SASSY BOY ยั่วรัก! [YAOI, BOY'S LOVE]
เขียนโดย pcool
วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557 16.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) SASSY BOY 1. FAR VS DARLING
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาทั้งหมดเพื่ออรรถรสในการอ่านเท่านั้น!
SASSY BOY 1
FAR VS DARLING
3 ปี ต่อมา
“โอ้ยสัด!! ในที่สุดก็เสร็จสักทีโว้ยยยยยยยยยยย” เสียงดีใจอย่างสุดชีวิตของไอ้แวนทำเอาผมยกยิ้มมุมปากเล็กๆก่อนที่จะส่ายศีรษะเบาๆ แต่สายตาทั้งสองของผมยังคงแน่วแน่อยู่กับงานเบื้องหน้า
“มึงรีบเอามาให้กูอย่างด่วนๆเลยสาดดดด กูรอมึงเป็นชาติแล้วไอ้ฟวย! เดี๋ยวพรุ่งนี้โอนเนอร์(เจ้าของโครงการ)เข้ามาดูงานช่วงเช้าแล้วถ้ากูทำเสร็จไม่ทัน กูจะฟ้องไอ้โอมว่าเป็นเพราะเมิง” ส่วนนี่ไอ้แซมอยู่ทีมเดียวกับไอ้แวนเป็นนักออกแบบภายในหรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า มัณฑนากร
“มึงอย่าเวอร์ มัณฑนากรอย่างมึงแค่ตกแต่งภายในนิดๆหน่อยๆ กับอีแค่ห้องน้ำแปบเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ”
“มึงอย่าบอกว่าแค่ครับไอ้คุณแวน มึงช่วยแหกตาอ่านในสัญญาที่โอนเนอร์ออเดอร์งานมาด้วยนะครับ ไอ้เวร!”
“มึงเอาเวลาที่บ่นกูไปทำงานในส่วนของมึง ป่านนี้มึงก็เสร็จนานละ”
“เหี้ย!” ไอ้แซมลั่นวาจาตอกย้ำเต็มหน้าไอ้แวนเป็นคำสุดท้ายก่อนที่จะรีบก้มหน้าก้มตาทำงานในส่วนของตัวเองทันที
ส่วนไอ้แวนที่ว่างจากงานแล้วก็ลากเก้าอี้ตัวเองมายังโต๊ะผมทันที สีหน้าแววตามีเลศนัยแบบนี้มีอยู่อย่างเดียวละครับ
“ไอ้ฟาร์เย็นนี้...”
“ไม่ไป”
“ไอ้สัด! กูยังไม่ทันพูดเลย”
“ชวนกูไปดริ๊งค์สินะ”
“ถูกต้องนะครับบบบบบบ” ผมว่าแล้วไง ไอ้นี่มันไม่มีอะไรมากหรอกครับ ว่างเป็นดริ๊งค์ตลอด
“มึงดู ว่างานกูเสร็จยัง” ผมพูดพลางพยักพเยิดให้มันมองไปที่งานของผมที่วางเต็มโต๊ะ
“แต่งานนี้มึงส่งตั้งอาทิตย์หน้า”
“ไอ้ฟาร์มันไม่ขี้เกียจอย่างมึงไง ไฟไม่ลนตูดมึงก็ไม่รู้สึกหรอกไอ้แวน กูนี่อยากเปลี่ยนไปอยู่ทีมเดียวกับไอ้ฟาร์จริงๆ” ไอ้แซมที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่นั้นก็ปากยาวจากโต๊ะตัวเองมายังโต๊ะผม ทำให้ไอ้แวนชักสีหน้าเล็กน้อย แต่ไอ้แซมมันไม่สนใจกลับพูดต่อโดยเปลี่ยนบุคคลสนทนาเป็นมัณฑนากรทีมผมแทน “คุณวาครับ เรามาเปลี่ยนทีมกันไหม?”
“เอ่อ...ไม่ดีกว่าครับ วาเกรงใจ” วาตอบอย่างสุภาพ
“ไอ้แวนมึงดูไว้ซะ ไม่มีใครเขาอยากทำงานกับมึงจริงๆ มีแต่กูนี่แหละที่หน้ามืดเข้าทีมกับมึง”
“บุญคุณท่วมหัวกูจริงจริ๊ง ทำงานซะ รีบมากไม่ใช่ไง๊สาดดดด พูดมากอยู่ได้” ไอ้แวนด่ากลับไปอย่างทีเล่นทีจริงก่อนที่จะหันหน้ามาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“ห่าอะไรของมึงอีก”
ไอ้แวนโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนที่จะกระซิบเบาๆ “//มึงไม่สนใจคุณวาเหรอวะ? กูดูออกนะเว้ยยย ว่าเขาสนใจมึง แล้วที่สำคัญ...คุณวาก็สเปคมึงไม่ใช่เหรอวะ มึงจะรีรอเหี้ย’ไรอีกก//”
“มึงอย่าเยอะ มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอกน่า” ผมตอบปัดๆไปก่อนที่จะลงมือเขียนแบบต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“มึงคอยดู” ผมกระตุกยิ้มเล็ก... ไอ้เหี้ยนี่คิดอะไรพิเรนทร์ๆชัวร์ เอากับมันสักหน่อยก็แล้วกัน เพราะผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันคิดจะทำอะไร
“ก็เอาสิ”
“จัดไปครับบ” ไอ้แซมรับคำผมก่อนที่จะกระแอมเสียงตัวเองเบาและสวมบทบาทดาราจำเป็นทันที “อะแฮ่ม! เอ่อ...คุณวาครับบ ไอ้ฟาร์มันเรียกน่ะครับ มันอยากตรวจงานที่คุณกำลังทำอยู่” อ้าวไอ้เวร อ้างผมซะงั้น
“ดะ...ได้ครับ!” คุณวาตอบกลับแทบจะทันที ก่อนที่จะ...
เคร้ง!
เพล้ง! กุกกัก กุกกัก
รีบร้อนจัดซะจนของบนโต๊ะ เช่น ดินสอ ยางลบ สีแท่งต่างๆ ตกกระจายเต็มพื้นไปหมด วาไม่ได้สนใจเก็บมันสักนิด แต่กลับลนลานเอางานมาให้ผมดู และในขณะที่ที่วาเอางานเข้ามาให้ผม ไอ้เพื่อนตัวแสบมันหันมายักคิ้วให้ผมจึกจึกก่อนที่จะลอบยิ้มออกมา และ...
กึก!
“อ๊ะ!”
“วาระวังครับ!”
ฉึบ!
พรึ่บ!
ไอ้ห่าแวน! ไอ้เวร! มันเอาเท้าไปขัดขาวาจึงทำให้วาเสียหลักและถลาเข้ามาหาผม ด้วยสัญชาตญาณผมก็ต้องรับรับไว้โดยฉับพลัน ไม่อย่างนั้นวาได้ล่วงลงไปกองบนพื้นแน่ๆ ส่วนไอ้คนก่อเหตุกลับนั่งลอยหน้าลอยตาไม่รู้เรื่อง เอากับมันสิครับ! น่าเอาดินสอจิ้มตาจริงๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!? เจ็บตรงไหนไหม!?” ผมก้มหน้าลงถามคนในอ้อมแขนอย่างตื่นตระหนก แต่ดูเหมือนว่า...คำถามของผมมันส่งไม่ไปไม่ถึงหูของเขาเลยสักนิด วามองหน้าของผมอย่างไม่วางตา เรียกได้ว่าไม่กระพริบเลยทีเดียว แก้มทั้งสองข้างขึ้นสีเรื่ออย่างเห็นได้ชัด บอกตามตรงว่าวาสเปคผมจริงๆอย่างที่ไอ้แวนว่านั่นแหละครับ หึหึหึ
“คิกก~” ไอ้เวรแวน
“เอ่อ...วาครับ? ได้ยินผมไหม?” ผมลองเรียกอีกครั้ง แต่ยังเหมือนเดิมครับ วายังมองหน้าผมด้วยสายตาเหม่อลอยหรือที่ใครๆหลายคนเรียกว่าเคลิ้มนั่นแหละครับบ
ผมหันไปทางไอ้แวนอีกครั้ง ครั้งนี้มันยักคิ้วยึกๆมาให้ผม ก่อนที่จะไหวไหล่เล็กน้อยและยิ้มออกมาอย่างกวนๆ ผมส่ายหน้าน้อยๆก่อนที่จะหันกลับมาสนใจคนในอ้อมแขนอีกครั้ง
“วา” ผมเรียกเสียงเรียบพร้อมกับเขย่าเล็กน้อย จนวาได้สติรีบลุกจากตัวผมและไปยืนก้มหน้าก้มตาขอโทษผมด้วยใบหน้าแดงๆ
“ขะ...โทษ วาขอโทษนะฟาร์”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบพร้อมส่งยิ้มบางๆไปให้ก่อนที่จะพูดประโยคถัดไป “วากลับไปทำงานต่อเถอะครับ งานเสร็จค่อยเอามาให้ผมดูทีเดียว”
“อะ...อื้ม โอเค...” วารับคำและเดินไปกลับไปที่โต๊ะตัวเอง
.
.
“มึงอย่าเก๊กมากได้มะ”
“เก๊กเหี้ยไรครับ ไอ้คุณแวนน” ผมถามไอ้แวนกลับพร้อมกับใบหน้าสงสัย ผมขี้เก๊กตรงไหน
“มึงทำเขาหน้าแดงซะขนาดนั้น อ่อยเหยื่อชัดๆ!” ผมทำตอนไหน? ผมไม่เห็นจะรู้ตัวเลยสักนิด
“กูทำตอนไหน?”
“ไอ้สัด! มึงมองเขาแทบจะกลืนเข้าไปทั้งตัว!” เฮ่ยย!! ผมทำแบบนั้นเรอะ! ไม่รู้ตัวเลยนะครับเนี่ยยย ผมก็แค่มองเฉยๆเท่านั้นเอง หึหึหึ
กึก..
ผมผลักศีรษะมันเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มออกมาบางๆ
“มึงก็รู้ว่ากูไม่มีนโยบายเอาคนในทีมทำเมีย” เนื่องจากผมเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟเรื่องงาน ทุกอย่างที่ผ่านมือผมไปถึงมือโอนเนอร์ต้องเรียกได้ว่าเป๊ะทุกขบวนการ แต่ด้วยนิสัยและสันดารของผมคงไม่มีทางที่จะหยุดที่ใครในตอนนี้ มันคงทำให้ผมมีปัญหาภายภาคหน้าแน่ๆถ้าผมเอาเพื่อนร่วมงานจับทำเมีย เว้นแต่...ถ้าไม่มาอ่อยให้ท่าผมก่อนนะครับ หึ~
“กูก็รู้อีกว่า...มัณฑนากรคนก่อนในทีมมึงก็โดนมึงซุ่มแดรกเงียบ”
“มึงรู้ได้ไงวะ?!!” ผมว่าผมเหยียบเรื่องนี้ไว้มิดจนไม่มีใครรู้แล้วนะครับ และสาเหตุที่ทำให้เขาต้องออกจากงานก็เพราะผมเอง ผมไม่ได้หยุดแค่ที่เขา
“แหมสาดดดด~ ถึงกูกระแซะถามมึงทุกวันๆแล้วมึงแมร่งก็ปากแข็งไม่ยอมพูดไม่ยอมบอก แต่นั่น...มันก็ไม่ได้แปลว่ากูจะไม่รู้นี่หว่า ฮ่าๆๆ”
“ไอ้แวน! ง้างปากมึงแล้วบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย!”
“จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่าเพื่อน~ มึงรีบทำงานของมึงไม่ใช่หรือไง? กูไปละ ไม่อยากรบกวนเวลางานของเมิงงง”
“ไอ้เหี้ย!”
ไอ้แวนไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะรีบกลับโต๊ะตัวเองทันที เมื่อไอ้โอมประธานบริษัทเดินเข้ามาตรวจงาน ใครๆที่ทำงานในบริษัทนี้ก็ต้องกลัวไอ้โอมขี้ขึ้นสมองกันทั้งนั้นแหละครับเพราะไอ้เพื่อนเวรของผมคนนี้มันแมร่งเนียบกับงานมาก เนียบซะจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ต้องคอยแก้งานจนมันพอใจถึงจะส่งไปยังโอนเนอร์ได้ แต่ก็เพราะมันเป็นแบบนั้น บริษัทของผมจึงเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศที่เหล่าโอนเนอร์หรือลูกค้าทั้งหลายไว้วางใจ มันบริหารได้สุดยอดจริงๆผมบอกเลย แต่ถ้าเกิดไอ้เหี้ยโอมได้รั่วเมื่อไหร่ ผมแทบจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผากเพราะไอ้เวรนี่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากไอ้แวนเท่าไหร่เลยครับ เฮ่อออ
Rrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
ผมยิ้มให้กับโทรศัพท์เล็กน้อย เมื่อเห็นเบอร์โทรเข้า ก่อนที่จะกดรับสายทันที
“ไง~ น้องรัก”
[กูเอง หึหึหึ]
ผมผงะเล็กน้อยก่อนที่จะกรอกเสียงลงไป “ไอ้เหี้ยกาย”
[กูน้องเขยนะเว้ยย เรียกแมร่งดีๆหน่อย] ได้ทีเรียกร้องให้ผมรำลึกสถานะของมันตอนในตอนนี้ทันที หรือว่าผมยังเล่นมันน้อยไปหรือเปล่าครับ ถึงได้ยังทำเสียงกวนๆผมอยู่แบบนี้ได้
“มีธุระอะไร กูยุ่งอยู่”
[แหม~ ไอ้เวร! ยุ่งทันทีเลยนะมึง กูจะโทรมาบอกมึงว่า...อย่าทำงานจนลืมวันเกิดเมียกูนะเว้ยยย]
“เห?” วันเกิดฟี่? อะ...โอ้ววว มะรืนนี้นี่ครับ! เกือบลืมแล้วไหมล่ะ ไอ้กายมึงเพิ่งจะทำหน้าที่น้องเขยถูกใจกูก็คราวนี้นี่แหละ “อย่างกูเนี่ยนะจะลืมวันเกิดฟี่”
[มึงอย่าเนียนน กูได้ยินเสียงมึงตกใจนะเว้ย!]
“อะไร? กูตกใจงานกูหรอกว่าทำไมสวยแบบนี้”
[ปากแข็งนะสัด!]
“กูเปล่า วันนี้กูยังคิดว่าจะไปหาซื้อของขวัญให้น้องรักกูอยู่เลย”
[หรา~ งั้นแค่นี้แหละ ขี้เกียจคุยกับมึงแล้ว ปากแข็งจนน่าถีบ กูเอาเวลาที่มาคุยกับมึงไปสวีทกับเมียกูดีกว่า อาจจะได้...สักยก...สองยก หึหึหึ ฮ่าๆๆๆ]
“ไอ้เหี้ยก...”
ติ๊ด!!
ไอ้เวรนี่มันตัดสายหนีอย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะด่าสวนด่ากลับไป นี่ถ้าน้องผมสึกหรอ ไม่เปล่งปลั่งในงานวันเกิดผมจะหาชู้ให้ฟี่แมร่งเลย เอาแบบดีๆ ไม่มักมากเหมือนไอ้เวรกายมัน ว่างเป็นไม่ได้ชวนน้องผมเที่ยวตะลอนๆไม่เป็นอันทำงาน ตกดึกก็นอนบ้านไอ้กาย จนน้องผมมันคงลืมบ้านลืมผมไปแล้วมั้งครับว่าหน้าตาพี่ชายอย่างผมเป็นยังไง เฮ่อออ คิดถึงน้องเว้ยยยยยย
.....................................................
“ไอ้ฟาร์ไม่ไปกับพวกกูจริงเหรอวะ?” นี่ขนาดผมเปิดประตูรถกำลังจะขึ้นไปนั่งแล้วนะครับ ไอ้แวนยังเซ้าซี้ผมให้ไปดริ๊งค์กับมันไม่เลิกจนวินาทีสุดท้ายเลยครับ
“พวก? ใครมั่งวะ?”
“กูกับไอ้แซม”
“ตาม’บายเลยเพื่อน กูไม่อยากไปเป็น กขค การสวีวี่วิวของพวกมึง ฮ่าๆๆ”
“เออ มึงคิดถูกละ ที่กูมาชวนมึงก็แค่ตามมารยาทเท่านั้นแหละ กร๊ากกๆๆ” ไอ้ห่า!
“เหี้ย~ ไม่ปฏิเสธเลยนะมึงงง กูไปแล้วเดี๋ยวรถติด”
“เออๆ จำไว้เลยนะมึง” มันพูดจบก็สะบัดก้นใส่ผมและเดินไปยังรถที่ไอ้แซมยืนรออยู่ด้วยใบหน้ากึ่งๆรำคาญกึ่งๆหงุดหงิด ผมว่าไอ้แวนบังคับให้ไปชัวร์ ผมยิ้มออกมาก่อนที่จะเปิดประตูด้านคนขับก่อนที่จะบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์เตรียมออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อหาของขวัญให้น้องผมสักชิ้น แต่...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมกดสวิตช์กระจกให้เลื่อนลง
“ครับ?”
“เอ่อ...วาได้ยินว่าฟาร์จะไปห่างสรรพสินค้า ขอวาติดรถไปด้วยได้ไหม? คือวา...”
ผมลอบยิ้มออกมาเล็กๆ “ขึ้นมาสิครับ”
วายิ้มกว้างออกมาอย่างไม่ปกปิดความดีใจ หึหึ “ขอบคุณนะฟาร์”
.
.
“วาจะไปเดินเที่ยวที่ห้าง?” ผมถามวาในขณะที่รถติดไฟแดง
“ห๊า?”
“ห้างไง?”
“อะ...อ๋อ ใช่ วาว่าจะไปเดินเที่ยวดูของใช้เข้าห้องซะหน่อย”
ผมว่าไม่ใช่ละมั้งง ข้ออ้างเห็นๆ ผมเลยแกล้งโน้มหน้าเข้าไปหาใกล้ๆ ใช้มือข้างหนึ่งเท้าที่คอนโซล อีกข้างเท้าที่เบาะคนนั่ง วามองหน้าผมของตระหนกๆก่อนที่จะถอนล่นหนีจนตัวติดกับประตูฝั่งคนนั่ง แต่ผมยังไม่ลดละที่จะตามติดเข้าไปจนกระทั่งวาหมดหนทางหนี ปลายจมูกของผมชนเข้ากับปลายจมูกของวา
“ฟาร์...”
“วาชอบผมใช่ไหม?” ผมเอื้อนเอ่ยถามออกไป
“คะ...คือว่า”
“ถ้าใช่ แสดงให้ผมดูหน่อยสิ บางทีผม...”
จุ๊บ~
ยังไม่ทันทีผมจะพูดจบประโยคดี วาก็ยื่นหน้าเข้ามาประกบริมฝีปากผมทันที ก่อนที่จะถอนริมฝีปากออกพร้อมกับใบหน้าที่แดงกร่ำ
“หึหึหึ”
“ฟาร์อย่าหัวเราะใส่วาแบบนั้นสิ วาอายนะ” วายกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง ผมเห็นแบบนั้นจึงยื่นหน้าเข้าไปจูบที่มือนั้นก่อนที่จะผละออกมาขับรถเพราะสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ผมยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาจนทำให้คนนี่นั่งอยู่ข้างกายเริ่มหน้าเสีย
“เอ่อ...ฟาร์....”
“ถ้าไม่ติดว่าผมไปทำธุระ คงจะขอฝากท้องที่ห้องของวาสักมื้อ” คำพูดที่แปลความหมายได้สองแง่สองง่ามของผมก็ทำให้คนที่หน้าเสีย ถึงกลับยิ้มออกมาได้
“วาจะรอนะ”
.......................................................................
ในที่สุดผมก็ถึงห้างสักที ใช้เวลาสมควรเลยทีเดียวผมหาที่จอดรถเสร็จสรรพก็เดินเข้าไปในตัวห้างทันที แต่วาไม่ได้มากับผมด้วยนะครับ รายนั้นขอลงก่อนถึงห้างเพราะเป็นซอยทางเข้าที่พักของวาพอดี ผมบอกแล้วไงว่าวาไม่ได้อยากจะมาห้างหรอกครับ เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น
ชีวิตของผมนั้นเรียบง่าย ไม่มีอะไรแปลกใหม่มาให้ตื่นเต้นๆเหมือนสมัยผมอยู่มหาลัย ชีวิตผมอยู่แค่ที่บริษัท ไซต์งาน บ้าน และแสวงหาความสุขจากกิ๊กกั๊กเท่านั้น ส่วนเที่ยว ดริ๊งค์ ก็นานๆครั้ง เพราะผมไม่ได้ว่างอะไรมากมายหรอกครับ แต่ที่ผมชอบงานด้านนี้ เพราะผมชอบท้าทายความคิดความสามารถของตัวเองในการทำอะไรที่มันสร้างสรรค์ขึ้น บางครั้งผมได้ไปทำงานนอกสถานที่บ้าง ได้ไปเห็นอะไรใหม่ๆ ได้ไปทำงานที่ไกลๆเหมือนกับการไปเที่ยวไปพักผ่อนในตัว
แต่...
เมื่อไม่นานมานี้ ชีวิตผมเหมือนโดนคุกคามแบบแปลกๆ มันเริ่มตั้งแต่ ไอ้เด็กน้อยมัธยมที่เคยมาหาเรื่องผมตอนที่ผมเคยไปเจอฟี่กับไอ้กายที่ห้าง ตอนนั้นผมยังไม่ยอมรับเรื่องของพวกมันเลยครับ พวกเด็กนั่นมันมาหาเรื่องในทำนองที่ว่า ผมเป็นตาแก่ตัณหากลับไปยุ่งกับเด็กมัน ผมเนี่ยนะ? อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ ผมน่ะเหรอไปยุ่งกับเด็กน้อยทั้งที่ไม่แน่ใจว่าXXXXมันขึ้นหรือยัง เหอะๆๆ คุกนะครับ คุก! ผมไม่ได้หื่นหน้ามืดตามัวจนหาใครไม่ได้เอาเด็กวัยกระเตาะนั้นมาบำบัดความใคร่ของตัวเองหรอกนะครับ
.
.
(ย้อนกลับไปเมื่อเหตุการณ์ครั้งนั้น)
ฟิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววว
มีอะไรบางอย่างกำลังลอยพุ่งมาที่ผมอย่างเร็วและ...แรง โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
“ไอ้ฟาร์! หลบ!!!” ไอ้กายกระโดดคว้าตัวผมให้หมอบลงทันที
เพล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!
“เฮ่ย!!”
กระจกรถข้างๆรถผมแตกกระจายเพราะของแข็ง...ไม้เบสบอล... เหี้ย!! ใครเล่นแบบนี้วะ! อย่าให้กูรู้นะเว้ยสัด! พ่อจะเอาตะกั่วยัดปากแมร่ง!!
“ไอ้เวร! เป็นห่าอะไรหรือเปล่า” ไอ้กายถามผมพร้อมกับคว้าฟี่ที่ยังยืนเหวอๆกับเหตุการณ์สักครู่ในหมอบลงด้วย
“ใครขอให้มึงช่วย”
“เออ กูสะเออะเอง สัด! ดวงจะถึงฆาตแล้วยังไม่รู้ตัว!”
“ไอ้กาย!!” ไอ้สัดปากดี!!
“หยุดสักที!! หยุดทะเลาะกันก่อนได้ไหม?! สนใจสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นตรงหน้าก่อนสิ! บอกฟี่หน่อยได้ไหม?! ว่านี่มันอะไร เกิดอะไรขึ้น!”
“ไม่รู้!” ผมกับไอ้กายพูดพร้อมกัน ฟี่มองหน้าผมที ไอ้กายที ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“พลาดเหรอวะเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ”
เสียงแทรกขึ้นมาทำให้พวกผมหันไปทางต้นเสียง พบว่าเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ14-18ปี จำนวนสิบกว่าคน ในจำนวนนั้นมีคนถือทั้งท่อนไม้ ท่อนเหล็กและมีด ผมหันไปมองไอ้กายว่ามันรู้จักเปล่า ไอ้กายทำหน้างงส่ายหน้าหวือ ส่วนผมกับฟี่ไม่รู้จักไอ้เด็กเวรพวกนี้แน่นอน
“ต้องการอะไร?” ไอ้กายถาม
“สั่งสอนคน” ใครวะ ในที่นี้มีแต่พวกผมที่อายุอานามไม่มีทางไปมีเรื่องกับเด็กอย่างพวกนี้แน่นอน
“ใคร?” ไอ้กาย
ไอ้แก่นั่นไง” ไอ้ด็กนั่นชี้ไปทาง...ผม? และมันก็พูดใส่ไอ้กายต่อ “มึงไม่เกี่ยวก็ถอยไป” หึ ไอ้กายมันเกลียดเด็กปีนเกลียวจะตายครับ
“เผอิญว่ากูอยากเกี่ยวซะด้วยสิ หึหึหึ” แค่ไอ้กายพูดเสียงกดต่ำ ไอ้เด็กเวรนั่นก็หงอแล้วครับบ เหอะ!
“งะ...งั้นมึงก็เตรียมเละเพราะความแส่ได้เลย” เด็กจริงๆพวกนี้ ปากก็พูดไปแบบนั้นแหละครับ แต่ท่าทางดูเลิ่กลั่กหน้าขันสิ้นดี!
“เดี๋ยวนี้มึงพัฒนาไปมีเรื่องกับเด็กแล้วเหรอวะ” ไอ้กายหันมาถามผม
“กูยังนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ ว่ากูไปเหยียบหางพวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมตอบตามตรงและปกติ นี่อาจจะเป็นคำพูดดีๆระหว่างผมกับไอ้กายครั้งแรกในรอบ 8 ปี ผมว่าไอ้กายมันก็รู้สึกได้นะ
“ไอ้เชน! ไอ้แก่นั่นมันว่ามึงเป็นหมาว่ะ ฮ่าๆๆ”
“หุบปากไปไอ้สัดต้น”
“มึงพาฟี่กลับเถอะว่ะ กูว่าเสียเวลาเปล่า”
“อืม กูก็ว่างั้น ไร้สาระกันจริงๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมันก่อนที่ตอบรับและหันหลังกลับดันฟี่ให้ขึ้นรถ
“มึงจะหนีเหรอวะ! ไอ้ฟาร์!!” ชัดเลยครับ! ไอ้เด็กพวกนั้นรู้จักผมชัวร์เลย! แล้วผมไปเป็นเพื่อนมันหรือไงถึงได้เรียกไม่รู้จักรุ่นแบบนี้ เผลอๆผมรุ่นพ่อพวกมันด้วยซ้ำ!!
“รู้จักกูด้วย? โอเค ถ้ารู้จัก ช่วยบอกกูทีว่าไปทำเหี้ยอะไรกับเด็กไม่หย่ายมแม่อย่างพวกมึง?”
“แก่ใกล้เข้าโลง ยังอยากจะแดรกหญ้าอ่อนเด็กไอ้เชนมันไง” ห๊า?! ผมเนี่ยนะ แดรกเด็ก? บ้ากันไปใหญ่แล้ว!!
“มึงเป็นโชตะค่อนหรือวะ?” ไอ้กายหันมาถามผม เหอะๆ มึงรู้จักคำนี้ด้วยเหรอวะ
“โชตะเวรอะไร! กูไม่เคยแดรกเด็กเว้ย ได้ติดคุกกันพอดี!”
“มึงอย่ามาโกหก!! ดาร์ลิ้งไง มึงมายุ่งกับดาร์ลิ้งของกูทำไม?” ไอ้เด็กที่ชื่อเชนตะโกนออกมาด้วยความโมโห ชื่อคนหรือเปล่าวะ ดาร์ลิ้ง? หรือมันกระแดะ
“ดาร์ลิ้ง? ที่รัก?เวรอะไรของมึง! กูจะไปยุ่งได้ยังไง แม้แต่ชื่อกูก็ไม่รู้จัก หน้ากูก็ยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ!”
“ไม่ยุ่ง?! แล้วจะมีรูปมึงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ดาร์ลิ๊งได้ไง?!”
ตอนนี้ผมชักจะหงุดหงิดแล้วครับ ผมบอกไม่รู้จัก ก็ไม่รู้จักดิวะ! ยังจะตื๊อให้รับสารภาพเหี้ย’ไรอีก! คำพูที่ไม่มีความเกรงใจกันและไร้มารยาทแบบนั้น ผมก็ทนมาสุดๆแล้ว นี่ถ้าผมไม่เล่นของแข็งไอ้พวกเด็กเวรนี่มันก็คงจะกร่างไม่เลิกสินะครับ! ผมคิดได้อย่างนั้นจึงหมุนตัวเข้ารถตัวเองก่อนที่จะควานหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยิบมันมาถือ... วัตถุสีดำที่อยู่ในมือผมเล่นเอาเด็กปากดีอวดเก่งอย่างพวกนั้นตาลีตาเหลือกกันเป็นแถวๆ ไงล่ะสัด! กร่างกันนักนะ!
แกร๊ก
ผมขึ้นลำปืนทำท่าพร้อมยิงแล้วหันปากกระบอกปืนไปที่พวกมัน... ไอ้เด็กพวกนั้นขาสั่นกันเลยครับ
“กูบอกว่าไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก ส่วนที่รงที่รักของมึงมีรูปกูได้ยังไงกูไม่รู้! เรื่องนี้บอกได้เลยว่าไม่ใช่กูแน่ๆที่อยากแดรกเด็ก แต่ที่รักของมึงนั่นแหละที่อยากจะแดรกกูซะมากกว่า ชัดเจนพอไหม?!” ผมพูดเสียงเหี้ยมๆด้วยสีหน้าแววตาที่พร้อมจะระเบิดเต็มทน
“เอ่อ...”
“ไป!!” ผมตวาดไล่เสียงดังลั่น
“แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกก” ไอ้พวกนั้นส่งเสียงตกใจและวิ่งกรูออกไปทันที
ตึก ตึก ตึกๆๆ ๆ ๆ
.
.
เหตุการณ์ที่สอง จะบอกว่าเป็นผลเนื่องมาจากเหตุการณ์หนึ่งก็ไม่เชิงครับเพราะบุคคลที่เป็นสาเหตุและทำให้เกิดเหตุการณ์ที่หนึ่ง ดันทำผมประสาทแดรก! ผมโดนคุกคามทางโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าเอาเบอร์ผมจากไหน! แต่ที่รู้ๆตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาผมไม่เคยรับสายเบอร์แปลกอีกเลย! เพราะว่า...เด็กนั่นโทรมากรี๊ดกร๊าดใส่ผมอ่ะ! เสียงกรี๊ดของเด็กคนนั้นยังฝังแน่นอยู่ในโสตประสาทความทรงจำของผมจนถึง ณ ตอนนี้
.
.
Rrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrr
“พี่ฟาร์ โทรศัพท์” ฟี่ยื่นโทรศัพท์ให้ผม ในขณะที่ผมทำงานอยู่
“ใคร?” ผมถามแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเพราะกำลังเพ่งองศาของมุมเส้นโค้งของแบบแปลนบ้านอยู่
“ไม่มีชื่ออ่ะ”
“เหรอ? ถ้างั้นก็วางไว้นั่นแหละ แต่ถ้าเราอยากรับก็รับ”
Rrrrrrrrrrrr Rrr
ติ๊ด!
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” เสียงรับโทรศัพท์ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองฟี่นิดหนึ่งก่อนที่จะทำงานต่อไปโดยไม่ได้พูดว่าอะไร ที่มองเพราะผมไม่คิดว่าฟี่จะรับเท่านั้นเอง
[…]
“สวัสดีครับ? ฮัลโหล”
[…]
“ใคร?”
“ไม่รู้อ่ะ ไม่ยอมพูด”
“วางเลย และเมมเบอร์ไว้ให้พี่ด้วยว่า ‘เบอร์ขยะ’ ถ้าโทรเข้ามาอีกพี่จะได้ไม่ต้องรับ” สงสัยจะเป็นพวกก่อกวน ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นเบอร์ที่ให้ไว้กับลูกค้า ผมเปลี่ยนเบอร์ทิ้งแล้วแน่ๆ เพราะพักหลังๆมานี่ ชอบมีคนโทรหาผมและไม่พูดเหมือนกรณีนี้เลยครับ
“ฮัลโหล ถ้าไม่พูดผมวางสายแล้วนะครับ”
[....ดะ...เดี๋ยวก่อน!!]
“ครับ ว่ายังไงครับ?” เสียงของฟี่ทำให้ผมเลิกคิ้วหันไปมอง สงสัยจะมีคนพูดสายแล้ว ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเลยนั่งก้มหน้าห้มตาทำงานต่อ
[...เอ่ออ..คือ... คือว่า...]
“ครับ?”
[....พะ...พี่ฟาร์...เอ่ออ...คุณเป็นใครครับ?]
“ผมเป็นน้องชายของพี่ฟาร์” ถ้าให้ผมเดาคนในสายต้องถามฟี่แน่เลยว่าเป็นใคร ถ้าไม่รู้ว่าโทรหาใครแล้วจะโทรมาทำไม บ้าหรือเปล่า
[จะ..จริงเหรอครับ!!! อ๊ายยยยยย~ ถ้างั้นผมขอคุยกับพี่ฟาร์หน่อยได้ไหม?!]
ผมไม่รู้ฝั่งนั้นพูดว่าอะไร แต่ดูจากสีหน้าฟี่แล้วมันก็อดทำให้ผมไม่ถามไม่ได้
“ใครกันฟี่?”
“ไม่รู้” อ้าว!
“แล้วทำไมไม่ถาม? แต่ช่างเถอะถ้าไม่ใช่ธุระเรื่องงานก็วางไปซะ พวกน่ารำคาญ” สงสัยพวกก่อกวนจริงๆล่ะมั้งครับ น่าเบื่อจริงๆคนพวกนี้
[อย่าวางนะ!!]
“เฮ่ออ แล้วน้องเป็นใครกันละครับ? โทรมามีธุระอะไรหรือเปล่า?”
[ผมชื่อ ‘ดาร์ลิ้งฮะ’ เอ่อ...ลิ๊งอยากคุยกับพี่ฟาร์ ให้ลิ้งคุยกับพี่นะฮะ นะๆๆๆๆ]
จู่ๆน้องผมก็ยิ้มออกมา คนรู้จักของฟี่? แล้วทำไมไม่โทรเข้าเบอร์ฟี่ โทรเข้าเบอร์ผมทำไม?
“น้องลิ้งอยากคุยกับพี่ฟาร์จริงอ่ะ?” เสียงหยอกเย้าของฟี่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง ลิ้งเหรอ? ใครกัน?
[จริงๆๆ ลิ้งอยากคุยกับพี่ฟาร์จริงๆฮะ ให้ลิ้งคุยกับพี่ฟาร์น้าา~ น้าาพี่ฟี่คนสวยย]
“รู้จักพี่ด้วยเหรอ?!” อ้าว! ไม่ใช่คนรู้จักฟี่ แล้วทำไมฟี่คุยได้ตั้งนานสองนาน
[รู้ฮะ! ลิ้งรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ...พี่ฟาร์]
“คุยอะไรกันนักหนา ยังไม่วางสายไปอีกหรือไง?” ไม่รู้จักก็วางสายไปซะ จะคุยอะไรกันนักหนา โรคจิตหรือเปล่าก็รู้สินะครับ
“เอ่ออ....น้อง‘ดาร์ลิ้ง’เขาอยากคุยกับพี่อ่ะ พี่ฟาร์คุยกับน้องเขาหน่อยสิ” ฟี่ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ห๊า?! ใครนะ!!? ชื่อนี้มัน...
“ดาร์ลิ้ง?...” ผมถามฟี่ย้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจ
“อ่าฮะ” ชัดเจนเลยครับ! มีมนุษย์คนเดียวในโลกใบนี้ที่ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวและมีชื่อนี้ ชื่อที่ทำให้ไอ้เด็กเวรพวกนั้นหาเรื่องผมโดยไม่ดูรุ่นกันเลย! ผมคว้าโทรศัพท์จากมือของฟี่และพูดสายทันทีโดยไม่ต้องมีอารัมภบทอะไรทั้งสิ้น!
“น้องครับ พี่ไม่รู้นะว่าน้องเอาเบอร์พี่มาจากไหน และก็ไม่อยากจะรู้ด้วย แต่จะขอบคุณมากๆถ้าน้องจะไม่โทรมารบกวนพี่อีกเพราะพี่รู้สึกรำคาญ! และไม่อยากมีเรื่องกับพวกเด็กๆที่เป็นแฟนน้อง มันไร้สาระ!! แล้วจะเป็นกรุณามากๆถ้าน้องลบรูปของพี่ออกจากโทรศัพท์ ขอบคุณ!”
ผมพูดจบและกดวางสายทันที ก่อนที่จะกระแทกโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ!
ตึง!
แต่...เวรเอ๊ย!! มือผมดันพลาดไปกดเปิดสปีกเกอร์โฟน!
[กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงพี่ฟาร์เท่ห์มากอ่า! อ๊ายยยยยยย ไม่ไหวแล้วววว หล่อก็หล่อ เสียงก็เท่ห์!! ลิ๊งจะไม่ทน! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...]
เฮ่ย!!!!
นี่มัน...เหี้ยอะไรวะ!
ผมกับฟี่มองหน้ากันอย่างตกตะลึง ก่อนที่ผมจะคว้าโทรศัพท์และกดปิดเครื่องไปเลยทันที!!
มะ...เมื่อกี้มัน...กรี๊ด!!?!!
“เหี้ยย....นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“อะ...เอาน่า ถือว่าได้แฟนคลับเพิ่มขึ้น นะ...เนอะ” ไม่นงไม่เนอะล่ะครับ งานนี้!!
.
.
จะบ้าตาย!! เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอาผมขนลุก! และมันดันทำให้ผมรู้สึกระแวงขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึง! นี่ขนาดมันผ่านมาเกือบปีแล้วนะครับ แต่ผมไม่เคยลืมเลย!
จากนั้นเป็นต้นมา ผมก็รู้สึกว่าชีวิตของผมเริ่มไม่ปกติ บางทีเหมือนโดนสะกดรอยตาม บางทีก็มีคุกกี้ ขนม อาหารมาแขวนไว้ที่ประตูบ้าน มีอยู่ครั้งหนึ่ง แมร่ง ส่งรูปตัวเองตอนเปลือยมาให้ผมถึงบ้าน!! ถึงรูปมันจะไม่ได้เห็นใบหน้า แต่ก็เห็นตั้งแต่ช่วงคอขาว...จนถึงสะโพก โดนมีผ้าปิดตรงของลับของหมิ่นเหม่! เห็นหมดแทบทุกอณูขน!
...ผิวขาวสะอาดสะอ้านอมชมพูราวกับคนสุขภาพดีนวลเนียนไปทั่วทั้งตัว ไร้รอยใดๆ มีแต่ไฝเม็ดเล็กๆที่อยู่บริเวณเหนือออกด้านขวาที่อยู่ตรงกลางระหว่างไหปลาร้าและยอดอกพอดี ตัวค่อนข้างเล็ก ยอดอกนั่นสีแดงจัดราวกับผลเชอร์รี่ ไหนจะเอวคอดนั่นอีก... ฮึ่มม
รูปนั้นผมยังเก็บไว้ในห้องของผมอยู่เลย ตะ...แต่ที่เก็บไว้ไม่ได้ทิ้งไปเพราะกลัวว่าใครเก็บได้เอาไปสืบเสาะหาคนในรูป ผมก็กลัวว่าเด็กนั่นจะเสียหาย ที่เก็บไว้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แค่นั้นนะครับ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงเล้ยยยย ละ...แล้วผมก็ไม่ได้หื่นด้วย! ที่จำได้ไม่ใช่ดูบ่อย ดูครั้งเดียวจริงจริง!! ภาพเซ็กซี่ๆแบบนั้น...เอ้ย!! ภาพโป๊ๆแบบนั้นใครเขาจะดูหลายรอบ ดูไปก็ไม่เกิดอารมณ์หรอกครับเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มแบบนั้น
พอ พอ พอ
เลิกคิดได้แล้ว! ผมว่าผมรีบไปซื้อของขวัญให้ฟี่ดีกว่า เพราะผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้สิครับ
ผมเดินเข้าไปในร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าสนใจวงไหนคะ” เสียงพนักงานขายทำให้ผมยิ้มรับให้ ก่อนที่จะชี้ไปที่แหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆมีเพชรเม็ดเล็กๆฝังอยู่ ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมกำลังเลือกแหวนให้ฟี่อยู่ เพราะผมรู้ไอ้กายมันต้องซื้อสิ่งนี้ให้ฟี่แน่ๆ ผมขอสกัดดาวรุ่งหน่อยเหอะ หมั่นไส้! โทษฐานเอาตัวน้องผมไปจนผมแทบไม่ได้เจอฟี่เลย
หลังจากที่ได้ของขวัญให้ฟี่เป็นที่ถูกใจแล้ว ผมก็เข้าไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ เพราะผมจะแวะไปร้านหนังสือSE-EDสักหน่อย กะว่าจะหาหนังสือแบบไปอ่านเล่นๆ เผื่อว่าจะได้ไอเดียอะไรใหม่ๆ แล้วผมใช้ระยะเวลาในการเลือกซื้อหนังสือค่อนข้างนานพอสมควร ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาเล็กน้อย...
- !!
ตายล่ะหว่า!SE-ED ปิดสามทุ่มนี่ครับ! อีกแค่ครึ่งชั่วโมงผมจะมีเวลาพอในการเลือกหนังสือหรือเปล่า? ผมคิดได้ดังนั้นจึงรีบทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกจากห้องน้ำอย่างเร่งรีบและไม่ทันระวังตัว ให้ตายเถอะ!!เวลารีบผมแมร่งเป็นอย่างนี้ทุกที!
ตุ่บบ บ !
“โอ๊ย!”
“ขอโทษครับๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมนี่ดันเซ่อซ่าเดินชนเด็กเกือบล้มหัวฟาดพื้นโดยไม่รู้ตัว ดีนะครับที่ผมรับตัวเด็กนั่นไว้ทัน แต่ของในมือของเด็กคนนั้นกลับร่วงกราวเต็มพื้น
“เอ่อ...ไม่เป็นไรฮะ แต่ช่วยลิ้งเก็บของให้ทีจะเป็นพระคุณมากๆเลยฮะ” เด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาบอกผมด้วยสีหน้าค่อนข้างเป็นกังวล แต่ทำให้ผม...แทบลืมหายใจ
เหี้ยย!!! น่ารักโคตรๆ!!
นี่ถ้าผมมีน้องน่ารักขนาดนี้และแบบนี้ผมฟัดตายแน่ๆ!!
“อะ...อ้อ! นั่นสิเนอะ พี่นี่แย่จริงๆ ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ทำไมเสียงผมมันสั่นๆแบบนี้วะ!
“ไม่เป็น’ไรฮะ” เด็กน้อยน่ารักตอบผมก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวอย่างรัก
มือของผม...เอื้อมไปยังเด็กคนนั้นอย่างอัตโนมัติทันที
“โอ๊ย!”
“เฮ่ยย! ขอโทษ!” ผมตกใจชักมือตัวเองออกทันที! ไอ้ฟาร์เอ๊ยยยยยยยย มึงไปหยิกแก้มน้องเขาทำไมเนี่ย!!
“ลิ้งเจ็บนะฮะ พี่แกล้งลิ้งหรือเปล่าเนี่ย” เด็กคนนั้นยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองปรอยๆ ใบหน้าที่ขาวอมชมพูอยู่แล้วกลับแดงเถือกเพราะการหยิกแก้มจากผมอีก...มันกลับทำให้เด็กคนนี้น่ารักขึ้นอีกเพิ่มเป็นเท่าตัว จนผม....
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ผมเป็นบ้าอะไรไปครับ!!! อย่าคิดว่าผมแอบคิดลึกกับเด็กนี่นะครับ แต่ถ้าถามว่าผมคิดไหม ตอบได้เลยว่าคิด! คิดอยากจะลักขโมยลูกชาวบ้านเขามาเป็นน้องชายตัวเอง! นี่อาจเป็นเพราะฟี่มันโตแล้วและก็ออกไปอยู่กับไอ้กาย ผมนี่เหมือนตาแก่อยู่บ้านไม่มีลูกมีหลานมาคอยเยี่ยมเยียนพอเจอเด็กนี่เข้าหน่อย คือแบบ...มันใช่! มันโดน! อยากพากลับบ้าน!!
“ปะ...เปล่านะ! พี่ไม่ได้แกล้ง ขอโทษจริงๆครับ” ใครใช้ให้เราน่ารักใส่พี่ทำไมล่ะ อยากพูดคำนี้ต่อนะ แต่ปากผมมันแข็งมากพอที่จะไม่พูดออกไป
“ดูสิฮะ แดงหมดเลย” เจ้าเด็กนี่ไม่พูดเปล่า พยายามเขย่งจนสุดปลายเท้าเพื่อยื่นแก้มให้ผมดู ถึงจะเขย่งแล้วก็ตาม เด็นนี่ก็สูงเลยไหล่ผมมาแค่นิดเดียวเท่านั้น ถ้าไม่เขย่งไม่ต้องพูดเลยครับ เตี้ยมากๆ 150 ต้นๆเท่านั้นเองมั้งครับ ว่าแต่...กลิ่นหอมอ่อนๆนี่มันอะไรครับ?! กลิ่นหอมเหมือนแป้งเด็ก... จนผมเผลอสูดหายใจเข้าเต็มปอด... ไอ้ฟาร์! หยุด!!
“อะ...ครับๆ แดงจริงๆ พี่ว่าเราเก็บของดีกว่าเนอะ เดี๋ยวใครเดินผ่านไปมาจะเหยียบเข้า เดี๋ยวพี่ช่วยนะครับ” ผมพูดรัวลิ้นแทบพันกัน ไม่รู้เด็กนี่จะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า เอาเถอะ! แบบนี้ก็ดีแล้ว ใจเย็นๆไว้นะเมิงไอ้ฟาร์ เขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ ขืนมึงไม่ยับยั้งชั่งใจเกิดขโมยลูกเขาไป คุกนะเมิงงงงงงง
“ก็ได้ฮะ!” แต่เหมือนเด็กนี้ไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่าวะ? ถึงได้ตอบกระชากเสียงแบบนั้น
ผมก็เลยปล่อยแขนที่พยุงตัวเด็กคนนั้น และยังคงหยุดอยู่กับที่ทันทีเพราะเกรงว่าจะเหยียบของอะไรบางอย่างของเด็กคนนั้นเสียหาย ก่อนที่จะหมุนไปดูรอบๆตัวก่อนที่จะย่อตัวลงและเริ่มเก็บของที่อยู่เบื้องหน้าตัวเอง ส่วนเด็กนั่นขยับออกไปอยู่ข้างหน้าผม และ...ก้มเก็บของทั้งที่ยังยืน ทำให้สะโพกเล็กนั่นแทบทิ่มหน้าผมอยู่แล้ว!!
เอือก!
ยิ่งเด็กนั่นขยับเก็บของไปทางซ้ายที ขวาที ผมนี่มองตาแทบค้าง! เหมือนมีคนมาส่ายสะโพกล่อไปล่อมา แทบจะติดหน้าของตัวเอง จากที่นั่งยองๆผมล้มไปนั่งเต็มๆพื้นทันที เป็นแบบนี้ก็ดีจะได้รักษาระยะห่างสะโพกกลมกลึงนั่นกับใบหน้าผมไว้ แต่ผมว่าผมนั่งทับอะไรบางอย่าง...
“พี่ชื่ออะไรฮะ” เด็กนั่นถามทั้งที่ก้มหน้าก้มตาเก็บของ แต่ตอนนี้ดันหันมาเผชิญหน้ากับผม!
“ฟาร์... ฟาร์ที่แปลว่า ไกล” ผมตอบและพยายามหยิบเจ้าสิ่งที่ผมนั่งทับขึ้นมา
“ฮะ แล้วพี่ฟาร์ไม่อยากรู้ชื่อผมบางเหรอฮะ” นั่นสิ ตอนที่ผมคุยกับเด็กคนนี้ รู้สึกว่าจะแทนตัวเองด้วยชื่ออะไรสักอย่าง กิ๊งๆ ดิ๊งๆ นี่แหละครับ
“แล้วน้องชื่ออะไรครับ? เหมือนน้องพูดแทนตัวเอง แต่พี่ได้ยินไม่ถนัด”
เด็กน้อยค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมาสบตาผมอย่างช้าๆ เหมือนกับว่ากำลัง...ยั่ว?! ก่อนที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย และเป็นเพราะเด็กน้อยคนนี้อยู่ในท่าก้ม เสื้อที่ใส่มันเลยหย่อนลงมากว้างซะจนทำให้ผมเห็นอะไรต่อมิอะไร!! ผมนี่ตาแทบค้างเลยครับ!!! พยายามดึงสายตาตัวเองออกจากยอดอกเล็กๆสีสดขึ้นไปมองหน้าเด็กนั่นอย่างยากลำบาก แต่สายตาของผมมันดันดีซะจนไปสะดุดกับบางสิ่งบางอย่างเข้า ไฝเม็ดเล็กๆบริเวณเหนืออกด้านขวา....
เป็นจังหวะเดียวที่ผมหยิบไอ้สิ่งที่ผมนั่งทับขึ้นมาและดันเป็นจังหวะเดียวที่เด็กน้อยคนนี้กำลังแนะนำชื่อตัวเอง
“ดาร์ลิ้งฮะ ดาร์ลิ้งที่แปลว่า...ที่รัก”
“นี่มัน!!!...ห๊า?!! น้องชื่ออะไรนะ!!?!!”
เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะตกใจอะไรก่อน! สิ่งที่เห็น!!หรือสิ่งที่ได้ยิน!!!
สิ่งที่เห็นในมือนั่นคือ... ไอ้ของที่ผมนั่งทับ! ดิลโด้!!!(อวัยวะเทียมของเพศชาย)
สิ่งที่ได้ยินคือ... เด็กนี่ชื่อดาร์ลิ้ง! ยะ...อย่าบอกนะครับว่า...ดาร์ลิ๊งคนนี้กับไอ้คนที่เป็นสาเหตุและก่อกวนประสาทผมจะเป็นคนเดียวกัน!!!
นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันครับบบบ!!!!!
ในขณะที่ผมกำลังตกใจจนทำเวรอะไรไม่ถูกอยู่...
ดาร์ลิ๊งเห็นอาการของผมจึงลอบยิ้มออกมาทันทีและส่งมือตัวเองไปรับสิ่งนั้นจากมือของผม แบบว่าเกาะกุมมือของผมไปด้วย พร้อมทั้งขยับขึ้นมานั้งบนตักของผมที่นั่งแข่งทื่อเป็นหินพลางใช้มืออีกข้างรั้งคอผมลงมา ก่อนที่จะกระซิบข้างหูเบาๆด้วยเสียงที่ยั่วยวนว่า....
“พี่ฟาร์...สนใจไปเล่นกับลิ้งไหมฮะ...”
“!!!”
*******************************
2ฺ Be Con
ด้วยรัก
พีคูล
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ