แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  48.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) ตอนที่ 26

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 26

 

 

 

เพทาย

 

ผมพลิกตัวมาอีกฝั่งมือควานหาร่างนุ่มนิ่มที่กอดเมื่อคืน ตุบ ๆ ว่างเปล่า ต้นข้าวหาย เพทายขยี้ตางัวเงียอ้าปากหาวออกมาลืมตามองที่นอนที่ไร้อีกคน ได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำก็เบาใจนอนหลับตาต่อ

 

แปะ ๆ

 

“หล่อตื่น ไอ้หล่อ! ตื่นเลยนะเว้ย” ต้นข้าวนั่งลงตบหน้าคนรักปลุกให้ตื่น เพทายบิดตัวพลิกตัวหนีไปอีกฝั่ง

 

“เพทาย มันเก้าโมงแล้ว กูหิวข้าว”

 

“อืม ก็ไปสั่งไว้ก่อน ขออีกสิบนาที” ผมง่วงมากครับ เมื่อคืนเสียพลังงานไปเยอะ โดนเมียขย่มใส่เนื้อตัวมันร้อนพลุ่งพล่านจัดไปเบา ๆ ยันตีห้า มันเจ็บแต่ผมเหนื่อย เอามันทุกที่ตั้งแต่เตียงยันห้องน้ำ เลยไปโต๊ะรับแขกก็ไม่เว้น

 

“ไม่เอา กูก็ง่วง อยากกินแล้วนอนต่อ” ไม่นอนก็เก่งแล้วเมีย ผมขยี้หัวตัวเองลุกขึ้นนั่ง ต้นข้าวหาวหวอดน้ำตาซึม

 

จุ๊บ~

 

 ผมจูบปิดปากมันดันร่างบางนอนราบไปกับเตียง แทรกข้างไปตรงกลางเบียดตัวเข้าหาก่อนมือซุกซนจะสอดเข้าไปใต้เสื้อบี้หัวนมมันเล่น

 

“มอนิ่งคิสครับ” ผมหอมแก้มมันฟอดใหญ่เดินไปคว้าผ้าเดินโทง ๆ เข้าห้องน้ำ

 

สิบโมงกว่าผมกับต้นข้าวลงมาหาอะไรกินข้างล่างคอนโด เรากลับมาอยู่คอนโดกันถาวร เปลี่ยนกับเฮียพีชที่ไปอยู่บ้านคุณต้นน้ำ ผมไม่ถนัดเรียกพี่ต้นน้ำแบบต้นข้าวจึงขอเรียกคุณไปเรื่อย ๆ  เฮียเพลงจะให้กลับไปนอนบ้านแต่ผมบอกไว้วันหลัง นอนคอนโดก็เหมือนนอนบ้าน เพราะสไตล์การจัดห้องมันเหมือนกันเป๊ะ

 

“เช้านี้ซื้อของจัดไปค่ายกัน กูไม่อยากออกตอนเย็นรถติด คนเยอะ”

 

 “อะไร? กูบอกตอนไหนว่าให้ไป” ผมถามขึ้นระหว่างนั่งรอของหวาน ต้นข้าวนั่งเท้าคางอยู่ฝั่งตรงข้ามมือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบแผ่นกระดาษที่พับสองทบส่งให้ผมคลี่ออกดู

 

‘ข้าพเจ้า นายพัฒนากร สวรรยา ยินยอมให้ นายตฤณ เหมันต์ไปร่วมเข้าค่ายอาสานักพัฒนาในวันที่ xx เดือน xx ปี xxxx โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าข้าพเจ้าไม่ยินยอมอย่างที่ว่าข้างต้นจะขอรับผิดทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว ขอรับรองว่าข้าพเจ้ามีสติสัมปชัญญะทุกอย่าง

 

ผมไล่มองลงลายมือชื่อเป็นหมึกปั๊มสีน้ำเงินลายนิ้วของผมจริง แสดงว่าไอ้ที่ผมรู้สึกเย็น ๆ ที่นิ้วโป้งตอนหลับก็ไม่ใช่ฝันแต่เป็นเมียแสนเจ้าเล่ห์ที่มันใช้วิธีสกปรกให้ผมยอม

 

“เมีย มึงมันขี้โกงเล่นกูตอนหลับ ไหนที่ว่าข้าพเจ้ามีสติสัมปชัญญะทุกอย่าง มึงแม่ง…”

 

“อะไร มึงอย่ามาเถียงกูนะหล่อ ดู ๆ มีลายนิ้วมือมึงลงชื่อแล้ว ไม่ต้องคิดจะฉีกทิ้งด้วยกูมีสำรองอีกเยอะ”

 

อ้ากกก!!! เมียฉลาด

 

ผมงับช้อนปากแบะมองมันหน้าเหมือนตูด สรุปพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปค่ายใช่ไหม โถ เลี่ยงมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนโดนเอา ถึงว่าเมื่อคืนยอมออนท๊อปให้ มันคือแผนหลอกล่อให้ผมติดกับ

 

 “อยากไปอะไรนักหนา น้ำตกกูพาไปก็ได้”

 

“ไม่เหมือนกันครับหล่อ ฟิวริ่งมันไม่ใช่ ตกลงว่าไง ไปซื้อกันตอนเช้าเนอะ” ผมจะทำอะไรได้พยักหน้าหงึก ๆ เมียใจดีรับถ้วยของหวานที่เพิ่งวางลงตักจ่อปากป้อนถึงที่ ตบหัวแล้วลูบหลัง

 

“ไม่กิน กูงอนมึงมากนะต้นข้าว”

 

“อย่าทำหน้าแอ๊บ มันไม่เข้ากับมึงว่ะหล่อ ไม่กินใช่ไหม งั้นกูกินเอง” ผมคว้ามือบางเอาไว้อ้าปากงับขนมหวานเข้าไปเคี้ยวตุ้ย ๆ มันยกมือลูบหัวไม่ต่างกับไอ้เดวิล สุนัขไอ้พี่ตี๋สักเท่าไหร่ ทำไมผมถึงรู้ ก็วันนั้นพี่ตี๋เอามาเรียนด้วยไง กำลังน่ารักน่าฟัดเลย ว่าจะซื้อมาเลี้ยงคู่กับต้นข้าว หึ

 

“เมีย เค้าอยากซื้อบลูล์ด็อกมาเลี้ยงสักตัวว่ะ” ต้นข้าวมองสายตาดูถูก

 

“มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนไหม เลี้ยงสุนัขมึงต้องมีเวลาให้มันด้วยนะ”

 

“ให้ป๋าเลี้ยงให้ก่อนไง เราก็กลับบ้านไปดูมันบ้างเวลาว่าง ๆ อ่า”

 

“อืม แต่กูอยากเลี้ยงไซบีเรียนมากกว่า เท่สุด ๆ” ผมส่ายหน้าบ่นพึมพำ

 

“เลี้ยงอะไรไม่เข้ากับหน้าตัวเองเล้ย”

 

“มึงว่าไงนะหล่อ” ต้นข้าวจ้องหน้าเมื่อได้ยินเพทายบ่นอะไรสักอย่าง

 

“เปล่า ไซบีเรียนหน้าเหมือนมึงดี เฮ้ย! ไม่ใช่” ผมเริ่มหน้าซีดเจอสายตาดุมองเข้าให้

 

“มึงว่าไงนะ!”

 

“ขอโทษครับเมีย เค้าจะบอกว่าถึงมันจะดูโหดแต่จริง ๆ มันขี้เล่น น่ารัก มุ้งมิ้งเหมือนเมียเค้าเลย เนอะ ๆ” ช่วยเออออตามกูหน่อยเหอะ ไม่อยากโดนเมียฆ่าตาย

 

“กูไม่ใช่คนบ้ายอ แต่ก็นะ…ก็จริงอยู่ ไป ๆ รีบไปเหอะหล่อ สายแล้วแดดออกกูร้อน” ผมแบะปากมองต้นข้าวสายตาจิกมากครับ แต่พอมันหันมาเห็นก็รีบส่งยิ้มให้แทบไม่ทัน

 

กูกลายเป็นคนกลัวเมียตั้งแต่เมื่อไหร่

 

“ยิ้มอะไร ไปจ่ายเงินสิครับรออะไร หรือจะให้กูออก” ต้นข้าวหยิบกระเป๋าเงินออกมาทำท่าจะจ่าย ผมรีบชิงตัดหน้าเดินไปชำระค่าอาหารที่เคาน์เตอร์

 

“เมีย เค้าว่าตัวไม่ต้องไปทำงานแล้วนะ เมียคนเดียวเค้าเลี้ยงได้” ผมพูดกับมันถึงสิ่งที่นั่งคิดเมื่อคืน เป็นเพราะไอ้เด็กลมด้วยแหละ ถึงมันจะทำทีว่าถูกใจผม แต่สายตามันบางครั้งก็มองต้นข้าวเหมือนอยากจะได้ด้วย

 

“ไม่เอา มึงก็ใช้เงินป๋าอยู่อย่ามาพูดว่าเลี้ยงกูได้” ต้นข้าวยกน้ำขึ้นดูดสะพายกระเป๋าลุกขึ้นยืน

 

“ไม่ใช่เลย เงินนี้เค้าหามาเองเหอะ เค้าช่วยป๋าทำงานนะครับ”

 

“จริง?” ผมพยักหน้า ต้นข้าวมันตบไหล่ผมเดินนำไปทางประตูทางออก ผมเดินตามจับมือมันมาประสานกันไว้แกว่งแขนไปมา

 

“ก็ดีแล้ว เป็นแฟนกูต้องหัดช่วยตัวเองเข้าใจไหม” ผมเปิดประตูรถฝั่งคนขับแทรกตัวเข้าไป ต้นข้าวนั่งคาดเข็มขัด

 

“ช่วยตัวเองทำไมเมียก็มี” เข้าใจที่มันพูดนะ แต่อยากกวนตีนไปด้วยไง เวลามันอายน่ารักดี

 

“หล่อ มึงจะโดนกูกระทืบตายสักวัน” ทำมาเป็นพูดเสียงเข้ม ผมรู้หรอกว่ามันเขินอยู่ นิ้วเรียวเขี่ยแก้มคนรักสะกิดเบา ๆ เชิงหยอกล้อ ต้นข้าวถลึงตาใส่

 

“เขิน ๆ อย่ามาโหดกลบเกลื่อนครับ”

 

“ไอ้หล่อ! หยุดแกล้งกูได้แล้ว ใครเขิน ไม่มีเว้ย!!” ต้นข้าวโวยวายหันหน้าไปทางอื่น

 

“ไม่เขินแล้วหน้าแดงทำไม หึ จะไปซื้อที่ไหนล่ะคุณชาย สารถีพร้อมจะขับไปทุกที่” ผมเปลี่ยนเรื่องกลัวโดนมันตบ เห็นตัวเล็ก ๆ มืออย่างหนัก

 

“ไปตลาดได้ไหมวะ ของห้างแพงกว่าข้างนอกเยอะเลย”

 

“แพงกว่าแต่มันดีกว่านะ เสื้อตัวนึงเค้าซื้อไปใส่ได้นานกว่าซื้อข้างนอกอีก คิดดูดี ๆ ว่าซื้อข้างนอกสามตัวต่อเดือนเท่ากับในห้างตัวเดียว แต่บางทีเค้าก็ซื้อข้างนอกบ้างเวลาเจอตัวไหนถูกใจ”

 

“ตกลงมึงจะบอกว่าในห้างดีกว่าใช่ไหม?”

 

“ก็ไม่ทั้งหมดหรอก อย่างว่าพวกของมีแบรนด์ก็แพงอยู่แล้ว ตามใจเมียครับ”

 

“อืม งั้นไปข้างในก็ได้ แดดมันร้อนกูไม่ค่อยชอบ ถ้าตอนเย็นก็ว่าไปอย่าง” ผมก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว เหตุผลเพราะมันร้อนเนี่ยแหละ ต้นข้าวไม่ใช่คนช่างสำอาง แต่เวลาร้อนก็บอกว่าร้อน ไม่ไปก็คือไม่ไปตามที่ใจคิด

 

……………………………………………………………………

 

พีช

 

ผมกลัวความมืดที่อยู่รอบตัว ไม่มีแสงไฟสักดวงส่องเข้ามา ทุกอย่างมันมีแต่สีดำและเสียงที่ดังก้องอยู่รอบกาย ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นไปดูได้ว่ามันคือเสียงของอะไร มีเพียงมืออุ่นของต้นน้ำที่กุมเอาไว้เกือบตลอดเวลา ในความโชคร้ายมันก็ยังมีสิ่งดีเกิดขึ้น แม้ผมจะเสียใจอยู่ไม่น้อยที่จิมตาย  แต่ก็รู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องมาคอยระแวงเพื่อนคนนี้อีก ไปดีนะจิม พีชให้อภัยจิมทุกอย่าง

 

ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างวูบหนึ่ง จิมรับรู้แล้วสินะ ผมได้ยินเสียงต้นน้ำเดินไปปิดหน้าต่างก่อนจะดึงผ้าห่มผมขึ้นปิดมิดคอ

 

“หนาวไหมพีช?”

 

“ไม่ครับ น้ำกินอะไรบ้างยัง ตั้งแต่เช้าพีชยังไม่เห็นน้ำไปไหนเลย” ผมอดจะห่วงไม่ได้ บางทีก็น้อยใจตัวเองว่าเป็นภาระของน้ำรึเปล่า

 

“น้ำไม่ค่อยหิว พีชหิวรึเปล่าล่ะ?”

 

“เพิ่งจะกินไปเองนะ น้ำไปหาอะไรกินเลย พีชอยู่คนเดียวได้” มีความอุ่นเกิดขึ้นที่หลังมือ เป็นใบหน้าของต้นน้ำที่แนบลงมาเบา ๆ

 

“ไม่ครับ น้ำจะอยู่กับพีชตลอดเวลา” ผมยิ้มมือปัดป่ายมาลูบโครงหน้าของต้นน้ำ เขาใจดีจัง

 

“งั้นก็สั่งเข้ามานั่งกินในห้อง วันไหนพีชถึงจะกลับได้นะ?”

 

“อืม…ที่จริงวันนี้ก็ได้ แต่คุณท่านอยากให้หมอดูอาการอีกหนึ่งวัน พีชไปอยู่บ้านน้ำนะ น้ำขอคุณท่านแล้ว”

 

ผมใจเต้นแรงที่ได้ยินคำชวนของคนที่ผมรอคอยมาตลอด ผมคิดว่าสักวันเราจะได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน นอนด้วยกัน และดูแลกันไปตลอดชีวิต แต่อีกวูบก็คิดว่าที่ต้นน้ำมาทำดีด้วยเป็นเพราะผมเสี่ยงชีวิตเอาตัวไปช่วยเขารึเปล่า แต่ไม่ว่ามันจะมาจากเหตุผลไหน การที่เราได้อยู่ด้วยกันมันก็มีความสุขแล้ว

 

“น้ำ พีชขออะไรอย่างได้ไหม?”

 

“อืม ว่ามาสิ”

 

“น้ำเลิกกีดกันเพกับข้าวได้ไหม พีชอยากให้น้องมีความสุข” จากเมื่อวานที่เพทายมาเยี่ยม ผมก็ไม่แน่ใจว่าน้ำยังคิดจะกีดกันอยู่ไหม แต่ผมก็ร้องขอออกไป รับปากไว้แล้วว่าจะช่วยน้อง ยังไงผมก็ต้องช่วย

 

“พีช…น้ำปล่อยเรื่องนี้ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พีชไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้น้ำคิดแค่เรื่องของพีช ส่วนเรื่องต้นข้าว น้ำคงต้องฝากน้องพีชช่วยดูอีกแรง น้ำเชื่อว่าเพทายต้องดูแลต้นข้าวได้ดี” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบผมกระชับมือบีบให้คลายกังวล

 

แกร๊ก

               

ผมได้ยินเสียงประตูถูกเปิดเข้ามา น้ำปล่อยมือผมเสียงฝีเท้าเดินไปหาคนที่เข้ามาใหม่ ผมได้ยินเสียงเล็กของผู้หญิงพูดกับต้นน้ำ คงจะเป็นพยาบาลที่ทำหน้าที่ดูแลห้องผม

 

“ได้เวลาเช็ดตัวแล้วค่ะ” ผมไม่ได้ป่วยทำไมต้องเช็ดตัว ไม่เอานะ ผมไม่อยากให้เธอมายุ่งกับร่างกายเลย

 

“เดี๋ยวผมทำเองครับ”

 

“จะดีเหรอคะ?”

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลได้ แล้วนี่ยาหลังอาหารกลางวันใช่รึเปล่า?” ต้นน้ำมองยาที่อยู่บนถาดสีเงิน

 

 “อ๋อค่ะ นี่เป็นยาหลังอาหารกลางวัน ส่วนซองนี้หลังอาหารเย็นนะคะ”

 

ความหงุดหงิดก่อขึ้นในใจเมื่อมันเนิ่นนานเกินไป เสียงพูดคุยแว่วเข้ามาได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือจับราวเหล็กข้างเตียงจะลุกขึ้นนั่งแต่พลาดท่าเวียนหัวล้มลงไปหัวฟาดของเตียงด้านบน

 

เจ็บจัง โอ๊ย! ปวดหัว

 

“ถ้าอย่างนั้นอาหารมื้อเย็นจะรับเป็นอะไรดีคะ เรามีให้เลือกทานสองชุด?” เสียงนางพยาบาลยังคงชวนต้นน้ำคุยไม่หยุด อีกฝ่ายก็พยายามจบประโยคหันมามองเห็นร่างใหญ่ยกมือกุมหัว ไม่สนใจจะตอบวิ่งเข้ามาดูคนป่วยทันที

 

“เป็นอะไรทำไมไม่เรียกครับพีช” ก็มึงมัวแต่จีบสาวไง ผมหันหน้าหนีไม่ตอบมัน

 

“พีช น้ำถามครับ” ต้นน้ำถอนหายใจมือปัดมือพีชออกก้มหน้ามาดูที่หัว เห็นก้อนเนื้อปูดเล็กน้อยเอายาหม่องที่พกติดตัวมาแตะลงเบา ๆ

 

“ทำไมไม่คุยต่อล่ะ ไม่ต้องมาสนใจพีชก็ได้นะ” ผมพูดมันออกไปแล้ว เสียงต้นน้ำเงียบไปพร้อมสัมผัสที่หัวก็หายไป หรือน้ำจะไปหาพยาบาลคนนั้นจริง

 

สุดท้ายน้ำก็ทิ้งพีช

 

พรึ่บ

 

ผ้าห่มผืนบางถูกดึงออก ผมหดตัวหนาวเมื่อลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศเป่าลงมาโดนร่างกายที่สวมเพียงเสื้อผ้าบาง ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีน้ำเย็น ๆ มาแตะที่แขนข้างขวา ต้นน้ำไม่ได้หายไปไหน เขาไปเอาน้ำใส่กะละมังมาเช็ดตัวให้

 

เรามันคิดมากไปเองอีกแล้วนะ

 

“เช็ดตัวและก็กินข้าวกินยานะพีช ที่น้ำคุยนานเพราะจะถามอาการพีชด้วย แต่เธอไม่ยอมไปสักที น้ำก็ไม่รู้จะทำยังไง” ต้นน้ำอธิบายมือปลดเสื้อพีชออกพลางชุบน้ำบิดหมาด ๆ มาเช็ดไปตามแผ่นอกขาวเนียน

 

“แล้วมาบอกพีชทำไม”

 

 “ก็ไม่อยากให้พีชหึงไปมากกว่านี้ไง” ต้นน้ำวางผ้าลงในกะละมังมือทาบลงมาที่อกเนียนลูบขึ้นลงไล้นิ้วสะกิดหัวนมคลึงเป็นวงกลม

 

“นะ น้ำ ทำอะไร” ผมหายใจหอบเสียววูบที่ช่องท้อง

 

“ผิวพีชลื่นมือดีนะ จุ๊บ~ หอมด้วย”

 

ผมกลั้นหายใจแขม่วท้องตรงจุดที่ริมฝีปากร้อนทาบลงมา น้ำคิดอะไรอยู่ ผมตัวสั่นดิ้นหนีมือร้อนที่ลูบไล้ตามสีข้างของผมอย่างซุกซน ล้วงมือไปโอบเอวผมลอยขึ้นก่อนจะรู้สึกชื้นแฉะตุ่มไตทั้งสองข้าง แทบจะสลบลงลมหายใจติดขัดมือจับหัวทุยขยุ้มเต็มฝ่ามือ

 

“อื้ม…อย่าซนสิน้ำ พีชเริ่มหนาวแล้วนะ”

 

“ถ้าพีชไม่ชอบน้ำไม่ทำก็ได้นะครับ” ผมใจหายเมื่อเสียงเขาเอ่ยแผ่ว

 

“ไม่ใช่นะ! คือว่าพีช…ยังไม่พร้อม”

 

“หืม ไม่พร้อมเรื่องอะไรครับ” เขามันบ้า น้ำกำลังสนุกเมื่อได้แกล้งผม นิสัยที่แท้จริงเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ

 

“ระ เรื่อง…”

 

เฮือก!!

 

ผมขนลุกซู่มือปัดหัวต้นน้ำให้ออกห่างจากจุดอันตราย บ้า เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ต้นน้ำยิ้มกริ่มหอมแก้มของพีชก่อนจะหมุนตัวเดินไปเก็บกะละมัง ไม่ทันจะได้เช็ดส่วนล่างก็ต้องหยุดไว้แค่นี้ เพราะขืนเช็ดต่อคงได้ยาวไปไกล หึ แค่ก้มลงดูดขนอ่อนที่ใกล้กับกลางกายพีชก็หน้าซีดจนต้องยอมถอยออก ถ้าไม่มีมือมาผลักหัวออกคงได้สนุกกันพิลึก

 

………………………………………………………………………………..

ต้นข้าว

 

ผมทึ้งหัวตัวเองกรีดร้องอยากจะกรี๊ดอยู่ในใจ ปัญหาเดิม ๆ เรื่องเดิม ๆ แค่ชุดว่ายน้ำมึงยังจะหวงอีกนะ กูล่ะเชื่อมึงเลยหล่อ มันจะให้ผมเอากระโจมอกผู้หญิงมาใส่เลยไหม เห้อ

 

“ไม่เอา! เอาออก ๆ เมียต้องเอาเสื้อสีดำไป สีขาวไม่ผ่าน”

 

“มึง! สีดำมันดูดแดด กูเป็นคนขี้ร้อน ไม่เอาสีขาวแต่เป็นสีครีมก็ได้” ผมต่อรองหยิบเสื้อสีครีมพับใส่กระเป๋าเป้

 

“เอาครีมกันแดดไปด้วย แล้วนี่อีก นี่ด้วย ๆ เมียเอาอัน…$%&*#$&)*#4@%&$” เพทายยังคงหยิบของใส่กระเป๋าทั้งสองใบหยุด ปากก็บ่น ๆ ๆ ๆ

 

แค่เรียนกูก็ปวดหัวจะตายห่า มีผัวก็ปวดใจหนักเข้าไปอีก เวรกรรมไอ้ต้นข้าว

 

กว่าจะสงบศึกกันได้ก็เกือบเที่ยงคืน ผมหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำให้สบายใจ กลับออกมานั่งเช็ดผมด้านนอก ไอ้หล่อสวนกับผมเข้าไปอาบบ้าง มันเล่นถอดเสื้อผ้าตั้งแต่เตียงนอนยันหน้าห้องน้ำ อายกูบ้างกูได้ ผมส่ายหน้าหยิบที่เป่าผมมาเสียบปลั๊กเป่าผมให้แห้ง

 

“เมีย!! เค้าลืมหยิบผ้าเข้ามา” เสียงเพทายดังตะโกนออกมา ผมเหลือบมองผ้าที่วางอยู่บนเตียง

 

“รอแป๊บ” ผมตะโกนกลับเดินไปหยิบผ้าหมุนตัวไปทางห้องน้ำ เคาะประตูเรียกมันให้เปิด

 

“ขอบคุณครับ”

 

“เออ! ลืมอะไรอีกไหมล่ะหล่อ ถ้าจะวางแผนชวนกูเข้าห้องน้ำก็อย่าฝัน” ผมรีบพูดดักทางไอ้คนเจ้าแผนการ เพทายดึงคอคนรักเข้าไปใกล้กดปากลงไปก่อนปิดประตูห้องน้ำเพื่ออาบต่อ

 

ตึกตัก ตึกตัก

 

ผมวางมือทาบอกด้านซ้ายลูบริมฝีปากที่ยังคงร้อนอยู่ ไม่ต้องพูดอะไรมากมายแต่ก็ชวนใจเต้นได้ไม่ยาก ทำไมต้องทำให้กูอยากแล้วจากไปด้วยวะ!! มึงมันร้าย ไอ้ผัวเถื่อน

 

…………………………………………………

 

ผมตื่นแต่เช้าแบกของขึ้นไว้ท้ายรถของเพทาย เราออกช้ากว่ารถของมหา’ลัยครึ่งชั่วโมง ไอ้หล่อมันต้องการเวลาส่วนตัวอยู่กับผมสองคน ผมจึงต้องโทรบอกไอ้เต้ยว่าให้ไปก่อนเลย ไอ้เต้ยมันไม่เอารถไปครับ มันอยากนั่งนิ่ง ๆ ขี้เกียจขับรถให้ปวดตา ผมก็ขับรถเป็นนะ ตกลงกับไอ้หล่อเมื่อคืนว่าจะผลัดกันขับอยู่

 

“ไม่ลืมอะไรแล้วนะ” เพทายถามขึ้นอีกรอบเช็คของที่อยู่ท้ายรถอย่างละเอียด ผมชะโงกหน้าดูกระดาในมือมันแล้วร้องออกมา

 

“โห มึงถึงขั้นจดเลยเหรอหล่อ”

 

“จะได้รู้ไงว่าจะเอาอะไรไปบ้าง ขอครบไหม อืม งั้นเราไปกันเหอะเมีย สายแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่น”

 

“อืม” ผมตอบรับสั้น ๆ

 

ขึ้นรถได้ไม่นานผมก็นอนหลับไปด้วยความเพลีย เมื่อคืนจัดเบา ๆ สองยก มันอ้างว่าอยู่ที่ค่ายคงไม่มีเวลามาเอากัน พูดด้าน ๆ ทำผมเขินไปหมด ลมอ่อน ๆ จากธรรมชาติโชยเข้ามาในรถ เพทายเปิดกระจกฝั่งข้างคนขับกดจมูกโด่งลงที่แก้มนิ่ม ต้นข้าวหลับตาพริ้มพลิกตัวเข้าหาคนขับ หรี่ตาขึ้นเล็กน้อยอมยิ้มมองเสี้ยวหน้าหล่อของเพทายก่อนจะหลับลงไปในที่สุด

 

 

TBC.

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา