30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย

10.0

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.

  16 บท
  3 วิจารณ์
  17.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่ 7 ในอดีต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 7
ในอดีต
 
                   ต้นหญ้าโอนอ่อนพลิ้วไหวเป็นลอนคลื่น  เหล่าดอกหญ้าสีขาวสะอาดต่างล่องลอยไปในอากาศท่ามกลางสายลมเย็นช่ำอันพัดพาความเย็นเหนือผิวน้ำขึ้นมา  สระขุดขนาดใหญ่ถูกขุดไว้ใจกลางที่ดินรกร้างติดกับป่ากระถิ่น  หลายครั้งที่เด็ก ๆ ละแวกหมู่บ้านจะพากันมาวิ่งเล่นซุกซนกัน ณ ที่แห่งนี้  และวันนี้ก็เช่นเคยเด็กน้อยวัยกำลังซนก็ชวนกันมาเล่นที่นี่
                   “ถึงแล้ว!”
                   เด็กผู้ชายคนแรกที่วิ่งมาถึงรีบกระโดดลงบ่อคลายร้อนทันที ตามมาด้วยเด็กอีกสามคนที่ร้องเฮ กระโดดตู้มลงบ่อเล่นน้ำกันอย่างสนุก  อีกสองคนที่ตามมาที่หลังหายใจหอบถี่จึงยืนพักอยู่ครู่นึง
                   “ธันมึงลงเปล่าวะ” เด็กน้อยผมบ็อบหน้าม้าเต่อถามขึ้น
                   “ไม่ล่ะ ยูจะเล่นก็ลงเถอะ” เด็กชายตอบกลับพลางเช็ดเหงื่อ
                   “กูว่ายน้ำไม่เป็น”
                   “แล้วมาทำไมล่ะ”
                   เด็กชื่อยูยิ้มเจื่อน  ก็ในเมื่อเพื่อนทุกคนมากที่นี่หมดเขาก็ไม่เหลือใครให้เล่นด้วยนี่นา  พวกเด็กในน้ำเห็นคนบนฝั่งไม่ลงมาเสียทีก็กวักมือพร้อมกับตะโกนเรียก
                   “เฮ้ย! ลงมาเล่นน้ำกันเร็ว~”
                   ธันเหลือบมองยูที่นั่งแช่เท้าอยู่ริมน้ำ  ยูคงอยากจะเล่นแต่ไม่กล้าลงสินะ...ธันคิดในใจ
                   “ธัน~ ลงมาเร็ว วู้ๆ” พวกเด็กคนอื่นยังคงเรียกต่อ
                   “แล้วยูล่ะ..” ธันถาม
                   “ลงมาเถอะ มันว่ายน้ำไม่เป็น ปล่อยมันเถอะ”
                   ธันชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะลงไปในน้ำ  ว่ายไปเกาะกลุ่มกับเพื่อนที่เหลือ  พอมองกลับมาที่ฝั่งเขาก็เห็นสายตายูมองด้วยเพื่อน ๆ อย่าหงอยเหงา
                   ...ทำยังไงดีนะ...
                   ธันตัดสินใจว่ายกลับมาหายู  ยูเองก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อมือเล็ก ๆ เอื้อมมาดึงแขนเขา
                   “ลงมาเล่นกันเถอะ”
                   “ก็บอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
                   “เราสอนให้ มา ลงมาสิ”
                   “ไม่เอาเดี๋ยวจม”
                   “มาเหอะน่า”
                   ธันไม่ยอมแพ้ เขาฉุดร่างบนฝั่งลงน้ำเสียงดังตู้ม  ยูตกใจจึงตะเกียดตะกายจับโน่นจับนี่สะเปะสะปะ  พอคว้าคอธันได้ก็ล็อคไว้แน่นจนธันหายใจไม่ออก  ธันเองก็ผละตัวออกไปกลางน้ำพลางดันตัวยูเข้าฝั่งไป  ตอนนั้นยูเองก็คิดแค่ตัวเองจะจมน้ำแล้วก็พยายามเข้าไปเกาะธันให้ได้  พอเกาะได้ตามสัญชาตญาณของคนจะจมจึงกดร่างของอีกคนไว้เพื่อโผล่ขึ้นไปหายใจ  โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะขาดใจ
                   เพื่อนที่เหลือเห็นธันกับยูผลุบ ๆ โผล่ ๆ รอนแรมจะจมอยู่ทั้งคู่จึงรีบว่ายเข้ามาช่วย  ปากก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ  โชคดีที่มีคนขี่จักรยานผ่านมาก็รีบเข้ามาช่วยขึ้นฝั่งแล้วตามผู้ปกครองของเด็กมา
 
 
                   เมื่อผู้ปกครองมาถึงแต่ละคนก็รีบปรี่เข้ามาดูลูกตนเอง เช่นเดียวกับอมิตตา  เธอมองหาลูกชายของตนด้วยความกระวนกระวาย  พลันเห็นร่างเล็กถูกพาขึ้นรถพยาบาลเธอก็ร้องโวยวายวิ่งเข้าไปดูทันที
                   “ธัน! ธันลูกแม่! ธันเป็นอะไรลูก!”
                   เธอพูดรัวลิ้นพันกันด้วยความตกใจ  มือจับต้องไปทั่วร่างเล็กเย็นชืดอย่างกับร่างนี้ออกมาจากห้องเย็นก็ไม่ปาน  ยิ่งมองดูใบหน้าซีด ริมฝีปากที่เคยแดงกลับไร้สีเธอยิ่งพาเอาน้ำตาเธอไหลพรากเพราะกลัวจะสูญเสียลูกไป
                   “น้องหมดสติไปค่ะ เราต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วนค่ะ”
                   พยาบาลพูดอย่างใจที่สุดเท่าที่จะทำได้  อมิตตาได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้โฮทรุดตัวลงกับพื้นคนอื่นจึงรีบเข้ามาพยุงพลางหยิบยื่นยาดมให้เกรง  แต่ก็ไม่ทันการ 
                   มองดูรถฉุกเฉินวิ่งหายใจเธอยังร้องไม่หยุด  ด้วยความโกรธ ตกใจและเสียใจทำให้อารมณ์ในจิตใจเธอตีกันยุ่งเหยิง  เธอหันไปต่อว่าเด็กทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์
                   “พวกเธอเล่นอะไรกันห๊ะ!! ถ้าลูกฉันตายไปใครจะรับผิดชอบ!!”
                   เธอโวยวายลั่นอย่างไร้ซึ่งสติ  ดวงตาเขม็งดวงโตน่ากลัวปาดมองไล่ไปตามใบหน้าของเด็กแต่ละคน
                   “ใจเย็น ๆ นะคะคุณ”
                   ยินรดาแม่ของยูเป็นคนเอ่ย  เธอกอดลูกไว้แนบตัวเพราะยูตกใจกลัวเสียงตวาด เกรงว่าลูกจะขวัญกระเจิงบ้าแดดไปอีกคน
                   “ใจเย็นอะไร!! ลูกฉันมีคนเดียวนะ! แล้วธันเป็นอะไร!! หมดสติดได้ยังไง!!”
                   “ธัน..ธันจมน้ำครับ”
                   เด็กใจกล้าผู้ช่วยชีวิจสองคนนั้นขึ้นมาตอบพลางก้มหน้าไม่กล้าจะสบตาเท่าไหร่
                   “จมน้ำ? ธันเขาว่ายน้ำเป็นจะจมน้ำได้ยังไง!”
                   “ยูมันกดหัวไอ้ธัน ธันมันเลยจมน้ำ”
                   น้ำเสียงเหน่อตอบกลับมาเป็นเด็กอีกคนนึงที่มีส่วนช่วยสองคนที่จมน้ำให้ขึ้นฝั่งมา  แต่คงไม่รู้หรอกว่าการตอบแบบนี้มันส่งผลให้ยูโดนตวาด
                   “เธออีกแล้วหรอ!!!”
                   อมิตตาหันมาตวาดใส่ยูทันควัน  หลายครั้งที่ลูกเธอมักบาดเจ็บ  ต้นเหตุก็มาจากเด็กคนนี้แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ  แต่ครั้งนี้มันร้ายแรงยิ่งกว่า  เด็กคนนี้กำลังจะพรากลูกของเธอไป!!
                   “ใจเย็นก่อนสิคะ  มันเป็นอุบัติเหตุ! ก็ลูกคุณมาลากลูกฉันลงน้ำก่อน ลูกฉันว่ายน้ำไม่เป็นก็เกือบตายเหมือนกันนะคะ!” ยินรดาโต้กลับ
                   “ก็ตอนนี้คนที่จะตายมันไม่ใช่ลูกคุณแล้วนี่คะ! มันลูกฉัน!!”
                   “ถ้าจะผิดก็ผิดกันทุกคนน่ะแหละ!  พวกเราไม่ดูแลเด็กๆให้ดีเอง”
                   “เราหรอคะ! ลูกคุณมากดลูกฉันให้จมน้ำลูกคุณกับคุณเท่านั้นแหละที่ผิด!”
                   ยินรดาไม่อยากจะต่อความ  ดูท่าแล้วควรจะคุยกันหลังจากอมิตตาสงบสติอารมณ์เสียก่อน
                   “ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับลูกฉันอีกนะ!! อย่ามาเข้าใกล้ลูกฉันอีก!”
                   “คุณครับใจเย็น ๆ ก่อนนะครับลูกคุณไม่เป็นอะไรมากหรอก”
                   “อย่ามายุ่ง!!”
                   คนอื่นจะห้ามอารมณ์ปะทุเดือดตอนนี้ก็ไร้ผลไม่ว่าใครทั้งสิ้น  อมิตตาย่างเท้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยในอ้อมกอดมารดา  ยินรดาเองก็เอาลูกหลบไปไว้ด้านหลังเกรงอีกฝ่ายจะบ้าถึงขั้นทำร้ายลูกเธอ  แต่ถ้าทำเธอก็สู้ตายเช่นกัน
                   “เธอ...เธอมัน! อย่ามายุ่งกับลูกฉันอีกนะ! ได้ยินไหม!”
                   “จะมากไปแล้วนะคุณ!”
                   “ฉันถามว่าได้ยินไหม!”
                   “ถ้ายังไม่เลิกตะคอกใส่ลูกฉัน! ฉันจะตบจริงๆนะ!”
                   “ฉันถามได้ยินไหม!”
                   ยูได้แต่สั่นกลัวร้องไห้ฟูมฟายรีบตอบออกไปด้วยเสียงสั่นปนสะอึกสะอื้น
                   “ครับ..อึก..ผมจะไม่ยุ่งกับธัน ...อีก ”
                   “แน่ใจนะ! สัญญาสิ!”
                   “ฮือออ สัญญาครับ!”
                   “ดี!!”
                   พอได้ดั่งใจเธอก็เดินกระแทกเท้าผ่านแม่ลูกทั้งคู่ไป  ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยผู้ไม่รู้ความที่ต้องมารองรับโทสะและเสียงกดดันน่ากลัวนั่น  ยินรดาได้เพียงแต่ปลอบลูก  ถ้าอีกฝ่ายพูดถึงขนาดนั้นเธอเองก็คงต้องให้ยูออกห่างเด็กคนนั้น  ไม่ใช่เพราะเกลียดเด็กคนนั้นแต่เพื่อความปลอดภัยของลูกเธอต่างหาก
 
 
                   หลังจากธันฟื้นจนกระทั่งออกจากห้องสีขาวแสนจำเจในโรงพยาบาลได้  ในใจเขาก็คิดจะไปหาคนที่เขาเป็นห่วง  ในช่วงที่นอนค้างอยู่สองสามวันมีญาติและเพื่อนที่ทำงานคุณแม่ผลัดเวียนมาเยี่ยมเยือนเขา  เพื่อนผู้ช่วยชีวิตก็มาขอโทษเขาซึ่งเขาไม่ได้ต้องการแบบนั้นเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ  คนที่ต้องขอโทษคงจะเป็นยู  เขาไม่น่าคึกคะนองเลย  ไม่รู้ป่านนี้ยูจะเป็นอย่างไรบ้าง  ยิ่งไม่เห็นมาเยี่ยมเขายิ่งกังวลในใจ  พอกลับมาถึงเขาก็รีบไปกดออดหน้าบ้านยู
                   “อ้าว ธัน”
                   ยินรดาทักเสียงเบา  เธอกวาดมองข้างหลังเด็กน้อยไร้วี่แววแม่สาวอารมณ์ร้ายจึงคลายยิ้มเล็กน้อย
                   “ผมมาหายูครับ  ยูเป็นยังไงบ้าง..”
                   “เอ่อ... ยูไปเรียนพิเศษน่ะ”
                   “หรอครับ?  จะกลับตอนไหนหรอครับ”
                   “อ่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน คงจะเย็น ๆ มั้งจ๊ะ”
                   “งั้นผมจะมาใหม่นะครับ”
                   “ธัน!”
                   “ครับคุณน้า?”
                   “ไม่ต้องมาหรอกลูก  วันนี้กลับไปพักผ่อนเถอะนะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่หรอ”
                   “ผมหายดีแล้วครับ ผมอยากเจอยู”
                   ยินรดาเองอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของตัวเองไม่ถูก  เธอรู้สึกจุกอยู่ในอก  มองแววตาใสซื่อแฝงไปด้วยความห่วงใหญ่ของเด็กตรงหน้า  เธอเองไม่กล้าจะเอ่ยตัดเยื่อใยออกไปว่า “แม่เธอไม่ให้ลูกฉันไม่ยุ่งกับเธอแล้ว กลับไปซะ”  ...เด็กย่อมไม่ผิด ที่ผิดก็ผู้ใหญ่เรานี่แหละ
                   “ช่วงนี้ยูเรียนพิเศษจนเหนื่อยเลยลูก กลับมาก็นอนแล้วล่ะ”
                   “หรอครับ? งั้น..ผมฝากนี่ให้ยูนะครับ”
                   มือเล็กยื่นถุงเค้กให้แล้วยกมือไหว้ลากลับไป  ยินรดายิ้มพลางขอบคุณก่อนเดินเอาของฝากมาให้ลูกของเธอที่นอนเอกขเนกอยู่บนโซฟา
                   “ธันฝากมาให้”
                   ได้ยินแม่พูดแบบนั้น  ร่างเล็กก็ลุกขึ้นคว้าถุง “ของฝาก” เดินไปหลังครัว  ไม่ใช่จัดแจงใส่จานเพื่อนทานแต่อย่างใดแต่เขาทิ้งมันลงไปในถังขยะอย่างไม่ใยดี
                   “ยู! ทำไมทำแบบนี้”
                   ยูรีบวิ่งขึ้นบันไดไปทิ้งให้แม่ยืนตะลึง  ถึงเธอจะพยายามกรอกหูลูกว่าอย่าไปโกรธธันเลยแต่คงไม่เป็นผลเลยสินะ  ก็เพียงหวังว่ายูจะเลิกโกรธเพราะเรื่องนี้เสียที 
                   ...เด็ก ๆ คงงอนกันไม่นานหรอกมั้ง...
                   เธอคิดแบบนั้น ลูกเธอก็เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วคงไม่เป็นอะไร  แต่เธอคิดผิดมหันต์เพราะตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมา ยูก็เลิกคุยกับธันตั้งแต่นั้นมา
 
 
                   ยินดรามองลูกชายวิ่งเข้าบ้านพร้อมเสียงโหวกเหวก  เธอและเจ้าเปาต่างทำหน้างงงวยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น  วันนี้เธอกลับมาไม่เห็นลูกชาย  พอจะเห็นเจ้าลูกชายก็เดินหน้าบึ้งเข้ามาเสียแล้ว
                   “เป็นอะไรหือ? ทะเลาะกับธันมาหรอ”
                   เธอถามไปยิ้มไป  นิสัยของลูกชายตัวดีของเธอไม่เปลี่ยนไปเลย  พองอนเข้าหน่อยก็เดินหน้ามุ่ยกระทืบเท้าปึงปัง
                   “อุส่าห์คืนดีกันแล้ว แม่ยังไม่ทันสั่งหมูกระทะมาฉลองเลยงอนกันอีกแล้ว” เธอเอ่ยแซวต่อ
                   “ไม่ต้องฉลองแล้วแม่! ยูกับมันจะไม่ยุ่งกันอีกแล้ว!”
                   พูดจบก็วิ่งขึ้นห้องไปอีกตามเคย  ยินรดายืนหุบยิ้ม  ภาพเหตุการณ์วันเก่าเริ่มหมุนกลับเข้ามาในหัว  นี่สองคนนั้นจะต้องหมางเมินกันอีกแล้วหรอ  นี่ก็ผ่านมานานแล้วผู้หญิงคนนั้นยังไม่เลิกคิดแค้นยูอีกหรอ อะไรกันนักหนา...
                   “โธ่... ยูลูกแม่..”
 
 
++++++++++++++++++++++++++
ปกติลงพรุ่งนี้แต่พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับเพื่อน ฮ่าๆ
ขอลงวันนี้แทนแล้วกันนะคะ จะพยายามให้ให้ตับอักเสบกันนะคะ

ขอบคุณที่คอมเมนต์นะคะเดี๋ยวให้ทิป ฮ่าๆ ตอนนี้มีคอนติดตาม 2 คนแล้ว(จะร้องไห้ซึ้ง)
ตอนนี้ไปอ่านนิยายปรับอารมณ์ได้นะคะ เรื่องนี้เลย Sulfur Love 
(ลงลิงค์แล้วจิ้มไม่ได้เยี่ยมม) เซิร์ซในเว็บได้เลยค่ะ
หรือเอาส่วนที่ไฮไลท์ไปแทนที่ข้างบน http://www.keedkean.com/novel/KK0008779.html
เจ้าของเดียวกับครีมโทนาฟ เอ้ย! ไม่ใช่ ฮ่า ๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา