Tale of Utopia

6.9

เขียนโดย The_Paper

วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.12 น.

  15 บท
  8 วิจารณ์
  16.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) บทที่ 13 ได้เวลากลับบ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 13 ได้เวลากลับบ้าน

 

 

ตั้งแต่ที่ฉันเหยียบย่างเข้ามายังดินแดนยูโทเปีย  ฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันยังไม่เคยได้พบกับเทพธิดาเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แม้จะเคยสนทนากันก็ได้ยินแต่เพียงแค่เสียงเท่านั้น    แต่ในตอนนี้....วินาทีนี้ที่ฉันได้เผชิญหน้ากับเทพธิดาที่ฉันเฝ้าสงสัยมาโดยตลอดกลับมาถึงโดยที่ฉันไม่คาดคิด  การต่อสู้....เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ฉันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท    การผจญภัยครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้วจริงๆอย่างนั้นแล้วสินะ   ภาพทุกภาพทุกๆความรู้สึกหลั่งไหลเข้ามาในใจของฉันจนฉันรู้สึกตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก  

 

 

ทั้งๆที่คิดไว้ว่าถ้าได้เจอละก็...ฉันคงจะมีเรื่องที่อยากจะถามตั้งมากมายแท้ๆ   แต่ยามนี้ฉันกลับทำได้แค่เพียงยืนนิ่งและจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึงเพียงเท่านั้น 

 

 

ฉันควรจะพูดอะไรออกไปดีนะ?  หรือว่าฉันควรจะทำยังไงในตอนนี้กันแน่?

 

 

แต่แล้วเทพธิดาก็ส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเข้าใจ    สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าเทพธิดาเป็นฝ่ายเอ่ยทักฉันขึ้นมาเสียก่อน

 

 

“แอนนาเบลล่าโรวีน่า คือ ชื่อจริงของเธอนะ แอนนา เบลล์”

 

 

“ชื่อจริง?”

 

 

“ใช่...เธอก็คงรู้อยู่แล้วว่าทุกคนในยูโทเปียจะมีชื่อจริงอยู่อีกชื่อหนึ่ง  ชื่อจริงที่ไม่มีใครล่วงรู้นอกจากตัวของเราเอง  ชื่อจริงที่สำคัญเสียยิ่งกว่าชื่อที่เราเรียกกันอยู่ทุกวันเสียด้วยซ้ำ    ชื่อจริงนั้นสำคัญมากจนเทียบได้กับวิญญาณส่วนหนึ่งของเจ้าของชื่อเลยทีเดียวนะ....ถ้าใครได้มันไปนอกจากเจ้าของแล้ว  เธอก็ลองคิดดูเอาแล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”

 

 

“แอนนาเบลล่าโรวีน่า...” ฉันกระซิบชื่อนั้นออกมา  แล้วก็พลันรู้สึกถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองขึ้นมาอย่าน่าประหลาด  ฉันจะไม่มีวันลืมชื่อนี้เป็นอันขาด   ฉันคิดในใจ 

 

 

“ฉันอยากจะบอกให้เธอรู้ไว้น่ะ....   อย่างน้อยเธอเองก็ควรจะรู้ชื่อจริงของตัวเองไว้  จริงไหม?”  ใบหน้าของเทพธิดาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ทำไมเทพธิดาถึงรู้ชื่อจริงของฉันละคะ?”

 

 

“ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะรู้นักหรอก   แต่สาเหตุก็เป็นเพราะว่าร่างนี้ต่างหาก  ถึงเราจะได้พบกันอย่างนี้ฉันก็ไม่อยากให้เธอปักใจเชื่อไปตลอดนะว่านี่ตัวตนที่แท้จริงของเทพธิดา   รูปลักษณ์นี้เป็นเพียงร่างที่ฉันยืมมาจากหญิงสาวคนหนึ่งเพียงเท่านั้น   แต่เพราะร่างนี้มีความผูกพักกับเธอเป็นพิเศษจึงทำให้ฉันรับรู้ถึงชื่อจริงของเธอได้  น  จะว่าไปเราอยู่ใกล้กันขนาดนี้แล้ว....เธอจำไม่ได้อีกเหรอแอนนา   ว่าร่างนี้คือใคร?”

 

 

“......”  ฉันจ้องมองดูเทพธิดาตรงหน้าอย่างฉงนใจ  จะว่าไปเธอก็ดูคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก   ยิ่งฉันมองเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งคุ้นมากขึ้นเท่านั้น  และเมื่อวินาทีที่ฉันตระหนักได้ฉันก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้อย่างลืมตัว

 

 

“จำได้แล้วสินะ   คงเป็นเพราะสีผมและสีตากระมั้งที่ทำให้เธอจำร่างนี้ไม่ได้ในครั้งแรก  ถ้าอย่างนั้น...”  ขณะที่เทพธิดาเอ่ย สีผมของเทพธิดาก็ค่อยๆกลายเป็นสีดำสนิทรวมทั้งดวงตาของหญิงสาวก็เช่นกัน  อย่างคนที่ฉันคิดไม่มีผิดคนที่อยู่เบื้องหน้าฉันในขณะนี้ก็คือตัวของฉันเอง

 

 

“เป็นไปไม่ได้...” ฉันร้องออกมา

 

 

“โลกของเจ้ากับยูโทเปียของเราเป็นโลกคู่ขนานกัน   การที่เธอจะได้พบคนที่เหมือนกับตนเองในโลกอื่นเป็นไปได้ยากอยู่เหมือนกัน  แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย    การที่พวกเธอสองคนได้มาพบกันแบบนี้คงถูกกำหนดโดยโชคชะตาไว้แล้ว   อย่างไรก็ตามก็ช่างน่าเสียดาย.....ถ้าเจ้าของร่างนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าเองก็คงจะดีไม่น้อย”

 

 

“ที่บอกว่ายืมร่างมา หมายความว่าไงกัน?”  สิ่งที่เทพธิดาเอ่ยออกมาล้วนแต่เป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจเข้าใจได้ทั้งนั้น  ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“เทพธิดาอย่างฉันไม่มีร่างที่เป็นรูปธรรมหรอกนะ.....  แต่พอทุกคนเรียกว่าเทพธิดาก็มักจะนึกถึงหญิงสาวถูกไหมล่ะ?   แน่นอนว่ามีบางเรื่องที่ฉันยังไม่สามารถบอกเธอได้     อย่างไรก็ตามตอนนี้ด้วยเหตุผลบางประการจึงทำให้ฉันสามารถใช้ร่างนี้ได้ก็แล้วกัน”  เทพธิดาเปลี่ยนสีผมและสีตาให้กลับมาเป็นเช่นเดิมแล้ว

 

 

ฉันฟังแล้วนิ่งอึ้งไป...เพราะไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี   พอยิ่งถามก็ได้คำถามเพิ่มกลับมามากขึ้นอีก    แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องกังวลมากนัก  ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องของตัวฉันอยู่มากกว่า  ต่อจากนี้ตัวฉันจะเป็นอย่างไร

 

 

“ยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าจะได้พบคนที่หน้าตาเหมือนกันแบบนี้....”  ฉันพึมพำ  ความจริงนี้ทำให้ฉันรู้สึกใจหายขึ้นมาราวกับว่าฉันเป็นคนนอกสำหรับที่นี่   ที่จริงแล้วที่ยูโทเปียก็มีคนที่ดูเหมือนฉันอยู่ก่อนแล้ว  ฉันต่างหากคือคนจากที่อื่นที่แทรกตัวเข้ามาภายหลัง

 

 

“นั้นสินะ บางทีที่โลกของเธอ...สักวันเธออาจจะได้พบกับคนที่หน้าตาเหมือนคนบางคนที่นี่ก็ได้นะ”

 

 

“.....” ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆฉันค่อยๆตระหนักถึงเวลาน้อยลงมากขึ้นทุกที...   เวลาที่ฉันจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ร่วมกับทุกคน....เวลาที่ฉันจะยังคงมีตัวตนอยู่ในยูโทเปียกำลังจะหมดลงแล้ว 

 

 

“ตอนนี้ยูโทเปียปลอดภัยแล้วสินะคะ?”  ฉันเอ่ยถามทั้งๆที่คิดว่าตนเองรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว

 

 

“ใช่แล้วล่ะ  อย่างน้อยก็ในตอนนี้...ฉันยังไม่ได้ขอบใจเธอเลยสินะ แอนนา  เบลล์”

 

 

“ขอบคุณอะไรกันคะ...ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ต้องทำเท่านั้นเอง” ฉันเอ่ยตอบขณะที่คิดแบบนั้นจริงๆ   “ท่านเทพธิดาคะ....ตอนนี้ฉันทำภารกิจสำเร็จแล้ว  ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ฉันจะเป็นยังไงต่อไปคะ?”  ฉันแทบไม่เชื่อตนเองเหมือนกันว่าจะกบ้าเอ่ยถามอะไรแบบนี้ออกไป  ทั้งๆที่นั่นเป็นคำถามที่ฉันอยากจะหลีกเลี่ยงมากที่สุดเลยแท้ๆ

 

 

เมื่อนั้นเทพธิดาก็จ้องเข้ามาในแววตาฉันราวกับจะอ่านความรู้สึกของฉันได้  

 

 

“ฉันรู้ว่าเธอเจอเรื่องมาตั้งมากมายนับตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาที่นี่นะ...แอนน์   ว่าแต่เธอได้รับสิ่งสำคัญไปแล้วรึยัง?”

 

 

นี่คืออีกเรื่องที่ฉันลืมไปเสียสนิท  บ้าจริงๆ ตอนแรกที่ฉันยอมทำภารกิจก็เพื่อสิ่งนี้นี่หน่า  สิ่งสำคัญ...  แต่จะว่าไปสำหรับฉันแล้วสิ่งสำคัญมันคืออะไรกันแน่?

 

 

ฉันก้มหน้าลง  “ไม่รู้สิคะ  แต่ฉันได้อะไรมามากมายเหลือเกิน  มากมายจริงๆ....”

 

 

เทพธิดายิ้มให้กับฉัน

 

 

“ฉันว่าเธอน่าจะได้คำตอบในใจอยู่แล้วนะว่าได้สิ่งสำคัญกลับคืนมาหรือยัง?”

 

 

“กลับคืนมา....”

 

 

“แอนนา  เบลล์ครั้งแรกที่เธอตัดสินใจมาที่นี่มันเพราะเหตุผลอะไรกันแน่...สิ่งสำคัญที่ฉันเอ่ยถึงในจดหมายตีความได้มากมายหลายอย่าง  สำหรับเธอมันหมายถึงอะไรกัน....”

 

 

“ฉันมีชีวิตที่โดดเดี่ยวไร้ชีวิตชีวา....  ฉันคิดว่าจะมีอะไรดีไปกว่าการผจญภัยในโลกใบใหม่อีก  ตอนแรกฉันคิดว่าทั้งหมดเป็นความฝันเสียด้วยซ้ำ”

 

 

“เธอเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้หรือเปล่า?”

 

 

“ไม่เลยคะ!”  คำตอบนี้ฉันยืนยันได้   ต่อจะให้เลือกอีกสักกี่ครั้งฉันก็จะเลือกที่จะมาอยู่ดี  แม้ว่าจะต้องเสียใจหรือเจอเรื่องอันตรายใดๆก็ตาม

 

 

เทพธิดายิ้มอย่างยินดี “การที่เธอตกลงมายังยูโทเปียและทำภารกิจซึ่งยากมากสำหรับเด็กสาวอย่างเธอ   แสดงว่าลึกๆแล้วในใจเธอกำลังไขว่คว้าหาบางสิ่ง  แสดงว่าเธอขาดสิ่งนั้นไป  มันคืออะไร?  ยังมีอะไรอีกที่ทำให้เธอตัดสินใจมายังยูโทเปีย  บางอย่างในใจของเธอมันคืออะไร?”

 

 

ฉันรู้สึกบีบคั้นในหัวใจมากเหลือเกิน   ยิ่งเทพธิดาคาดคั้นสิ่งที่ฉันกลัว  สิ่งที่ฉันปิดกั้น   สิ่งที่ฉันพยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ก็ยิ่งเผยตัวออกมา   ในที่สุดฉันก็เอ่ยในสิ่งที่ไม่เคยยอมรับออกมาจนได้

 

 

“ฉัน....ฉันอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตในโลกของฉันคะ”    ฉันตอบในสิ่งที่ไม่กล้าบอกใครมาก่อน  

 

 

“ฉันไม่อยากจะเป็นแอนนา  เบลล์ทายาทคนสุดท้ายในตระกูลที่มั่งคั่งแต่ทว่าเดียวดาย   ฉันไม่อยากให้ทุกคนพากันกล่าวหาว่าตระกูลฉันต้องสาป  ฉันอยากจะเป็นคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่านี้   และมีความสุขจากใจจริงไม่ใช่แกล้งทำเป็นมีความสุขต่อหน้าคนอื่นอีกต่อไปแล้วคะ”  น้ำตาของฉันไหลริน   ตลอดเวลาที่ผจญภัยอยู่ที่ยูโทเปียเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมาก  ช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้หวนนึกกลับไปถึงช่วงเวลาอันโดดเดี่ยวที่ผ่านมาเลย   แต่ตอนนี้พอทุกอย่างกำลังจะจบลงฉันก็รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้วนะ...แอนน์   เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”

 

 

คำพูดนั้นทำให้ฉันหัวเราะออกมา  หัวเราะทั้งๆที่น้ำตายังคงไหลรินอยู่นั่นแหละ  จริงอย่างที่เทพธิดาเอ่ยเรื่องที่ฉันเคยกังวลตอนนี้มันไร้สาระจนน่าขำ   เรื่องที่ฉันแทบเอาตัวเองไม่รอด   เรื่องที่ฉันต้องต่อสู้กับด้านมืดในจิตใจของตนเอง   เรื่องที่ฉันต่อสู้แทบขาดใจจนเอาชนะดาร์คอาเธอร์ได้   เรื่องที่ฉันปกป้องยูโทเปียเอาไว้ได้   ชีวิตที่ผ่านมาของฉันมันไม่มีอะไรที่ยากเกินไปเลยด้วยซ้ำ

 

 

“คะ...สงสัยฉันจะกลายเป็นคนใหม่โดยไม่รู้ตัวไปซะแล้วล่ะคะ!”

 

 

“เจ้ายังคงไม่อยากกลับไปยังโลกเดิมของตัวเองอยู่อย่างนั้นเหรอ?”

 

 

“ยังไงฉันก็กลับไปสินะคะ....”  ฉันพยายามจะไม่ให้ตัวเองรู้สึกเศร้า

 

 

“จ๊ะ....ผู้ถูกเลือกยังไงก็ไม่ใช่คนของฝั่งนี้  ต้องกลับไปยังโลกของตัวเอง  แต่อย่างน้อยฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะได้กลับไปอยู่ในชีวิตของเธอด้วยความสุข”

 

 

“ตอนแรกฉันก็ไม่อยากกลับไปหรอกคะ  ที่นี่ทำให้ฉันมีความสุขมากจริงๆ  แต่ว่าถ้าหากไม่ยอมกลับไปล่ะก็...ฉันคงก้าวข้ามความรู้สึกที่ฉันอยากเอาชนะตัวเองคนเดิมไม่ได้แน่    อีกอย่างฉันก็รู้ดีคะว่าตัวเองยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องกลับไปทำให้สำเร็จอยู่”   ตอนนี้ฉันยอบรับได้แล้วจริงๆ   แม้จะหวังไว้ลึกแต่ก็รู้ดีแต่แรกว่าต้องกลับไป  มีสิ่งที่ฉันยังทำค้างคาไว้อยู่มากมาย   และฉันก็คงทิ้งตัวตนของแอนนา  เบลล์ซึ่งอยู่ที่โลกเดิมเอาไว้เฉยๆไม่ได้แน่

 

 

เทพธิดายื่นมือมากุมมือฉันไว้อย่างอ่อนโยน  เธอเช็ดน้ำตาให้ฉันพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า

 

 

“แล้วตอนนี้เธอพร้อมที่จะกลับบ้านรึยังล่ะ?” 

 

 

ฉันเงยหน้าขึ้นมามองเทพธิดา  แล้ววินาทีเราทั้งสองก็ประสานสายตาเข้าด้วยกัน

 

 

“คะ....”  ฉันไม่รู้สึกติดค้างอะไรในจริง   แต่ก็อดไม่ได้นะที่จะหวนคิดไปถึงใครคนหนึ่ง

 

 

 

**********

 

 

 

“ดูบนหอคอยสิ!” โมโมะร้อง  ชินและคนอื่นๆพร้อมใจกันหันไปมองทันที   ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังมาจากหอคอยนั้น  ท่าทางเหมือนจะมีอะไรถล่มอยู่ข้างบนเสียด้วย    ไม่ว่าใครก็ดูออกมาต้องกำลังมีการต่อสู้บนหอคอยนั้นแน่

 

 

“แอนน์!”  ชินร้องออกมาอย่างตกใจ   เขาคิดถึงเธอขึ้นมาเป็นสิ่งแรก  เขาอยากจะไปช่วยเธอมากที่สุด  แต่ติดศึกตรงหน้าจนทำให้เขาไปไหนไม่ได้ 

 

 

เธอห้ามเป็นอะไรไปนะ แอนน์....

 

 

ชินต่อสู้อย่างสุดกำลัง  เขาใช้พลังไปจนเกือบหมด  จนตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  มีเพียงแรงใจเท่านั้นที่ทำให้เขามีแรงสู้ต่อไป    เขากับพรรคพวกคนอื่นๆพยามที่จะบุกไปยังหอคอยแต่ก็กลับถูกขัดขวางตลอดทาง  ดาร์คอาเธอร์รู้ดีว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจึงได้วางกองกำลังมาขวางเอาไว้มากมาย

 

 

ตอนนั้นเองที่ชินสังเกตเห็นจุดแสงสว่างเล็กๆกำลังพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว   แม้แต่อาเรนเองก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่เคยเห็นอะไรที่บินได้เร็วขนาดนั้นมาก่อน    จุดแสงสว่างเล็กๆนั้นยังบินพุ่งขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆจนกระทั่งทะลุม่านสีดำของดาร์คอาเธอร์ออกไปด้านนอก

 

 

“นั้นมัน...”   ชินพึมพำ  เขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อความรู้สึกของตนเองดีหรือไม่  แต่สัมผัสเมื่อครู่นี้มัน....

 

 

“โอ๊ะ...!”  เสียงของทุกคนที่พากันอุทานทำให้ชินเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง  คราวนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขากำลังเบิกกว้างด้วยอาการตกตะลึง.....ท้องฟ้าที่มืดสนิทบัดนี้กลับกลายมามีสีสันอย่างที่มันควรจะเป็น   ทั้งชิน  อาเรน  โมโมะ  เอเรียสและคนอื่นพากันกลั้นลมหายใจ    เมื่อค่อยๆมองเห็นแสงสว่างสาดส่องผ่านท้องฟ้าอันมืดมิดนั้นมาในที่สุด   ดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้าแล้ว      ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ...ว่าท้องฟ้าเหนือแพนดอร่าได้กลับมาเป็นปกติแล้ว   พลังของดาร์คอาเธอร์ได้สลายไปแล้ว

 

 

ทันทีที่ท้องฟ้ายามรุ่งสางกลับมาพวกพ่อมดแม่มด และทหารที่ต่อสู้อยู่หยุดชะงักไปโดยพลัน    ทุกคนคุกเข่าแล้วล้มลงไปกับพื้นราวกับตุ๊กตาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น?”  อาเรนร้องขึ้นอย่างตกใจ

 

 

เอเรียสที่เป็นแพทยืเพียงคนเดียวรีบปราดเข้ามาตรวจอาการของทหารที่ล้มลงไปทันที    เพียงไม่นานเอเรียสก็กล่าว ออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า  “ไม่อยากเชื่อ....แต่ที่ตัวของทุกคนมีร่องรอยว่าจะถูกมนต์ดำควบคุมอยู่....  แต่ตอนนี้คิดว่าเป็นอำนาจของดาร์คอาเธอร์สลายไปแล้วคำสาปจึงกำลังเสื่อมลงไปด้วย”

 

 

อาเรนนิ่งอึ้งไปก่อนเอาดาบปักกับพื้นพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง   เขาไม่คิดที่จะต่อสู้ต่อไปอีกแม้แต่นาทีเดียวโดยเฉพาะหลังจากที่รู้ความจริงนี้แล้ว

 

 

“อาเรน...”  ชินร้องด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสหายร่วมศึกทรุดตัวลงไปเช่นนั้น

 

 

“ขาฉัน...” อาเรนพูดอย่างเจ็บปวด “ฉันใช้พลังมากไป    นี่ชินที่ผ่านมาน่ะ เราต่อสู้กันอะไรกันแน่  ทั้งๆที่ฉันคิดว่าเรื่องพวกนี้พวกพ่อมดแม่มดเป็นคนผิดแท้ๆ  แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างเป็นเพราะดาร์คอาเธอร์คนเดียวเท่านั้น  ฉันต้องสูญเสียอะไรไปมากมาย  เข่นฆ่าผู้คน  ทำลายบ้านเมือง....เพียงเพราะคนๆเดียวงั้นเหรอเนี่ย”

 

 

“อาเรน...”  ชินเอื้อมมือไปบีบไหล่อาเรนเหมือนจะปลอบใจ 

 

 

อาเรนหันมาแล้วปัดมือจของชินออกไปในทันทีพร้อมกับตะคอกออกไปว่า “สำหรับฉันน่ะหมดธุระแล้วก็จริง   แต่นายน่ะมัวโอ้เอ้อะไรอยู่  รีบไปสิ....”  อาเรนพูดโดยไม่มองหน้าของชิน

 

 

“อะไรนะ?”  ชินไม่เข้าใจ

 

 

“ไปหาแอนน์ไงเจ้าบื้อ!  ที่คำสาปสลายไปก็หมายความแอนน์ชนะใช่ไหมล่ะ    นายคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะ  ถ้าผู้ถูกเลือกทำภารกิจสำเร็จเธอก็ต้องกลับบ้านตามกฎนี่   นายจะอยู่เฉยๆแล้วยอมให้เป็นอย่างนั้นหรือไง”

 

 

“ฉัน....”  ชินอึกอัก  เขาควรจะไปพบแอนน์อีกครั้งใช่ไหมนะ?

 

 

“ชิน...ถ้าจะมีใครรั้งเธอเอาไว้ได้  ก็คงจะมีแต่นายเท่านั้นแหละ”  ชินนิ่งอึ้งไป

 

 

“ถ้านายรักเธอ....   ถ้านายไม่อยากจากเธอไป  นายก็รีบไปรั้งเธอเอาไว้สิ!” อาเรนขึ้นเสียงอีกครั้ง

 

 

“ส่วนเรื่องที่เหลือฉันจัดการเอง  ไม่ต้องห่วงฉัน...เอเรียสจะเป็นคนดูแลขาของฉันเอง”

 

 

ชินเงียบไปเพียงครู่เดียว   สายตาของเขากลับมาแน่วแน่อีกครั้งแล้ว   “งั้นฉันไปล่ะ  ไปหาแอนน์กันเถอะโมโมะ!” 

 

 

โมโมะพยักหน้า  แล้วทั้งสองจึงรีบวิ่งไปที่หอคอยทันที

 

 

ขณะนั้นอาเรนมองตามแผ่นหลังของเพื่อนรักไปพร้อมกับพึมพำว่า  “ตั้งแต่ครั้งที่เดอะเปเปอร์หักหลังนาย  ฉันก็ไม่เคยเห็นนายสนใจใครอีกเลย   แต่พอนายสนใจใคร  ทำไมต้องเป็นคนเดียวกับฉันทุกทีเลย”  เขาถอนหายใจ 

 

 

“แล้วฉันก็ต้องเป็นผู้แพ้อยู่ทุกครั้งซะด้วยสิหน่า....”

 

 

 

**********

 

 

 

“ฉันพร้อมคะ”  ฉันตอบหลังจากที่นิ่งไปนาน

 

 

“ไม่ต้องห่วง....ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ยูโทเปียก็จะจดจำเธอไว้ตลอดไป”

 

 

“คะ...  ฉันรู้ว่าเอสคาราสจะต้องบันทึกเรื่องราวของฉันเอาไว้”  เทพธิดายิ้มอีกครั้งพร้อมกับเอามือมาลูบเส้นผมของฉันให้กลับไปเป็นสีดำดังเดิม  หลังจากที่มันเปลี่ยนเพราะฉันใช้พลังเกินขีดจำกัดไป  ดวงตาของฉันเองก็ค่อยๆกลับไปเป็นสีดำแล้วเหมือนกัน

 

 

“ทำไมท่านเทพธิดาถึงเลือกฉันเป็นผู้ถูกเลือกคะ?”

 

 

“นั้นสินะ  จะเรียกโชคชะตาก็ได้  ไม่กี่คนหรอกนะที่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่ฉันเรียกไปได้.....แต่การชี้นำผู้ถูกเลือกจากต่างโลกในครั้งนี้นอกจากพลังของฉันแล้วก็ยังมีจิตของเจ้าของร่างนี้รวมอยู่ด้วย”

 

 

“คนอีกคนที่เหมือนกับฉันบนโลกใบนี้....”

 

 

“ใช่จ๊ะ  เธอทั้งสองมีนิสัยที่เหมือนกันในหลายๆอย่าง  มักคิดแต่เรื่องของคนอื่น  ช่วยเหลือคนอื่นไปทั่วจนบางครั้งก็ลืมคิดถึงตัวเอง   แต่คนแบบนี้ที่จะสามารถช่วยกอบกู้ยูโทเปียเอาไว้ได้”

 

 

“ขอโทษนะคะ ฉันอีกคนที่ยูโทเปียแห่งนี้  เธอชื่อว่าอะไรคะ?”

 

 

“โรวีน่าจ๊ะ”

 

 

“คะ....ฉันจะจำไว้”

 

 

“นับจากนี้ไปทุกอย่างจะดีขึ้นจ๊ะ  ฉันสัญญา”  เทพธิดาเอ่ยกับฉันอย่างอ่อนโยน

 

 

“ฉันคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว....”  ฉันรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง  แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้สุดความสามารถ

 

 

“อนาคตเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ....ฉันเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน    แต่ตราบใดที่เธอยังตอบสนองเสียงของฉันและโรวีน่าอยู่ล่ะก็...”

 

 

“ท่านจะใช้นกกระดาษเหมือนคราวก่อนหรือเปล่าคะ?....”

 

 

เทพธิดาหัวเราะเบาๆ “เป็นความคิดที่ดีนะว่าไหม....”

 

 

ฉันถอนหายใจ...  ฉันคงต้องไปแล้วจริงๆ  “ขอบคุณคะ  ขอบคุณมากๆสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง  ความทรงจำเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของฉันที่เคยมีมาเลย”  ฉันกุมมือเทพธิดาเอาไว้   เทพธิดาบีบของฉันตอบมือของเธอช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน     เธอเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆจนหน้าผากของเราแนบกัน

 

 

“ฉันต้องขอขอบใจเธอเหมือนกัน  ที่เธอทำเพื่อยูโทเปียมากมายขนาดนี้”

 

 

“ฉันรักยูโทเปียคะ  ที่นี่เป็นที่ที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน  แต่ฉันก็รู้ดีว่ายังไงก็ต้องกลับไป..  ฉันเองก็มีเรื่องสำคัญที่จะต้องกลับไปทำให้ได้คะ!”

 

 

“ทำให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้นะแอนนาเบลล่าโรวีน่า  ผู้ถูกเลือกที่ได้ฉายาว่า “สายลมแห่งความหวังของยูโทเปีย””

 

 

บัดนั้นริมฝีปากของเทพธิดาก็พลันประทับลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา   เธอปล่อยมือของฉันแล้วจึงส่งยิ้มที่อ่อนโยนมาให้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย   ฉันยิ้มตอบ  ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นในท้องฟ้าอย่างช้าๆ   ภาพทิวทัศน์ที่ฉันมองเห็นในขณะนี้คือ ยูโทเปีย...  ยังมีบางที่ที่ฉันยังไม่เคยได้ไปสินะ...น่าเสียดายแต่คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว  ฉันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจึงเห็นว่ามันเริ่มโปร่งแสงมากขึ้นทุกที    ฉันกำลังจะหายไป

 

 

เทพธิดายังคงโบกมือให้ฉัน

 

 

 

**********

 

 

 

“ลาก่อน....” เสียงกระซิบแผ่วเบาของใครบางคนดังผ่านมากับสายลมที่พัดผ่านมา  ชินชะงักเท้า  เขาวิ่งขึ้นถึงส่วนกลางของหอคอยแล้ว  จู่ๆเขาก็รู้สึกหน้ามืด  ทันใดนั้นเขาก็เห็นแอนน์มายืนอยู่ตรงหน้าเขา 

 

 

“ลาก่อนนะชิน   ฉันดีใจมากที่ได้พบกับชิน  โมโมะ และก็ทุกคนด้วย   ฉันจะไม่มีวันลืมเลย   ฝากดูแลโมโมะด้วยล่ะ  เพราะฉันคงอยู่ดูแลเค้าไม่ได้  ชินเองก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ  อย่าลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในตอนนี้นะ  ลาก่อน...”

 

 

“แอนน์!  เดี๋ยว...”  แต่แล้วร่างของแอนน์ก็กลับหายไป  เขาคว้าได้แต่ความว่างเปล่า อาการหน้ามืดค่อยๆทุเลาไป

 

 

“เมื่อกี๊มันอะไรกัน?”  ชินพึมพำ

 

 

“ชิน  ฉันเห็นแอนน์ล่ะ” โมโมะพูดขึ้น  “แอนน์บอกว่าลาก่อน...  เกิดอะไรขึ้นน่ะชิน?”

 

 

“ว่าไงนะ!”  ชินใจหายวาบ  

 

 

“รีบไปเถอะโมโมะ ถ้าเราไปไม่ทันอาจจะไม่ได้พบแอนน์อีกแล้วนะ  เมื่อกี๊ฉันก็เห็นแอนน์มาบอกลาฉันเหมือนกัน”

 

 

“หมายความว่า....”  โมโมะพูดขึ้นอย่างตระหนก

 

 

ชินใช้พลังเฮือกสุดท้ายแปลงร่างเป็นเงาแล้วพุ่งขึ้นไปบนหอคอยทันที

 

 

 

 

**********

 

 

 

ฉันมองแสงตะวันที่สาดส่องไปทั่วยูโทเปียเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหลับตาลง     เมื่อฉันลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งทุกอย่างที่ยูโทเปียก็จะกลับกลายเป็นดั่งความฝัน  เป็นดั่งความทรงจำที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาอีก     ฉันบอกไม่ถูกจริงๆว่าควรบรรยายความรู้สึกนี้ไว้เช่นไรดี

 

 

ความฝัน....ความฝันที่กลายเป็นความจริง

 

ความทรงจำ...ความทรงจำที่ไม่อาจทำลาย

 

ความจริง....ความจริงที่ฉันต้องยอมรับและมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

ในที่สุดร่างของฉันก็หายไป  ณ ตรงนั้นมีประกายสีเงินปรากฏขึ้นมา   เทพธิดาเฝ้ามองประกายแสงนั้นอยู่เงียบๆ   เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนกับกำลังรอใครบางคนอยู่

 

 

“เธอไปแล้ว...” อาเรนเอ่ยขึ้น   ขณะที่เอเรียสเงยหน้าขึ้นมองเจ้าชายด้วยความสงสัย

 

 

“ลาก่อน ผู้ถูกเลือก”  แคทเธอรีนเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

 

“แอนนา เบลล์กลับบ้านของเธอแล้ว”  องค์ราชินีเอ่ยขึ้น  มารีนที่ยืนอยู่ข้างพยักหน้าลงอย่างเศร้าๆ

 

 

“....”   หญิงสาวคนหนึ่งกำลังมองไปยังหอคอยแห่งแพนดอร่าที่อยู่ห่างออกไปไกลจากปราสาทน้ำแข็งพร้อมกับยิ้มกริ่มโดยมิได้เอ่ยคำใด

 

 

ในที่สุดชินก็วิ่งขึ้นมาถึงบนชั้นบนสุดของหอคอยสำเร็จ   เขามาสายเกินไป...  เขามาทันเพียงแค่เห็นประกายสีเงินที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศเพียงแค่นั้น   บัดนั้นชายหนุ่มก็พลันรู้สึกชาไปทั้งตัว  แอนน์...เธอจากไปแล้ว   เขารู้สึกเจ็บปวดจนเกินกว่าที่จะยอมรับได้ในทันทีทันใด    ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่เฝ้ามองดูประกายสีเงินนั้นอยู่เช่นเดียวกับเขา   เธอมีผมสีขาว  พอเธอหันมาเขาก็สะดุดตากับตาสีทองคู่นั้นทันที  ชั่วแวบแรกเขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้คือ แอนน์   แต่แล้วเขาก็สัมผัสได้ว่าเธอคนนี้ไม่ใช่....

 

 

“ชิน อาเชอร์ แห่งฟรีดอม!”  เสียงนั้นเหมือนเสียงของแอนน์ไม่มีผิด  เขาไม่เข้าใจเลย

 

 

“ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่คนๆเดียวกันหรอกนะ   ตั้งแต่คราวนั้นเราก็ไม่เคยได้คุยกันเลยสินะ”

 

 

ชินนิ่งอึ้งไป  จู่ๆเขานึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา “เทพธิดา งั้นเหรอ?”

 

 

“ใช่แล้วล่ะ...ส่วนเรื่องที่เธออยากรู้ที่สุด   แอนนา เบลล์ได้จากยูโทเปียไปแล้ว  ตอนนี้เธอคงกลับถึงบ้านของเธอแล้วล่ะ”  เสียงของเทพธิดาสงบนิ่ง  เธอเอ่ยในสิ่งที่เขาอยากได้รับการยืนยันเพื่อความแน่ใจอย่างตรงไปตรงมา

 

 

“ทำไมกัน...?”

 

 

“เธอต้องกลับไปนะชิน.. ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ”

 

 

“ไม่...ไม่จริง!  ท่านก็แค่ไม่ส่งเธอกลับไปก็เท่านั้นเอง”

 

 

“แต่การกลับไปครั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความประสงค์ของเจ้าตัวเองนะ”

 

 

“อะไรนะ...แอนน์อยากกลับไปงั้นเหรอ?”

 

 

“ใครๆก็อยากกลับบ้านที่ตัวเองจากมาทั้งนั้นแหละ  เธอได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”

 

 

“ท่านให้อะไรตอบแทนเธอไป...”

 

 

“สิ่งสำคัญที่เป็นความลับระหว่างฉันกับผู้ถูกเลือกเพียงเท่านั้น”

 

 

“.....”  ชินกัดฟันด้วยความเจ็บใจดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางโต้เถียงเทพธิดาได้เลย

 

 

ตอนนั้นเองโมโมะก็วิ่งตามขึ้นมาทัน   มันเห็นท่าทางของชิน  กับหญิงสาวแปลกหน้าอีกคนจึงพอจะเดาเหตุการณ์ออก

 

 

“แอนน์ล่ะ...” มันถามอย่างน่าสงสาร

 

 

เทพธิดาสั่นหน้า  โมโมะยืนนิ่ง  “คุณเป็นใคร?”

 

 

“ฉันคือเทพธิดายังไงล่ะ.....จิ้งจอกเก้าหางเอ๋ย”

 

 

ชินยังคงยืนนิ่งเหมือนกำลังทำใจยอมรับความจริง

 

 

“ฉันเองก็คงต้องไปเหมือนกันสินะ”  เทพธิดากล่าวขึ้น

 

 

“ท่านทำให้แอนน์กลับมาได้ไหม?”  ชินถาม

 

 

“ถึงฉันทำได้  ฉันก็คงไม่ทำหรอก”

 

 

“ถ้าผมขอร้อง...แค่แว่บเดียวเท่านั้นให้ผมได้พูดกับเธอ  ได้บอกความรู้สึกกับเธอ  รั้งเธอไว้.....ไม่แน่ว่าแอนน์อาจจะไม่อยากกลับไปที่โลกของเธออีกก็เป็นได้”

 

 

“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาหรอก.....ชิน.....”  ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นในทันที  แต่ร่างของเทพธิดากลับค่อยๆเลือนหายไปแล้ว

 

 

“แล้วเราค่อยพบกันใหม่นะ เจ้าชาย”

 

 

“เราจะได้พบกันอีกงั้นรึ?”   ชินเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง

 

 

“เมื่อถึงเวลา...”  เทพธิดาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนที่จะจากไป   เธอทิ้งให้ชินกับโมโมะอยู่กันเพียงลำพังบนยอดหอคอยแต่เพียงเท่านั้น

 

 

ชั่วขณะที่รู้ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ดีไปกว่าการรอคอยนั้นกำลังถาโถมมาทับตัวเขาเอาไว้  มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดจนแทบที่เขาจะทนไม่ไหว   ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีทางให้แอนน์กลับมาที่นี่ได้อีกแล้ว  เขาตัดสินใจช้าเกินไปและเด็ดขาดไม่พอ    เขาควรที่จะมาหาเธอได้เร็วกว่านี้แม้จะอีกนิดเดียวก็ยังดี

 

 

เมื่อนั้นชินก็ปักดาบลงกับพื้นอย่างแรงเหมือนจะใช้พยุงตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไป   เขาก้มหน้าลงโดยไม่พูดกับจิ้งจอกเก้าหางเลยแม้แต่คำเดียว      โมโมะน้ำตาไหลรินออกมาเป็นสาย....มันส่งเสียงร้องหาแอนน์ดังก้องไปในอากาศ    ขณะนั้นเองก็น้ำใสๆหยดลงบนพื้นเบื้องหน้าชิน

 

 

ทันใดนั้นชินก็สะบัดหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วจึงตะโกนเรียกชื่อของหญิงสาวออกมาสุดเสียง 

 

 

“แอนนา    เบลล์!!!!....”  เขาตะโกนก้อง

 

 

 

**********

 

ปล. บทสุดท้ายแล้วอ่ะ แหะๆ  แต่ก็ยังไม่จบสักทีเดียวอย่าเพิ่งเผ่นไปไหนกันก่อนนะ  รออ่านบทส่งท้ายต่อกันหน่อยเนอะ (มีบทนำแล้วมันก็ต้องมีบทส่งท้ายด้วยสิ)    ขอบคุณจริงๆนะสำหรับทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้  เดี๋ยวเจอกันอีกในบทส่งท้ายจ้า               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา