ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น
9.8
เขียนโดย เพราะเรารักเธอ
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.
12 chapter
18 วิจารณ์
14.84K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ความเศร้าที่ปนอยู่ในความสุข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMichko Part
//เช้าวันต่อมา
หลังจากที่เมื่อวานพวกเราได้จัดของกันเรียบร้อยซะจนไม่มีใครมีเวลามานั่งทำการบ้านเลยกลายเป็นว่าช่วงเวลาในช่วงเช้าระหว่างรอเข้าแถวนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลอกการบ้าน
“เฮ้อ.... เสร็จซักทีเกือบไม่ทันซะแล้ว”
“แต่เมื่อวานจัดของก็เหนื่อยจริงๆนะ ยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่เลย”
“นั่นสิ” หลังจากเราพูดจบก็พากันเดินไปเรียนคาบแรก
ช่วงนี้แซนจะมีคนเข้ามาหาบ่อยขึ้นคงเพราะปรกติอยู่คนเดียวแล้วพอฉันมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็มีคนมาคุยมากขึ้นละมั้งฉันเคยได้ยินเรื่องที่แซนโดนหลอกใช้ตอนอยู่มัธยม ฉันยังโกรธแทนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มันก็อาจจะดีที่แซนตีตัวออกห่างเมื่อขึ้นมัธยมปลายแต่อีกมุมหนึ่งฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะดีหร่อก ฉันก็อยากให้แซนได้เจอเพื่อนดีๆซักคนนึงเอาไว้ช่วยเหลือกันเวลาลำบาก
แต่ถ้าฉันพูดไปก็คงเข้าตัวฉันอยู่ดีครอบครัวฉันเป็นครอบครัวใหญ่มีกิจการเปิดมากมายหลายแห่งทั่วโตเกียวไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ ทำให้ฉันกลายเป็นลูกคุณหนูไปโดยปริยาย ถึงฉันจะไม่ได้อยากจะเป็นและไม่อยากให้ทุกคนมองฉันว่าฉันเป้นคนพิเศษอะไร ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อยากอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกันโดยที่ไม่แยกชนชั้น
ฉันพยายามหลายปีแต่ความแตกต่างนั้นไม่เคยที่จะลดลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเลยล้มเลิกความพยายามและฟลีกตัวออกห่างฉันเคยโดยเสียงนินทามากมายจากปากเพื่อนร่วมชั้น ไม่แม้แต่กระทั้งในห้องเรียนที่มีเสียงกระซิบกระซาบกันหนาหูทุกวันและพูดเหมือนฉันจะไม่ได้ยิน แต่ปล่าวเลย ฉันได้ยินทุกคำพูด ทุกเสียงที่ได้เปล่งออกมา
ฉันเลยไม่สนใจไยดีอะไรอีกแล้วฉันเสียความรู้สึกมามากพอแล้วฉันไม่อยากจะไปจมปลักกับคำพูดคนที่พูดออกมาโดยที่ไม่รู้จักตัวตนของฉันจริงๆ จนฉันได้มาเจอกับแซน เธอน่ารักสดใส และทำในสิ่งที่ควรทำและน่าแกล้งเป็นที่สุด มีบางอย่างที่ฉันคิดว่าเราเหมือนกันและฉันอยากจะย้ำให้มั่นใจกับหัวใจตัวเองว่าฉันรู้สึกยังไงกับแซน
เวลาที่ผ่านมาที่ฉันได้คุย ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลานั้นทำให้ฉันมีความสุขมาก นี่หรือเรียกว่าความรัก? ฉันไม่เคยมอบรักในหัวใจให้ใครเลยนอกจากกพ่อกับแม่ แต่ความรักในครั้งนี้มันต่างออกไป... มันทำให้ฉันเห็นว่าโลกใบนี้มันช่างสวยงามแค่ไหนมันน่าอยู่แค่ไหน ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแซน และฉันใจหายทุกครั้งที่แซนหายไปโดยไม่บอกกล่าว
เหมือนในวันนั้นที่ฉันเป็นไข้และฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาตามหาแซน ฉันกังวลมาก กังวลว่าแซนจะหายไป ฉันกลัวว่าฉันจะไม่เจอแซนอีกความรู้สึกในใจนี้มันจะมีพอพิสูจน์ต่อความรักที่ฉันมีให้เธอได้ไหมนะ แซน....
//พักเที่ยง
“หิวจังเลยอ่า เมื่อเช้าก็ไม่ได้กินข้าวมาด้วย”
“หิวเหมือนกันแหละน่า” แซนเดินบ่นมาตั้งแต่ออกจากห้องเรียนมาแล้ว
“งืออ รีบเดินไปกินข้าวกันเถอะน๊า หิวแล้วอ่า”
“จ้าๆ”
ฉันละชอบจริงๆเวลาแซนงอแงแบบนี้ เพราะมันไม่ได้เห็นกันได้ง่ายๆหน่ะสิถ้าตอนนี้ไม่มีคนอื่นมองอยู่นะฉันจับมาหอมแก้มให้หายหมั่นใส้แน่ๆ แล้วอาการที่หิวออกนอกหน้าจนเห็นอาหารทุกอย่างดูหน้ากินเหมือนจัดอยู่ในภัตคารระดับ 5 ดาวยังไงอย่างนั้นเลย น่ารักจริงๆ ให้ตายเถอะ!
“ฟุฮ๊าาา ฟื้นตัวแล้วจ้า!”
“นี่อย่าเสียงดังสิมันรบกวนคนอื่นเขานะ”
“อุย แห่ะๆขอโทษที”
บางทีฉันก็อดขำไม่ได้กับความน่ารักแบบเด็กๆของแซน ฉันไม่รู้ว่าฉันชอบตอนไหนแต่ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันรักแซนหมดหัวใจฉันต้องไม่ให้ใครมาแย่งไปก่อนเด็ดขาด
“แซน เร-”
กริ๊งงง~~
“ได้เวลาแล้ว ปะไปเข้าเรียนกัน”
“อ...อื้ม!”
//ระหว่างเรียน
‘ถ้าฉันบอกรักไม่ด็เขียนจดหมายไว้ก็แล้วกัน’ พอฉันคิดอย่างนั้นก็เขียนคำว่า “เรารักแซน” ลงไปแต่พอกำลังจะเอาให้...
“มิจจิโกะ อ่านหัวข้อที่ 2 หน้า 48 ให้ครูหน่อยสิคะ”
“ด... ได้ค่า” พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันเลยเก็บกระดาษไว้ใต้โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนพูด
//ช่วงพัก
“แซ-”
“พิมพ์ประพาย เธอมาช่วยครูทำเอกสารซักครู่นึงได้ไหมจ๊ะ”
“ได้ค่า”
‘อ๊ากกกกก อะไรกันเนี่ยทำไมมีแต่อุปสรรคตลอดเลยนะ!’ ฉันนั่งหัวเสียอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเพื่อรอให้แซนกลับมา
แต่พอฉันพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีโอกาสได้บอกซักทีฉันเลยเอาจดหมายใส่ไว้ในไต้โต้ะเผื่อแซนจะมาเห็นแล้วอ่าน
//1 สัปดาห์ต่อมา วันหยุดสงกรานต์
‘นี่มันอะไรฟะเนี่ย!!!!! ตั้ง1สัปดาห์ผ่านมาแล้วนะ 1สัปดาห์!! ยัยซื้อบื้อ ยัยโง่ ยัยบ้า!! งอนแล้ว!! ไม่บอกละรู้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน!!’
ฉันนั่งบ้าอยู่คนเดียวในห้องก็วันนี้แซนไปซ้อมวิ่งนี่นาฉันเลยได้อยู่บ้านคนเดียวไม่กล้าออกไปเล่นน้ำคนเดียวด้วยแซนบอกว่าถ้าไม่มีใครรไปด้วยจะโดนลวนลามได้ง่ายฉันเลยไม่กล้าไปจำเป็นต้องรอแซนกลับมาก่อนแล้วค่อยมาเล่นกันหน้าบ้านตอนเย็นๆ
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแซนถึงไม่เห็น กระดาษก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นนะหรือว่าอ่านแล้วแต่ไม่พูดเพราะไม่รับรักหรือไงกัน... สมองฉันฟุ้งซ่านแต่เรื่องของแซนไปหมดการบ้านที่อาจารย์ให้มาทำในวันหยุดสงกรานต์ก็เสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรทำเลยซักนิดนอกจากนอน นอน นอน แล้วก็นอนตากแอร์ ฉันก็อยากไปดูแซนซ้อมอยู่หร่อกนะแต่อากาศที่ไทยนี่โคตรร้อนออกจากบ้านปุ๊บแสบหน้าปั๊บ
ถ้าบังคับเมฆได้ก็คงดี จัดปูๆๆๆๆเมฆให้กระจายพอมีแสงแดดลอดมาอยู่บ้าง เอาลมเย็นพัดผ่านแผ่วๆพอให้รู้สึกว่าไม่ร้อนอบอ้าวคิดแบบนี้แล้วนึกถึงโดเรม่อนเลย ฮ่าๆๆ!.... ฮ่าๆ!.. ฮ่า!.... ฮ่า...... บ้าไปแล้วเรา....
[03:15]
“กลับมาแล้วค่า~”
'หืม... ฉันหลับไปตอนไหนเนี่ย'
“งื้อ.... กลับมาแล้วเหรอ”
“ขอโทษทีเราทำให้ตื่นหรือปล่าว”
“ปล่าวหร่อก เราอยากเล่นน้ำอะพาเล่นหน่อยสิ”
“เอาสิ บ้านข้างๆเราก็เล่นด้วยนะ”
“เย้! เราไปเตรียมตัวก่อนน๊า”
“จ้าาา”
พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันเลยรีบลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปช่วยแซนยกถังน้ำออกมาเล่นหน้าบ้านแต่พอเล่นไปซักพักฉันก็เริ่มอยากจะเลิกเล่นเพราะฉันหวงแซน ฉันหวงที่มีแต่คนมาปะแป้งมารวดน้ำใส่ ไม่ใช่สาดนะราดเบาๆแล้วทำตาหยาดเยิ้มให้อีก แล้วแถมพอเปิดเพลงก็มีแต่คนมาเต้นรอบๆแซน ฉันละอยากตะโกนให้ดังๆว่าฉันหึงและฉันรักแซนแต่ถ้าทำคงจะบ้าน่าดู
“โอ้ สวัสดีค่าน้องเบ็ญ” พอฉันได้ยินชื่อนั้นฉันเลยรีบหันไปหาแซนที่พูดชื่อนั้นทันที
“สวัสดีคะพี่แซน ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้คะไม่ได้อยู่ในหอแล้วเหรอ”
“พี่พึ่งย้ายมาเมื่อสัปดาห์ก่อนจ๊ะ”
“อ๋อ เราเล่นน้ำด้วยนะ”
“ก่อนอื่นต้องโดนปะแป้งก่อนในฐานะผู้มาเยือน”
“ปะแป้งทั้งตัวเลยก็ได้นะคะเราไม่ว่า” พอฉันได้ยินน้องเบ็ญพูดอย่างนั้นฉันเลยชโลมมือของตัวเองให้เต็มไปด้วยน้ำดินสอพองแล้วปาดลงที่หน้าของน้องเบ็ญเต็มๆ
“ฮ่าๆ! ตลกจัง มิจจิจังก็ไปแกล้งน้องซะงั้นอะ”
“ก็น้องเบ็ญ[น่ารักน่าแกล้ง] ได้ขนาดนี้เราจะไม่แกล้งได้ยังไงละคะ” ฉันพยายามเน้นเสียงให้รู้ว่าฉันไม่พอใจและพร้อมที่จะแกล้งเสมอ
“ง๊า พี่แซนคะเราขอน้ำหน่อยได้ไหมดินสอพองมันเข้าตา”
“ไหนๆเดี๋ยวพี่เอาออกให้” พอแซนได้ยินอย่างนั้นก็เลยค่อยๆเอาน้ำลูบพรมไปที่ตาของน้องเบ็ญเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณคะพี่แซน” พอแซนเช็ดตาให้เสร็จน้องเบ็ญก็เดินไปควงแขนแซนโดยจงใจให้หน้าอกไปโดนแขนพร้อมส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉัน
“อ... อื้มม ไม่เป็นไร ร... รถคันต่อไปมาแล้วนะไปเล่นน้ำต่อกันเถอะ”
ฉันยังโล่งใจที่แซนไม่ได้เล่นด้วยอย่างที่คิดฉันเลยตามไปเล่นเหมือนอย่างเดิมแต่ก็สบายใจได้ไม่นานเมื่อบ้านที่อยู่ข้างๆได้เปิดเพลงให้เต้นกันอีกครั้งและหันมาสาดกันเองเพราะเริ่มไม่มีรถขับผ่านแล้ว ณ ตอนนี้ภาพที่ฉันเห็นคือน้องเบ็ญเต้นคู่กับแซนด้วยท่าที่ยั่วยวนสุดๆ
‘แซนบ้า! เขายั่วเธออยู่นะทำไมถึงไปเต้นกับเขาแบบนั้นหละ’ ฉันทนดูไม่ไหวอีกแล้วฉันเลยเดินไปหาแซนแล้วลากแซนเข้าบ้านไป
“นี่มิจจิจังเป็นอะไรเหรอ”
“เราเลิกเล่นกันเห่อะที่ก็เริ่มเย็นมากแล้วด้วย”
“รอขอเล่นอีกซักหน่อยก็แล้วกัน”
“ด... เดี๋ยวสิ” ฉันจับข้อมือแซนไว้
“หืม? มีอะไรเหรอ”
“ทำไมถึงไปเต้นกับน้องเบ็ญแบบนั้นละ”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา น้องเขาก็สนุกสนานเฮฮาออก”
“งั้นเหรอ... ช่างเถอะเราไปอาบน้ำแล้วนะถ้าจะเลิกเล่นเมื่อไหร่ก็บอกละจะมาช่วยเก็บของ ไปละ” พอฉันพูดจบฉันก็รีบขึ้นไปบนบ้านโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงเรียกของแซนเลยแม้แต่นิดเดียว
ฉันหึงมากฉันยอมรับเลยว่าตอนนี้ฉันงี่เง่าที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา แต่จะทำยังไงได้ละฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแซนแล้วถ้าฉันจะโกรธแซนก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำด้วยฉันต้องเก็บอารมณ์นี้ไว้ ถ้าหากฉันพูดไปแซนต้องไปจากฉันแน่ๆและฉันไม่ต้องการแบบนั้น เพราะฉะนั้นต่อให้ฉันเจ็บขนาดไหนก็ตามฉันจะไม่ยอมให้เธอไปจากฉันหร่อกนะ แซน....
//ขณะเก็บของหน้าบ้าน
“มิจจิจัง...”
“หื้ม...”
“เป็นอะไรเหรอ”
“ปล่าวซักหน่อยไม่มีอะไร -3-”
“โกรธไรเราป่าวอะ” แซนพูดพร้อมเอานิ้วมาจิ้มที่แก้มฉัน
“ปล่าว ไม่ได้โกรธซักหน่อย”
“ง้านเหรออ~”
“ว้ายย!! ” พอแซนพูดจบแซนก็เอานิ้วมาจี้เอวฉัน
“แล้วทำหน้าบูดทำไมละค๊าา ไม่น่ารักเลยน๊าา” พอแซนพูดเย้าแหย่ฉันจบก็จี้เอวฉันอีกครั้ง
“อ๊ะ..! นี่! ถ้าไม่เลิกจี้เอวนะโดนดีแน่!”
“อุยยย กลัวจังเลยย”
“ได้~~!!” พอฉันพูดจบแซนก็วิ่งหนีฉันเข้าไปในรั่วบ้านแล้วเราก็พากันวิ่งวนต้นไม้ในพื้นที่หญ้าน้อยๆหน้าบ้าน แต่ฉันจับแซนไม่ทันเลย
“แฮ่กๆๆ..... โอ้ยยย เหนื่อย! ขี้โกงนี่”
“ขี้โกงอะไรเหรอคะ”
“ก็แซนเป็นตัวแทนนักวิ่งของโรงเรียนเลยนะ”
“เป็นงั้นหร่อกเหรออ~” อ๊ายยยย!! ฉันหมั่นใส้!! หมั่นใส้ใบหน้าหวานๆนั่น! มาทำหน้ากวนๆแบบนั้นฉันยอมไม่ได้~~
“ย๊ากกกกก” ฉันรีบวิ่งพุ่งไปหาแซนจนแซนหลบไม่ทันเราเลยล้มพร้อมกันทำให้ฉันนั่งคร่อมเอวแซนพอดิบพอดี
“โอ้ยยย ใจเย็นซิรุนแรงชะมัดเลย”
“หึหึหึ + +”
“อ... เอ่อ มิจจิจังจ๋า เรายังไม่ได้อาบน้ำเลยเราเหนียวตัวมากเลยอ่าเราขอไปอาบน้ำก่อนได้ป่าว”
“คิดว่าจะหนีได้พ้นเหรอ นี่แหนะๆ” ฉันไม่ยอมให้แซนหนีง่ายๆและลงโทษโดยการจี้โดยไม่หยุด
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!! ยอมแล้วๆ ไม่แกล้งแล้วจ้าาา!! ฮ่าาๆๆๆ!!!!”ถึงแซนจะพูดอย่างนั้นฉันก็จี้เอวแซนต่อไปจนแซนหมดแรงฉันค่อยปล่อย
“ทีนี้เข้าใจหรือยังละว่าไม่ควรมาแข่งกับเราเพราะยังไงเราก็ชนะแซนอยุ่ดีนั่นแหละ ว๊ะฮ่าๆๆ!!!” ฉันยืนขึ้นแล้วขำออกมาอย่างผู้มีชัย
พอฉันพูดเสร็จแซนก็มีกวนตอบนิดหน่อยแล้วขอให้ฉันพาลุกเข้าบ้านไป คงจะเป็นเพราะฉันแกล้งหนักเกินไปหน่อยทำเอาซะแซนขาสั่นจริงๆเลยกลายเป็นว่าฉันที่ตัวเล็กกว่าได้แบกแซนที่ตัวใหญ่กว่าซะงั้น หาเรื่องให้ตัวเองจริงๆเลยฉันเนี่ย
//2วันต่อมา
‘วันพรุ้งนี้ก็จะวันเปิดเรียนแล้วซินะ.... ขี้เกียจอะ ไม่อยากไป...แต่ก็ต้องไป แต่ก็ขี้เกียจ... เฮ้อ.... อะไรของเราละเนี่ย ร้อนจนบ้าซะละมั้ง’
“แซน”
“หืม?”
“เบื่อปะนั่งดูทีวีแบบนี้อะ”
“ก็.... เบื่อนะแต่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ถ้าจะไปเล่นน้ำอีกก็ไม่เอาละแสบผิว”
“นั่นสิน๊า” ฉันเอนตัวไปพิงแซนที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ
“นี่ๆ ดูหนังเก่ากันไหม”
“หนังเก่าเหรอ?”
“อื้ม! เราจำได้ว่าตอนย้ายบ้านมามีหนังเก่าสนุกๆที่เราซื้อมาดูหลายเรื่องเลย”
“ดีเลยจะได้ไม่เบื่อเพราะการบ้านก็ทำเสร็จแล้วด้วย”
“ได้เลยย”
พอแซนพูดจบก็เดินไปหากล่องที่ยังไม่ได้ย้ายของเพราะไม่มีที่เอาไว้จริงๆ ฉันมองแซนไปก็ขำไปเพราะแซนกำลังนั่งขมวดคิ้วเลือกหนังอยู่ 3 เรื่องคงจะเป็นเรื่องที่แซนชอบมากๆคงเลือกยากน่าดู สุดท้ายแซนก็เลือกมา 1 เรื่องแล้วเก็บหนังเรื่องอื่นเข้ากล่องให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินมาเปิดให้ดู
“เราชอบเรื่องนี้นะ เราชอบความคิดของนางเอกแต่มันเป็นเลสเบี้ยนอะ รับได้ไหม”
“หืม? ได้สิดูได้หมดแหละ”
“เหรอ เรากลัวมิจจิจังจะไม่ชอบหน่ะ”
ฉันยิ้มให้ก่อนที่แซนจะกดให้แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่อง ในหนังเรื่องนั้นเป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ มายด์ ที่ในวัยเด็กเธอมีหน้าตาบ้านๆ ไม่โดนเด่นอะไร เรื่องเรียนก็อยู่ในระดับปานกลาง แต่มุมมองโลกในแง่ร้ายมากๆซะจนทุกคนคิดว่า “ผู้หญิงคนนี้คงไม่มีวันที่จะคบกับใครได้นานเกิน 1 วันได้แน่ๆ”
แต่มีอยู่มาวันหนึ่งมีผู้ชายที่มาตามตื้อเธอทำให้เธอเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้น แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้รู้ความจริงว่าผู้ชายที่มาตามตื้อเธอเป็นเพราะเขาพนันกับเพื่อนเขา เงื่อนไขคือ ถ้าหากทำให้เธอรักหรือคบกันได้จะให้เงิน 1 หมื่นเพราะเขาคิดว่าผู้ชายคนนี้คงจะทำไม่ได้แน่ๆ แต่มันกลับเป็นเรื่องจริงที่มายด์ได้รักผู้ชานคนนั้นไปแล้ว ทำให้เธอโกรธเป็นอย่างมากและได้ทำการปิดกั้นหัวใจไปตลอดกาล
แต่เมื่อเนื้อเรื่องเปลี่ยนมาเป็นในช่วงที่เธออยู่ในวัยทำงานทำให้เธอมาเจอรุ่นพี่ที่อยู่ในบริษัทเดียวกัน เธอทั้งดูแลและเป็นห่วงมายด์อย่างจริงจังทำให้มายด์เชื่อว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำนั้นออกมาจากใจจริง อยู่มาวันหนึ่งเธอก็รวบรวมความกล้าด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักที่เอ่อล้นใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน
พอมายด์ได้ไปสารภาพรักกับรุ่นพี่ก็ได้รู้ว่าที่รุ่นพี่ก็ชอบเธอเหมือนกันถึงอาจจะดูง่ายไปหน่อยแต่ก็มีเหตุผลที่รุ่นพี่เป็นห่วงและคอยดูแลเป็นเพราะรักเธอจริงๆ ไม่ได้เข้ามาหลอกให้รักเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พอหนังจบแซนก็บอกฉันว่าจะไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัว ฉันเลยนั่งคิดถึงเนื้อเรื่องในหนังอีกครั้ง
‘ถ้าฉันจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอชอบฉัน ฉันจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือปล่าวนะ......’
//วันต่อมา ณ ห้องสมุด คาบกิจกรรม
‘ฉันยังคิดเรื่องที่แซนเปิดหนังเรื่องนั้นให้ดูไม่หายเลย ฉันควรจะคิดยังไงดีนะ ถึงฉันจะสังเกตเวลาแซนอยู่กับฉันก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบฉันเลยซักนิดก็มีแต่เพื่อนเขาห่วงกันแค่นั้นเอง แถมแซนยังมีน้องเบ็ญคอยจีบคอยดูแลอีกต่างหาก มันจะเหลือที่ให้ฉันเข้าไปได้หรือปล่าวเนี่ย!!’
ฉันนั่งบ้าอยู่คนเดียวในระหว่างที่อาจารย์กำลังแนะนำเรื่องการเขียนในแบบต่างๆให้นักเรียนทราบ ฉันก็อยากฟังอยู่หร่อกนะแต่พอฉันฟังไปได้ไม่นานก็กลับไปคิดเรื่องของแซนอีกครั้ง ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมฉันถึงฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้
ชมรมนี้เป็นชมรมที่ฉันชอบและฉันคิดว่าน่าจะได้ความรู้เรื่องการเขียนในแบบต่างๆของคนไทยและลักษณ์ษณะการเขียน การสืบต่อตัวอักษรในแต่ละสมัย ก็อย่างว่าละนะฉันชอบภาษา แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องคิดไปถึงแซนมากซะจนไม่มีเรื่องพวกนี้เข้าสมองฉันเลยซักนิด ถ้าเลิกเรียนแล้วยังไงซะฉันก็ต้องไปหาแซนอยู่ดี วันนี้ละฉันจะบอกให้แซนรู้ว่าฉันรักแซน
กริ๊งงงงง~~~!!!
พอฉันได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นเพื่อบอกว่าได้หมดเวลาเรียนแล้วฉันเลยเดินไปหาแซนเพื่อที่จะมาเข้าแถวกลับบ้านด้วยกันแต่ก่อนที่แซนจะกลับบ้านแซนต้องซ้อมวิ่งอีก2รอบก่อนกลับซึ่งทำเป็นประจำอย่างนั้นทุกวัน
“แฮ่กๆๆ..... ขอบใจนะ”
“เหนื่อยหน่อยนะ” ฉันยื่นขวดน้ำกับผ้าเช็ดเหงื่อให้แซน
“อึกๆๆ.... ฮ๊า!! สดชื่นนน”
“ทำอะไรหน่ะไม่สมกับเป็นผู้หญิงเลยนะ”
“ปรกติเราก็ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงอยู่แล้วนี่”
“เหมือนสิ สวยด้วย”
“แกล้งชมกันปะเนี่ย เขินเลย”
“ไม่ได้แกล้งชมนะ”
“จ้า” ฉันเห็นแซนแก้มแดงนิดๆก็ยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างอดไม่ได้เพราะความน่ารักของแซนผู้ที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเวลาตัวเองยิ้มมันสวยแค่ไหนเอาหล่ะไม่มีใครมากวนแล้วฉันต้องบอกแซนให้ได้!
“แซน....”
“หืม?”
“ร... เรา...” ทำไมกัน?!! ทำไมพูดออกมาไม่ได้.. ทำไมมัน.... น่าอายอย่างนี้นะ!
“....????”
“เราไปเข้าห้องน้ำแปบนะรออยู่ตรงนี้แหละ”
“จ้าอย่าปล่อยให้เราอยู่คนเดียวนานนะเรากลัวผี” แซนลูบแขนตัวเองเมื่อนึกถึงผี
“จ้าๆ” พอฉันพูดจบฉันก็เดินมาที่ห้องน้ำ
ฉันไม่ได้มาเพื่อที่จะเข้าไปทำธุระส่วนตัวแต่อย่างใด ฉันมายืนหน้ากระจกมองตัวเองแล้วยืนหัวเสียให้กับความบ้าของตัวเองที่อุตส่ามีโอกาศบอกแล้วแต่กลับไม่กล้า ฉันเลยล้างหน้าซักนิดแล้วเตรียมใจให้พร้อมเพื่อที่จะกลับไปแล้วไปบอกรักอีกครั้งฉันรีบเดินๆๆๆ เดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ฉันอยากให้แซนรู้ ฉันรักรักเธอ
แต่ฉันว่า.... ฉันคงจะต้องตัดใจก่อนที่จะได้บอกแซนก่อนเพราะภาพที่ฉันได้เห็นตอนนี้คือแซนก้มตัวลงมาจูบกับน้องเบ็ญ ฉันยืนอึ้งและทำอะไรไม่ถูก มือไม้เริ่มชา และเริ่มรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็วพอฉันเห็นว่าแซนเห็นฉันยืนอยู่ก็เลยตกใจถอนจูบน้องเบ็ญอย่างรวดเร็ว ฉันเลยเดินก้มหน้าเข้าไปแล้วค่อยพูด
“อ.... เอ่อ ข.. ขอโทษนะที่มาขัดจังหวะต่อกันได้เลยเราไม่กวนแล้วนะ บายๆจ๊ะ”
“ด..... เดี๋ยวก่อน มิจจิโกะ!!!” ฉันไม่อยากหันหลังไปในตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นภาพบาดตานั่นอีกฉันไม่มีหวังแล้ว.... ไม่เหลืออีกแล้วความรักของฉันมันคงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว....
//เช้าวันต่อมา
หลังจากที่เมื่อวานพวกเราได้จัดของกันเรียบร้อยซะจนไม่มีใครมีเวลามานั่งทำการบ้านเลยกลายเป็นว่าช่วงเวลาในช่วงเช้าระหว่างรอเข้าแถวนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลอกการบ้าน
“เฮ้อ.... เสร็จซักทีเกือบไม่ทันซะแล้ว”
“แต่เมื่อวานจัดของก็เหนื่อยจริงๆนะ ยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่เลย”
“นั่นสิ” หลังจากเราพูดจบก็พากันเดินไปเรียนคาบแรก
ช่วงนี้แซนจะมีคนเข้ามาหาบ่อยขึ้นคงเพราะปรกติอยู่คนเดียวแล้วพอฉันมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็มีคนมาคุยมากขึ้นละมั้งฉันเคยได้ยินเรื่องที่แซนโดนหลอกใช้ตอนอยู่มัธยม ฉันยังโกรธแทนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มันก็อาจจะดีที่แซนตีตัวออกห่างเมื่อขึ้นมัธยมปลายแต่อีกมุมหนึ่งฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะดีหร่อก ฉันก็อยากให้แซนได้เจอเพื่อนดีๆซักคนนึงเอาไว้ช่วยเหลือกันเวลาลำบาก
แต่ถ้าฉันพูดไปก็คงเข้าตัวฉันอยู่ดีครอบครัวฉันเป็นครอบครัวใหญ่มีกิจการเปิดมากมายหลายแห่งทั่วโตเกียวไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ ทำให้ฉันกลายเป็นลูกคุณหนูไปโดยปริยาย ถึงฉันจะไม่ได้อยากจะเป็นและไม่อยากให้ทุกคนมองฉันว่าฉันเป้นคนพิเศษอะไร ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อยากอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกันโดยที่ไม่แยกชนชั้น
ฉันพยายามหลายปีแต่ความแตกต่างนั้นไม่เคยที่จะลดลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเลยล้มเลิกความพยายามและฟลีกตัวออกห่างฉันเคยโดยเสียงนินทามากมายจากปากเพื่อนร่วมชั้น ไม่แม้แต่กระทั้งในห้องเรียนที่มีเสียงกระซิบกระซาบกันหนาหูทุกวันและพูดเหมือนฉันจะไม่ได้ยิน แต่ปล่าวเลย ฉันได้ยินทุกคำพูด ทุกเสียงที่ได้เปล่งออกมา
ฉันเลยไม่สนใจไยดีอะไรอีกแล้วฉันเสียความรู้สึกมามากพอแล้วฉันไม่อยากจะไปจมปลักกับคำพูดคนที่พูดออกมาโดยที่ไม่รู้จักตัวตนของฉันจริงๆ จนฉันได้มาเจอกับแซน เธอน่ารักสดใส และทำในสิ่งที่ควรทำและน่าแกล้งเป็นที่สุด มีบางอย่างที่ฉันคิดว่าเราเหมือนกันและฉันอยากจะย้ำให้มั่นใจกับหัวใจตัวเองว่าฉันรู้สึกยังไงกับแซน
เวลาที่ผ่านมาที่ฉันได้คุย ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลานั้นทำให้ฉันมีความสุขมาก นี่หรือเรียกว่าความรัก? ฉันไม่เคยมอบรักในหัวใจให้ใครเลยนอกจากกพ่อกับแม่ แต่ความรักในครั้งนี้มันต่างออกไป... มันทำให้ฉันเห็นว่าโลกใบนี้มันช่างสวยงามแค่ไหนมันน่าอยู่แค่ไหน ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแซน และฉันใจหายทุกครั้งที่แซนหายไปโดยไม่บอกกล่าว
เหมือนในวันนั้นที่ฉันเป็นไข้และฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาตามหาแซน ฉันกังวลมาก กังวลว่าแซนจะหายไป ฉันกลัวว่าฉันจะไม่เจอแซนอีกความรู้สึกในใจนี้มันจะมีพอพิสูจน์ต่อความรักที่ฉันมีให้เธอได้ไหมนะ แซน....
//พักเที่ยง
“หิวจังเลยอ่า เมื่อเช้าก็ไม่ได้กินข้าวมาด้วย”
“หิวเหมือนกันแหละน่า” แซนเดินบ่นมาตั้งแต่ออกจากห้องเรียนมาแล้ว
“งืออ รีบเดินไปกินข้าวกันเถอะน๊า หิวแล้วอ่า”
“จ้าๆ”
ฉันละชอบจริงๆเวลาแซนงอแงแบบนี้ เพราะมันไม่ได้เห็นกันได้ง่ายๆหน่ะสิถ้าตอนนี้ไม่มีคนอื่นมองอยู่นะฉันจับมาหอมแก้มให้หายหมั่นใส้แน่ๆ แล้วอาการที่หิวออกนอกหน้าจนเห็นอาหารทุกอย่างดูหน้ากินเหมือนจัดอยู่ในภัตคารระดับ 5 ดาวยังไงอย่างนั้นเลย น่ารักจริงๆ ให้ตายเถอะ!
“ฟุฮ๊าาา ฟื้นตัวแล้วจ้า!”
“นี่อย่าเสียงดังสิมันรบกวนคนอื่นเขานะ”
“อุย แห่ะๆขอโทษที”
บางทีฉันก็อดขำไม่ได้กับความน่ารักแบบเด็กๆของแซน ฉันไม่รู้ว่าฉันชอบตอนไหนแต่ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันรักแซนหมดหัวใจฉันต้องไม่ให้ใครมาแย่งไปก่อนเด็ดขาด
“แซน เร-”
กริ๊งงง~~
“ได้เวลาแล้ว ปะไปเข้าเรียนกัน”
“อ...อื้ม!”
//ระหว่างเรียน
‘ถ้าฉันบอกรักไม่ด็เขียนจดหมายไว้ก็แล้วกัน’ พอฉันคิดอย่างนั้นก็เขียนคำว่า “เรารักแซน” ลงไปแต่พอกำลังจะเอาให้...
“มิจจิโกะ อ่านหัวข้อที่ 2 หน้า 48 ให้ครูหน่อยสิคะ”
“ด... ได้ค่า” พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันเลยเก็บกระดาษไว้ใต้โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนพูด
//ช่วงพัก
“แซ-”
“พิมพ์ประพาย เธอมาช่วยครูทำเอกสารซักครู่นึงได้ไหมจ๊ะ”
“ได้ค่า”
‘อ๊ากกกกก อะไรกันเนี่ยทำไมมีแต่อุปสรรคตลอดเลยนะ!’ ฉันนั่งหัวเสียอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเพื่อรอให้แซนกลับมา
แต่พอฉันพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีโอกาสได้บอกซักทีฉันเลยเอาจดหมายใส่ไว้ในไต้โต้ะเผื่อแซนจะมาเห็นแล้วอ่าน
//1 สัปดาห์ต่อมา วันหยุดสงกรานต์
‘นี่มันอะไรฟะเนี่ย!!!!! ตั้ง1สัปดาห์ผ่านมาแล้วนะ 1สัปดาห์!! ยัยซื้อบื้อ ยัยโง่ ยัยบ้า!! งอนแล้ว!! ไม่บอกละรู้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน!!’
ฉันนั่งบ้าอยู่คนเดียวในห้องก็วันนี้แซนไปซ้อมวิ่งนี่นาฉันเลยได้อยู่บ้านคนเดียวไม่กล้าออกไปเล่นน้ำคนเดียวด้วยแซนบอกว่าถ้าไม่มีใครรไปด้วยจะโดนลวนลามได้ง่ายฉันเลยไม่กล้าไปจำเป็นต้องรอแซนกลับมาก่อนแล้วค่อยมาเล่นกันหน้าบ้านตอนเย็นๆ
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแซนถึงไม่เห็น กระดาษก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นนะหรือว่าอ่านแล้วแต่ไม่พูดเพราะไม่รับรักหรือไงกัน... สมองฉันฟุ้งซ่านแต่เรื่องของแซนไปหมดการบ้านที่อาจารย์ให้มาทำในวันหยุดสงกรานต์ก็เสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรทำเลยซักนิดนอกจากนอน นอน นอน แล้วก็นอนตากแอร์ ฉันก็อยากไปดูแซนซ้อมอยู่หร่อกนะแต่อากาศที่ไทยนี่โคตรร้อนออกจากบ้านปุ๊บแสบหน้าปั๊บ
ถ้าบังคับเมฆได้ก็คงดี จัดปูๆๆๆๆเมฆให้กระจายพอมีแสงแดดลอดมาอยู่บ้าง เอาลมเย็นพัดผ่านแผ่วๆพอให้รู้สึกว่าไม่ร้อนอบอ้าวคิดแบบนี้แล้วนึกถึงโดเรม่อนเลย ฮ่าๆๆ!.... ฮ่าๆ!.. ฮ่า!.... ฮ่า...... บ้าไปแล้วเรา....
[03:15]
“กลับมาแล้วค่า~”
'หืม... ฉันหลับไปตอนไหนเนี่ย'
“งื้อ.... กลับมาแล้วเหรอ”
“ขอโทษทีเราทำให้ตื่นหรือปล่าว”
“ปล่าวหร่อก เราอยากเล่นน้ำอะพาเล่นหน่อยสิ”
“เอาสิ บ้านข้างๆเราก็เล่นด้วยนะ”
“เย้! เราไปเตรียมตัวก่อนน๊า”
“จ้าาา”
พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันเลยรีบลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปช่วยแซนยกถังน้ำออกมาเล่นหน้าบ้านแต่พอเล่นไปซักพักฉันก็เริ่มอยากจะเลิกเล่นเพราะฉันหวงแซน ฉันหวงที่มีแต่คนมาปะแป้งมารวดน้ำใส่ ไม่ใช่สาดนะราดเบาๆแล้วทำตาหยาดเยิ้มให้อีก แล้วแถมพอเปิดเพลงก็มีแต่คนมาเต้นรอบๆแซน ฉันละอยากตะโกนให้ดังๆว่าฉันหึงและฉันรักแซนแต่ถ้าทำคงจะบ้าน่าดู
“โอ้ สวัสดีค่าน้องเบ็ญ” พอฉันได้ยินชื่อนั้นฉันเลยรีบหันไปหาแซนที่พูดชื่อนั้นทันที
“สวัสดีคะพี่แซน ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้คะไม่ได้อยู่ในหอแล้วเหรอ”
“พี่พึ่งย้ายมาเมื่อสัปดาห์ก่อนจ๊ะ”
“อ๋อ เราเล่นน้ำด้วยนะ”
“ก่อนอื่นต้องโดนปะแป้งก่อนในฐานะผู้มาเยือน”
“ปะแป้งทั้งตัวเลยก็ได้นะคะเราไม่ว่า” พอฉันได้ยินน้องเบ็ญพูดอย่างนั้นฉันเลยชโลมมือของตัวเองให้เต็มไปด้วยน้ำดินสอพองแล้วปาดลงที่หน้าของน้องเบ็ญเต็มๆ
“ฮ่าๆ! ตลกจัง มิจจิจังก็ไปแกล้งน้องซะงั้นอะ”
“ก็น้องเบ็ญ[น่ารักน่าแกล้ง] ได้ขนาดนี้เราจะไม่แกล้งได้ยังไงละคะ” ฉันพยายามเน้นเสียงให้รู้ว่าฉันไม่พอใจและพร้อมที่จะแกล้งเสมอ
“ง๊า พี่แซนคะเราขอน้ำหน่อยได้ไหมดินสอพองมันเข้าตา”
“ไหนๆเดี๋ยวพี่เอาออกให้” พอแซนได้ยินอย่างนั้นก็เลยค่อยๆเอาน้ำลูบพรมไปที่ตาของน้องเบ็ญเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณคะพี่แซน” พอแซนเช็ดตาให้เสร็จน้องเบ็ญก็เดินไปควงแขนแซนโดยจงใจให้หน้าอกไปโดนแขนพร้อมส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉัน
“อ... อื้มม ไม่เป็นไร ร... รถคันต่อไปมาแล้วนะไปเล่นน้ำต่อกันเถอะ”
ฉันยังโล่งใจที่แซนไม่ได้เล่นด้วยอย่างที่คิดฉันเลยตามไปเล่นเหมือนอย่างเดิมแต่ก็สบายใจได้ไม่นานเมื่อบ้านที่อยู่ข้างๆได้เปิดเพลงให้เต้นกันอีกครั้งและหันมาสาดกันเองเพราะเริ่มไม่มีรถขับผ่านแล้ว ณ ตอนนี้ภาพที่ฉันเห็นคือน้องเบ็ญเต้นคู่กับแซนด้วยท่าที่ยั่วยวนสุดๆ
‘แซนบ้า! เขายั่วเธออยู่นะทำไมถึงไปเต้นกับเขาแบบนั้นหละ’ ฉันทนดูไม่ไหวอีกแล้วฉันเลยเดินไปหาแซนแล้วลากแซนเข้าบ้านไป
“นี่มิจจิจังเป็นอะไรเหรอ”
“เราเลิกเล่นกันเห่อะที่ก็เริ่มเย็นมากแล้วด้วย”
“รอขอเล่นอีกซักหน่อยก็แล้วกัน”
“ด... เดี๋ยวสิ” ฉันจับข้อมือแซนไว้
“หืม? มีอะไรเหรอ”
“ทำไมถึงไปเต้นกับน้องเบ็ญแบบนั้นละ”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา น้องเขาก็สนุกสนานเฮฮาออก”
“งั้นเหรอ... ช่างเถอะเราไปอาบน้ำแล้วนะถ้าจะเลิกเล่นเมื่อไหร่ก็บอกละจะมาช่วยเก็บของ ไปละ” พอฉันพูดจบฉันก็รีบขึ้นไปบนบ้านโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงเรียกของแซนเลยแม้แต่นิดเดียว
ฉันหึงมากฉันยอมรับเลยว่าตอนนี้ฉันงี่เง่าที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา แต่จะทำยังไงได้ละฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแซนแล้วถ้าฉันจะโกรธแซนก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำด้วยฉันต้องเก็บอารมณ์นี้ไว้ ถ้าหากฉันพูดไปแซนต้องไปจากฉันแน่ๆและฉันไม่ต้องการแบบนั้น เพราะฉะนั้นต่อให้ฉันเจ็บขนาดไหนก็ตามฉันจะไม่ยอมให้เธอไปจากฉันหร่อกนะ แซน....
//ขณะเก็บของหน้าบ้าน
“มิจจิจัง...”
“หื้ม...”
“เป็นอะไรเหรอ”
“ปล่าวซักหน่อยไม่มีอะไร -3-”
“โกรธไรเราป่าวอะ” แซนพูดพร้อมเอานิ้วมาจิ้มที่แก้มฉัน
“ปล่าว ไม่ได้โกรธซักหน่อย”
“ง้านเหรออ~”
“ว้ายย!! ” พอแซนพูดจบแซนก็เอานิ้วมาจี้เอวฉัน
“แล้วทำหน้าบูดทำไมละค๊าา ไม่น่ารักเลยน๊าา” พอแซนพูดเย้าแหย่ฉันจบก็จี้เอวฉันอีกครั้ง
“อ๊ะ..! นี่! ถ้าไม่เลิกจี้เอวนะโดนดีแน่!”
“อุยยย กลัวจังเลยย”
“ได้~~!!” พอฉันพูดจบแซนก็วิ่งหนีฉันเข้าไปในรั่วบ้านแล้วเราก็พากันวิ่งวนต้นไม้ในพื้นที่หญ้าน้อยๆหน้าบ้าน แต่ฉันจับแซนไม่ทันเลย
“แฮ่กๆๆ..... โอ้ยยย เหนื่อย! ขี้โกงนี่”
“ขี้โกงอะไรเหรอคะ”
“ก็แซนเป็นตัวแทนนักวิ่งของโรงเรียนเลยนะ”
“เป็นงั้นหร่อกเหรออ~” อ๊ายยยย!! ฉันหมั่นใส้!! หมั่นใส้ใบหน้าหวานๆนั่น! มาทำหน้ากวนๆแบบนั้นฉันยอมไม่ได้~~
“ย๊ากกกกก” ฉันรีบวิ่งพุ่งไปหาแซนจนแซนหลบไม่ทันเราเลยล้มพร้อมกันทำให้ฉันนั่งคร่อมเอวแซนพอดิบพอดี
“โอ้ยยย ใจเย็นซิรุนแรงชะมัดเลย”
“หึหึหึ + +”
“อ... เอ่อ มิจจิจังจ๋า เรายังไม่ได้อาบน้ำเลยเราเหนียวตัวมากเลยอ่าเราขอไปอาบน้ำก่อนได้ป่าว”
“คิดว่าจะหนีได้พ้นเหรอ นี่แหนะๆ” ฉันไม่ยอมให้แซนหนีง่ายๆและลงโทษโดยการจี้โดยไม่หยุด
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!! ยอมแล้วๆ ไม่แกล้งแล้วจ้าาา!! ฮ่าาๆๆๆ!!!!”ถึงแซนจะพูดอย่างนั้นฉันก็จี้เอวแซนต่อไปจนแซนหมดแรงฉันค่อยปล่อย
“ทีนี้เข้าใจหรือยังละว่าไม่ควรมาแข่งกับเราเพราะยังไงเราก็ชนะแซนอยุ่ดีนั่นแหละ ว๊ะฮ่าๆๆ!!!” ฉันยืนขึ้นแล้วขำออกมาอย่างผู้มีชัย
พอฉันพูดเสร็จแซนก็มีกวนตอบนิดหน่อยแล้วขอให้ฉันพาลุกเข้าบ้านไป คงจะเป็นเพราะฉันแกล้งหนักเกินไปหน่อยทำเอาซะแซนขาสั่นจริงๆเลยกลายเป็นว่าฉันที่ตัวเล็กกว่าได้แบกแซนที่ตัวใหญ่กว่าซะงั้น หาเรื่องให้ตัวเองจริงๆเลยฉันเนี่ย
//2วันต่อมา
‘วันพรุ้งนี้ก็จะวันเปิดเรียนแล้วซินะ.... ขี้เกียจอะ ไม่อยากไป...แต่ก็ต้องไป แต่ก็ขี้เกียจ... เฮ้อ.... อะไรของเราละเนี่ย ร้อนจนบ้าซะละมั้ง’
“แซน”
“หืม?”
“เบื่อปะนั่งดูทีวีแบบนี้อะ”
“ก็.... เบื่อนะแต่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ถ้าจะไปเล่นน้ำอีกก็ไม่เอาละแสบผิว”
“นั่นสิน๊า” ฉันเอนตัวไปพิงแซนที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ
“นี่ๆ ดูหนังเก่ากันไหม”
“หนังเก่าเหรอ?”
“อื้ม! เราจำได้ว่าตอนย้ายบ้านมามีหนังเก่าสนุกๆที่เราซื้อมาดูหลายเรื่องเลย”
“ดีเลยจะได้ไม่เบื่อเพราะการบ้านก็ทำเสร็จแล้วด้วย”
“ได้เลยย”
พอแซนพูดจบก็เดินไปหากล่องที่ยังไม่ได้ย้ายของเพราะไม่มีที่เอาไว้จริงๆ ฉันมองแซนไปก็ขำไปเพราะแซนกำลังนั่งขมวดคิ้วเลือกหนังอยู่ 3 เรื่องคงจะเป็นเรื่องที่แซนชอบมากๆคงเลือกยากน่าดู สุดท้ายแซนก็เลือกมา 1 เรื่องแล้วเก็บหนังเรื่องอื่นเข้ากล่องให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินมาเปิดให้ดู
“เราชอบเรื่องนี้นะ เราชอบความคิดของนางเอกแต่มันเป็นเลสเบี้ยนอะ รับได้ไหม”
“หืม? ได้สิดูได้หมดแหละ”
“เหรอ เรากลัวมิจจิจังจะไม่ชอบหน่ะ”
ฉันยิ้มให้ก่อนที่แซนจะกดให้แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่อง ในหนังเรื่องนั้นเป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ มายด์ ที่ในวัยเด็กเธอมีหน้าตาบ้านๆ ไม่โดนเด่นอะไร เรื่องเรียนก็อยู่ในระดับปานกลาง แต่มุมมองโลกในแง่ร้ายมากๆซะจนทุกคนคิดว่า “ผู้หญิงคนนี้คงไม่มีวันที่จะคบกับใครได้นานเกิน 1 วันได้แน่ๆ”
แต่มีอยู่มาวันหนึ่งมีผู้ชายที่มาตามตื้อเธอทำให้เธอเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้น แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้รู้ความจริงว่าผู้ชายที่มาตามตื้อเธอเป็นเพราะเขาพนันกับเพื่อนเขา เงื่อนไขคือ ถ้าหากทำให้เธอรักหรือคบกันได้จะให้เงิน 1 หมื่นเพราะเขาคิดว่าผู้ชายคนนี้คงจะทำไม่ได้แน่ๆ แต่มันกลับเป็นเรื่องจริงที่มายด์ได้รักผู้ชานคนนั้นไปแล้ว ทำให้เธอโกรธเป็นอย่างมากและได้ทำการปิดกั้นหัวใจไปตลอดกาล
แต่เมื่อเนื้อเรื่องเปลี่ยนมาเป็นในช่วงที่เธออยู่ในวัยทำงานทำให้เธอมาเจอรุ่นพี่ที่อยู่ในบริษัทเดียวกัน เธอทั้งดูแลและเป็นห่วงมายด์อย่างจริงจังทำให้มายด์เชื่อว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำนั้นออกมาจากใจจริง อยู่มาวันหนึ่งเธอก็รวบรวมความกล้าด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักที่เอ่อล้นใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน
พอมายด์ได้ไปสารภาพรักกับรุ่นพี่ก็ได้รู้ว่าที่รุ่นพี่ก็ชอบเธอเหมือนกันถึงอาจจะดูง่ายไปหน่อยแต่ก็มีเหตุผลที่รุ่นพี่เป็นห่วงและคอยดูแลเป็นเพราะรักเธอจริงๆ ไม่ได้เข้ามาหลอกให้รักเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พอหนังจบแซนก็บอกฉันว่าจะไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัว ฉันเลยนั่งคิดถึงเนื้อเรื่องในหนังอีกครั้ง
‘ถ้าฉันจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอชอบฉัน ฉันจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือปล่าวนะ......’
//วันต่อมา ณ ห้องสมุด คาบกิจกรรม
‘ฉันยังคิดเรื่องที่แซนเปิดหนังเรื่องนั้นให้ดูไม่หายเลย ฉันควรจะคิดยังไงดีนะ ถึงฉันจะสังเกตเวลาแซนอยู่กับฉันก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบฉันเลยซักนิดก็มีแต่เพื่อนเขาห่วงกันแค่นั้นเอง แถมแซนยังมีน้องเบ็ญคอยจีบคอยดูแลอีกต่างหาก มันจะเหลือที่ให้ฉันเข้าไปได้หรือปล่าวเนี่ย!!’
ฉันนั่งบ้าอยู่คนเดียวในระหว่างที่อาจารย์กำลังแนะนำเรื่องการเขียนในแบบต่างๆให้นักเรียนทราบ ฉันก็อยากฟังอยู่หร่อกนะแต่พอฉันฟังไปได้ไม่นานก็กลับไปคิดเรื่องของแซนอีกครั้ง ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมฉันถึงฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้
ชมรมนี้เป็นชมรมที่ฉันชอบและฉันคิดว่าน่าจะได้ความรู้เรื่องการเขียนในแบบต่างๆของคนไทยและลักษณ์ษณะการเขียน การสืบต่อตัวอักษรในแต่ละสมัย ก็อย่างว่าละนะฉันชอบภาษา แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องคิดไปถึงแซนมากซะจนไม่มีเรื่องพวกนี้เข้าสมองฉันเลยซักนิด ถ้าเลิกเรียนแล้วยังไงซะฉันก็ต้องไปหาแซนอยู่ดี วันนี้ละฉันจะบอกให้แซนรู้ว่าฉันรักแซน
กริ๊งงงงง~~~!!!
พอฉันได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นเพื่อบอกว่าได้หมดเวลาเรียนแล้วฉันเลยเดินไปหาแซนเพื่อที่จะมาเข้าแถวกลับบ้านด้วยกันแต่ก่อนที่แซนจะกลับบ้านแซนต้องซ้อมวิ่งอีก2รอบก่อนกลับซึ่งทำเป็นประจำอย่างนั้นทุกวัน
“แฮ่กๆๆ..... ขอบใจนะ”
“เหนื่อยหน่อยนะ” ฉันยื่นขวดน้ำกับผ้าเช็ดเหงื่อให้แซน
“อึกๆๆ.... ฮ๊า!! สดชื่นนน”
“ทำอะไรหน่ะไม่สมกับเป็นผู้หญิงเลยนะ”
“ปรกติเราก็ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงอยู่แล้วนี่”
“เหมือนสิ สวยด้วย”
“แกล้งชมกันปะเนี่ย เขินเลย”
“ไม่ได้แกล้งชมนะ”
“จ้า” ฉันเห็นแซนแก้มแดงนิดๆก็ยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างอดไม่ได้เพราะความน่ารักของแซนผู้ที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเวลาตัวเองยิ้มมันสวยแค่ไหนเอาหล่ะไม่มีใครมากวนแล้วฉันต้องบอกแซนให้ได้!
“แซน....”
“หืม?”
“ร... เรา...” ทำไมกัน?!! ทำไมพูดออกมาไม่ได้.. ทำไมมัน.... น่าอายอย่างนี้นะ!
“....????”
“เราไปเข้าห้องน้ำแปบนะรออยู่ตรงนี้แหละ”
“จ้าอย่าปล่อยให้เราอยู่คนเดียวนานนะเรากลัวผี” แซนลูบแขนตัวเองเมื่อนึกถึงผี
“จ้าๆ” พอฉันพูดจบฉันก็เดินมาที่ห้องน้ำ
ฉันไม่ได้มาเพื่อที่จะเข้าไปทำธุระส่วนตัวแต่อย่างใด ฉันมายืนหน้ากระจกมองตัวเองแล้วยืนหัวเสียให้กับความบ้าของตัวเองที่อุตส่ามีโอกาศบอกแล้วแต่กลับไม่กล้า ฉันเลยล้างหน้าซักนิดแล้วเตรียมใจให้พร้อมเพื่อที่จะกลับไปแล้วไปบอกรักอีกครั้งฉันรีบเดินๆๆๆ เดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ฉันอยากให้แซนรู้ ฉันรักรักเธอ
แต่ฉันว่า.... ฉันคงจะต้องตัดใจก่อนที่จะได้บอกแซนก่อนเพราะภาพที่ฉันได้เห็นตอนนี้คือแซนก้มตัวลงมาจูบกับน้องเบ็ญ ฉันยืนอึ้งและทำอะไรไม่ถูก มือไม้เริ่มชา และเริ่มรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็วพอฉันเห็นว่าแซนเห็นฉันยืนอยู่ก็เลยตกใจถอนจูบน้องเบ็ญอย่างรวดเร็ว ฉันเลยเดินก้มหน้าเข้าไปแล้วค่อยพูด
“อ.... เอ่อ ข.. ขอโทษนะที่มาขัดจังหวะต่อกันได้เลยเราไม่กวนแล้วนะ บายๆจ๊ะ”
“ด..... เดี๋ยวก่อน มิจจิโกะ!!!” ฉันไม่อยากหันหลังไปในตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นภาพบาดตานั่นอีกฉันไม่มีหวังแล้ว.... ไม่เหลืออีกแล้วความรักของฉันมันคงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ