ทัพใหญ่รีบพยุงเขาขึ้นมาแล้วพาไปคุยถามไถ่กันข้างในเรือนส่วนตัว
                         
                          “   อะไรที่ทำให้เจ้าตัดสินใจแบบนี้  ”
                          
                          “   เพราะข้อเสนอของท่านยั่วใจไม่น้อย  หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง  ”
            
            เซิ่งตู่ยิ้มมั่นใจ
                          
                         “  ว่าแต่เจ้าหาค่ายนี้เจอได้อย่างไร  ”
                          
                         “  แม่ทัพใหญ่ไม่ทิ้งที่อยู่ให้ไว้เลย   ข้าถามทางมาเรื่อยจนมาถึงที่นี่    ลึกลับซับซ้อน
จริงนะ   มาถึงทีแรกไม่มีใครมาล้อมข้าอย่างที่เห็นหรอก   ข้าถามยามหน้าค่ายว่าเรือนท่านอยู่ไหน  พอผ่านมา
พักหนึ่งพวกเขาถึงจำได้ว่าข้าเป็นมังกร  ”
            
           แม่ทัพใหญ่หัวเราะอย่างขบขัน
                           
                         “  ว่าแต่เจ้าเถอะ   เตรียมใจพร้อมหรือยัง  ที่นี่เจ้าจะไม่ได้อยู่สบายอย่างสมัยเป็นเทพ
พาหนะ  แต่ต้องได้รับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเช่นเดียวกับนักรบสวรรค์ทุกคน  ”
                           
                         “  ข้ามันเตรียมใจไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว  ก็แล้วแต่ท่านจะฝึกอย่างไร  ขอให้ข้าบรรลุ    
เป้าหมายเท่านั้นก็พอ  ”
 
            
            วันเวลาผ่านไปแต่ชาบูหลั่นตาแทบไม่รู้สึก    ทุกวันคร่ำเคร่งแต่ฝึกฝนจะรู้ว่าหมดวันก็ต่อเมื่อครูฝึก
บอกว่าให้ไปพักเพราะหมดวันแล้ว    การได้มาอยู่ที่นี่ทำให้เขากับนักรบสวรรค์คุ้นชินกันมากขึ้นจนฝ่ายนั้น   
หายกลัวเขาบ้างแล้วแต่ก็ยังเกรงๆอยู่   การฝึกของที่นี่หนักหนาและเข้มงวดเอาการแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะมี   
แม่ทัพใหญ่ให้คำชี้แนะและดูแลการฝึกอย่างใกล้ชิด   วันเวลาผ่านไปจากวันต่อวัน  จากแรมวันเป็นแรมเดือน   
ฝีมีอของเขาก็ยิ่งรุดหน้าขึ้นทุกที
                         
                             “  ชาบูหลั่นตา  ”  ครูฝึกเอ่ยชื่อเขา  มองไปเห็นแม่ทัพใหญ่ยืนอยู่เบื้องหลัง        
ชาบูหลั่นตาค่อยๆเลี่ยงออกจากแถวฝึก   ไปหาเซิ่งตู่ที่รออยู่ด้านหลังแถว
                         
                            “  ตามข้ามา  ”
           
            ชาบูหลั่นตาตามเขาไปถึงเรือนส่วนตัว
                         
                          “  ตอนนี้ฝีมือของเจ้าก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว  ”
                         
                          “  กำลังก้าวหน้ายิ่งขึ้น  แต่ยังต้องการรับการฝึกอีก  ”
                         
                          “  หลายเดือนที่มาอยู่ที่นี่ดูเจ้าจะนิ่งขึ้นนะ  ”  เซิ่งตู่บอก  “  เรื่องควบคุมพลังทำได้มาก
แค่ไหนแล้ว  ”
                         
                         “  ดีขึ้นมากแล้วขอรับ  ” 
                         
                         “  เช่นนั้นก็ดีแล้ว   เจ้ามีพลังมหาศาลแต่คุมไม่ได้   อยากจะใช้มันมากน้อย  ควรใช้  
เมื่อไร  เมื่อไรไม่ควรใช้ก็คุมไม่ได้ทั้งนั้น   เจ้าต้องพยายามหน่อยนะ   ช่วงนี้ข้าสังเกตว่าเจ้าควบคุมได้      
มากแล้ว ”
                         
                         “  ขอรับ  ”
                         
                        “  ท่านแม่ทัพ!!  ”
            
            เสียงของใครคนหนึ่งโหวกเหวกลั่นมาตลอดทาง   สองเทพรีบออกไปดู   นายกองผู้หนึ่งวิ่ง    
กระหืดกระหอบมาถึงด้านหน้าเรือน
                         
                          “  เกิดอะไรขึ้น  ”
            
            ใบหน้าผู้มาถึงดูตระหนกมาก   เขาหันไปด้านหลังตน   สองเทพพบคำตอบเมื่อเห็นนักรบสวรรค์  
สองนายช่วยกันพยุงร่างบอบช้ำของตนเข้ามา
                         
                           “  พวกเขาเป็นหน่วยคุ้มกันชายแดนขอรับ  ”  นายกองบอก
                         
                           “  ทำไมพวกเจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้  ”
                         
                           “  จอมปีศาจเสี่ยวหลูบุกเราอีกครั้งแล้วขอรับ  ”
                         
                           “  อะไรนะ  ”  เซิ่งตู่ตกใจ
            
            ทันใดหนึ่งในนั้นก็กระอักเลือดออกมา
                        
                           “  ใจเย็นก่อน  ”  เซิ่งตู่รีบห้ามด้วยความเป็นห่วง  แล้วถามอีกนาย  “  ว่าต่อซิ  ”
            
             นักรบทั้งคู่รีบคุกเข่า  “  ได้โปรดลงโทษเราที่ด้อยความสามารถไม่อาจปกป้องชายแดนไว้ได้  ”
            
             แม่ทัพใหญ่นิ่งงันไปด้วยรู้สึกเครียดและหวั่นใจพิกล   หันไปมองชาบูหลั่นตา
                         
                          “  เราต้านทานไม่ไหวจริงๆขอรับ   พวกมันกลับมาครั้งนี้มีพลังมากกว่าเก่า  ”  นักรบ
นายหนึ่งเล่า
                        
                          “  ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเราที่ยังอยู่ที่นั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง  มีเพียงเราที่รอดมาเพื่อแจ้งข่าว  
ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา   แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ชะตากรรมพวกเขาอีกเลย  ”
                         
                           “  เจ้าพาพวกเขาไปรักษาตัวก่อน  ”  เซิ่งตู่บอกนายกอง  “  ส่วนเจ้าตามข้าเข้าไปคุย
ข้างใน  ”
            
             ชาบูหลั่นตาตามกลับเข้าไปไม่ทันถึงโต๊ะที่นั่งก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
                        
                           “  ทำไมนักรบของสวรรค์ถึงพ่ายแพ้   เท่าที่ข้าสัมผัสมาพวกเขามีฝีมือฉกาจกันทั้งนั้น  
แล้วจอมปีศาจอะไรนั่นมีฤทธิ์อาคมแก่กล้าขนาดนั้นเชียว   เท่าที่ข้ารู้มาพวกนั้นไม่ได้มาโจมตีครั้งนี้ครั้งแรก   
แต่หลายครั้งแล้ว  ตีเราไม่แตกแต่เราก็จัดการเขาไม่ได้เสียที   มันเพราะอะไรกัน  ”
             
            เซิ่งตู่ยกมือปรามให้สงบก่อนแล้วนั่งลง   อีกฝ่ายกระวีกระวาดนั่งตามรอคำตอบ
                          
                          “  เพราะความแค้นอย่างไรล่ะ  ถึงทำให้พวกมันพลังกล้าแข็งขึ้น  ”
                          
                          “  แค้นหรือ  แค้นอะไร   สวรรค์ไปทำอะไรให้เขาแค้น  ”
                         
                          “  ไม่ใช่สวรรค์แต่เป็นความดีและคนดี   จอมปีศาจเกลียดมากที่สุดจึงได้มุ่งมั่นทำลาย
ให้สูญสิ้นไปจากโลก   แต่ติดที่มีสวรรค์คุ้มครองอยู่   อีกทั้งสวรรค์ก็เป็นที่อยู่ของคนดี  ”
                         
                          “  เลยต้องมาทำลายสวรรค์เสียก่อน  พวกมันถึงบรรลุเป้าหมาย   ความดีมีแต่ทำให้คน 
มีความสุข  ไม่เคยเจอใครที่เกลียดความดีเลย  ”
                         
                          “  นี่เป็นเรื่องสำคัญมากชาบูหลั่นตา   ถ้าสวรรค์ถึงกาลวิบัติ  ไม่เพียงแต่เจ้าและข้า   ทุกคนรวมถึงโลกก็จะพินาศดับสูญกันหมด  ”
                          
                           “  ข้าเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก  ”  ชาบูหลั่นตาตระหนักถึงหน้าที่ที่รออยู่   “  แต่ว่า
ข้าน่ะ...  ”
                          
                           “  ต้องให้เจ้าช่วยแล้ว  ”  แม่ทัพใหญ่จ้องเขาอย่างจริงจัง  “  อย่าลืมว่าเจ้ามาที่นี่  
เพื่ออะไร   จงทำมันให้สำเร็จ   องค์จักรพรรดิ  ข้าและทุกคนล้วนฝากความหวังไว้ที่เจ้า  ”
            
             ชาบูหลั่นตาจ้องตอบอย่างลังเลใจ
                           
                           “  ช่วยปกป้องสวรรค์ของเราด้วย  ”
            
            เทพมังกรพูดไม่ออก   ได้แต่แสดงสีหน้ากลุ้มใจ
                           
                         “  นักรบสวรรค์เก่งออกอย่างนั้นยังเอาไม่อยู่   แล้วข้าที่ไม่มีประสบการณ์จะไหวหรือ  ”
                           
                        “  แต่นักรบสวรรค์ก็พ่ายแพ้เจ้าเช่นกัน   เจ้าก็อยู่ในฐานะเดียวกับจอมปีศาจ   ไม่ต้องกลัว 
จงเชื่อมั่นตัวเองเข้าไว้  ”
            
            ชาบูหลั่นตามองตอบดวงตากร้าวแกร่งนั้นด้วยแววตาไม่มั่นใจนัก  แต่ก็พยักหน้ารับ
 
            
            บนผืนเมฆาเวิ้งว้างกว้างไกลสุดสายตา   ปรากฏร่างหนึ่งเดินมาช้าๆ   ไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายอยู่ที่ใด   
ทันใดนั้นอีกทางก็ปรากฏร่างชนกลุ่มใหญ่กำลังเคลื่อนมา    รูปร่างใหญ่โตถืออาวุธใหญ่พอกันน่าเกรงขาม
                          
                          “  มาถึงตอนนี้แล้วยังหาไม่เจอ  ”  มือราวกิ่งไม้แห้งบีบเค้นนิ้วยาวเหมือนขาแมงมุม 
เล็บสีคล้ำตัดกับสีแดงของเนื้อจิกจนเลือดแดงคล้ำไหลซึม                                                                   
                          “  เจ้านักรบพวกนั้นแพ้แล้วยังร่ายมนต์บังตาไว้ทำให้เราหาเมืองสวรรค์ไม่เจอ   ตามหา
ขนาดนี้แล้วยังหาไม่เจอเลย   มองไปทางไหนก็เห็นแต่หนทางเวิ้งว้าง  ”
             
             เจ้าของใบหน้ากระดูกขึงดวงตาสีอำพันเรืองด้วยความโกรธ
                          
                           “  ดูนั่น!  ”
             
             ร่างที่กำลังเดินมาผู้เดียวสะดุ้งเสียง   พอมองชัดๆก็ตกใจ   เช่นเดียวกับฝ่ายปีศาจที่ไม่คาดคิดว่า  
จะพบนักรบสวรรค์ที่รอดไปและดูท่าจะหลงจากกลุ่มมา   จอมปีศาจเห็นโอกาสจะบังคับถามที่ตั้งเมืองต่างๆ   
แต่ไม่ทันสั่งจับกุม   นักรบผู้นั้นก็หันหลังกลับวิ่งหนีไป
                           
                            “  จับมัน!  ”
            
            ชาบูหลั่นตาวิ่งสุดกำลัง   เห็นหลังไวๆแทบจะหายไปจากสายตา  ฝ่ายปีศาจก็กวดตามรวดเร็วพอกัน  
จู่ๆเทพมังกรก็กลับหลังหัน   หยุดยืนราวกับจะตั้งหลักสักอย่าง  เสี่ยวหลูเห็นชอบกลเลยหยุดดูท่าที  แต่ไม่นาน
ก็คลายความกังวลคิดว่าอีกฝ่ายหยุดหนีเพราะหนีไม่พ้น   อีกทั้งก็มาผู้เดียว   ทัพเขามีทหารเป็นพันมีหรือ     
จะจัดการไม่ได้   แม้อีกฝ่ายจะต่อสู้สุดกำลังก็ตาม   เขาสั่งทหารปีศาจให้ไปจับกุมทันที   สีหน้าเทพมังกร   
ลุ้นระทึกเมื่อทัพศัตรูใกล้เข้ามาทุกขณะ     แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น    ด้านหลังทัพปีศาจปรากฏร่าง         
นักรบสวรรค์หลายร้อยนาย   ตามมาด้วยซ้ายขวาและด้านหลังชาบูหลั่นตา   กว่าจะรู้ตัวพวกปีศาจก็ถอยไม่ทัน
เสียแล้ว  ตกอยู่ในวงล้อมของนักรบสวรรค์   เป็นวงล้อมที่แน่นหนา   เซิ่งตู่ขับม้าออกมายืนข้างเทพมังกร   
แล้วหันมายิ้มชื่นชมเขา
                       
                                    “  ไม่ได้เจอกันเสียนาน  ”  เจ้าของร่างปีศาจในชุดกำมะหยี่แดงทักทาย
                        
                                    “  จงออกไปซะ  ”  แม่ทัพสวรรค์พูดความเดียว
                       
                                    “  ที่ต้องออกไปคือพวกเจ้า!  ”
            
         จอมปีศาจบัญชาทัพบดขยี้ทันที   เหล่านักรบสวรรค์กระโจนร่วมต่อต้าน   พวกเขาพุ่งผ่านเทพมังกรไป  
ทิ้งให้เขายืนงงเพียงลำพัง   ครั้นจะติดตามแม่ทัพใหญ่ก็ตามไม่ทันเสียแล้ว   เห็นอยู่ไกลๆพอจะฝ่าเข้าไป  
กลับถูกพวกที่รบกันอยู่เบียดออกมาเรื่อยๆ   สถานการณ์รอบด้านสับสนวุ่นวาย   เทพมังกรเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ   
ขึ้นมา   แม่ทัพใหญ่หายไปไหนแล้ว  ถ้าเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมาใครจะช่วยชี้แนะ
                       
                          “  นั่น!  ”  ชาบูหลั่นตาตกใจหันขวับ   ทหารปีศาจสามตนถืออาวุธตรงมาอย่างมุ่งร้าย
           
           ทหารสองฝ่ายฝีมือสูสีกันเพราะช่วงที่พักศึกกันไปก็ฟูมฟักฝีมือมากพอดู   แต่จอมทัพทั้งคู่ดูดุเดือด
กว่ามาก    แสงดาบและกระบี่วูบวาบไม่มีใครยอมใคร  ผลัดกันเพลี่ยงพล้ำผลัดกันรุกได้   จนบาดเจ็บเลือดหยด
ย้อมเมฆเป็นสีแดงฉาน    เลือดสีคล้ำสลัดสาดกันวุ่นวาย   บาดเจ็บและล้มตายมากขึ้น   แม่ทัพใหญ่มองหา  
ตัวช่วยหยุดยั้งความสูญเสียครั้งนี้แต่ก็ไม่เห็นเขาเลย   ท่ามกลางความอลหม่านเทพมังกรปรากฏกายวูบวาบ
หลังฉากรบ   แล้วเขาก็หยุดดูสถานการณ์    ทั้งชุดเกราะและดาบอาบไปด้วยเลือด   กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง    
ชวนเวียนหัว
                        
                           “ แม่ทัพใหญ่อยู่ไหน  ”  เขามองไปทั่ว   พลันนึกถึงคำพูดที่แม่ทัพใหญ่บอกเขาไว้ก่อน
ออกรบ
               
                  “  จะหยุดพวกปีศาจได้ก็ต้องจัดการหัวหน้ามันให้ได้   แค่นั้นที่เหลือก็ไม่มีปัญหา  ” 
                        
                            “  ข้าต้องหยุดมันให้ได้  ”  เขาบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น  แล้วมองหาต้นตอของศึกนี้
           
           สองจอมทัพประดาบกันแล้วต่างถอยไปหยุดพัก   แต่ยังไม่ประมาทคอยระวังอีกฝ่ายไว้   แม่ทัพสวรรค์
รู้สึกว่าจอมปีศาจมีพลังขึ้นมากอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ   ขณะที่เขาหยุดพักเพราะเริ่มอ่อนแรงแต่อีกฝ่ายกลับเหมือน
หยุดเพื่อตั้งหลักเสียมากกว่า  ทั้งอีกไม่นานมนต์บังตาก็จะเริ่มคลายแล้ว   แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยอม 
ให้พวกปีศาจรุกเข้าไปถึงเมืองได้เด็ดขาด   เพราะนั่นหมายถึงหายนะ
           
           สบโอกาสที่อีกฝ่ายหยุดพักเพราะเริ่มเหนื่อยแต่ก็วางใจที่ตนอยู่นิ่ง   จอมปีศาจลอบเรียกพลังที่ฝ่ามือ  
แล้วเขาก็เหลือบเห็นชาบูหลั่นตาวิ่งวนอยู่ในกลุ่มต่อสู้   ดวงตาเรืองแสงนั้นเบิกขึ้นอย่างตะลึง
                       
                         “  ซูหวาง  ”  จอมปีศาจครางออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ   เพราะภาพที่เห็นคือลูกชายเขา
ที่ตายไปหลายสิบปีก่อนไม่ใช่เทพมังกร   ลูกชายคนเดียวที่เขารักที่สุด   ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้
           
            พอดีเซิ่งตู่เห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมลอบกัดจึงเงื้อกระบี่กระโจนมาด้วยความโกรธ  เสี่ยวหลูหลบไม่พ้น  
คมกระบี่บาดต้นแขนเป็นแผลยาว   จอมปีศาจกุมแผลถอยไปด้านหลัง  พอดีชาบูหลั่นตาเห็นเข้า   วิ่งมาถึง  
พอเห็นหน้าชัดๆว่าไม่ใช่  เสี่ยวหลูก็สับสนยิ่งนัก   ไม่ใช่ลูกชายเขา   แต่ทำไมถึงเห็นเป็นอย่างนั้นได้   หรือว่า
เจ้าหนุ่มนี่จะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน
           
             ชาบูหลั่นตาหลับตารวมพลังทั่วร่างกาย   พอลืมตาขึ้นดวงตาทั้งคู่ก็แดงฉาน   ทันใดนั้นพลังลึกลับ 
ก็ซัดใส่จอมปีศาจกระเด็นร่างหลุดลอย   แสงสีขาวสว่างวาบกลืนจนมิด  พื้นสั่นไหวจนเหล่าทหารต้องหยุดต่อสู้
เพื่อค้ำกายตนให้มั่นคง   เกิดเสียงลั่นราวฟ้าผ่าครั้งเดียวพร้อมกันนั้นแสงเริ่มจางลง   เผยภาพผืนเมฆโหว่เป็น
วงกว้างแต่จอมปีศาจหายไป   เหล่าทหารปีศาจวิ่งไปชะโงกมองเบื้องล่างอย่างตระหนก   บรรดานักรบสวรรค์
ถือโอกาสนี้ไล่ตีทัพปีศาจจนแตกพ่ายไป   เสียงโห่ร้องเอาชัยก้องไล่หลังศัตรูที่หนีไม่คิดชีวิต   เทพมังกรหันไป
มองแม่ทัพใหญ่  ยิ้มให้กันแล้วกู่ตะโกนร่วมกับทุกคน   เสียงแห่งชัยชนะก้องไปทั่ว   แล้วทุกคนก็หันมาหา   
ชาบูหลั่นตา   แย่งขอบคุณจนดังระงมไปหมด    เทพมังกรยิ้มปลื้ม   แม่ทัพใหญ่จับมือเขาชูขึ้น  นักรบสวรรค์
โห่ร้องสะท้านไปทั่ว
 
              
            พอเห็นชาวสวรรค์ออกมายืนชุมนุมเต็มหน้าเมือง   ชาบูหลั่นตาก็ชะงักด้วยใจประหวั่นแต่ก็เบาใจ
เมื่อเห็นจักรพรรดิเป่าซินทรงประทับอยู่เช่นเดียวกัน   เมื่อเห็นทัพฝ่ายตนเอาชัยกลับมา   ชาวสวรรค์ก็โห่ร้อง
ด้วยความยินดี    เทพมังกรค่อยใจชื้น   จักรพรรดิทรงดำเนินมาหาเขา
                             
                        “  ทูตสวรรค์ส่งข่าวบอกข้าแล้ว   ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลงานของเจ้า  ”  พระองค์ทรงโสมนัส
ยิ่ง  “  เจ้าทำสำเร็จแล้ว  ขอบคุณมากชาบูหลั่นตา  ”
                            
                         “  ไม่ใช่ข้าพระองค์เพียงผู้เดียว  แม่ทัพใหญ่และนักรบสวรรค์ทุกนายก็ร่วมต่อสู้ปกป้อง
สวรรค์ไว้อย่างกล้าหาญ  ”
              
            เหล่านักรบสวรรค์ได้ยินก็ยิ่งยิ้มปลาบปลื้ม
                             
                           “  ส่วนจอมปีศาจก็ยังหาไม่เจอ  ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือตายแล้วใช่ไหม  ”
                             
                          “  พะย่ะค่ะ  ”  เซิ่งตู่ทูลตอบ  “  ถูกพลังของท่านชาบูหลั่นตากระแทกจนหายไปกับตา  
ถ้ายังรอดก็คงสาหัสมาก  ”
                             
                          “  แต่ก็ยังประมาทไม่ได้   ต้องหาตัวเขาให้พบว่าอยู่หรือตายแล้วกันแน่   จริงอยู่สวรรค์
เราไม่ชอบการเข่นฆ่าใคร   เว้นแต่ผู้รุกรานจะมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตคิดทำลาย  ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน  เราก็ 
จำเป็นต้องทำ  ” 
                             
                          “  พะย่ะค่ะ  ”
                             
                          “  เอาเถิด  ตอนนี้มีเรื่องที่น่ายินดีก็ดีแล้ว  ”  แล้วพระองค์ก็ทำพักตร์ไม่สู้ดี  “  แต่    
ชาบูหลั่นตา  มีอีกเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไร  ”
                            
                          “  อะไรหรือพะย่ะค่ะ  ”  เขาฉงน
             
             เอ่อจี้ที่ยืนถัดไปเบื้องหลังจักรพรรดิเป่าซินทำหน้าราวกับเจอเรื่องยุ่งยากใจ
                             
                          “  ตอนที่เทพมังกรใช้พลังจัดการจอมปีศาจ  ไม่เพียงแต่ทำให้จอมปีศาจกระเด็นหายไป
เท่านั้น  แต่ยังทำให้พระราชวังทรุดตัว   ทั้งยังเกิดรอยแยกรอยโหว่ขนาดใหญ่ทั้งตามผนังกำแพงและกลาง 
ท้องพระโรง  ”
             
            เทพมังกรทำหน้าเหวอ
                            
                          “  พูดง่ายๆก็คือวังข้าพังแล้ว...ชั่วคราว  ”
                             
                          “  ยังไม่รวมวิมานอื่นๆของชาวสวรรค์  ”  เอ่อจี้ทำหน้าเหนื่อยใจ  “  งานหนักของข้าล่ะสิ
ทีนี้  ”
                             
                          “  ข..ข้าพระองค์ขอทรงอภัยด้วย  ”  ชาบูหลั่นตารีบคุกเข่าด้วยกลัวความผิด  “  ไม่คิด
เลยว่าจะทำให้เดือดร้อนกันขนาดนี้  ”
             
            จักรพรรดิเป่าซินทรงสรวล  “  ใครจะว่าเจ้าได้   ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก  มันพังก็ซ่อมใหม่ได้  ”
             
            พระองค์ทรงสรวลอีกครั้ง  สุรเสียงลั่นกว่าเดิม   ไม่รู้ว่าทรงขบขันที่พลังเทพมังกรรุนแรงได้ขนาดนั้น
 หรือว่าทรงสรวลประชดที่ต้องไร้วังประทับชั่วคราวกันแน่
 
                            
                              “  ท่านแม่ทัพ!  ”
              
            ชาบูหลั่นตาไล่ตามเซิ่งตู่บนทางขึ้นเขา   อีกฝ่ายหันมาเห็นก็หยุดรอ
                           
                          “  ทรงประทานรางวัลให้เจ้าแล้วหรือ  ”
                           
                          “  ขอรับ   แต่ที่นานหน่อยเพราะข้าอยู่รอจนกว่าพระราชวังจะซ่อมเสร็จ  ”
                            
                          “  รู้สึกผิดเหมือนกันน่ะซี  ”
              
           เทพมังกรยิ้มแหยตอบ
                            
                       “  อ้อท่าน  เมื้อกี้ตอนข้าออกมาจากวัง  น่ายินดีมากเลย!   ชาวสวรรค์ไม่กลัวข้าแล้วนะ  
พวกเขาวิ่งมาห้อมล้อมแล้วก็ร้องว่าท่านชาบูหลั่นตาเก่งจังเลย  อย่างนี้  อย่างนี้  ”  เขาเลียนท่าแล้วหัวเราะ
อย่างเริงร่า  เซิ่งตู่เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
                           
                    “  เจ้ามาก็ดีแล้ว   ข้าก็มีรางวัลจะให้เจ้าเหมือนกันนะ  ”  เทพมังกรฟังแล้วตาลุกเป็นประกาย 
“  ในเมื่อเจ้าทำความชอบอย่างมากไว้ในสนามรบ   ข้าก็จะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า   เป็นแม่ทัพรองเลยดีไหม  ”
             
            สีหน้าเขาดูหมดความร่าเริงไปทันที
                            
                           “  ข้าเกรงว่าคงรับรางวัลนี่ไม่ได้  ”
                            
                           “  เพราะอะไร  ”  เซิ่งตู่งง
                            
                           “  ข้าไม่ชอบการรบขอรับ  ไม่อยากได้กลิ่นเลือดอีกแล้ว   อีกอย่างตอนนี้ข้าก็ได้    
การยอมรับแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในทัพของท่านอีก   แต่ถ้ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น  เรียกข้าได้ทันที
แล้วข้าจะกลับมา  ”
              
            ดวงตาอีกฝ่ายฉายความผิดหวัง  ชาบูหลั่นตามองตอบด้วยแววตามุ่งมั่นในการตัดสินใจ
 
                             
                            “  ท่านชาบูหลั่นตา  ” 
             
             ชาวสวรรค์ผู้หนึ่งเรียกด้วยรอยยิ้ม   มองไปรอบๆก็เห็นแต่ชาวสวรรค์ยิ้มชื่นชมเขาทั้งนั้น   พวกเขา
กล้าเข้ามาคุยด้วย   ไม่มีใครกลัวเขาอีกแล้ว  เขากำลังมีความสุขจริงๆ  มีความสุขมาก  มีความสุขที่สุดเลย
                             
                           “  อ้อ ท่านอา  ”  ชาบูหลั่นตายิ้มตอบ  “  เป็นอย่างไรบ้างขอรับ  ”
             
             เทพมังกรแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักเทพผู้นี้มาก่อน  แต่ก็ทำเป็นรู้จักไปเถอะ  เทพผู้นั้นรีบค้อมหัว
                             
                           “  เอ๊ะ อะไรกัน  ท่านมาก้มหัวให้ข้าทำไม  ”
              
            ชาวสวรรค์รอบข้างร่วมยิ้มประจบ
                           
                            “  ท่านชาบูหลั่นตาจงเจริญ  จงเจริญ  ”  พวกเขาสรรเสริญเซ็งแซ่ไปหมด   พอเจอ
คำยกยอเหล่านั้น  เทพมังกรก็ต้องยิ้มปลื้ม   แต่...มันรู้สึกแปลกๆอย่างไรไม่รู้
                             
                            “  พวกท่านไม่ต้องก้มหัวได้ไหม  เวลาคุยกับข้าก็ทำตัวปกติเหมือนเป็นเทพทั่วไป  ”
                            
                            “  ไม่ได้หรอกท่านเป็นผู้มีพระคุณจะให้เราตีเสมอได้อย่างไร  ”
                             
                            “  จริงด้วย  พลังท่านแกร่งกล้ามากจนพวกปีศาจกลัวจนตัวสั่น  ”
              
            ชาบูหลั่นตารู้แล้ว   อะไรที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ   เขาได้รับการยอมรับ  ชาวสวรรค์เลิกกลัวเขาแต่
เปลี่ยนเป็นยำเกรงแทน   เป็นความรู้สึกตะขิดตะขวงเมื่อเห็นพวกเขาพากันมาก้มหัวนบนอบเช่นนี้
                             
                          “  ข้าขอตัวก่อนนะ  ”
              
            ชาวสวรรค์ค้อมกายแล้วหลีกทางให้  ชาบูหลั่นตาผ่านพวกเขาออกมา   ความรู้สึกเมื่อครู่ยิ่งทำให้  
ขบคิด  แบบนี้หรือที่เขาต้องการ  เขาเดินนิ่วหน้ามุ่งไปทางอุทยาน  ชะงักด้วยเห็นแม่ทัพใหญ่ยืนอยู่   ท่าทาง
รอเขาอยู่
                             
                            “  ดูเจ้าไม่ค่อยมีความสุขเหมือนครั้งก่อนที่คุยกัน  ”
             
            เซิ่งตู่ไต่ขึ้นไปนั่งบนหินก้อนใหญ่  มองจากตรงนี้เห็นทิวทัศน์น้ำตกงดงามมาก
                            
                          “  ข้ากำลังขบคิดเรื่องๆหนึ่งอยู่  ”
                             
                          “  อะไรล่ะ  ”
                             
                          “  ข้าได้รับการยอมรับแล้ว  ข้ามีความสุขมาก  แต่ตอนนี้ข้ากลับกำลังสงสัย  ว่าข้า  
ต้องการอย่างนี้จริงหรือ  ”
             
            เซิ่งตู่หันมาด้วยแววตาสงสัย
                            
                        “  พวกเขายำเกรงข้า  เวลาคุยก็ก้มหัวตลอดเวลา  แต่นั่นกลับทำให้ข้าอึดอัดอย่างไรไม่รู้  
ข้าอยากให้พวกเขาพูดคุยกับข้า  เปิดอก  เล่นหยอกกันได้เหมือนข้าเป็นเทพทั่วไป  ”
                            
                        “  ด้วยฐานะหน้าที่ของเจ้า   เป็นไปไม่ได้หรอก  ไม่มีทางที่พวกเขาจะคุยเล่นหัวกับเจ้า
เหมือนเทพธรรมดาได้   แค่ได้รับการยอมรับก็ดีที่สุดแล้ว  ”  เซิ่งตู่บอก  “  ข้าก็เคยเป็นเหมือนเจ้า  จะต่าง
หน่อยก็แค่ข้าอยากได้รับการยอมรับในฐานะนักรบสวรรค์ที่น่าภาคภูมิ   แต่พอได้แล้วข้าก็ต้องเสียความเป็น   
ตัวเองไป  รวมถึงเพื่อนสนิท  คำว่าเพื่อนเรียกกันแต่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากกว่าเท่านั้น  แต่ไม่อาจคุยได้
อย่างเปิดอกอีกต่อไป  ”
                            
                        “  น่าเศร้าจัง  ”  ชาบูหลั่นตาว่า  “  เช่นนั้นอีกหน่อยข้าคงเหมือนท่าน   เงียบขรึม     
นึกแล้วประหลาดตัวเองพิลึก  แต่ข้าจะไม่เสียเพื่อนไปเหมือนท่านหรอก   แต่ข้าจะไม่มีเพื่อน  ไม่มีแม้แต่โอกาส
จะมีด้วยซ้ำ  ”
                            
                         “  ชาบูหลั่นตา  ”  เซิ่งตู่พูด  “   ข้าว่าเจ้ากลับมาอยู่กองทัพเหมือนเดิมเถอะ   ที่นั่น
เหมาะกับเจ้ามากกว่า   ถึงเจ้าจะไม่อยากรบไม่อยากได้กลิ่นเลือด  แต่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเจ้าก็ต้องร่วมรบอยู่ดี  
และเจ้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเจ้าได้รับการยอมรับเพราะรบชนะ”
            
             ชาบูหลั่นตามีสีหน้าเครียดและลำบากใจ   แต่ก็รู้ว่าคงปฏิเสธไม่ได้
                            
                          “  นักรบสวรรค์ที่นั่นก็คงยำเกรงข้าเหมือนกัน  ”
                            
                          “  แน่นอน  ”  เซิ่งตู่บอก  “  แต่ถ้าอยากคุยเปิดอกก็มาหาข้าได้   เหมือนตอนนี้อย่างไร
ล่ะ  ”
                            
                          “  อย่างท่านน่ะนะ   ไม่มีเวลาให้ข้าหรอก  ”
             
            เซิ่งตู่หัวเราะตอบเบาๆ
                            
                          “  จะว่าไปข้าไม่ได้มาที่อุทยานนี้นานแล้วนะ  หลายเดือนเลย  ”
                            
                          “  นั่นสิ   มาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่มาจับเจ้า  ”
                            
                          “  ส่วนข้าก็ตอนที่โดนจับ  ”  ชาบูหลั่นตาหัวเราะ  “  ยังงามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  ”
                            
                          “  จริงสิ  ”  เซิ่งตู่นึกได้  “  ถ้าเจ้าเบื่อๆเหงาๆจะลองลงไปเที่ยวโลกมนุษย์ก็ได้นะ  ”
                            
                          “  โลกมนุษย์  ”
                            
                          “  ที่นั่นมีสวนป่างามๆ  ทั้งที่งามน้อยกว่าเราและบางที่ที่งดงามเหมือนสวนสวรรค์เลยก็มี 
มีมนุษย์มากหน้าหลายตาถ้าเจ้าปลอมตัวไปคุยกับพวกเขาก็ได้   มีเทศกาลการละเล่นต่างๆ  เจ้าคงหายเบื่อได้
ทีเดียว  ”
                             
                          “  จริงหรือขอรับ!  ”  เทพมังกรตาลุกด้วยความตื่นเต้น
                             
                          “  แล้วอย่าเถลไถลไปนานนัก   อย่าลืมหน้าที่ของเจ้าด้วย  ”
                             
                          “  ขอรับ  ”  เขารีบตอบด้วยความดีใจ
            
             โลกมนุษย์อย่างนั้นหรือ  โลกมนุษย์  โลกมนุษย์   รอชาบูหลั่นตาก่อนนะ!                            

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา