แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  48.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) ตอนที่ 23 (50%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 23

 

 

 

ต้นข้าว

 

“ยิ้มอะไร” ไอ้หล่อนั่งเท้าคางจ้องผมใบหน้าอมยิ้มกวนๆ จะงอนจนกว่ามันจะยอมตกลงเรื่องไปค่าย แล้วปีนี้แม่งไปน้ำตกอ่า ปีแรกที่กูจะได้เที่ยวกับเขาบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่ในหมู่บ้านชาวดอยเหมือนปีที่ผ่านมา

 

“ทำไมน่ารัก” เพทายเอ่ยเสียงหวาน

 

กูก็น่ารักของกูทุกวัน

 

ผมยักคิ้วมือเคาะโต๊ะเล่นเบาๆ พรุ่งนี้ว่างตอนเย็น อืม ไปทำงานหาเงินเข้ากระเป๋าดีกว่า แต่ไอ้สามีหน้ายักษ์มันจะยอมไหมก็อีกเรื่อง

 

“หล่อ พรุ่งนี้กูไปทำร้านพี่เตนะ มึงจะมาก็มา” อย่างน้อยมันก็ต้องมานั่งเฝ้าผม เชื่อไอ้ต้นข้าวได้เลย

 

“กูไม่ว่างช่วงเย็น ไปดูงานแทนป๋าที่โรงแรม XXX” มันว่างั้น

 

“งานไรวะ?” ไม่ได้อยากเสือก แต่งานโรงแรมมันต้องมีสาวสวยมาเดินแบบ ไม่ก็พริตตี้น่ารักแต่งชุดน่าฟัดมาเดินร่อนกิเลสให้ทั่วงาน

 

ความคิดผมเหี้ยมาก ที่จริงเขาน่ารักแบบใสๆนะครับ มารยาทดีด้วย

 

“เปิดตัวเสื้อผ้าชุดใหม่ กูก็ไม่อยากไป” มันทำหน้าหน่ายลอบถอนหายใจ

 

“งั้นก็ให้เฮียเพลงไปแทนดิ สาวเยอะเฮียคงชอบ” ผมเสนอทางเลือกให้ ทางที่ไม่ให้ไอ้หล่อได้เหล่สาว

 

ยอมรับว่าหึง หวงแม่งด้วย มันหล่อนะเว้ย!

 

“เฮียติดเด็ก แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับมึง” สายตามันโจ่งแจ้งว่าโคตรพอใจ แต่ช่วงหลังเฮียเพลงหายๆไปเลยไม่ค่อยมาวุ่นวายกับผมเหมือนตอนแรก

 

“มึงไม่ต้องไปหรอก ให้พี่โจ้ไปแทน ไม่ๆๆ ให้คนอื่นไปแทนก็ได้”

 

“หึ อะไรเมีย...หวงกูเหรอ” ผมถลึงตาใส่ยิ้มแก้มปริด้วยความเขิน ยกมือฟาดหน้าหล่อตบไม่แรงมากนัก แต่ไอ้คนขี้โอเว่อร์มันร้องโอดโอยกุมแก้มตัวเองปากยู่

 

“เค้าเจ็บ เมียทำร้ายร่างกาย”

 

“มากไปๆ กูไม่ใช่คนขี้หึงเหมือนมึงนะหล่อ”

 

“ก็ผัวรักเมีย หลงเมีย ไม่ให้หึงเมียแล้วจะให้ไปหลงใครครับ” อร๊ายยย มึงมันน่าฟัด ผมกัดปากโคตรจะสุข นับวันปากมันหวานจนมดเลี่ยน

 

“หยุด! ทำให้มันได้อย่างที่พูดแล้วกัน จับได้เมื่อไหร่จะเฉือนลูกมึงทิ้ง” ผมยกนิ้วขู่

 

“รัก รัก รัก ก็ได้แต่พูดว่ารักให้เมียฟัง ไม่รู้เมียจะฟัง….กันบ้างไหม” ไอ้หล่อฮัมเพลงที่แต่งขึ้นมาสดๆ สบตาผม

 

“ร้องเพลงได้ห่วยมาก”

 

“ดูถูกครับ ตอนปีหนึ่งหญิงจีบให้เกรียว ร้องเพลงจีบสาวติดทุกราย” เพทายอวดเชิดหน้าภูมิใจ แต่ผมหน้าบึ้งปากคว่ำ

 

“เออออ มึงมันหล่อ ดีไปทุกอย่าง”

 

“ก็คนมันมีดีให้ลอง ไม่งั้นเมียจะมารักเค้าเหรอ หรือไม่จริง?” เพทายถามหน้าเจ้าเล่ห์ยักคิ้วกวนๆ

 

เหี้ย ผมจะตอบยังไง

 

“อื้ม” ผมตอบรับยัดผักเข้าปากมัน “แดกเข้าไปจะได้เลิกหลงตัวเอง” มันงับทั้งผักทั้งนิ้วคนป้อนเข้าปาก

 

“งั่ม ๆ ๆ อร่อยครับ” น้ำลายมันเปื้อนมือผมอ่า คว้ากระดาษมาเช็ดนิ้วที่ไอ้หล่อมันแกล้ง

 

“ยี๊~ กูต้องติดเชื้อมึงแน่ ๆ”

 

“เชื้อรักไงเมีย ฮ่า ๆ ๆ ๆ อย่าค้อนๆ เลิกเล่นแล้วครับ หิว กิน ๆ” เพทายยกมือยอมแพ้

 

ผมนั่งแหย่มันบ้างทุบมันบ้างแต่ไอ้หล่อมันก็ยิ้มรับท่าเดียว ตอนนี้พี่ต้นน้ำไปหาพี่ฟ้า วันทั้งวันผมจึงไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับการเจอโดยบังเอิญ เค้กของโปรดลอยมาวางบนโต๊ะอาหาร พนักงานสาวสวยมองหน้าผมยิ้มให้ก่อนขออนุญาตวาง

 

“เมีย” เพทายเรียกชื่อคนรักวางข้อนลงประสานมือเท้าคางยิ้ม

 

“อืม อะไร” ผมถามขึ้นตาไม่ได้มอง มือหั่นเนื้อชิ้นโตที่ราดซอสน่ากิน

 

“เมีย”

 

“อะไรของมึงวะหล่อ” ผมวางมีดเงยหน้าสนใจมันหน่อย ไอ้ห่านี่โรคจิตขี้น้อยใจชิบหาย

 

“รู้ตัวด้วยเหรอว่าเป็นเมียกู แรดจัง”

 

“มึง!” ผมหยิบมีดขึ้นจ่อหน้ามัน เพทายขำแตะมือต้นข้าวให้วางมันลง

 

“ใจเย็นคร้าบบบ ผัวให้อภัยแล้ววางมีดลงนะ” ดูมัน กวนตีนไม่เลิก

 

“หล่ออออ งื้อ~ ไอ้เหี้ย แกล้งกูว่ะ” ผมง้องแง้งใส่ยี๋ตาเบะปาก ถ้าไม่น่ารักจริงทำไม่ได้นะ กูมั่น ฮ่า ๆ ๆ

 

เพทายลูบหัวเล็กปลอบขวัญ ต้นข้าวก้มหน้าลงมือจับแขนแกร่งที่ยื่นมาช้อนตามองสบตาปริบๆเหมือนเด็กน้อย หัดอ้อนหัดอ่อย เดี๋ยวผัวไม่รัก ผมยิ้มกริ่มยักคิ้วให้ผู้หญิงโต๊ะใกล้ ๆ ที่จ้องไอ้หล่ออยู่นาน

 

คนนี้เมียหวงครับ หมดสิทธิ์จีบ

 

…………………………………………………………………..

 

เต้ย

 

ว่าแล้วลืมอะไร

 

 ผมวนรถย้อนกลับเข้าไปในบ้านตัวเองมือควานหาชีทงานที่ต้องใช้เรียนวันพรุ่งนี้  แม่เห็นผมก้ม ๆ เงย ๆ หาของเดินเข้ามาช่วยอีกแรง

 

“หาอะไรเต้ย”

 

“ชีทเรียนครับ แม่เห็นบ้างไหม” ผมวางอยู่บนโต๊ะนะถ้าจำไม่ผิด แล้วมันหายไปไหน

 

“ชีทปึกหนาๆที่ข้างหน้าเป็นรูปการ์ตูนใช่ไหม”

 

“ครับ อยู่ไหนอ่า”

 

“พี่แซมเขาแวะมาหาเราเมื่อกี้ ไม่เจอกันเหรอ แม่วานให้เขาเอาไปให้เต้ยที่ห้องเอง” ผมตบหน้าผากตัวเอง

 

“ครับ เต้ยกลับแล้วนะแม่ รักนะครับ” ร่างใหญ่กอดแม่หอมแก้มสัมผัสเบา ๆ

 

“จ้า เดินทางปลอดภัยครับ”

 

ผมกลับห้องมาเห็นถุงก๋วยจั๊บของโปรดแขวนไว้ที่ลูกบิดพร้อมชีทเรียน กระดาษแผ่นเล็กที่แนบมากับชีทหลุดออกมา มือหนาหยิบขึ้นมาดู

 

เป็นเด็กขี้ลืมไม่เปลี่ยนเลยนะ พรุ่งนี้เรียนแค่เช้าใช่ไหม กลางวันไปกินข้าวกันนะครับ

 

ลายมือหวัดๆเขียนประโยคสั้นได้ใจความด้วยเมจิกสีฟ้า ผมแหงนหน้าอมยิ้มไม่อยากจะรู้สึกดีกับการกระทำเล็กน้อย สะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านให้ออกไปเปิดประตูวางทุกอย่างลงบนโต๊ะรับแขก

 

 

 

50%

 

 พี่จะจีบเต้ย

 

 

 

“บ้าชิบ…มึงมันบ้า” ผมสบถบ่นมือหยิบน้ำเย็นออกมารินลงในแก้วใส เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อม ๆ กับข้อความจากพนักงานที่ว่ามีคนมาหา พี่ตี๋มันเอาชีทมาให้พร้อมรอยฟกช้ำที่หน้า

 

 

 

“พี่ไปหาเรื่องใครมาวะ” ผมชุบสำลีเทน้ำในขวดฟ้าลงแตะ ๆ พี่ตี๋ยื่นหน้าหนีแต่ผมจับค่อย ๆกดสำลีลงไป

 

 

 

“หมาขี้เสือก”

 

 

 

“แกล้งยอมเขารึเปล่า ปกติพี่ไม่ให้ใครมาทำรอยง่ายๆนี่”

 

 

 

“มาไม่ทันตั้งตัวมันก็ต้องมีพลาดกันบ้างดิวะ”

 

 

 

“แล้วไอ้ขี้เสือกนั่นมันเป็นยังไงบ้างล่ะ ไม่ใช่พี่ซัดตายห่าแล้วนะ”

 

 

 

“ไม่ มันไม่มีแม้รอยขีดข่วน โอ๊ย! แสบๆไอ้เต้ย มึงมือเบาหน่อยดิวะ” ผมเผลอกดไปเต็มแรง พี่ตี๋ร้องเสียงหลง

 

 

 

“ก็เต้ยตกใจ เป็นไปได้ไงวะ พี่ปล่อย?”

 

 

 

“ไม่อยากปล่อย แต่มีคนเข้ามาช่วยไอ้ขี้เสือกให้รอด”

 

 

 

“ขยันหาเรื่องนะพี่กู เอ้า เสร็จแล้วครับ” ผมวางสำลีลงโยนทิ้งขยะใบเล็ก เอ่กล่องพยาบาลไปเก็บอีกห้อง เดินกลับเข้ามาพี่ตี๋ก็ถามต่อ

 

 

 

“เต้ย มึงรู้จักพวกไอ้ฟางใช่ไหม”

 

 

 

“ใช่ ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นานหรอก พี่ถามทำไมวะ”

 

 

 

“เปล่า เดือนหน้ามีค่ายอาสา พวกมึงต้องลงกันด้วยนะเว้ย คราวที่แล้วก็เสือกไม่ไป” หัวผมเอียงไปชนหมอนอิงที่ตั้งอยู่ พี่ตี๋แม่งเล่นแรง

 

 

  “ไปอยู่แล้วแหละพี่ แล้วถามถึงมันทำไม จะให้ชวน?”

 

 

 

“เออ เห็นน้องผู้หญิงเขาถามไอ้ดินตอนนั้นไม่รู้ได้ลงชื่อรึยัง มึงก็ไปชวนๆมากันให้ได้”

 

 

 

“โห คำสั่งชัดๆ งั้นเต้ยโทรเลยดีกว่าเผื่อมันไม่ไปกันพี่จะได้ไม่เล่นเต้ย เปิดลำโพงเลยนะ” ผมโทรหาฟางก่อนเราจะคุยกันอยู่หลายนาที พี่ตี๋แม่งทำตัวแปลก พี่รหัสสุดที่รักกับไอ้ฟางต้องมีอะไรที่ผมไม่รู้ แต่ไหน ๆ พี่รหัสมาให้เสียเงินถึงที่ผมจึงชวนลงไปหาอะไรกินสถานที่ใกล้ ๆ

 

 

 

……………………………………………………………

 

 

 

“ขอบคุณนะคะพี่แซม แตงก็เลือกไม่ถูกว่าจะเอาเล่มไหนดี พี่แซมนี่เก่งจังนะคะ” แตงยิ้มเงยหน้าคุยกับแซมที่บังเอิญเจอที่ร้านขายหนังสือ

 

 

 

“ครับ พี่ก็แนะนำตามที่คิด ยังไงแตงลองอ่านดูนะ พี่ว่าเล่มนี้น่าจะเข้าใจง่ายกว่าเล่มอื่น”

 

 

 

“แตงอ่านผ่านๆก็คิดว่ามันโอเคเลย ไหน ๆ ก็เจอพี่แล้ว งั้น….” แตงยิ้มเขินก้มหน้างุด สองแก้มแดงระเรื่อ

 

 

 

 “ครับ?”

 

 

 

“คือ…แตงขอเลี้ยงข้าวพี่สักมื้อได้ไหมคะ นะคะพี่หมอสุดหล่อ” มือบางเกาะแขนแซมส่งสายตาออดอ้อน น้อยคนที่จะได้เห็นแตงทำตัวน่ารัก เพื่อนพากันขนานนามเธอว่ายัยจอมเถื่อน

 

 

 

“ไม่ดีมั้ง พี่ขอเป็นคนเลี้ยงเองแล้วกัน” แซมยิ้มเดินนำเข้าไปยังร้านอาหารที่เข้าไปทานและยอมรับว่ามันอร่อยอยู่

 

 

 

ผมยกเมนูปิดหน้าเลื่อนตัวลงแนบกับเก้าอี้หลบไอ้แซมกับแตงที่เดินผ่านไปนั่งในร้าน พี่ตี๋ดึงเล่มเมนูสั่งอาหารออก ผมสะดุ้งโหยงลุกขึ้นนั่งตัวตรง

 

 

 

“ทำอะไรของมึงวะ”

 

 

 

“เปล่าครับ พี่สั่งยังอ่า” ผมมองไม่เห็นพนักงานที่ยืนอยู่เมื่อกี้ แล้วคาโบนาร่าผมอ่า อดเลยดิ

 

 

 

“กูสั่งแล้ว มึงแดกคาโบนาร่ากับน้ำแตงโมปั่นใช่ไหม” พี่รหัสของแท้ รู้ใจทุกอย่าง

 

 

 

“โหยยย มันใช่เลยพี่ รับผมไปเลี้ยงดูสักคนไหม” ผมกุมมือบิดตัวเอานิ้วไปแตะแก้มพี่ตี๋สายตาวิบวับ

 

 

 

“ไอ้ห่า ห้องกูมีไอ้เคลวินอยู่แล้ว เอามึงไปมีแต่เสียกับเสีย แดกเยอะพูดมาก”

 

 

 

กูแม่งไม่มีอะไรดีเลย

 

 

 

“พี่เอาผมไปเปรียบกับหมาเลยเหรอวะ น้อยใจ” ผมแบะปากใส่ พี่ตี๋มันเอาเมนูมาตีหน้าผาก

 

 

 

ทางด้านแซมที่นั่งถัดไปสองโต๊ะมองเห็นด้านหลังของเต้ยและจำได้ดีว่าเป็นคนที่ตามจีบอยู่ แค่เห็นตี๋ก็เดาได้ไม่ยากว่าอีกคนใคร เต้ยมากับตี๋ ทั้งคู่มีอะไรลึกซึ้งเกินกว่าพี่รหัส น้องรหัสกันรึเปล่า?

 

 

 

“มองอะไรคะ?” แตงหันไปมองตามแต่มีพนักงานเดินผ่านหน้าจึงไม่ทันได้เห็น

 

 

 

“อาหารมาแล้ว เย็นจะไม่อร่อยนะครับ” แซมบ่ายเบี่ยงก้มหน้าเริ่มทานอาหารที่ทยอยลงมาวางบนโต๊ะ

 

 

 

ผมหันไปมองทางโต๊ะด้านหลังเห็นแซมก้มหน้าลงจึงรีบหันกลับมา มาด้วยกัน? ไหนบอกว่าจีบ หึ

 

 

 

“ไอ้เต้ย” ผมเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าพี่ตี๋

 

 

 

“อะไรพี่”

 

 

 

“มึง…ไม่บอกต้นข้าวไปเลยว่าชอบวะ?” ผมกระพริบตาลดมือที่เท้าคางลงวางบนโต๊ะ

 

 

 

….ผมไม่กลัวการที่จะบอกชอบใครหรอก ที่ผมกลัวคือถ้าบอกไปแล้วความสัมพันธ์มันจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหนมากกว่า ถ้าต้นข้าวชอบผมกลับมันก็ดีไป แต่ถ้าไม่…” ผมเบาเสียงลง

 

 

 

ยังไงคำตอบก็คือไม่อยู่แล้ว ต้นข้าวมีเพทาย ทั้งคู่รักกัน

 

 

 

“มึงมัวแต่ช้าเดี๋ยวก็โดนหมาคาบไปแดกหรอก อะไรที่คิดว่ามันต้องเป็นของเรา มึงต้องรีบคว้าเอาไว้อย่าให้หลุดมือนะเว้ย ต้นข้าวไม่ยอมมึงก็ปล้ำแม่งเลย” ตี๋แนะนำ

 

 

 

“พี่จะบ้าเหรอวะ ผมไม่ทำป่าเถื่อนแบบพี่หรอก เอาไปใช้กับเมียพี่เหอะ”

 

 

 

“เมียอะไร! กูไม่มีเมีย” เสียงตี๋เข้มขึ้นใบหน้าจริงจัง

 

 

 

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่แปลก ๆ นะวันนี้”

 

 

 

“เออ ๆ แดกไว ๆ กูง่วงนอน ฮ้าว~” ตี๋แสร้งปิดปากหาวตาปรือ ๆ

 

 

 

ผมนั่งคุยกับพี่ตี๋ไปได้สักพักก็พากันกลับ แต่ก่อนจะทันได้ออกจากร้านเสียงทักของแตงก็ดังขึ้นทักจนผมต้องหันไปเผชิญหน้ากับแซม หลบไม่พ้นมันจนได้

 

 

 

“สวัสดีค่ะพี่ตี๋ หวัดดีเต้ย มาทานข้าวกันสองคนเหรอคะ”

 

 

 

“ครับ แล้วเราล่ะ มากันสองคน?” ตี๋เหล่มองแซมสลับกับแตง ผมกลอกตาขึ้นบนรู้สึกอึดอัดไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้

 

 

 

“บังเอิญเจอกันครับ ก็เลยชวนกันมาหาอะไรกิน” แซมไปฝ่ายตอบมองหน้าเต้ยที่เบี่ยงหันไปทางอื่น

 

 

 

 “อืม งั้นก็…ขอตัวกลับก่อนนะ แล้วเจอกันที่ค่ายนะสุดสวย”

 

 

 

 “ค่ะพี่ตี๋ แตงไปแน่นอน เต้ยก็ไปใช่ไหมเห็นฟางบอก”

 

 

 

“อืม ไปด้วย” ผมตอบสั้น ๆ

 

 

 

“ไปไหนกันเหรอครับ” แซมถามเมื่อได้ยินว่าเต้ยไปด้วย

 

 

 

“พี่แซมไปไหมคะ ตอนนี้ลงชื่อยังทัน ใช่ไหมคะพี่ตี๋”

 

 

 

“ไม่… / ทันอยู่ ๆ” เต้ยหน้าบึ้งเอ่ยตอบพร้อมตี๋ ผมมองพี่รหัสตัวเองค้อน ๆ

 

 

 

“อ่าว ตกลงยังไงคะ”

 

 

 

“ทันอยู่ ๆ จะไปไหมล่ะ ค่ายนี้ใครไปก็ได้” ตี๋หันไปชวนเพื่อนต่างคณะ แซมคิดหนักก่อนจะพยักหน้าตอบ

 

 

 

“ไปครับ ยังไงจดชื่อผมไปเลยก็ได้ หรือว่าต้องกรอกใบที่คณะ”

 

 

 

“เอาแค่ชื่อพอ บอกมาแล้วกันกูจะจดให้” ผมตวัดสายตามองแซมที่มองผมอยู่ก่อน มันจะไปทำไมวะ

 

 

 

“เรียบร้อยแล้วนะ ชื่อถูกทุกตัวนะ” ตี๋ยื่นโทรศัพท์ให้แซมตรวจดูอีกรอบ แซมไล่นิ้วตรวจ

 

 

 

“อืม ไม่ผิด ฝากด้วยแล้วกัน ไปวันไหนครับ”

 

 

 

“แตงมีใบรายละเอียดอยู่ อืม…งั้นแตงขอไลน์เอาไว้ได้ไหมคะ จะได้ส่งให้ดู” แซมชะงักก่อนจะตอบ

 

 

 

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ พี่ไม่ค่อยเปิดอ่านด้วยเพื่อนทักมาเยอะ เดี๋ยวพี่ไปเอาที่ห้องเต้ยก็ได้” ผมอ้าปากพูดแทรก

 

 

 

“อะไรนะ”

 

 

 

“หืม รู้จักกันด้วยเหรอวะ ไอ้เต้ย ทำไมไม่บอกกู” ตี๋คาดคั้น แตงมองเต้บกับแซมสีหน้างง

 

 

 

“ก็พี่ไม่ถามอะ เรื่องมาก เออ ๆ งั้นจะมาเอาตอนไหนก็บอก” ผมปัดความรำคาญตอบส่ง ๆ

 

 

 

“มึงจะทำให้มันยากทำไม มึงก็กลับกับ…มึงชื่อแซมใช่ไหม” ว่าที่หมอพยักหน้า “ เออ มึงก็กลับพร้อมกันไปเลย แตงกลับไง”

 

 

 

“แตงเอารถมาค่ะ”

 

 

 

 “งั้นตามนี้นะ ไป ๆแยกย้ายได้ กูง่วงจะตายห่าแล้ว”

 

 

 

“เฮ้ย! พี่ทิ้งเต้ยได้ไงวะ” ผมร้องดิงานนี้ พยายามหนีแต่เสือกได้ใกล้มากกว่าเดิมอีกกู

 

 

 

“กูขอสั่ง! มึงกลับกับมันซะ ไม่งั้นกูตัดสาย”

 

 

 

“พี่ตี๋ เอะอะตัดสายว่ะ”

 

 

 

“เป็นน้องกูอย่าเรื่องเยอะ กลัวเหี้ยอะไร ไหนว่ามึงรู้จักกัน” ตี๋กอดอกถามเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อเข้มขึ้นมองเต้ยตาดุ

 

 

 

“ถ้างั้นเต้ยกลับกับตี๋ก็ได้” แซมหน้าเศร้าเอ่ยเสียงอ่อย ตี๋จ้องเต้ยนิ่ง ผมถอนหายใจกัดริมฝีปากขัดใจ

 

 

 

“ก็ได้ จะกลับก็กลับ แค่นี้มีอะไรให้กลัว” เมื่อหาข้อยุติได้ก็ต่างคนต่างแยกย้าย ผมกำมือแน่นในใจขุ่นมัว

 

 

 

เมื่อเข้ามานั่งในรถได้แซมก็เปิดเพลงคลอเบา ๆ ฟัง ปากฉีกยิ้มกว้างหวังดีเอื้อมมือไปรัดเข็มขัดให้เต้ยจนเจ้าตัวสะดุ้งผลักอกแซมออก

 

 

 

“มึงทำอะไร!”

 

 

 

“รัดเข็มขัดด้วย พี่ขับไวนะ เคยขึ้นแล้วนี่” ผมปัดมือมันออกดึงเข็มขัดมารัดเอง สายตาทอดมองไปข้างหน้า

 

 

 

รถเคลื่อนตัวออกแล่นไปตามท้องถนนที่ค่อนข้างโล่ง ผ่านไปไม่นานก็มาติดไฟแดงเอาตอนใกล้จะถึงคอนโด แกแค่นิดเดียวก็ถึงอยู่แล้วเชียว ทั้งรถเงียบกริบจนฝ่ายคนขับต้องเอ่ยปากพูดก่อน

 

 

 

“พรุ่งนี้กลางวันว่างใช่ไหม?” ผมไม่ได้ตอบแกล้งหันไปมองข้างทาง แซมเม้มปากน้อยใจเต้นแผ่วลง

 

 

 

ทำไมมันเงียบไปวะ

 

 

 

ผมเหล่ไปทางแซมเห็นใบหน้ามันเศร้ามาก มือจับพวงมาลัยเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถไปข้างหน้าทีละนิดเมื่อการจราจรเริ่มกลับมาปกติ

 

 

 

………………………………………………………………….

 

 

 

 เมื่อมาถึงคอนโดเราต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แซมเดินตามหลังผมเข้ามาในห้องเงียบ ๆ จนผมเป็นฝ่ายอึดอัดทนไม่ไหวเสียเอง หมุนตัวจับร่างมันกระแทกกับผนังห้องมือบีบไหล่มันจิกเล็บลงไปบนเนื้อขาวสุขภาพดี

 

 

 

ปึก!

 

 

 

“ทำไมมึงไม่พูด!!!” ผมตะคอกมันเสียงดังลั่น คิดจะเล่นสงครามเงียบกับกูรึไง

 

 

 

“พี่เจ็บ ถ้าเต้ยรำคาญก็รีบไปหยิบใบเอกสารมา พี่จะนั่งรอตรงนี้ก็ได้”

 

 

 

อย่ามาตีหน้าเศร้าทำเป็นน้อยใจกู

 

 

 

“ไอ้แซม! กูความอดทนต่ำ วันหลังอย่าเงียบใส่ กูไม่ชอบ” ผมตอบกลับเสียงฉุน แซมเดาะลิ้นหันข้างให้

 

 

 

“พี่ไม่มีอะไรที่เต้ยชอบอยู่แล้วนี่ครับ”

 

 

 

“ก็รู้ตัว แล้วทำไมยังมาวุ่นวายกับกูไม่เลิกวะ”

 

 

 

“ก็พี่บอกจะจีบพี่ก็จีบ เต้ยไม่ชอบพี่ก็ไม่เป็นไร เพราะสักวันพี่จะทำให้เต้ยมาชอบพี่ทีละนิด เราจะเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ มันต้องมีสักอย่างที่พี่ทำให้เต้ยชอบได้บ้างแหละ” น้ำเสียงจริงจังกับแววตาที่มุ่งมั่นจ้องกลับมา

 

 

 

ผมเผลอสบตาคู่นั้นที่ทอดมองมาไม่มีแม้ความหวั่นไหว แววตามันมุ่งมั่นและสื่อว่าจะทำให้ได้ตามที่พูด ใจผมมันสั่นขึ้นมารู้สึกกลัวว่าสักวันมันจะทำสำเร็จ

 

 

 

ตุบ!

 

 

 

ร่างแซมล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อเต้ยปล่อยมือจากไหล่หนาพร้อมตั้งใจผลักให้รู้สึกเจ็บ เต้ยหมุนตัวเข้าห้องนอนไปหยิบเอกสารการเข้าค่ายมายื่นให้แซมสีหน้าเรียบเฉย เขามีสองใบ หนึ่งใบเอามาเตรียมให้ต้นข้าว แต่ช้ากว่าฟางที่เอาไปให้ตัดหน้าเพียงวันเดียว

 

 

 

“ได้แล้วก็กลับไป” ผมเอ่ยไล่กอดอกจ้องมันหน้าตึง แซมรับมาพับใส่กระเป๋ากางเกง

 

 

 

“อืม ขอบคุณครับ” แซมเดินไปทางประตูไม่มีอิดออด เต้ยรู้สึกอึดอัดเผลอระบายอารมณ์ลงกับโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ

 

 

 

“โอ๊ย!!” ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บ ยกเท้าขึ้นมากุมกระโดดเหยง ๆ ไปนั่งที่โซฟา แซมได้ยินเสียงร้องรีบเข้ามาดูก่อนมือจะได้แตะลูกบิด

 

 

 

“เต้ยเป็นอะไรครับ” แซมนั่งยอง ๆ จับเท้าที่เต้ยกุมขึ้นมาดู “ช้ำเลยนะครับ ถ้าปล่อยไว้นานจะบวมและเจ็บกว่านี้”

 

 

 

“เรื่องของกู ใครสั่งให้มึงเข้ามาอีก”

 

 

 

“อยากจะไล่ก็ไล่ แต่เต้ยเจ็บอยู่พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้น รอตรงนี้ก่อนอย่าเพิ่งดื้อนะ” แซมสั่งยกนิ้วขู่ เขาหายไปอีกห้องเดินกลับมาพร้อมกล่องพยาบาล

 

 

 

ผมมองหัวทุยของแซมที่ก้มหน้าจัดการข้อเท้าของผมที่สะบัดโดนขาโต๊ะเข้าเต็ม ๆ มือหนาที่คาดว่าจะหนักกลับเบาจนแทบไม่รู้สึกว่ามันทายาอยู่ หมอมันมือเบากันจังวะ

 

 

 

“พรุ่งนี้พี่จะเอายามาให้กินสำหรับเช้าเย็นนะ” แซมเอ่ยขึ้นหลังจากพันข้อเท้าเสร็จ เงยหน้าขึ้นมามองเต้ย

 

 

 

“อืม จะมาก็โทรบอกกูด้วย พรุ่งนี้ไม่รู้กลับกี่โมง”

 

 

 

….” แซมไม่ได้พูดอะไรนัยน์ตามองเต้ยนิ่ง คนถูกจ้องก็มองกลับเลื่อนสายตามาที่ปากสีออกชมพูน่าจูบ

 

 

 

ผมดำดิ่งสมองชาไปชั่วขณะ ทำไมตอนนี้รู้สึกอยากก้มลงไปจูบไปปากไอ้หมอ ทั้งที่ต้นข้าวก็ปากสีเดียวกันแต่ทำไมมองแล้วไม่หวั่นไหว ใบหน้ามันขาวใสไร้ที่ติ ผมยกมือสัมผัสลูบไล้แก้มนิ่มของมันเบา ๆ กลืนน้ำลายลอบมองริมฝีปากมันก่อนจะไล่มองมาทางต้นคอขาว ย้อนกลับขึ้นไปมองดวงตาที่สดใสและเศร้าหมองคราวเดียวกัน

 

 

 

“ช่วยเปิดใจรับพี่บ้างไม่ได้เหรอครับ” เสียงแผ่วแว่วกระซิบออกมากับสายลมที่พัดเข้าทางช่องหน้าต่าง ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มือเลื่อนไปประคองหน้ามันไว้ กว่าจะรู้ตัวปากผมก็จรดลงไปบนปากมันเรียบร้อย ความนุ่มและหอมในโพรงปากทำเอาเคลิ้มยากจะห้ามใจให้สอดลิ้นเข้าไปไม่ได้

 

 

 

แซมสอดมือไปรั้งท้ายทอยคนข้างบนให้ก้มลงมาแนบจูบมากขึ้น ผมขยุ้มเสื้อของมันเต็มกำมือผละริมฝีปากออกให้มันหายใจก่อนจะก้มลงไปใหม่ ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อข้อเท้ารู้สึกตึงจนเจ็บ รีบดันตัวมันออกก้มมองเท้าตัวเอง

 

 

 

“เจ็บ! ขามึงทับเท้ากู” ผมตวัดสายตาดุเอ่ยโทษมันที่เอาขามานั่งทับเท้าข้างที่พันผ้าขาวไว้

 

 

 

“พี่ขอโทษ เจ็บมากไหมครับ ไหนเอามาดู” แซมจับข้อเท้าประคองไว้ระดับหน้าเอียงซ้ายขวามองรอบ ๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แนบริมฝีปากผ่านใยผ้าช้อนตามองคนข้างบนที่สีหน้าตื่น

 

 

 

“เพี้ยง! หายไว ๆนะครับ”

 

 

 

“อะ ไอ้…” ผมหายใจถี่ชักเท้ากลับ มันทำอะไรวะ!

 

 

 

“พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาหา ฝันดีล่วงหน้าครับ คืนนี้ไม่ต้องรอโทรศัพท์นะครับ พี่ต้องทำรายงานทั้งคืน” แซมเอ่ยยิ้ม

 

 

 

“ใครจะไปรอวะ! มึงจะกลับก็กลับ กูไม่ไปส่งนะ” ผมร้องบอกเดินกระเผลกเข้าห้องนอน หันมาอีกทีก็เห็นหลังไว ๆเปิดประตูออกจากห้อง

 

 

 

ฟู่ว์ ทำกูใจเต้นเลย อันตรายมาก มันอันตรายกว่าที่คิด

 

 

 

 

 

 TBC.

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา