เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]

9.8

เขียนโดย บุหงา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.

  29 ตอน
  6 วิจารณ์
  30.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) ตอนที่ 26-100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

~26~

คำสัญญา...และคนที่รู้สึกหึง

 

                เช้าวันใหม่ซันกับนะโมมายืนทำหน้าจ่องอยู่หน้ารั้วบ้าน นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่มีนมีงานด่วนกลับไปแล้วละก็ จะแกล้งเป็นพี่มีนแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะเลย

                 “พี่ดาว โมขอโทษฮะ”

                นะโมพูดขึ้นพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด คำขอโทษจากนะโมสามารถทำให้ฉันหายโกรธแล้วละแต่ฉันก็ยังไม่ชอบใจอะไรบ้างอย่างอยู่ดี

                 “มันไม่มีค่าเลยใช่ไหมนะโม สำหรับเมื่อเจ็ดปีที่แล้วที่พี่ช่วยนะโมไว้ตอนนั้นมันไม่มีค่าเลยใช่ไหม”

                ฉันถามขึ้นและปั้นหน้าว่าเสียใจมากๆ กับการกระทำที่สิ้นคิดของนะโม

                 “มีสิฮะ”

                นะโมตอบมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ดวงตากระพริบถี่ๆเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้

                 “มีเหรอ แล้วทำไมนะโมถึงทำแบบนั้นละ แสดงว่าเรื่องนั้นมันไม่มีค่าสำหรับนะโมเลยสินะ พี่เสียใจจริงๆ นอกจากที่นะโมไม่เห็นมันค่ามันแล้ว นะโมยังไม่เห็นแม้กระทั่งคุณค่าชีวิตของตัวเองอีก”

                 “ผมยอมรับผิดฮะ แต่พี่ดาวอย่าโกรธโมเลยนะ เรียกโมเหมือนเดิมสิครับ”

                นะโมให้ฉันเรียกเขาว่าโมเหมือนเดิม จริงสินะแม่ของนะโมก็เรียกแบบนี้เหมือนกัน ดวงตาของนะโมบอกว่ารักฉันก็จริง แต่ฉันดูออกว่ารักฉันเหมือนกับแม่ของเขามากกว่า

                 “สัญญาสิว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก สัญญากับพี่สิโม”

                 “ครับ!...สัญญาครับ...ฮึก ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ พี่ดาวอย่าทิ้งโมนะ อย่าทิ้งโมนะพี่ดาว”

                นะโมพูดพร้อมสะอื้นออกมาอย่างน่าสงสาร ฉันจึงเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้แล้วกอดนะโมไว้หลวมๆ

                 “แค่โมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก พี่ก็ไม่โกรธโมแล้ว เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ”

                 “อย่ากอดมากหึง!”

                จู่ๆซันก็ทำท่ากระฟัดกระเฟียดไม่ชอบใจ แถมยังบอกว่าหึงอีก เขาคิดอะไรของเขากันนะโมยังเด็กอยู่เลยนะ จะมาหึงได้ยังไง ตั้งแต่เขารู้ว่าจริงๆคนที่ขอฉันแต่งงานตัดหน้าเขาคือนะโมก็ตั้งหน้าตั้งตาแยกเขี้ยวใส่นะโมตลอด

                 “เงียบไปเลยซัน ไม่เห็นเหรอว่านะโมกำลังเสียใจ นายนี่แย่จริงๆ”

                ฉันมองเขาตาขวาง แล้วก็เห็นเขาชี้หน้านะโมอย่างเครียดแค้น

                 “แก! ไอ้นะโม ไอ้..ไอ้เด็กแก่แดด”

                 “เอ๊ะซัน ทำไมไปว่าโมแบบนั้น โมออกจะเป็นเด็กดีนะ”

                ฉันแย่งอย่างไม่เห็นด้วยเพราะนะโมเป็นเด็กดี แล้วยังจะกตัญญูอีกจะมาว่านะโมของฉันแก่แดดได้ยังไงแย่จริงๆเลย แล้วจู่ๆก็ออกยักษ์ออกโขนใส่นะโมที่กำลังเสียใจแบบนี้มันใช่ที่ไหน

                 “ก็เด็กนี่มัน...ดูมัน...”

                 “พี่ดาวครับ เฮียซันเขาพูดไม่เพราะเลยนะครับเป็นผู้ใหญ่ที่ แย..แย่”

                 “ใช่นี่ต่อหน้าเด็กนะ ทำไมซันพูดไม่เพราะเลย”

                 “โธ่โว้ย นะโมออกห่างๆดาวเดี๋ยวนี่นะ ออกมา...”

                ซันพูดพร้อมจะดึงให้นะโมออกห่างฉัน ฉันจึงผวากอดนะโมไว้กลัวเขาจะตกบันไดเพราะตอนนี้เรายืนอยู่บนบันไดหน้าบ้าน

                 “พี่ดาวช่วยโมด้วยฮะ  เฮียซันน่ากลัว”

                นะโมพูดขึ้นพร้อมกอดฉันแน่น สั่นเป็นลูกนกตกน้ำแสดงว่ากลัวจริงๆ ฉันเลยหันไปไล่ซันให้ออกไปห่างนะโมทันที

                 “ไปเลยนะซัน กลับบ้านนายเลยเห็นไหมนะโมตัวสั่นไปหมดเพราะกลัวนายมากๆเลยนี่ โอ๋ๆไม่ต้องกลัวนะ...โมพี่ไล่เขาไปให้แล้ว”

 

                ผมเขม่นมองเด็กผู้ชายที่ชื่อนะโมอย่างหมั่นไส้ก็รู้อยู่หรอกว่าดาวกับเด็กนะโมอะไรนี่ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาดแต่ไอ้เด็กนะโมมันก็...ฮึยขัดใจผมจัง เพราะตอนที่ผมเรียกนะโมว่าเป็นเด็กแก่แดดก็เพราะนะโมกอดดาวแล้วหันหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม ใช่ดาวไม่เห็นหรอกคนเห็นนะผมคนเดียว

                “นี่ยังไม่ไปอีกเหรอซัน ไปสิ”

                หลังจากที่ดาว ลูบหัวลูบหลังปลอบใจเด็กแก่แดดนะโมแล้ว ดาวก็หันมาแห้วใส่ผมอีกเพราะยังเห็นว่าผมยืนอยู่ที่เดิม

                “ไปก็ได้ ฝากไว้ก่อนเหอะเดี๋ยวพ่อจะมาเอาคืนนะโม ฝากบอกแม่ดาวนะเสียพ่อซันไปแล้วจะเสียใจ”

                ผมคาดโทษแล้วหันหลังเดินกลับไป อ้อแล้วที่นะโมตัวสั่นน่ะ ไม่ได้กลัวผมหรอกนะ แต่กำลังหัวเราะชอบอกชอบใจแบบไม่มีเสียงอยู่ต่างหากละ หน็อยไอ้เด็กแก่แดดเอ๊ย ไม่น่าช่วยไว้เลย

                ด้วยความโมโห ผมไม่อยากเอาหน้าบูดๆไปให้แม่ผมล้อเลียนอีกก็เลยเดินท่อมๆไปสงบอารมณ์ที่ทุ่งโล่งกว้างที่ดอกกระเจียวเคยบานนั่นแหละ

                “เด็กแสบ! เป็นลูกฉันกับดาวจริงๆนะ จะตีให้ก้นลายเลย อุบ..”

                ผมสบถขึ้นด้วยการที่ระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ก็กลัวดาวจะได้ยินรีบยกมือปิดปากทันทีเพราะไอ้ทุ่งที่ว่านี่อยู่หลังบ้านดาวเท่านั้นเอง

                “สวัสดีทายาทคนสุดท้าย”

                จู่ๆมีใครก็ไม่รู้ทักผมขึ้นด้วยภาษสากลของโลก อยู่ข้างหลังทำให้ผมผงะตกใจ ตั้งหลักได้ก็รีบหันหลังกลับไปมองด้วยอาการระแวงระไว ท่าทางจะไม่ได้มาดี แล้วผมก็คิดว่าเคยไปมีเรื่องกับใครเขารึเปล่า คำตอบคือไม่ แล้วเขามาหาผมด้วยท่าทางคุกคาม แถมยังปิดหน้าปิดตาไม่เปิดเผยตัวแบบนี้ทำไม

                “คุณเป็นใคร?”

                “ตระกูล.....สายรอง หรือง่ายๆคือฉันมีศักดิ์เป็นอาแกนะสิ”

                “อา? จะบ้าเหรอผมไม่เคยมีญาติที่ไหน คุณจะเป็นอาของผมได้ยังไง”

                “แม่พรึกของแกไม่ได้บอกอะไรแกเลยรึไง แย่จริงๆ จุ๊ๆๆๆ”

                ผู้ชายปริศนาที่อ้างว่าเป็นอาของผมจุ๊ปากขึ้น พร้อมส่ายหน้าไปมาเหมือนกำลังเห็นใจผมเรื่องอะไรบ้างอย่างเสียเต็มประดา

                “ก่อนแกตาย ฉันจะบอกให้เอาบุญ ว่าคนที่สั่งฆ่าพ่อแกน่ะคือฉันเอง”

                ผลัวะ! ตุบ!

                ยังไม่ทันตั้งตัวกับความจริงที่ได้รับรู้กะทันหันผมก็ถูกวัตถุบางอย่างตีเข้าที่ศีรษะอย่างจัง ทำให้ทรุดลงไปนอนวัดพื้น ของเหลวหนืดสีแดงข้นไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้สติ อันเลือนรางบังคับให้ตัวเองลุกขึ้น แต่ก็ทำได้เพียงนอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้นเหมือนคนที่กำลังสิ้นใจ

                “กรี๊ด!ซัน ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”

                เสียงของดาวที่ดังขึ้นฉุดให้ผมผงกหัวขึ้นมอง ทั้งที่สติกำลังหลุดลอย ราวกับเสียงของดาวเป็นพรวิเศษทำให้ผมยังสามารถมีความรับรู้อยู่ได้อยู่ตอนนี้

                “เฮ้ยถอย...นับว่านายยังดวงแข็งหลานรัก”

                หลังจากที่พวกเขาล่าถอยออกไปซึ่งมารับรู้ที่หลังว่าไม่ได้มาคนเดียว สติของผมก็ดับวูบลงอย่างช่วยไม่ได้

 

                คำพูดก่อนที่เขาเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปด้วยความโมโห เมื่อไม่กี้ชั่วโมงที่แล้ว ‘ไปก็ได้ ฝากไว้ก่อนเหอะเดี๋ยวพ่อจะมาเอาคืนนะโม ฝากบอกแม่ดาวด้วยนะเสียพ่อซันไปแล้วจะเสียใจ’ แล้วฉันก็เสียใจจริงๆ อย่าเป็นอะไรเลยนะซัน ฉันไม่น่าไล่เขาออกไปเลยมันเป็นความผิดของฉัน

                ตอนนี้ฉันกับนะโมนั่งเฝ้าเขาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ด้วยจิตใจอันสับสนวุ่นวาย เพราะเขาเข้าไปนานแล้วนะไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

                “ดาว! ซันเป็นยังไงบ้างลูก”

                แม่พรึกเดินเร็วๆเข้ามา ตามด้วยแม่ของฉันที่เดินตามหลังกันมาติดๆถามขึ้นด้วยอาการร้อนรน ฉันส่ายหน้าพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้ซันต้องเจ็บตัว

                “ฮึก...แม่พรึกดาวขอโทษ เป็นเพราะดาว ซันถึงเป็นแบบนี้ ฮึก...ดาวขอโทษจริงๆค่ะ”

                “ไม่เอาลูก อย่าโทษตัวเองสิไหนลองเล่าให้แม่พรึกฟังสิว่าเรื่องมันเป็นยังไง”

                “ฮึก...ดาวกับซันทะเลาะกันค่ะ ด้วยความเสียใจดาวเลยไล่ซันออกไป สักพักดาวก็ได้ยินเสียงซันตะโกนอะไรไม่รู้เสียงดัง ดาวกับนะโมเลยเดินไปหลังบ้านไปดู แล้วก็เห็นซันถูกคนที่ลอบอ้อมเข้าข้างหลังตีหัวเอา จากนั้นดาวก็เลยร้องให้คนช่วย แม่พรึกกับแม่ไม่อยู่เลยไม่ได้ยิน แล้ว..แล้ว นะโมจึงโทรเรียกคนรถที่บ้านให้มารับซันมาโรงพยาบาลค่ะ ...ฮึกดาวไม่ได้ตั้งใจไล่ซันไปให้ถูกทำร้ายจริงๆนะค่ะ”

                “ไม่ใช่ความผิดของพี่ดาวหรอกครับ ความผิดของโมมากกว่า”

                นะโมพูดพร้อมทำหน้าสำนึกผิด

                “โมผิดเองที่ไปแกล้งเฮียเขา”

                “ไม่ใช่ความผิดของนะโมหรอกสบายใจเถอะ แล้วไม่ต้องแย่งกันบอกว่าเป็นความผิดของใครทั้งนั้น ผิดกัน

ทั้งหมดนั่นแหละ”

                แม่ของฉันพูดตัดบท พร้อมหันหน้าไปมองประตูห้องไอซียูอย่างกังวล แม่คงเป็นห่วงซันเพราะเคยเลี้ยงซันกับฉัน

ร่วมกันกับแม่พรึกนี่น่า

                “คุณหมอออกมาแล้วฮะ”

                เสียงของนะโมทำให้ฉันหันไปมองไปที่ประตูห้องไอซียูทันที

                “คุณหมอค่ะซันเป็นยังไงบ้างค่ะ”

                “คนไข้ปลอดภัยดีแล้วครับไม่ต้องห่วง แล้วเราจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักฟื้นนะครับ หมอขอตัวก่อน”

                เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดแรง แล้วก็คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                “แม่พรึกค่ะซันเคยไปมีเรื่องกับใครที่ไหนรึเปล่าคะ ทำไมเขาถึงโดนทำร้ายมาแบบนี้”

                “ซันเป็นเด็กดีมาตลอดนะดาว แม่เชื่อว่าซันไม่เคยไปมีเรื่องกับใครเขามาก่อนหรอก”

                คำตอบของแม่พรึกก็ยังไม่คลายความสงสัยให้ฉันอยู่ดี

                “แล้วทำไมซันถึงโดนทำร้ายแบบนี้ละคะ”

                ฉันถามขึ้นอีกพร้อมสะอื้นฮัก น้ำตาหยดลงแหมะ

                “ไม่เอาไม่ร้องลูก เราไปที่ห้องพักฟื้นกับซันเถอะ นั่นเขาเอาตัวซันออกมาแล้ว”

                แม่พรึกพูดขึ้นพร้อมมองตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงของซันออกมาจากห้องไอซียู

                “ซัน!”

                ฉันเรียกซันพร้อมกับถลาไปหาซันทันที และทุกคนก็เดินตามมาโดยพร้อมเพรียงเช่นกัน

                “หายโกรธซันเขาแล้วเหรอลูก”

                แม่พรึกถามขึ้น พร้อมส่ายหน้าน้อยๆ และยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน

                “ค่ะ”

                ฉันอ้อมแอ้มตอบ แม่พรึกและแม่ของฉันจึงหันมาส่งยิ้มให้กันและกัน เหมือนท่านทั้งสองจะรู้คำตอบกันดีอยู่แล้วอย่างนั้นแหละ ก็มีแต่นายบ้าที่หลับอยู่นี่แหละไม่รู้อะไรแล้วเอาแต่ขอโทษอยู่แบบนั้นแหละ

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา