Tale of Utopia

6.9

เขียนโดย The_Paper

วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.12 น.

  15 บท
  8 วิจารณ์
  16.99K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) บทที่ 12 ปะทะดาร์คอาเธอร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 12 ปะทะดาร์คอาเธอร์

 

 

“ม่านเวทย์มนต์หายไปแล้ว!”  อาเรนตะโกนบอกชินขณะที่ทั้งสองกำลังตะลุมบอนอยู่กับทหารฝ่ายตรงข้ามท่ามกลางสนามรบ

 

 

“หมายความว่าไง?”  ชินตะโกนตอบ

 

 

“พวกเรามีพลังเหนือกว่าก็จริง      แต่ไม่สามารถรบชนะได้อย่างเด็ดขาด     เพราะไม่สามารถยกกองทัพเข้าไปในแพนดอร่าได้ยังไงล่ะ  ม่านเวทมนต์ที่คุ้มครองแพนดอร่าไว้นั้นแข็งแกร่งมากเพราะฝีมือของนักเวทย์เหมือนพวกเรา”

 

 

“เดอะมิลเลอร์!”  ชินเรียกชื่อนั้นออกมาอย่างโกรธแค้น  พูดถึงนักเวทย์ที่ไปอยู่ฝ่ายดาร์คอาเธอร์เขาก็นึกออกอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น   อีกทั้งเขายังไม่ลืมสิ่งที่เดอะมิลเลอร์ทำเอาไว้กับแอนน์อีกด้วย   เขาคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าได้เจอกันอีกเขาจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปอีกแน่

 

 

“ใช่น่ะสิ....แต่ตอนนี้ม่านเวทมนต์นั้นมันหายไปแล้วน่ะสิ   โอกาสของเรามาถึงแล้ว!”

 

 

“มันจะหายไปเองได้ยังไง?”  ชินยังคงเต็มไปด้วยสงสัย   เขากลัวว่านี่จะเป็นกับดักหรือเปล่า?

 

 

“นั้นสิ....ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ดูเหมือนม่านเวทมนต์จะไม่ได้หายไปเพราะถูกทำลายนะ  แต่เจ้าของมนตราเป็นคนปลดผนึกเองมากกว่า”

 

 

ชินยังคงมองไปที่หอคอยด้วยสายตากังวลอยู่ดี  ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเป็นพวกแอนน์กับคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น     แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ท้องฟ้าดูเหมือนจะยิ่งมืดลงทุกขณะทั้งๆที่กำลังจะใกล้รุ่งสางแล้วแท้ๆ

 

 

“ท้องฟ้า!”  ชินพูดขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า  อาเรนเองก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”

 

 

“ดาร์คอาเธอร์...” ชินกระซิบ “เร็วเถอะ! อาเรน...ไม่มีเวลาแล้ว   ในเมื่อไม่มีม่านเวทมนต์อีกต่อไปแล้วพวกเราก็รีบบุกเข้าไปในแพนดอร่ากันเลยเถอะ”

 

 

อาเรนพยักหน้ารีบออกคำสั่งกับทหารทันที

 

 

 

**********

 

 

 

“ทำไมคุณถึงทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ลงไปได้ลงคอคะ?”  ฉันถามพยายามใจดีสู้เสือ  ทั้งๆที่ตอนนี้กลัวจนตัวสั่นไปหมดซะแล้ว

 

 

“หึ  พวกนักเวทย์นั้นแหละที่ผิด....”

 

 

“คุณรู้รึเปล่าว่าสิ่งที่คุณทำ...ทำให้คนอื่นต้องเดือนร้อนกันมากแค่ไหน....”

 

 

“ทำไมฉันไปสนใจด้วยละ  พวกที่ไร้ความสามารถน่ะยังไงก็เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้นเอง”

 

 

“คุณเป็นคนยุยงให้พวกพ่อมดแม่มดทำเรื่องแบบนี้ล่ะสินะ....   ทั้งนักเวทย์ทั้งพ่อมดแม่มดก็ที่ใช้เวทย์มนต์เหมือนกันแท้ๆ”

 

 

“หึ....เจ้าอย่ามาพูดเป็นอันขาดนะว่าพวกเราใช้พลังเหมือนกัน!” ดาร์คอาเธอร์ตะคอกเสียงดังมากจนฉันแทบขยับตัวไม่ได้เพราะความกดดันที่แผ่ออกมา

 

 

“พวกแม่มดพ่อมดคนอื่นๆน่ะก็พากันอ่อนแอกันจนเกินไปถึงขั้นไม่ยอมลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธ์ของตนเอง  ฉันเลยเข้าควบคุมพวกนั้นมันซะเลย    สุดท้ายแล้วพวกนั้นน่ะแหละที่จะต้องขอบคุณฉัน  ฮ่าๆๆๆๆ”

 

 

“ควบคุม?  คุณหมายความว่ายังไง?”

 

 

“ศาสตร์มืดนะ...  ไม่ได้มีไว้ดูเล่นหรอกนะ  พวกที่อ่อนแอก็ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว  อย่างเช่น....คนอย่างฉันยังไงล่ะ?”

 

 

ฉันเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจเพราะคาดไม่ถึง “หมายความว่าทุกคนที่ต่อสู้ที่จริงแล้ว....ถูกคุณควบคุมอยู่อย่างนั้นเหรอเนี่ย?”

 

 

“ฉันไม่มีต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกหน่า   ฉันแค่ควบคุมเฉพาะพวกที่ไปครองอาณาจักรอื่นๆเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว   แต่ถ้าเป็นพวกพ่อมดแม่มดที่อยู่ในแพนดอร่าเองแล้วละก็....”

 

 

“ร้ายกาจที่สุด!  คุณบ้าไปแล้วรึไง....ทำเหมือนคนเป็นสิ่งของได้ยังไงกัน   คุณกำลังทำลายสมดุลแห่งยูโทเปียนะ  คุณกำลังทำให้ทุกคนต้องเข่นฆ่ากันเอง   ต้องเจ็บปวด   ต้องล้มตายไปมากเท่าไหร่กัน!”

 

 

“ไม่เห็นจะสนใจเลย    ยังไงๆพ่อมดแม่มดกับนักเวทย์ก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อยู่แล้ว”

 

 

“ไม่จริง....มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดแบบนั้น”

 

 

“หึ....งั้นฉันจะเล่าอะไรดีๆให้ฟังเอาไหม...  แม่ของฉันเป็นแม่มด  ส่วนพ่อนะเป็นนักเวทย์.....ตอนที่ฉันเกิดพี่ชายของท่านพ่อของฉันก็คือกษัตริย์แห่งมิดไนท์นั่นเอง   แน่นอนว่าเขาเป็นพ่อมดมาจากเลือดผสมเหมือนกัน     เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกเลยว่าไหม.....ที่ฉันซึ่งเป็นพี่ชายกลับเป็นพ่อมดแต่น้องชายที่เกิดมาทีหลังกลับเป็นนักเวทย์และได้รับการเชิดชูมากกว่าเสียอย่างนั้น  

 

 

สุดท้ายแทนที่พ่อจะยกสมบัติให้ลูกคนโตอย่างฉัน กลับไปยกสมบัติให้น้องชายที่เป็นนักเวทย์ไปเสียนี่     เมื่อพี่ชายของท่านพ่อที่เป็นกษัตริย์แห่งมิดไนท์สิ้นไป  พวกเขาก็ต้องเลือกทายาทเพื่อมาปกครองอาณาจักรมิดไนท์แทนซึ่งมันควรจะเป็นฉัน    ลูกชายคนโตและยังเป็นพ่อมดอย่างฉัน     แต่ท่านพ่อกลับแหกกฎแล้วให้นักเวทย์ที่เป็นน้องชายฉันขึ้นปกครองแทนหน้าตาเฉย  น่าขันไหมล่ะ...  

 

 

ตอนนั้นฉันแค้นใจมากจริงๆ   เพราะท่านพ่อเองก็เป็นนักเวทย์ถึงไม่ไว้ใจฉันล่ะสินะ....ถึงได้ให้น้องชายของฉันปกครองอาณาจักรมิดไนท์แบบนั้น   ทั้งๆที่ไม่เคยมีนักเวทย์คนไหนรับตำแหน่งนี้มาก่อน   ฉันไม่มีทางยอมเด็ดขาด!”

 

 

“.....”  ฉันเงียบกริบใจไม่อยากรู้เลยว่าดาร์คอาเธอร์ลงมือทำเช่นไรต่อไป

 

 

“ฉันก็เลยฆ่าน้องชายของตัวเองซะเลยน่ะสิ    เห็นไหม...ฉันเก่งกว่าเห็นๆ  ฉันต่างหากคือคนที่สมควรจะได้บัลลังก์   แต่สุดท้ายท่านพ่อกลับยังไม่ยอมยกบัลลังก์ให้ฉัน    เขาออกคำสั่งเนรเทศฉัน    และที่ร้ายที่สุดท่านพ่อก็ยกเมืองมิดไนท์ให้กับพ่อมดที่เป็นที่ปรึกษาสนิทแทน”

 

 

“นั้นเป็นเพราะท่านพ่อของคุณรู้ว่าคุณเป็นคนยังไงน่ะสิ   คนที่ฆ่าได้แม้กระทั่งน้องชายของตัวเองจะมาปกครองบ้านเมืองได้อย่างไรกัน”

 

 

“หุบปากนะ!  ท่านพ่อกลัวว่าฉันจะเก่งจนควบคุมไม่อยู่นะสิ    กลัวฉันที่เป็นพ่อมดแต่กลับมีพลังมหาศาลมากกว่านักเวทย์บางคนเสียอีก    แต่ถึงฉันจะถูกเนรเทศฉันก็หาหนทางกลับมาได้ในที่สุดอยู่ดี   ฉันออกเดินทางไปทั่วจนกระทั่งได้มาพบกับคนๆหนึ่งเข้า.....”

 

 

ฉันหรี่ตาลงด้วยความสงสัย

 

 

“คนๆนั้นไม่เหมือนคนอื่น  เธอไม่ยอมบอกฉันว่าเธอเป็นใครหรืออะไร   เธอเพียงแต่ถามฉันเพียงคำถามเดียวว่า  “ฉันอยากจะปกครองยูโทเปียหรือเปล่า   อยากได้พลัง....อยากเหนือกว่าใครทุกคนใช่หรือเปล่า?”    แน่นอนฉันต้องตอบว่าใช่อยู่แล้ว    หลังจากนั้นเธอคนนั้นก็มอบอำนาจที่ยิ่งใหญ่ให้กับฉันก่อนที่จะจากไป

 

ศาสตร์มืด....สิ่งที่จะนำฉันไปสู่ความยิ่งใหญ่  ฉันกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมด้วยพลังที่ไม่ว่าใครก็ต้องสะพรึงกลัว  คนๆแรกที่ฉันสังหารก็คือกษัตริย์แห่งแพนดอร่า...ท่านพ่อของฉันนั่นเอง”

 

 

“อะไรนะ....”

 

 

“หลังจากนั้นฉันก็ขึ้นครองเมืองแพนดอร่าแทน    ความฝันของฉันกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว.....ฉันจะเป็นคนปกครองยูโทเปียเอง  และฉันจะไม่ยอมให้นักเวทย์เป็นใหญ่ในยูโทเปียอีกต่อไปแล้วด้วย  แม้แต่ผู้ถูกเลือกอย่างเธอ...เทพธิดาเองก็หยุดฉันไม่ได้เช่นเดียวกัน”

 

 

“มันคุ้มแล้วเหรอกับการขายวิญญาณให้กับปีศาจน่ะ”   ไม่มีทางที่ฉันจะพูดเกลี้ยกล่อมดาร์คอาเธอร์ได้เลย   แบบนี้มีแต่ต้องต่อสู้กันจนชนะกันไปข้างหนึ่งเพียงเท่านั้น

 

 

“กับพลังที่ได้มาไม่มีอะไรที่จะคุ้มค่าไปกว่านี้แล้ว....”  ดาร์คอาเธอร์สะบัดไม้เท้าใช้พลังเวทย์ทำให้เศษกระจกที่ตกอยู่โดยรอบลอยขึ้นพร้อมกับหันปลายแหลมมาที่ฉัน

 

 

“ในฐานะตัวแทนของยูโทเปีย.....ฉันจะเป็นคนหยุดคุณเอง!” ฉันลงมือเสกกระดาษขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วนเตรียมรับมือ

 

 

ดาร์คอาเธอร์ยิ้มกริ่มขณะที่บังคับให้กระจกพุ่งมาหาฉันอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน    ในขณะที่ฉันก็บังคับให้กระดาษพุ่งเข้าไปปะทะในทันทีเช่นเดียวกัน

 

 

 

**********

 

 

 

“แอนน์บุกเข้าไปถึงข้างในหอคอยแล้วหรือยังนะ?”  โมโมะพูดขึ้นอย่างร้อนรน  มันใช้พลังในการหลบหนีไปแล้วมากพอสมควร

 

 

“อย่างน้อยแผนของแอนน์ใช้ได้ผลล่ะนะ...”  เอเรียสล้วงเอาสมุนไพรในกระเป๋ามาสมานแผลให้ตนเองและโมโมะ   ร่างเลียนแบบที่อยู่กับเอเรียสถูกทำลายไปแล้ว   เขาจึงไม่รอช้ารีบตามหาโมโมะแล้วตามมาสมทบเพื่อปกป้องร่างเลียนแบบร่างสุดท้ายเอาไว้

 

 

“พวกนั้นตามหาเรา  ยิ่งกว่าอะไรดี....”  เอเรียสกล่าวขึ้นพร้อมกับพยักหน้าไปทางร่างปลอมที่นั่งนิ่งอยู่

 

 

“อย่างไรก็ตามพวกเราคงต้านได้อีกไม่นานแน่   พวกนั้นมีเยอะเกินไป”

 

 

“ไม่ไหวก็ต้องไหว!” โมโมะพูดขึ้นอย่างหนักแน่น

 

 

“อยู่นั่น....”  เสียงของคนๆหนึ่งพูดขึ้น  โมโมะกับเอเรียสรีบลุกยืนขึ้น   เอเรียสหันไปคว้าร่างปลอมของแอนน์   ในขณะที่โมโมะรีบให้เอเรียสขี่หลังแล้ววิ่งไปทันที

 

 

ทั้งสองวิ่งหนีออกจากที่ซ่อนอย่างไม่คิดชีวิต   ในที่สุดแม่มดคนหนึ่งก็ยิงพลังเวทย์เฉียดไปโดนเอเรียสเข้าจนได้  ชายหนุ่มร้องออกมาเจ็บปวดขณะที่ตัวเองกับร่างแอนน์ตัวปลอมล้มลงกับพื้นทันที      โมโมะก็พลอยหยุดชะงัก  ตอนนี้ทั้งสองกำลังถูกล้อมเสียแล้ว

 

 

“พวกแกหนีไม่รอดแน่...”  พ่อมดคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับร่ายมนต์

 

 

โมโมะกับเอเรียสยืนนิ่งอึ้ง    แต่ทันใดนั้นเองธนูดอกหนึ่งก็พุ่งมาปักที่กลางหลังของพ่อมดคนนั้น

 

 

“ชิน!  อาเรน!”  โมโมะตะโกนออกมาอย่างดีใจ

 

 

ชินกับอาเรนที่อยู่บนหลังม้าปรากฏตัวขึ้นอย่างทันการณ์พร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งที่ติดตามเข้ามาด้วย

 

 

“แอนน์!”  ชินร้องอย่างตกใจเมื่อมองไปเห็นร่างที่ล้มอยู่  เขารีบกระโดดลงจากหลังม้าไปประคองทันที    แต่พอเขามองร่างนั้นใกล้ๆจึงรู้สึกได้ว่านี่เป็นเพียงร่างเลียนแบบที่ทำจากกระดาษเท่านั้นเอง

 

 

“นี่มัน...”

 

 

“แอนน์ล่ะ?”  ชินรีบถามโมโมะกับเอเรียสโดยไว

 

 

โมโมะได้แต่ทำท่าอึกอักไม่กล้าตอบออกไปตรงๆ   นั่นทำให้ชินรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“แอนน์อยู่ไหนกันแน่?”

 

 

“ตอนนี้คงจะเข้าไปถึงยอดหอคอยแล้วล่ะ”  เอเรียสเป็นคนตอบในที่สุด

 

 

“ว่าไงนะ!  แอนน์เข้าไปเผชิญหน้ากับดาร์คอาเธอร์คนเดียวเนี่ยนะ!”  ชินร้องออกมาอย่างตระหนก 

 

 

แอนน์ไปที่นั่นคนเดียวได้ยังไงกัน  แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อไปนั้นเอง  ทหารของฝ่ายตรงข้ามกับพ่อมดแม่มดอีกกลุ่มหนึ่งก็โผล่ออกมาจากทุกทิศทาง

 

 

ทุกคนจับอาวุธขึ้นมาทันที   ชินยกดาบขึ้นมา

 

 

“เจอกันอีกจนได้นะ...เจ้าชาย...”

 

 

“แบล็คฮาร์ท!”  ชินร้องออกมาอย่างโกรธแค้น  เพราะพ่อมดคนนี้นี่เองที่เข้ามาแย่งชิงบัลลังก์ของอาณาจักรฟรีดอมไป

 

 

“คราวนี้เจ้าชายอย่าคิดนะว่าจะโชคดีหนีไปได้เหมือนครั้งที่แล้วน่ะ”

 

 

“คนที่จะต้องพูดประโยคนั้นออกมามันคือฉันเองต่างหาก...”  ชินโต้กลับไปในทันทีทั้งๆที่ใจของเขากำลังเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม

 

 

แอนน์....อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ  ฉันจะต้องรีบไปช่วยเธอให้เร็วที่สุด!

 

 

 

**********

 

 

 

“ตึกตัก...ตึกตัก....”  วินาทีที่เศษกระจกที่เต็มไปด้วยปลายแหลมคมจำวนนับไม่ถ้วนปะทะเข้ากับกระดาษมากมายที่ฉันแสกขึ้นมา    ฉันรู้สึกราวกับเวลาได้ถูกหยุดลงอย่างไรอย่างนั้น   ภาพที่ฉันจ้องมองอยู่เชื่องช้าลงจนกระทั่งฉันสามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แบบวินาทีต่อวินาที    แม้แต่เสียงหัวใจของฉันได้ยามนี้ฉันก็ได้ยินมันชัดเจนอีกกว่าครั้งใด

 

 

ฉันรู้สึกไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา    ฉันควรจะบรรยายความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไรดีนะ....

 

 

“หนังสือถูกเปิดออกแล้ว...”  ฉันกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบาขณะที่ความรู้สึกปลื้มปิติหลั่งไหลเข้ามาในร่าง

 

 

“....”   เศษกระจกบางชิ้นคมกริบเกินไปจนกระทั่งกระดาษของฉันไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้   ฉันเบี่ยงตัวหลบเศษกระจกชื้นนั้นได้อย่างง่ายดาย  ไม่อย่างนั้นก็เสกกระดาษขึ้นมาอีกชิ้นที่แข็งแรงพอที่จะยับยั้งเศษกระจกที่มุ่งเข้ามาทำร้ายได้  ณ  วินาทีนี้ทั้งความลังเล   ความหวาดกลัว   ความหวั่นไหวได้จากไปจนหมดแล้ว  ที่ตรงนี้เหลือแต่เพียงตัวฉันที่เกิดใหม่แล้วเพียงเท่านั้น

 

 

ดาร์กอาเธอร์หยุดมองฉันอย่างพิจารณา   เขาเองก็เป็นพ่อมดที่มีอำนาจแก่กล้าย่อมสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวฉัน  แววตาของพ่อมดผู้ชั่วร้ายไม่มีวี่แววของการล้อเล่นเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว

 

 

“เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์นะ....ผู้ถูกเลือก  การที่ได้มาเห็นคู่ต่อสู้มีพลังแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นกับตาตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากทีเดียว     แต่เธอคงไม่คิดว่าพลังแค่นี้จะสามารถเอาชนะฉันได้หรอกนะ   เวลาของเธอมีน้อยเกินไป...ผู้ถูกเลือก   ไม่สิ...เดอะเปเปอร์ล่ะสินะ”

 

 

“คุณพูดถูก...ฉันไม่มีเวลาอีกแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าตนเองจะแพ้หรอก”  ฉันเอ่ยตอบ

 

 

“เวลาของเธอจะจบลงด้วยน้ำมือของฉันนี่ล่ะ....ฮ่าๆๆๆ”

 

 

ฉันไม่ได้หวั่นไหวไปกับคำพูดของดาร์กอาเธอร์แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่พ่อมดพูดเป็นความจริง   อย่างไรก็ตามฉันไม่คิดที่จะอยู่เฉยๆแน่    ฉันเลือกที่จะโจมตีก่อนจึงเสกธนูกระดาษจำนวนมากเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รอช้า  ดาร์คอาเธอร์ยิ้มกริ่มขณะที่เหวี่ยงไม้เท้าของตนเองอยากไร้กังวล   เมื่อนั้นก็เหมือนเงาดำมืดมาคว้าและปัดป้องธนูของฉันเอาไว้ได้หมด

 

 

“อึก....”  ฉันไม่ยอมปล่อยให้ดาร์กอาเธอร์ลงมือ   ฉันตัดสินใจเสกกระดาษจำวนมากขึ้นมาอีกครั้ง  ก่อนที่กระดาษเหล่านั้นจะต่อกันเป็นสายยาวจนกลายเป็นเชือกขนาดใหญ่  ฉันรีบบังคับมันให้พุ่งเข้าไปพันธนาการพ่อมดในทันที

 

 

“ยังอ่อนหัด...”  ดาร์กอาเธอร์พูดอย่างดูถูก  ก่อนจะใช้แรงของตนเองสะบัดออกจากพันธนาการของฉัน

 

 

“กรี๊ด!”  แรงเหวี่ยงนั้นมีกำลังมากจนฉันคาดไม่ถึง   ฉันที่จับอีกด้านของเชือกตัวปลิวจนกระเด็นไปชนผนังเข้าอย่างจัง  นาทีนั้นฉันรู้สึกเหมือนทุบเข้าที่แผ่นหลังอย่างแรงจนรู้สึกจุกไปหมด

 

 

“ฟึ่บส์!” ข้างนอกนั่น...ร่างปลอมร่างสุดท้ายของฉันถูกทำลายลงซะแล้ว  ฉันแข็งใจลุกขึ้นยืนอีกครั้ง   ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งไม่มีทางถอยซะแล้ว

 

 

“อ๊ะ..” เศษกระจกที่พื้นบาดเข้าที่มือของฉันจนเลือดไหลออกมา  แต่ฉันไม่คิดที่จะสนใจ  จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด...

 

 

ฉันเสกกระดาษขึ้นนับไม่ถ้วนอีกครั้งก่อนจะใช้พลังบังคับให้หมุนวนไปรอบๆคล้ายพายุ   ส่วนดาร์คอาเธอร์ก็ยกไม้เท้าขึ้นมาก่อนที่เงามืดสีดำจะปรากฏขึ้นอีกครา   พายุกระดาษสีขาวของฉันกับเงามืดสีดำทะมึนของพ่อมดพุ่งเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร   สีขาวกับสีดำตัดกันจนดุวุ่นวาย....เงามืดของดาร์กอาเธอร์พายามที่จะสลายกระดาษของฉัน  แต่ว่าฉันคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว   คราวนี้ฉันถึงเสกกระดาษจำนวนมากเป็นพิเศษจำนวนมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเสกขึ้นมาเลยทีเดียว

 

 

ภายใต้พายุกระดาษภายในพายุนั้นยังมีกระดาษอยู่อีกจำนวนหนึ่งหลบซ่อนอยู่  ถึงเวลาเป็นฝ่ายโจมตีอีกครั้งแล้ว

 

 

“รับมือ!”  ฉันเอ่ยขณะที่พายุกระดาษอีกลูกพลันพุ่งออกมาจากท่ามกลางความโกลาหล ฉันใช้มันโจมตีใส่อีกฝ่ายทันที

 

 

“.....”   ดาร์คอาเธอร์เคลื่อนตัวหลบพลังของฉันเป็นครั้งแรก   เขาพยายามเรียกเงามืดของตนเองกลับมาแต่ก็ถูกกระดาษอีกส่วนหนึ่งของกักเอาไว้แล้ว      สีหน้าของพ่อมดดูเหมือนจะโมโห  เขาควงไม้เท้าของตนเองพร้อมกับร่ายมนต์บทใหม่ออกมา    ฉันอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างออกมาด้วยความประหลาดใจ  เมื่อเห็นเงาสีดำพุ่งออกมาจากไม้เท้านั้นอีกครั้ว    แต่คราวนี้เงามืดพวกนั้นกลับมีรูปร่างที่แปลกไป

 

 

“เปลวไฟ!”  ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจ   และแล้วก็เป็นอย่างที่ฉันกลัว....เปลวไฟสีดำพวกนั้นเผาพายุกระดาษของฉันให้กลายเป็นเศษซากได้อย่างง่ายดาย   ก่อนที่จะลามมาหาตัวฉันด้วย    ฉันรีบเสกปีกแล้วบินหนีไปตามสัญชาตญาณในทันที 

 

 

“หึ...”  ดาร์กอาเอร์ยิ้มกริ่มขณะที่เหวี่ยงไม้เท้าอีกครั้ง   เมื่อนั้นเปลวไฟก็โหมแรงขึ้นจนฉันหนีไปทัน    แย่แล้ว...เปลวไฟนั้นเข้ามาใกล้จนไหม้ปีกของฉันไปจนหมด     ก่อนที่มันจะเข้ามาทำร้ายฉันได้ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง...ฉันเสกกระดาษแผ่นใหญ่ขึ้นมาเป็นโล่พันรอบตัวก่อนจะพุ่งออกมาจากวงล้อมเพลิงนั้นอย่างไม่มีทางเลือก

 

 

“แค่กๆๆ”  ถึงจะหนีออกมาได้  แต่ฉันรู้สึกอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก  เปลวไฟนั้นไม่ธรรมดา....

 

 

“หนีเก่งจริงนะ!”

 

 

“ใครหนีกัน!”  ฉันสวนกลับขณะที่เสกร่างปลอมขึ้นมานับสิบร่างแล้วสั่งให้เข้าโจมตีดาร์กอาเธอร์อย่างไม่รอช้า

 

 

“ตัวจริงยังเอาชนะฉันไม่ได้  แล้วนับประสาอะไรกับตัวปลอมพวกนี้กัน....”  ภายในพริบตาร่างปลอมของฉันถูกทำลายไปหลายร่าง  แต่ในที่สุดร่างนึงที่เหลือก็พุ่งเข้าไปจับตัวของดาร์คอาเธอร์เอาไว้ได้สำเร็จ

 

 

“สำเร็จ!”  ฉันวิ่งเข้าไปโจมตี

 

 

“ไม่มีทาง....”  ดาร์กอาเธอร์ตะโกนตอบขณะที่พยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของฉัน  แต่ดูเหมือนเขาจะช้าไปซะแล้ว   ฉันเสกกระดาษขึ้นมาเป็นดาบก่อนที่จะพุ่งเข้าไปแทงเข้าที่ร่างของพ่อมดอย่างรวดเร็ว

 

 

“ฉึก....”  ดาบของฉันเสียบร่างนั้นจนมิดในขณะที่ร่างของดาร์คอาเธอร์กระตุกอย่างแรง  ศีรษะของเขาจะตกลู่ลงส่วนฉันหอบหายใจ    แต่ทว่าวินาทีถัดมาฉันก็รู้สึกแปลกๆ....แทนที่จิตสังหารของฝ่ายตรงข้ามจะหายไปแต่กลับกลายเป็นเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ    ฉันเอะใจจึงรีบปล่อยมือออกจากดาบกระดาษแต่ก็ช้าไปแค่เสี้ยววินาทีดาร์คอาเธอร์ที่น่าจะไม่สามารถต่อสู้ได้แล้วกลับยกมือขึ้นมาจับดาบกระดาษของฉันและมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้แน่นพร้อมๆกับที่เงาสีดำจำนวนมากพุ่งออกมาจากตัวเขา

 

 

“ฮ่าๆๆๆในที่สุดฉันก็จับตัวเธอไว้ได้แล้วสินะ   ถามจริงๆเถอะเธอคิดว่าฉันจะมาเสียท่าเพราะของแบบนี้อย่างนั้นหรือไง?” ฉันใจหายวูบแต่ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก  ดาบของฉันกำลังถูกพลังแห่งความมืดนั้นกลืนกินไปอย่างช้าๆ  ฉันพยายามดิ้นหนีสุดแรงเกิดแต่มือที่จับฉันไว้อยู่นั้นแข็งแกร่งเกินไป    และแล้วในไม่ช้าร่างปลอมก็ถูกกลืนกินไปด้วยเช่นกัน

 

 

“ไม่นะ.....”  ฉันจะไม่ยอมถูกความมืดกลืนกินจนหายไปแบบนี้  ฉันเกร็งตัวพยายามรีดเร้นพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา  จนกระทั่ง....

 

 

“ตูม!”  ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงระเบิดขณะที่ตนเองกระเด็นออกมาจากเงามืดของดาร์กอาเธอร์   พ่อมดเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ  แต่ก็พยายามเดินเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้ง

 

 

“....”  ก่อนที่ฉันจะคิดได้ว่าควรอะไรทำอย่างไรต่อไป   ร่างของดาร์คอาเธอร์ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงซะแล้ว    วินาทีนั้นฉันยกมือขึ้นป้องกันโดยสัญชาตญาณ    ตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ฉันไม่เคยใช้มาก่อน....มันคือพลังอะไรฉันก็ไม่สามารถบอกได้เหมือนกัน  แต่ทว่ามันช่วยป้องกันไม่ให้ดาร์ดอาเธอร์เข้ามาถึงตัวฉันได้   ฉันเกร็งตัวพยายามใช้พลังที่ได้มาใหม่ป้องกันตนเองสุดชีวิต

 

 

“เธออยู่ธาตุลมงั้นรึ  พลังแบบนี้คนหลายคนต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตกว่าจะสามารถใช้มันได้   น่าทึ่งจริงๆนะ แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพออยู่ดีนั่นแหละ!”  สิ้นประโยคนั้นดาร์คอาเธอร์ก็พังทลายกำแพงที่ดูเหมือนจะมองไม่เห็นนั้นลงได้อย่างง่ายดาย  ฉันรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้อย่างหมดรูป พลังของอีกฝ่ายดูจะเหนือกว่าฉันทุกด้านจริงๆ....  ฉันรู้สึกหมดหวังขณะที่ฝ่ามือของดาร์คอาเธอร์พุ่งเข้ามารวบคอของฉันเอาไว้อย่างที่ฉันไม่มีทางสู้

 

 

“ปล่อยฉันนะ!”  ฉันกรีดร้องพร้อมกับดิ้นหนี  แต่ก็ไร้ประโยชน์   พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป   ฉันถูกฝ่ามือนั้นจับเอาไว้แน่นก่อนที่พ่อมดจะกระแทกตัวฉันลงกับพื้นจนฉันรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว  

 

 

บ้าที่สุด!   มือของเขาบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ  ฉันกำลังจะตายอย่างนั้นเหรอ...? ฉันคิดอย่างหวาดกลัวเมื่อมองไปเห็นแววตาที่โหดเหี้ยมของอีกฝ่าย    เขาไม่คิดที่จะออมมือเลยแม้แต่น้อย  ฉันทำได้แต่พยายามตะเกียดตะกายสุดฤทธิ์    ในไม่ช้าดวงตาของฉันเริ่มพร่าเนื่องจากขาดอากาศหายใจ    ก่อนที่สติสุดท้ายของฉันจะหลุดลอยไปทันใดนั้นฉันก็มองขึ้นไปบนเพดานที่ตอนนี้มีสีดำ   ความคิดสุดท้ายของฉัน....ทางออกสุดท้ายของฉัน  ฉันยกมือขึ้นมาอย่างยากลำบากก่อนที่จะใช้พลังอีกเป็นครั้งสุดท้าย 

 

 

“....”  โครงเหล็กที่ทำหน้าที่ค้ำยันเพดานของหอคอยนี้ไว้บางส่วนค่อยๆกลายเป็นกระดาษแล้ว  ฉันที่กำลังจะหมดสติไปในไม่ช้าพยายามรีบทำสิ่งที่ตนเองคิดเอาไว้ให้สำเร็จโดยเร็ว  และแล้วในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ....โครงเหล็กนั้นโครงหนึ่งพลันร่วงลงมาตรงที่ฉันกับดาร์อาเธอร์อยู่อย่างพอดิบพอดี   

 

 

“อะไรน่ะ!”  ดาร์คอาเธอร์อุทานก่อนจะรีบเผ่นหลบให้พ้นจากจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว  เขาปล่อยให้ฉันนั่งเอามือแตะที่ลำคอที่แดงช้ำพร้อมกับไอสำลักอยู่ไว้เพียงลำพัง

 

 

โครงเหล็กนั้นร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว  ฉันเองก็ต้องรีบหนีแต่กลับไม่สามารถเขยื้อนตัวได้ดั่งใจนึก....ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยกมือขึ้นมาแล้วรีดพลังสุดอย่างกำลัง   ชั่วขณะนั้นฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าดวงตาและสีผมของฉันกำลังกลับเป็นของค่อยๆกลายเป็นสีฟ้าและสีเงินไปชตามลำดับ  ตัวตนที่แท้จริงของฉันเปิดเผยตัวออกมาอีกครั้ง   แต่สุดท้ายแล้วโครงเหล็กที่กำลังหล่นลงมานั้นก็ค่อยๆกลายเป็นกระดาษไปหมดสิ้นก่อนที่จะร่วงหล่นลงมาทับร่างของฉันจนได้ 

 

 

“แฮ่กๆ”  ฉันลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากพลางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า  เมื่อครู่ฉันใช้พลังเกินกำลังของตัวเองไปมากจริงๆ   ดาร์คอาเธอร์ถอยไปตั้งหลักขณะที่จ้องฉันนิ่ง   เขาทำหน้าเคร่งขรึมก่อนที่ตัดสินใจร่ายมนต์ชุดใหญ่   ฉันไม่มีแรงพอจะโจมตีได้อีกจึงได้แต่ตั้งท่ารับ

 

 

“คราวนี้....เธอไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือฉันไปได้แน่!”  ดาร์คอาเธอร์เอ่ยก่อนที่ทันใดนั้นอีกาสีดำสนิทฝูงใหญ่ก็พลันบินลงมาจากฟากฟ้าที่มืดสนิทด้วยพลังของพ่อมด   และแน่นอนว่าพวกมันกำลังพากันมุ่งมาที่ตัวฉัน

 

 

ฉันพยายามเสกกระดาษขึ้นมาต้านนกเพวกนั้นเอาไว้   แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้  ฉับพลันนกพวกนั้นก็เข้ารุมล้อมฉันไว้จนฉันหลงทิศทางไปหมดรู้ตัวอีกทีร่างของฉันก็ถูกพาขึ้นไปกลางอากาศ    ฉันพยายามจะดิ้นหนีแต่ทันใดนั้นเองดาร์คอาเธอร์ก็ชิงเสกเชือกสีดำที่แปลงมาจากนกพวกนั้นมาพันธนาการร่างของฉันเอาไว้อย่างหนาแน่นจนฉันไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้อีก

 

 

ฉันรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูกที่ทำไมตนเองถึงได้อ่อนแอขนาดนี้  ฉันควรจะเป็นความหวังของยูโทเปียแต่กลับกลายเป็นแบบนี้     ขณะนั้นเองดาร์อาเธอร์ก็เดินขึ้นมาอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมกับยิ้มเยาะอย่างสะใจสุดขีด  เขาค่อยๆเดินขึ้นโดยใช้บันไดที่มีอีกาสีดำเหล่านั้นเป็นฐานให้

 

 

“เชื่อหรือยังล่ะ?....ว่าเธอไม่มีทางชนะฉันได้หรอก  ผู้ถูกเลือก”  เขาเอามือแตะคางฉัน

 

 

ฉันไม่ตอบ   นอกจากสะบัดหน้าหนี  ฉันจะยอมแพ้ได้อย่างไร...จะยอมให้ดาร์คอาเธอร์ผู้ชั่วร้ายคนนี้ทำตามใจชอบได้อย่างไรกัน

 

 

“รู้ไหมว่าทำไมเธอถึงไม่มีทางชนะ... ความมืดไงล่ะ  ตราบใดที่มีแต่ความมืดฉันก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้”

 

 

“แสดงว่าที่ท้องฟ้าไม่ยอมสว่างสักที ก็ฝีมือแกงั้นสิ!”  ฉันตะคอกกลับ

 

 

“หึ....ใช่แล้วล่ะ  ที่นี่คือแพนดอร่า...ถิ่นของฉัน  การที่พวกแกคิดจะมาชนะฉันในถิ่นของฉันมันเป็นการกระทำที่โง่เขลาแต่แรกอยู่แล้ว   แน่นอนว่าพลังที่ฉันรวบรวมมาตอนนี้คงพอครอบคลุมได้แค่แพนดอร่าเท่านั้น   แต่ในอนาคตฉันจะให้มันปกคลุมทั้งยูโทเปียเลย....คราวนี้รับรองได้ว่าบรรดานักเวทย์อย่างเธอจะต้องไม่มีซุกหัว  ไม่มีทางเอาชนะฉันได้นอกจากหนีหัวซุกหัวซุนเท่านั้นเอง”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเลือกที่นี่แต่ไม่ใช่มิดไนท์ล่ะ     ที่นั้นท้องฟ้าเป็นกลางคืนตลอดเวลาอยู่แล้วนี่   มันเพราะอะไรกัน...?”

 

 

“ฉันเกลียดที่นั่นที่สุด  ความมืดที่เกิดขึ้นจากนักเวทย์ฉันไม่อยากได้หรอก...มิดไนท์เปรียบเสมือนตราบาปของพ่อมดแม่มดทุกคน”

 

 

“พลังของแกก็ทำได้แค่เพียงเป็นเงามืดที่ปกคลุมแพนดอร่าเอาไว้เท่านั้น  ยูโทเปียแสนกว้างใหญ่พระอาทิตย์ยังคงสาดส่อง   แกไม่มีทางปกครองยูโทเปียได้หรอก”

 

 

“ปากกล้านักนะ...เธอก็คงพูดได้แค่ตอนนี้  เพราะอีกไม่นานผู้ถูกเลือกก็จะหายไปตลอดกาล  เทพธิดาก็ไม่สามารถทำอะไรฉันได้เหมือนกัน   ตราบใดที่ฉันอยู่ในความมืด....”

 

 

“เหตุผลที่แกไม่ยอมออกจากหอคอย..ก็เพราะเรื่องนี้สินะ  น่าสมเพชเป็นถึงผู้มีพลังยิ่งใหญ่แต่กลับต้องมากักขังตัวเองแบบนี้”

 

 

“ฉันจะฆ่าแกผู้ถูกเลือก   ยูโทเปียจะต้องตกอยู่ในความมืดไปตลอดกาล!”

 

 

“ไม่มีวัน!”  ฉันพูดพร้อมกับใช้พลังของสายลมอีกครั้งจนกระทั่งมือทั้งสองหลุดออกจากพันธนาการ   และเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดนั้นเองฉันเสกดาบกระดาษขึ้นแล้วแทงเข้าไปยังร่างที่อยู่ตรงอย่างสุดแรงเกิด  คราวนี้ฉันรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆสีแดงที่กำลังไหลออกมาใส่มือฉัน   คราวนี้คงถูกแล้วสินะ...

 

 

ดาร์คอาเธอร์หยุดพูดก่อนจะบีบข้อมือที่กำดาบของฉันไว้แรงมากจนฉันต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด   ฉันปล่อยมือออกจากดาบที่ยังคงเสียบคาร่างของพ่อมดเอาไว้อยู่     ดาร์คอาเธอร์ดึงดาบกระดาษของฉันออกมาจากไหล่ของตนเองอย่างไม่ยี่หร่ะ   ก่อนที่จะคว้าคอฉันเอาไว้อีกครั้ง

 

 

“ตายซะเถอะแก...”  เงามืดของดาร์คอาเธอร์พุ่งเข้ามาที่ตัวฉัน

 

 

“.ตึกตึก....ตึกตึก....”  ฉันรับรู้ได้ว่าฉันกำลังจะตาย  ถูกความมืดกลืนกินแล้วจางหายไป    ฉันจะไม่มีวันได้พบกับทุกคนอีก   ฉันจะถูกลืมตลอดกาล  และยูโทเปีย  ทุกคน...จะต้อง....

 

 

ไม่นะ...อย่างนี้ไม่เอา    ใครก็ได้...ช่วยด้วย  พลังฉันต้องการพลัง  ในความมืดมิดเช่นนี้....ฉันต้องการแสงสว่าง 

 

 

“แสงสว่าง....”  ฉันกระซิบ         ขณะที่รู้สึกได้ถึงสร้อยไวท์ลีฟที่ยังคงแนบอยู่กับเนื้อของฉัน   เมื่อฉันก็ยิ้มออกมา  ดาร์คอาเธอร์ได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ

 

 

“ยอมแพ้เถอะ...ยังไงซะแสงสว่างก็ไม่มีวันจางหายไปจากยูโทเปีย”

 

 

“อะไรน่ะ?”

 

 

“ไวท์ลีฟ!” ฉันตะโกน  และวินาทีถัดมาแสงสว่างที่ได้รับมอบมาจากเอสคาราสก็แผลงฤทธิ์

 

 

สร้อยคอของฉันส่องแสงขึ้นมาในชั่วพริบตา  ดาร์คอาเธอร์ที่ไม่ทันระวังตัวถูกแสงสว่างที่แสนบริสุทธิ์นั้นอาบเข้าไปอย่างเต็มๆ  เขาปล่อยมือจากคอฉันอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสดงท่าทางที่แสนเจ็บปวดออกมา   ฉันรู้ว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว

 

 

ฉันรีบพันธนาการตนเองเอาไว้กับดาร์คอาเธอร์ก่อนที่จะพาร่างของพ่อมดบินขึ้นไปด้านบนอย่างไม่รอช้า

 

 

“สลายไปเดี๋ยวนี้นะ!”  ฉันตะโกนก้องขณะที่ใช้พลังทำให้เพดานของหอคอยกลายเป็นกระดาษจนฉันกับดาร์คอาเธอร์พุ่งทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

ร่างของเราทั้งสองคนอยู่กลางอากาศเหนือหอคอยแล้วแต่ยังคงอยู่ในเงามืดที่ดาร์คอาเธอร์สร้างขึ้นมา  ฉันต้องบินขึ้นให้สูงขึ้นไปกว่านี้อีกสูงขึ้นไปกว่านี้   ระหว่างนั้นเหมือนดาร์คอาเธอร์จะพอรู้แล้วว่าฉันคิดจะทำอะไร   เขาพยายามที่จะดิ้นหนีแต่แสงสว่างของไวท์ลีฟทำให้เขาทำอะไรไม่ได้มากนัก  

 

 

“แกกำลังคิดจะทำอะไร?”

 

 

“ทำในสิ่งที่ต้องทำน่ะสิ””  ฉันเอ่ยตอบก่อนที่จะพาร่างของตนเองแล้วดาร์กอาเธอร์ทะลุเงามืดของมนต์ดำจนปรากฏตัวสู่ท้องฟ้ายามเช้าที่แสนงดงามในที่สุด

 

 

“ไม่นะ!....อ๊าก  ร่างของฉัน  ผิวของฉัน  ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”  ดาร์คอาเธอร์กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในทันทีที่ต้องเผชิญหน้ากับแสงของดวงตะวัน

 

 

“แกเคยบอกว่าภายใต้ความมืดฉันจะไม่มีวันชนะ  แต่ตอนนี้...ฉันคงเอาชนะคุณได้สักทีนะ” 

 

 

ฉันรั้งตัวของดาร์คอาเธอร์ไว้อย่างสุดความสามารถเท่าที่ฉันจะทำได้     แต่ก็รู้ดีว่าเวลาเหลือไม่มากพลังของไวท์ลีฟกำลังจะหมดลง    ฉันมองเห็นจี้ไวท์ลีฟค่อยๆสลายตัวไป   พลังของฉันเองก็กำลังจะ....

 

 

“พอแล้ว...แสงสว่าง  เอาความมืดของฉันคืนมา   หยุดนะ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”  ดาร์คอาเธอร์ยังคงกรีดร้องไม่หยุด ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทนต่อไปอีกนานแค่ไหน  แต่แล้วฉันก็มองเห็นความเปลี่ยนแปลงในที่สุด...

 

 

อย่างไม่น่าเชื่อแต่ความมืดที่ปกคลุมแพนดอร่ามาโดยตลอดกำลังค่อยๆจางหายไป       แสงอาทิตย์สาดส่องมายังแพนดอร่าอีกครั้ง   พลังของฉันไม่เหลือแล้ว.....เมื่อนั้นทั้งฉันและดาร์คอาเธอร์ที่ถูกแสงอาทิตย์เผาไปทั้งร่างก็ร่วงลงสู่เบื้องล่างอีกครั้ง   แต่ทำไม...ฉันถึงได้รู้สึกถึงความอบอุ่นแบบนี้นะ   แสงสว่างเริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นมากขึ้นทุกขณะ   ท้องฟ้ายามเช้าที่แท้จริงกำลังจะเผยโฉมต่อหน้าทุกคน  

 

 

สำเร็จแล้ว...ฉันคิด  แสงสว่างกำลังจะกลับคืนมาอีกครั้ง

 

 

“แสงสว่างจะเผยความจริงทุกสิ่ง”  ฉันกระซิบ

 

 

ในที่สุดดวงอาทิตย์ยามเช้าก็ฉายแสงไปทั่วอาณาจักรแพนดอร่า  และทั่วทั้งยูโทเปีย   จี้ไวท์ลีฟสลายไปจนหมดหลังจากที่ฉันใช้พลังไปจนหมดสิ้น    ร่างของฉันก็ค่อยๆลอยลงมาถึงพื้นอย่างช้าๆพร้อมกับดาร์คอาเธอร์ที่เอาแต่นิ่งเงียบ   ฉันแทบจะยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว    ตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยเสียเหลือเกิน 

 

 

เมื่อฉันมองไปยังดาร์คอาเธอร์ก็เห็นเขายังคงดิ้นทุรนทุรายอยู่เบื้องหน้าฉัน     พ่อมดดำพยายามจะลากตัวเองกลับเข้าสู่เงามืดอีกครั้ง  แต่ก็สายไปเสียแล้วจู่ๆร่างของเขาก็กลายเป็นหิน    ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

 

“ดาร์คอาเธอร์?”  หินก้อนนั้นมีดำสนิท  แล้วพอมือของฉันไปแตะเข้ามันก็เปื่อยยุ่ยเป็นผุยผงราวกับขี้เลื้อยที่เหลือจากการเผาไหม้ไม่มีผิด   ขณะที่ฉันยังเอาแต่ตกตะลึงสายลมที่บังเอิญพัดผ่านมาก็พาเอาฝุ่นละอองเหล่านั้นล่องลอยไปในอากาศจนหมด   ฉันได้แต่ยืนนิ่งก่อนที่จะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง 

 

 

ฉันทำสำเร็จแล้ว..  ภารกิจของฉันสำเร็จแล้ว   ยูโทเปียปลอดภัยแล้ว  ฉันมองดวงตะวันที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมกับกำสร้อยเอาไว้แน่น

 

 

“ขอบคุณมากนะคะไวท์ลีฟ  องค์ราชินี..”

 

 

เวลาผ่านไปสักพักจนกระทั่งฉันตั้งสติกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว  ฉันก็ยืนขึ้นอยู่เพียงลำพังบนยอดหอคอยที่พังทลายเฝ้ามองดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างเหม่อลอย

 

 

ตอนคิดถึงทุกคน...ชิน...โมมะ...  ยูโทเปีย...  

 

 

นี่หมายความว่าฉันทำภารกิจสำเร็จแล้วสินะ...ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า....?

 

 

“แอนนาเบลล่าโรวีน่า!”  จู่ๆก็มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังฉัน 

 

 

ฉันสะดุ้งเบาๆ แต่ก็จำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินเพียงไม่กี่ครั้ง   ฉันกลั้นหายใจก่อนที่จะหันหลังกลับไป

 

 

ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งที่อายุราวคราวเดียวกับฉันยืนอยู่เบื้องหน้าฉัน  เธอมีใบหน้างดงามขาวบริสุทธิ์และดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก   ผมของเธอมีสีขาวราวกับหิมะ  แววตาสีทองทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่   ยามนี้เธออยู่ในชุดสีขาวล้วนที่แสนบริสุทธิ์  และกำลังส่งยิ้มให้กับฉัน

 

 

“เทพธิดา...”  ฉันกระซิบ

 

 

หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าให้ฉันอย่างช้าๆ

 

 

 

**********

 

 

ปล. โอ๊ย...หายหน้าไปนาน  แหะๆๆ  เขียนฉากต่อสู้บทนี้บทเดียวเหนื่อยกว่าเขียนบทดราม่าหลายๆตอนซะอีก   ตอนหน้าก็จะเป็นบทสุดท้ายซะแล้ว T^T….อย่าลืมติดตามกันต่อจนน๊า

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าจ้า....        

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา