แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  48.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) ตอนที่ 27

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 27

 

 

 

ต้นข้าว

 

ฮ้าววว ง่วงกว่านี้มีอีกไหม

 

ผมนั่งพิงไหล่ไอ้เต้ยนอนซบมันอยู่นานสองนาที ไม่ใกล้ไม่ไกลก็มีสายตากดดันของไอ้หล่อที่ส่งมาเป็นระยะ ผมไม่เข้าใจว่ามันจะหวงผมอะไรนักหนา นอนก็ได้นอนห้องเดียวกัน

 

 “เมื่อคืนไปทำอะไรมา?”

 

“ห้ะ?!” ผมเงยหน้ามองไอ้เต้ยที่ก้มหน้าลงมาถามระยะใกล้ ผมลอบกลืนน้ำลายกระพริบตาถี่

 

“ก็ไปทำอะไรมา ถึงได้ง่วงขนาดนี้” ผมพยักหน้าน้อยหลับตานอนต่อ

 

แล้วกูจะตอบมึงยังไง >///<

 

“ฮัลโหล ๆ เทส ๆ เอาล่ะครับ เช้านี้พวกพี่จะแบ่งกลุ่มให้ก่อนนะ เริ่มจากน้องแว่นคนแรกเลย นับหนึ่งนับครับ เราจะนับกันไปเรื่อย ๆ จนถึงสี่ ฮั่นแน่… ห้ามสลับที่นั่งกันนะครับ ถ้าพี่เห็นจะให้ลุกขึ้นมาเต้นโชว์ด้านหน้า” เสียงพี่ต่างมหา’ลัยถือโทรโข่งเดินไปมาเพื่อบอกชาวค่ายให้รู้กันถ้วนหน้า

 

ผมลืมตายกมือทาบอกนั่งตัวตรง ไอ้เต้ยมันไม่ได้ซักไซ้ถามต่อแต่ยังเหล่มามองที่ช่วงคอ ผมมองตากระชับปกเสื้อให้เข้าหากันเมื่อรู้มันมองเห็นอะไร

 

“อืม อย่างนี้สินะ น่าอิจฉาจริง ๆ” มันพึมพำ แต่ผมเสือกได้ยินและอายมาก

 

อย่างนี้คืออย่างไหนวะ มึงคิดอะไรไอ้เต้ย

 

“พี่ครับ” เสียงคุ้น ๆ

              

“ว่าไง”

             

“ผมขอสลับที่ไม่ได้เหรอพี่ ผมขาดแฟนไม่ได้อ่า” สิ้นเสียงไอ้คนติดแฟน เสียงโห่แซวก็ตามมา พี่คนที่รับหน้าเป็นคนนำทีมถึงกับเหวอเกาหัวแกรก ๆ ผมอยากจะผลักหัวไอ้คนข้างหน้าออกแล้วมองว่าใครมันกล้าพูดวะ

 

“น้อง พี่ขอล่ะ กติกาเป็นกติกาครับ แล้วแฟนน้องคนไหนล่ะ?”

 

 “คนนี้พี่” ผมชะเง้อหน้ามองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าขาว ๆ ของมัน

 

“ไอ้บ้า! มึงหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ” มันคุ้นเว้ยยย

 

“ไม่ต้องอายครับ มันเป็นเรื่องปกติ แต่พี่คงให้ไม่ได้พะ…” พี่เขากำลังพูดเสียงโห่แซวก็ดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมชันเข่าขึ้นเพื่อมองมัน

 

เหี้ย! ไอ้สัสกิม มันหอมแก้มไอ้มิก

 

“ผมขาดแฟนไม่ได้จริง ๆ พี่ ถ้าพี่ไม่อยากให้แฟนผมอายไปมากกว่านี้ก็ยอมซะดี ๆ”

 

 “พี่ให้มันไปเหอะ!”

 

 “ยอม ๆ ไปเหอะพี่ ผมสงสารแฟนมัน ฮ่า ๆ ๆ”

 

 “แม่งใจชิบหาย” ไอ้เต้ยมันดึงตัวผมนั่งลงก่อนยกยิ้มพูดออกมา

 

“มึงไม่ตกใจ?!”

 

“กูรู้มาสักพักแล้ว แต่ไม่คิดว่าไอ้กิมมันจะกดไอ้มิกได้” ผมเห็นด้วย รูปร่างไอ้กิมมันบอบบาง ต่างจากมิกที่หนากว่าและดูทึกกว่า สิ่งที่ผมสงสัยคือ…มึงกดกันยังไง?

 

 “โอเคครับ งั้นน้องสองคนอยู่ทีมเดียวกันนะ พี่ไหว้ล่ะ ขอแค่สองคนนี้นะครับ” พี่คนนั้นยกมือขึ้น เสียงแซวก็ดังขึ้นล้อ ๆ สักพักก็เงียบไปเมื่อได้เวลาจริงจัง พวกเราก็นับเลขเริ่มจากคนแรกเพื่อจับกลุ่ม

 

......................................................................................................

 

แซม

 

ผมนั่งมองเต้ยจากมุมหนึ่งของแถว รอยยิ้มนั้นส่งให้ต้นข้าวก่อนเลยมามองผมด้วยสีหน้าที่ปรับเป็นเรียนนิ่ง รอยยิ้มเก้อค้างบนหน้าหล่อหุบลงใบหน้าหมดหวัง

 

 ทำไมเต้ยไม่เปิดโอกาสให้พี่บ้าง

 

เมื่อหนุ่มแว่นเริ่มนับและคนอื่นนับต่อเรื่อย ๆ ผมก็ยกนิ้วไล่ดูจนมาถึงที่นั่งตัวเอง เสียดาย ไม่ได้อยู่กับเต้ย แต่ได้อยู่กับต้นข้าวแทน เต้ยแสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อผมเดินเข้าไปนั่งต่อแถวหลังต้นข้าวเมื่อเรียกรวมทีม

 

“พี่แซมอย่าทิ้งข้าวนะครับ” น้ำเสียงอ้อนของต้นข้าวยังน่ารักเสมอ ผมเผลอคลี่ยิ้มมองหน้าสดใสของรุ่นน้อง

 

ถ้าต้นข้าวไม่มีคนนั้นอยู่แล้ว พี่คงจะไม่พยายามตัดใจแบบนี้

 

“ครับ ใครจะกล้าทิ้งคนน่ารักกัน”

 

  “ข้าวก็หล่อบ้างนะ” ต้นข้าวแบกปากช้อนตามองผมงอน ๆ ผมยกมือลูบหัว

 

“น่ารักมากกว่า”

 

“พี่แซมอ่า โอ๊ะ! วันนี้กูโดนแน่” ผมหันไปมองกลุ่มด้านข้างที่ต้นข้าวมองเลยไป เพทายส่งสายตาดุมาเตือนตัวเล็ก หึ ผมได้ชื่อใหม่ให้เด็กคนนี้แล้ว อืม ตัวเล็กน่ารักดี

 

“ว่าไงนะครับ” ผมแกล้งถามไม่ได้ยินที่ตัวเล็กพูด

 

“ห้ะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

 

ร่างสูงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเต้ยยกมือขอไปเข้าห้องน้ำ วันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย แม้จะอยู่ห้องเดียวกันแต่อีกคนก็หลีกเลี่ยงจะพูดคุยด้วยเสมอ เมื่อได้โอกาสก็ไม่รอช้าที่จะขอเดินตามไป

 

“เต้ย” ผมเรียกชื่อ เต้ยหันมามองก่อนจะหันกลับไปเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำ

 

“ตามมาทำไม”

 

“พี่ไม่ได้ตาม พี่ก็มาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน” ผมยิ้มน้อยเมื่ออีกคนหน้าเหวอไล่สายตามองตามผมที่เดินเข้าห้องน้ำห้องหนึ่ง

 

“ก็ดี ขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด” เสียงเต้ยพูดไล่หลังมา

 

เสียงน้ำไหลจากห้องข้าง ๆ ดังขึ้น ผมลุกขึ้นยืนเปิดฝาชักโครกที่นั่งทับขึ้น มือกดชักโครกเหมือนเพิ่งธุระเสร็จ เดินออกมาล้างมือเห็นเต้ยกำลังจะเดินออกไปรีบคว้าตัวเต้ยเอาไว้ประตูกดล็อกลงกลอน

 

“ทำอะไร” ผมผลักเต้ยติดกำแพงมือคำผนังกั้นทางหนี เต้ยถามผมเสียงเรียบนิ่ง

 

“เมื่อไหร่เต้ยจะเปิดโอกาสให้พี่บ้างครับ ต้องทำยังไง?” เสียงที่อ่อนล้าเอ่ยถาม

 

  “....................เมื่อ...มึงไม่เห็นกูเป็นตัวแทนของใคร”

 

.........................................................................................

 

เต้ย

 

ผมผลักแซมออกยืนมองหน้ามันตรง ๆ “กูไม่คิดจะตัดใจจากต้นข้าว แต่ก็ไม่คิดจะแย่งของใคร” ถ้าสักวันเพทายทำคนที่ผมรักเสียใจ ผมก็พร้อมจะเข้าไปดูแลอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก

 

“พี่ไม่เคยเห็นเต้ยเป็นตัวแทนใคร เต้ยจะรอต้นข้าวไปเพื่ออะไร เมื่อเขามีเจ้าของแล้ว” แซมพูดเสียงจริงจัง แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่คำตอบที่ดี มันกำลังโกหกตัวเองและลังเล

 

“มึงบอกว่าชอบกู จะจีบกู แต่นั่นมันหลังจากที่มึงรู้ว่าต้นข้าวคบใคร” ผมยกมือบีบคางมัน “ไหนมึงบอกกูมาสิว่ากูควรคิดยังไง...ถ้ายังจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ก็อย่ามาเล่นกับกู”

 

“เต้ย...”

 

“ที่กูพูดมันถูกใช่ไหม หึ กูบอกแล้วว่ากูรักต้นข้าว แต่กูไม่คิดจะหยุดตามหาคนอื่น กูเปิดโอกาสให้ทุกคนและเก็บต้นข้าวไว้ในใจไปพร้อม ๆ กัน นั่นคือ...ถ้าเขารับข้อนี้ไมได้ กูก็ไม่คิดจะมีใครอีก”

 

“เราไม่สามารถรักใครสองคนได้ในเวลาเดียวกัน” มันยังเถียงออกมาเสียงอู้อี้

 

“มึงไม่เข้าใจสินะ”

 

ผมก็เหมาะแล้วที่จะอยู่คนเดียว เต้ยปล่อยมือจากคางแซมมือเลื่อนไปเปิดประตูก่อนจะเดินออกไป แซมยืนนิ่งค้างจัดการกับความคิดของตัวเอง มือลูบหน้าหล่อเมื่อเริ่มเข้าในสิ่งที่เต้ยพยายามสื่อ

 

เต้ยพูดถูก พี่ยังลังเล

 

....................................................................

 

เพทาย

 

“อ้า เหนื่อยจัง” ต้นข้าวนอนแผ่หลาเมื่อเราเข้ามาในห้องหลังจากกิจกรรมวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ผมดึงเสื้อออกเขวี้ยงทิ้ง ตามมาด้วยกางเกงขายาว

 

 “มึงจะอาบน้ำ?”

 

 “เออ กูร้อน พี่เขานัดกี่โมงนะเมีย”

 

“หกโมงกว่า เหลืออีกตั้งสองชั่วโมง กูนอนสักหน่อยดีกว่า”

 

ต้นข้าวพลิกตัวนอนคว่ำหลับตาลง ผมกระตุกยิ้มกระโดดทับแผ่นหลังบางมือรวบเอวมันมากอดไว้ซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นที่ชื้นเหงื่อ

 

“อ้ากกก มึงมากนอนทับกูทำไม หนักเว้ย”

 

“ทำเป็นหนัก ที...ยังไม่เห็นบ่นสักคำ ร้องแต่ อ้า ๆ ๆ แรง ๆ เลยหล่อ” ผมแกล้งส่งเสียงกระเซ่ากัดใบหูเล็กที่เริ่มแดง

 

“อื้อ~ ไอ้ทะลึ่ง”

 

“ก็ผัวมึงครับ” ผมขบกัดคอขาว ต้นข้าวดิ้นมือยันเตียงจะลุกขึ้น แต่ท่านี้มันยิ่งให้เรายิ่งแนบชิดกันมากขึ้น

 

ตอนแรกก็แค่แกล้ง ตอนนี้มัน...อื้ม...

 

ก่อนที่ผมจะกระทำชำเราเมียที่น่าฟัดเสียงโทรศัพท์ก็ดังเป็นกระดิ่งเคาะช่วยชีวิตเมียเอาไว้ ต้นข้าวพลิกตัวดันร่างผมนอนข้าง มือคว้าโทรศัพท์หัวเตียงมากดรับ

 

“ครับ”

 

(พี่ข้าว ไปค่ายกันเหรอครับ เห็นพี่เพบอกมา เมื่อวานลมโทรไปหาพี่เพ)

 

ผมนอนหนุนแขนตัวเองเอียงข้างหันหน้ามาทางต้นข้าว มันเหล่มองผมสายตาดุ เอ้า กูผิดอะไรก่อน? แล้วใครโทรมาวะ?

 

“อะไร?” ผมถาม

 

“อืม ลมมีอะไรรึเปล่า” ผมตบหน้าผากตัวเอง ไม่รู้จะหึงหรือสงสารตัวเองดี ก็ไอ้เด็กนี่มันไม่รู้จะเอาใครระหว่างผมกับต้นข้าว

 

“ลาครับเรื่องนี้ เมียจัดการไปเลย” ผมพลิกตัวหนีมือโบกขึ้นก่อนพูด ต้นข้าวมันกระชากตัวผมกลับ

 

“ลมมีเบอร์มึงได้ยังไง?” มือบางปิดโทรศัพท์ถามผมเสียงเข้ม

 

“เค้าไม่รู้” ผมซุกหน้าลงกับหน้าท้องขาว “เค้าไม่อยากให้ตัวคิดมากเลยไม่ได้บอกครับ เมื่อวานเค้าด่ามันไปด้วย” รีบฟ้องก่อนครับ เดี๋ยวโดนตีนเมีย

 

ต้นข้าวมันตบคอผมดังเพี้ยะ มือบีบคอผมแน่น ผมกอดเอวสอบที่ไม่หนามากกระชับเบา ๆ

 

(พี่ข้าว ยังอยู่ไหมครับ)

 

“อืม พี่มาค่ายอ่า แล้วลมโทรหาแฟนพี่ทำไมครับ เบอร์พี่ก็มี”

 

(...ก็ลมอยากลองโทรดูว่าเป็นเบอร์พี่เพทายจริงไหม ไม่ได้เหรอครับ? หรือพี่ข้าวไม่พอใจ)

 

“พี่ก็สมควรไม่พอใจนะครับ แฟนพี่ พี่หวงเหมือนกัน ฮ่า ๆ” ผมลุกขึ้นนั่งกดหน้ามันให้ซุกอยู่กับอก ต้นข้าวตัวสั่นเพราะมันกำลังโมโห ถึงจะรู้สึกดีแต่ก็อยากให้มันเครียด

 

(หืม ผมน้อยใจนะเนี่ย แต่ก็...อยากจะได้...และต้องได้ หึ)

 

“อยากได้สิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองระวังจะโดนเจ้าของเขากัดเอานะ พี่แค่เตือนด้วยความเป็นห่วง” ผมหมดความอดทนรู้สึกชื้นหน้าอก มือกดตัดสายมันทิ้งจับหน้าขาวให้เงยขึ้น ต้นข้าวน้ำตาคลอนัยน์ตาสั่นระริก

 

“ถ้าไม่ชอบกูจะจัดการเอง” ผมก้มลงจูบมือลูบแก้มนวล ผละหน้าออกเมื่อมือเล็กกระตุกแขนเสื้อ

 

“กูไม่ชอบ กูหวงมึง”

 

“ครับ เพก็หวงข้าวเหมือนกัน แต่ไม่ต้องกลัวนะ เพรักข้าวคนเดียว รักแค่เมียขี้อ้อนคนเดียวครับ”

 

“ฮึก...กูไม่ชอบ ไม่ชอบ! ไอ้เหี้ย! กูโคตรหวงมึงเลยหล่อ” ไปแล้วเมียผม ต้นข้าวมันสะอื้นมือก็ทุบอกผมเป็นที่ระบายอารมณ์

 

“ไม่ต้องไปทำแล้วนะ กูจะบอกเหตุผลพี่เตกับพี่พิมเอง ถ้ามึงลำบากใจจะพูด”

 

“ไม่เอา ถ้าคนมันคิดจะแย่ง ต่อให้เราหนีมันก็ต้องหาวิธีแย่งจนได้”

 

“แล้วจะให้เพทำยังไงครับ หืม”

 

.................................................................................

 

ต้นข้าว

 

ผมคิดว่าเสียงในยามนี้มันน่าอบอุ่นนัก ไม่อายที่จะบอกว่าหวง ไม่อายที่จะบอกว่าผมรักมันแค่ไหน ถ้ามีใครมันมายุ่งกับสิ่งที่เป็นของเราใครบ้างจะไม่หวงหรือรู้สึกอะไรเลย แต่ผมก็ไม่อยากงี่เง่าออกมาให้หล่อมันเบื่อ

 

“กูเชื่อใจมึง แต่แค่กูไม่ชอบ มึงเข้าใจไหม”

 

“ทีนี้เข้าใจความรู้สึกเพยังครับ ว่าเวลาที่ใครมายุ่งกับข้าว เพคิดยังไง” ผมพยักหน้าอยู่กับอกแกร่ง มือหนาลูบศีรษะผมกอดปลอบโยน มันโยกตัวผมเหมือนโอ๋เด็กที่ร้องไห้โยเย

 

“ถ้าเพไม่คิดจะนอกใจ ต่อให้มีโอกาสสักกี่ครั้งเพก็จะไม่ทำ ไปอาบน้ำกันนะ คุยไปอาบไปดีไหมครับ” เสียงอ่อนของมันหลอกล่อผมให้ติดกับ ก็เกือบจะเผลอพูดว่าอือ ถ้าไม่ฉุกคิดได้ซะก่อนว่ามันพูดอะไรเมื่อกี้

 

“ไอ้หล่อ!” ผมผลักตัวมันออกตบไหล่หนาเต็มแรง

 

“เจ็บ! มือหนักว่ะเมีย” ทีนี้ล่ะโหมดซาตานเลย ผมบิดหูไอ้หล่อกัดฟันพูดเสียงเข้มต่อ

 

“คิดจะทำอะไรลามกอีกแล้วใช่ไหม ห้ะ!”

 

“ก็ใช่! ก็ผิดไหมล่ะ เกิดมาน่ารักน่าฟัดทำไมล่ะ” ความผิดผมอีก ผมด่ามันแต่ก็อมยิ้มไปด้วย ไอ้หล่อมันคว้าผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำไม่วายหันมาตะโกน

 

“ไม่ล็อคนะเมีย อยากเข้ามาแจมก็มา”  

 

ไม่เว้ย

 

ผมปฏิเสธตัวเองในใจแต่ขาก้าวลงเตียงวิ่งตามไอ้หล่อเข้าไปฟันกับมันต่อในห้องน้ำ เสียงโหวกแหวกวายวายของผมดังลั่นก่อนจะเงียบหายไป

 

………………………………………………………………………

 

ต้นน้ำ

 

“พีชครับ” ผมก้มหน้าลงกระซิบข้างหู พีชเอียงหน้าหลบ ผมแตะริมฝีปากลงไปจูบซับเบา ๆ

 

“อะ อะไร”

 

“ได้เวลาอาบน้ำแล้วนะ” ผมแกล้งเป่าลมร้อนใส่ซอกคอ “พร้อมยังครับ” พีชเม้มปากก้มหน้างุด

 

“อื้ม ก็อาบสิ พีชมองไม่เห็นจะอาบยังไงเล่า”

 

“หึ อยู่นิ่ง ๆ ตรงนี้ก่อนนะ น้ำเข้าไปผสมครีมอาบน้ำให้ก่อน” ผมลุกขึ้นยืน หันมามองพีชที่นั่งตัวตรงไม่ขยับไปไหน หันกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ

 

 เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเตือนขึ้นโชว์ข้อความที่หน้าจอ เป็นน่านฟ้าที่ส่งข้อความมาถามถึงอาการพีชและอ่านคร่าว ๆ ว่าจะมาเยี่ยมในวันพรุ่งนี้ เห้อ พรุ่งนี้ผมมีเรียนซะด้วยสิ

 

“แล้วไม่มีเรียนรึไง มาดูพีช ที่จริงพีชอยู่บ้านตัวเองก็ได้นะ คนอยู่แยอะเลย” ผมวักน้ำลาดลงบนแผ่นอกขาวที่นอนเล่นในอ่าง

 

 “ก็มี แต่ถ้าพีชอยากจะอยู่บ้านน้ำก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่น้ำแค่อยากอยู่ที่นี่กับพีชเท่านั้นเอง”

 

 “…พีชเป็นภาระ…รึเปล่า”

 

“ไม่ครับ แต่แค่ต้องหาคนมาดูตอนน้ำไม่อยู่” พูดไปก็คิดไป จะไปหาคนที่ไว้ใจได้ที่ไหนกัน

 

“อืม เรื่องนี้น่านก็คุยกับพีชอยู่นะ เพราะน้ำต้องเรียนใช่ไหมล่ะ น่านก็บอกถ้ายังไงโทรไปบอกก็ได้ เดี๋ยวน่านจะมาดูเอง น้ำว่าดีไหม?”

 

ไม่ดี ถึงจะบอกว่าเคยชอบแต่ตอนนี้ก็อาจจะยังชอบอยู่

 

“ก็แล้วแต่พีช” ผมใช้ใยบวบขัดไปตามเนื้อขาวจากแขนยันบ่ากว้าง ผิวพีชเนียนและลื่นมืออย่างกับผู้หญิง จมูกโด่งสูดดมความหอมเบี่ยงหน้าหนีมือวางใยบวบลง

 

“ข้างล่างพีชจัดการเองได้” พีชมือปัดป่ายมาแตะแขนผม ผมหลับตาลงข่มอารมณ์บางอย่างที่ปะทุขึ้น

 

“พีช…”

 

“หืม”

 

“เรามาทำกันไหม?!” ชิบ ผมพูดอะไรออกไป ไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ พีชอ้าปากเหวอปล่อยมือที่แตะแขนผมล่วงลงในอ่าง

 

“นะ…น้ำ…”

 

 

 

TBC.

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา