แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  48.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

39) ตอนที่ 38

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 38

 

 

 

เพทาย

 

“ยินดีด้วยนะครับ เพก็…สบายดีครับ คิดถึงสิครับเฮีย” สองมือหิ้วถุงเสื้อผ้าและของใช้เข้าบ้าน เอาเท้ายันเปิดประตูผลักเข้าไปพลางเอียงคอหนีบไม่ให้โทรศัพท์ตก ร่างสูงใหญ่ใช้ตัวเองเปิดประตูค้างเอาไว้ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปด้านในได้สำเร็จ

 

ผมวางสายจากเฮียเพลงเมื่อได้ยินข่าวดีว่าเฮียกลับมามองเห็นได้ตามปกติแล้ว หนังสือเรียนกองโตที่ผมไปซื้อมาวางเป็นระเบียบอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะ รูดเนคไทลงมาจนสุดเหวี่ยงลงตะกร้าได้พอดีช่อง

 

“ไง” เฮียเพลงไป ๆ มา ๆ ระหว่างไทยกับอิตาลีเป็นว่าเล่น เพราะงานที่รับมามีทั้งไทยและต่างเมือง มันก็ดีต่อผมอย่างคือผมรู้ความเคลื่อนไหวของต้นข้าวบ้าง รู้มากกว่าที่โจ้คอยรายงานมา

 

“วันนี้เฮียไม่ไปไหนเหรอไง”

 

“เข้าไปช่วยงานป๋าที่บริษัทอีกนิดหน่อย เออเพ…” ผมเก็บกระเป๋าเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวด แก้วสองใบวางบนโต๊ะ ผมรินน้ำลงก่อนจะเงยหน้าถามเมื่อเฮียหยุดพูดไป

 

“ครับ?”

 

“ช่วงนี้ได้คุยกับแม่บ้างรึเปล่า?” ผมหน้ายุ่งขึ้นมาทันที ทำไมต้องพูดถึงเธออีก

 

“ผมไม่อยากคุย และจะไม่คุยด้วย”

 

“ยังไงก็แม่ จะดื้อไปถึงไหน เฮียบอกแล้วไงว่าแม่ไม่ได้ทิ้งเรา แต่แค่เขามีเหตุผลของเขา” เพลงยกน้ำขึ้นดื่ม ผมถอนหายใจ

 

“เหตุผลอะไรครับ เฮียก็เห็นว่าแม่เอาเงินของป๋าไปเกือบหมด เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าผมจะอยู่ยังไง พวกเรายังต้องเรียนต้องใช้จ่ายอีกเยอะ แต่เธอก็ยังทำ”

 

“ที่จริง…เพราะป๋าเองนั่นแหละที่ให้เงินแม่ไป ไม่สิ เรียกว่าบังคับเลยก็ได้ เฮียพีชเล่าให้เฮียฟังเองว่าป๋าโกรธแม่มากที่จะขอหย่าเลยให้แม่เอาเงินไปให้หมด ป๋าพูดเองว่าอยู่เองได้ แม่ร้องไห้ก่อนจะหยิบเงินออกไปด้วยความน้อยใจ คิดว่าป๋าเอาเงินฟาดหัว แม่รักพวกเรา…เฮียเชื่ออย่างนั้น”

 

“แล้วทำไมเธอไม่มาเยี่ยมเราบ้างล่ะเฮีย เพเจ็บนะ เจ็บมาก!” ผมเป็นน้องเล็กสุดและสนิทกับแม่มากที่สุดด้วย คนที่เสียใจที่สุดก็คงจะเป็นผม

 

“เพก็รู้ว่าตอนนั้นป๋าเป็นยังไง กว่าจะเป็นผู้เป็นคนได้ปู่ก็แทบจะบ้าตายวันละหลายรอบ ที่เฮียพูดเพราะไม่อยากให้เพอคติกับแม่นะ เพราะถ้าวันนึง…” ยังไม่ทันเฮียจะพูดจบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะ ใบหน้าก็เฮียเครียดขึ้นสายตามองผมเหมือนจะมีเรื่อง

 

ผมจับอกข้างซ้ายที่จู่ ๆ ก็เต้นเร็วขึ้นมา อยากจะร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ

 

“แม่…” เฮียเพลงครางออกมาแววตาสั่นระริก ผมกลอกตาไปมากำมือแน่น

 

“ทำไมครับ เธอเป็นอะไร?”

 

“…จะต้องไม่เป็นอะไร” เฮียเพลงลุกพรวดดึงข้อมือผมให้ลุกตาม ตะโกนสั่งลูกน้องให้ออกรถไปโรงพยาบาลด่วน ผมนั่งบีบมือเข้าหากัน ไม่มีเวลามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เรานั่งหน้าเครียดตามองตรงอยากจะถึงที่หมายให้ไวที่สุด

 

ตึก ตึก

 

เสียงฝีเท้าของชายสองคนที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง  ทั้งคู่เคาะนิ้วรัวเร่งจังหวะลิฟต์ให้ไวขึ้นอีกนิดเพื่อไปห้องไอซียู เมื่อออกมาได้เจอชายอีกคนนั่งหน้าเครียดพร้อมเด็กผู้หญิงวัยสิบหกที่กอดเอวเขาร้องไห้โฮ

 

“อย่าร้องนะลูก พ่อแม่น้องแพรเก่ง ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกลูก” ป๋ากำลังกอดลูกใหม่ของแม่อยู่ ผมเข้าไปยืนใกล้ ป๋าเงยหน้าข้นมอง “ป๋าว่า…แกควรทำใจ” ประโยคสั้น ๆ เอ่ยออกมาเบา ๆ

 

ผมยัง…หายใจอยู่ใช่ไหม ช่วยบอกผมทีว่าคือเรื่องจริง

 

เฮียเพลงหมุนตัวไปในทิศทางที่เราเพิ่งเดินผ่านมา ผมล้มทั้งยืนใช้มือจับขอบเก้าอี้พยุงตัวเองเอาไว้ สองมือลูบหน้าตัวเองให้ตื่นเต็มตายีหัวจนฟูฟ่องสะอื้นอยู่ในลำคอ เสียงโทรศัพท์แผดเสียงร้อง ผมล้วงออกมากดรับไม่ได้พูดตอบกลับไป

 

(เพ เฮียเองนะ แม่เป็นยังไงบ้าง) ผมหัวเราะเยอะตัวเองที่น้ำตาคลอก่อนจะไหลลงมาในที่สุด ป๋าตบบ่าผม ผมก้มหน้าคุยกับเฮียพีช

 

“ฮึก…ฮึก…” มีเพียงเสียงสะอื้นที่ผมสามารถตอบแทนคำพูดได้ มือกำโทรศัพท์แน่นหัวโยกลงพยักหน้าให้กับตัวเองเหมือนคนบ้า

 

ใช่ กูมันโง่เอง กูมันโง่มาก

 

มาคิดได้ก็ตอนที่สายไป…

 

“แม่…เพขอโทษ ฮึก ขอโทษ” ผมกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ปล่อยโฮออกมาตรงนั้นอย่างไม่อายใครที่เดินผ่านไปมา เฮียเพลงพูดถูก แม่รักเรา แต่เพียงอคติในใจผมมันบังความจริงข้อนี้อยู่

 

กำลังกายและใจของผมมันขาดหายไปเมื่อเรื่องทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาไม่หยุด เริ่มจากเรื่องไอ้ลมลามมาถึงเรื่องต้นข้าว และยังมารวมเรื่องแม่เข้าไปอีก ผมนึกอยากจะทำบุญขึ้นมา น้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเมื่อภาพที่แม่พาผมไปวัดผุดขึ้นมาในหัว

 

ตั้งแต่เด็กเราสามคนพี่น้องไปทำบุญกับแม่และป๋าประจำ มาหลัง ๆ ที่ป๋าเริ่มเครียดกับงานและพาลทะเลาะกับแม่บ่อยขึ้นเราเลยห่างออกไปทีละก้าว ผมอยู่กับตุ๊กตาในห้องและของเล่นที่แม่ซื้อมาให้ และแม่ยัง…

 

มาคิดอะไรตอนนี้วะ มึงหมดโอกาสแก้ตัวแล้วไอ้เพ มึงมันเหี้ย! ฮึก

 

………………………………………………………………………..

 

ต้นข้าว

 

ผมยังไม่ทันจะเปลี่ยนชุดนักศึกษาก็โดนพี่ต้นกับเฮียพีชลากไปที่สนามบิน ไม่มีใครพูดหรืออธิบายอะไรให้ผมฟังสักอย่าง ผมตื่นมาอีกทีก็พบว่าต้องลงเพื่อเปลี่ยนไปขึ้นอีกเครื่องจนมาถึงปลายทางคืออิตาลี มาทำไม? เกิดอะไรขึ้น?

 

“พี่ต้น..” ผมแค่อ้าปากจะถามพี่ต้นก็สวนกลับมา

 

“อย่าเพิ่งถามพี่เลยข้าว พี่เองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก เรารีบไปกันก่อนเถอะ”

 

“แม่อย่าเป็นอะไรนะครับ” เฮียพีชพึมพำน้ำตาคลอ ผมใจสั่นกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับไอ้หล่อ นั่งรอไม่นานก็มีรถมารับเราทั้งหมดไปที่โรงพยาบาล ผมวิ่งตามพี่ต้นไปตามทางเดิน

 

“แม่ล่ะ?!!” พีชกระชากคอเสื้อของเพลงขึ้นถามเสียงสั่น เพลงส่ายหน้า

 

“ยังไม่…”

 

“หมอครับ ทั้งคู่เป็นยังไงบ้างครับ?!!” ผมก้าวเท้าไม่ออกยืนหยุดอยู่ทางเข้าห้องน้ำยืนมองทุกคนที่ยืนล้อมหมอเอาไว้ ภาษาต่างถิ่นสนทนากันเสียงดัง ผมไม่เข้าใจหรอกว่าตอนนี้แม่ของไอ้หล่อเป็นยังไงบ้าง ภาวนาให้ปลอดภัยก็พอ สงมือยกขึ้นกุมไว้ที่หน้าอก สองเท้าสาวเข้าไปใกล้ไอ้หล่อมากขึ้น มันกระชากคอเสื้อหมอยกสูงจนป๋าต้องแยกมันออก

 

“ฮือออ น้องแพรกลัว กลัว คุณพ่อ ฮึก คุณแม่…” เสียงเด็กสาววัยสิบหกร้องขึ้นดึงความสนใจของผู้ใหญ่ที่ยืนทะเลาะกับหมอ ผมกำลังเข้าไปใกล้เธอเพื่อดึงเข้ามากอดแต่ช้ากว่าพี่ต้นที่กอดพลางลูบหลังอ่อนโยน ผมชะงักมือที่ยื่นไปก่อนจะทิ้งลงข้างลำตัวตามเดิม

 

“เพจะไปไหน เพ!!” เสียงเรียกของพี่ชายทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน ไอ้หล่อกำลังเดินตาแดงก่ำมาทางผม เรายืนจ้องตากันก่อนน้ำตามันจะไหลออกมาต่อหน้าต่อหน้าของผม

 

“ต้นข้าว…แม่…ทิ้ง…ฮึก…”

 

“ มึงยังมีกู เข้ามาสิ เข้ามากอดกู กูจะไม่ทิ้งมึง” ผมอ้าแขนรับมันทั้งน้ำตาไม่แตกต่างกัน ไอ้หล่อมันปาดน้ำตาทิ้งวิ่งเข้ามากอดผมจนตัวโยกไปข้างหลัง มันสะอื้นหนักมาก เสียงของมันอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์

 

“กอดกูนะ กอดแน่น ๆ กูรักมึงนะเพ กูรักมึง” ผมบอกรักมันซ้ำไปซ้ำมา ดึงมันมานั่งที่เก้าอี้แต่มันเลื่อนตัวเองไปนั่งกองกับพื้นหันหน้าเข้ามาซบตักผม สองข้างของผมเกี่ยวเอวมันเอาไว้จูบกระหม่อมมันแนบแก้มลงบนหัวทุยมือกอดที่ลำคอ

 

“พามันกลับไปก่อน” เฮียเพลงลูบหัวผม ผมเงยหน้าขึ้นหยักหน้ารับ คนขับรถรู้หน้าที่เดินนำไปรถคันที่ผมนั่งมา ปู่และญาติคนอื่นของสวรรยาพากันมาโรงพยาบาลเมื่อรู้ข่าว ต่อว่าป๋าที่ไม่ยอมบอกเรื่องสำคัญขนาดนี้ ป๋าก้มหน้ารับผิดไม่เถียงออกมาสักคำ

 

เมื่อเข้ามาในบ้านสาวใช้และคนอื่น ๆ พากันร้องไห้เมื่อรู้ว่าคุณผู้หญิงของเธอเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ถึงจะเป็นแค่อดีตเจ้านายแต่ทุกคนก็รักและเคารพอยู่มาก ผมนั่งฟังจนรู้ว่าแม่ไอ้หล่อและสามีใหม่ของเธอรถถูกตัดสายเบรก มันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นพยายามฆ่าทั้งคู่ และเป้าหมายก็เป็นบริษัทคู่แข่งที่มีเรื่องกันมาไม่นานนี้

 

เพื่อผลประโยชน์ถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกันเลยเหรอ

 

“คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ คุณต้นข้าว” สาวใช้หนึ่งมานั่งที่พื้นข้างกับผม ตั้งแต่อยู่บนรถไอ้หล่อมันร้องไห้จนหลับไป ผมจึงแบกมานั่งที่ห้องข้างล่างก่อน

 

“ขึ้นมานั่งข้างบนเถอะครับ” เธอส่ายหน้า

 

“ถ้าอย่างนั้นรบกวนขอผ้าสักผืนกับกะละมังใส่น้ำได้ไหมครับ ผมจะเช็ดตัวให้มัน เดี๋ยวผมแบกมันขึ้นไปนอนที่เตียง”

 

“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าเอาขึ้นไปให้นะคะ โถ คุณหนูของป้า” เธอปิดปากร้องไห้สงสารเจ้านายของเธอจับใจ คุณชายเล็กของบ้านเคยร้องไห้เสียที่ไหน นอกจากตอนคุณหญิงทิ้งเธอไป เธอก็ไม่เคยร้องอีกเลย จนมาเรื่องคุณต้นข้าวและมาเรื่องนี้แหละ

 

………………………………………………………

 

เพทาย

 

ฮึก แม่ครับ อย่าทิ้งเพไป อย่าทิ้ง ฮือ อย่า!!

 

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหงื่อไหลโชกเต็มตัว มองไปรอบตัวไม่เจอใครสักคนนอกจากเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ ฝันเหรอ มันคือฝันจริง ๆ ใช่ไหม

 

ผมจะไปหาแม่ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย!

 

แกร็ก

 

“จะไปไหน?” ผมหันขวับไปทางห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงต้นข้าว มันสะบัดมือไล่น้ำที่เกาะมือออกขาย้ำกับพื้นพรมเช็ดเท้า

 

“มะ…มึง มาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

 

“….มึงตั้งสติดี ๆ แล้วลองคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมส่ายหน้าก้าวถอยหลัง ต้นข้าวมันเดินเข้ามาหาผมทีละก้าว ผมก็ถอยอีก

 

แม่ยังอยู่ แม่ยังปลอดภัยดี ผมฝัน ใช่ ผมต้องฝันไป

 

“เพทาย กูจะหยุดเดินแล้วนะ มึงอย่าหนีกูได้ไหม…” เสียงมันเบาลงนัยน์ตาเศร้ายิ้มอ่อน ๆ ส่งให้ผม “มึงเองก็ไม่ต่างจากกูตอนนั้นหรอก เพราะกูเอง…ฮึก…ก็เจ็บปวดมาก่อน มึงยังเหลือป๋า เหลือพี่ชาย เหลือกูและเพื่อนที่พร้อมจะอยู่ข้างมึง แต่กู…ในตอนนั้นมีแค่พี่ต้น…คนเดียว”

 

มึงเจ็บกว่ากูอีกนะต้นข้าว แต่กูก็ยังยอมรับความจริงไม่ได้อยู่ดี

 

ถ้าถามผมว่าผมดีใจมากไหมที่เจอมันที่นี่ ผมดีใจมากตั้งแต่เจอมันที่โรงพยาบาล แต่ความเสียใจถึงขั้นขีดสุดมันทำลายความรู้สึกทุกอย่าง หัวใจของผมมันชาเหมือนคนขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เรี่ยวแรงที่เดินผมยังจะไม่มีเลย แม้แต่ตอนนี้แรงกอดต้นข้าวผมยังจะไม่มี

 

สวบ

 

ในขณะที่ผมยื่นนิ่งไม่ไหวติง ต้นข้าวมันดึงผมเข้าไปกอดแน่นปากพึมพำว่ามันจะไม่ทิ้งผมไปไหน มันรักผม จะเป็นไรไหมถ้าผมอยากจะจูบมันเพื่อบรรยายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ตอนนี้ ไม่ทันจะคิดฝ่ามือมันก็ประคองหน้าผมเอียง ริมฝีปากร้อนทาบลงมาพลางสอดลิ้นเข้ามาดันตัวผมติดพื้นปูนเย็น

 

“ฮึก อื้อ~” เสียงผมเหรอ นี่คือเสียงผมใช่ไหมที่สะอื้นอยู่

 

“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าโทษตัวเองว่าทำไมเพิ่งจะมาคิดได้ แต่ให้ใช้เวลาต่อจากนี้เพื่อคนที่เรารักและรักดีกว่าเพทาย ยากจะทำใจ แต่ใช่ว่าคนอื่นจะไม่เคยรู้สึกแบบมึง อย่างน้อยกูก็ผ่านมันมาได้แล้ว อย่าร้องนะครับคนเก่งของต้นข้าว คิดว่าท่านไปสบายแล้ว ท่านมองมึงอยู่ข้างบนนั้นนะเพทาย” เป็นครั้งแรกที่ต้นข้าวมันเรียกชื่อเล่นของผมเต็ม ๆ ไหนจะคำปลอบที่แฝงไปด้วยความเศร้านั่นอีก

 

ไม่ได้มีแค่กูที่เจ็บ คนอื่นก็เคยเจ็บมาแล้ว แต่ขอเวลาหน่อย ขอเวลากูได้เห็นหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย

 

มีคำพูดมากมายที่ผมอยากจะบอกแม่…แต่ผมก็ไม่ได้บอก

 

มีหลายสิ่งที่อยากจะทำร่วมกัน…ก็ไม่ได้ทำ

 

ขอโทษครับ…แม่ได้ยินผมไหม ผมขอโทษ…และ…

 

รักนะครับ…ผมรักแม่

 

ผมพูดคำนี้อีกครั้งต่อหน้าทุกคนและต่อหน้าแม่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ความแค้นที่มีต่อคนที่มันคิดจะฆ่าแม่มีมากมายนัก แต่ป๋าบอกผมว่าใครก่ออะไรก็จะได้สิ่งนั้น และมันก็เป็นจริง คนร้ายคือบริษัทคู่แข่งที่กำลังจะล้มละลาย คงแค้นที่แม่จับได้ว่าผลิตของลอกเลียนแบบจนโดนฟ้องเสียไปหลายล้าน

 

ถ้าผมใจร้อนเหมือนอย่างเดิมคงได้ติดคุกเพราะฆ่ามันไปแล้วแน่ ๆ และคนรอบข้างผมก็จะเสียใจ

 

“ผ่านมาเกือบเดือนแล้วยังทำใจไม่ได้สินะ เฮียก็เหมือนกันว่ะ”  เฮียเพลงหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ผม

 

“อะไรครับ?” ผมรับมาถือไว้

 

“เปิดดูเอา” ผมเปิดออกเป็นแหวนทองคำเกลี้ยงของแม่ที่เคยใช้หมั้นกับพ่อ เพราะแม่เคยเปิดรูปให้ดูและเล่าให้ฟังบ้าง

 

“แม่ฝากไว้ที่เฮียนานแล้วแหละ รอวันที่เพพร้อมเฮียว่าจะค่อยให้ แต่…เฮียเอามาให้เลยดีกว่า เพราะไม่รู้ต้นข้าวเขาจะพร้อมกับแกเมื่อไหร่” ผมเก็บแหวนใส่กระเป๋าเสื้อตบเบา ๆ ให้รู้ว่ามันอยู่ในนี้

 

“ตอนนี้เพก็คงต้องตามจีบไปเรื่อย ๆ ก่อน ถ้าเป็นแฟนว่าจะหมั้นเลย เรียนจบค่อยแต่งต่อเลย” ผมวางแผนไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย มันกลับไปเรียนต่อหลังจากงานศพแม่ผ่านพ้นไป ตอนนี้ก็เหลือแต่น้องแพร เพราพ่อน้องแพรก็ตายคู่พร้อมกับแม่ผม

 

“หึ จะได้แต่งเหรอ กลัวจะมีคนอื่นชิ่งจีบติดก่อนเพน่ะสิ อย่างไอ้หมอซัมกับไอ้รุ่นพี่ รุ่นน้องที่นั่นอีก ยังไม่รวม…”

 

“เฮียอย่ามาพูดให้เพเสียกำลังใจ เฮียเหอะ อย่าคิดว่าเพไม่รู้เรื่องหมอซัมเมอร์นะ ไงครับ เต้นเป็นเจ้าเข้าเลยนะ หึ ๆ” ผมได้ทีก็ย้อนกลับ เพิ่งรู้ไม่นานว่าหมอซัมที่ว่าเฮียเพลงเล็งอยู่พอมีสาวมายุ่งด้วยก็ตามติดไอ้หมอนั่นชนิดเจ้าตัวเอ่ยปากไล่ยังไม่กลับ แล้วไม่นานมานี้มีผู้ชายเลยครับ หล่อมาก เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทที่โคตรจะสนิท มารับถึงหน้าโรงพยาบาล เฮียเพลงเจ้าเข้าตามไปเล่นงานเขาถึงที่

 

สรุปวันนั้นรถหมอซัมเสียและคนนั้นคือเพื่อจริง ๆ เฮียก็ไม่ยอมรับผิดตีมึนไปอีก

 

“พี่เพลง พี่เพทายคะ คุณพ่อให้มาตาม” เสียงหวาน ๆ ของน้องเล็กสุดของบ้านเอ่ยมาก่อนตัว ผมก็ยังไม่ชินสักเท่าไหร่ แต่ก็พยายามปรับตัวเข้าหาน้องแพรอยู่

 

“บอกให้เรียกเฮียไงครับ แล้วเรียกพ่อว่าป๋า” เพลงกอดคอน้องสาวเดินไปด้วยกัน

 

“น้องแพรไม่ชินนี่คะ แล้วน้องแพรก็คิดถึงคุณพ่อคุณแม่มากด้วย” เสียงเธอเศร้าลง ผมเหล่มองเม้มปากตัดสินใจจับมือเธอมากุมไว้

 

“เอาที่…น้องแพรสบายใจเลย พี่ไม่ว่า” ก็เรียกยากอยู่นะ ผมไม่เคยมีน้องนะครับ

 

“โอ๋น้องนะเพ”

 

“ก็น้องสาวผม เฮียอย่ามาดุน้องแพรนะ” ผมเป็นพี่เขาแล้วนะครับ ก็รู้สึกดีไปอีกแบบ น้องแพรโชคดีมากเลยนะมีพี่ชายหล่อถึงสามคน และผมมั่นใจว่าผมหล่อที่สุดแล้ว

 

“มากันแล้วเหรอ นั่งลง ๆ นี่อาหมอเขามีเรื่องจะคุยด้วย” ผมยกมือไหว้อาหมอ ข้างกันเป็นไอ้หมอซัมเมอร์ที่โผล่มาได้ไงก็ไม่รู้ เฮียเพลงนั่งมองหน้าไอ้หมอนั่นนิ่ง

 

“พี่เพคะ น้องแพรหิวจัง” เด็กวัยกำลังโตครับ แล้วช่วงงานศพเธอไม่ค่อยกินอะไรเหมือนพวกผมนี่แหละ เลยหิวบ่อย

 

“เพพาน้องไปก็ได้ อาหมอเขาจะคุยกับพี่ชายแกคนเดียว” ผมจับมือน้องแพรไปที่ห้องครัว ซัมเมอร์ยิ้มมุมปากเดินตามหลังเพทายมาอย่างเนียน ๆ

 

“พี่เพ น้องแพรจะเอานมข้นแต่มันสูงอ่า”

 

“ครับ พี่หยิบให้มา” เพทายเดินไปซ้อนข้างหลังเพื่อหยิบของ ซัมเมอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปยิ้มกริ่มเก็บใส่กระเป๋า

 

“งานนี้ไม่รอดแน่ คิดจะเล่นกับคนอย่างซัมเมอร์ช้าไปสิบปีเถอะ” ขายาวหมุนตัวกลับไปนั่งที่เดิมอย่างไม่มีใครสงสัย

 

…………………………………………………………………………………..

 

เสียงโทรศัพท์ของผมแผดเสียงดังลั่นห้อง กำลังดีใจเรื่องที่อีกสามวันจะได้กลับไปหาต้นข้าวได้ไม่นานก็ต้องเดินไปรับสายอย่างคนขี้เกียจจะเดิน ง่วงครับ เพิ่งทำการบ้านเสร็จเมื่อกี้เอง

 

“ฮัล…”

 

(ไอ้หล่อ!!!! ไหนมึงว่าจะไม่นอกใจกู มึงจีบกูอยู่นะ แล้วที่กูเห็นคืออะไรวะ?!!!) ผมดึงโทรศัพท์ออกห่างตบหูตัวเองให้หายชา

 

อะไรวะ?

 

“เห็นอะไรวะ กูยังไม่ทันทำอะไรเลยเมีย”

 

(มึงตอแหล!!) เต็มหูเลยครับ (พรุ่งนี้กูจะไปหามึงที่นั่น มึงอย่าหนีไปไหนนะไอ้สัส!!! โมโหแม่งเว้ย!!)

 

(ข้าวเบา ๆ หน่อย พี่ดูหนังไม่รู้เรื่อง) เสียงต้นน้ำแทรกเข้ามา

 

“เมียครับ กูกราบเลยนะ กูไม่รู้เรื่องจริง ๆ แล้วโทรมาด่ากูปาว ๆ ช่วยบอกหน่อยใครบอกอะไรมึงมา” อย่างน้อยให้ผมรู้ไอ้ตัวต้นเหตุก่อนเหอะ กูจะกระทืบแม่งยับ!

 

(เรื่องอะไรกูจะบอกมึงห้ะ พี่ซัมไม่โกหกกูแน่นอน แค่นี้นะ กูจะไปจองตั๋วเครื่องบินก่อน) มันวางสายไปดื้อ ๆ ผมทุบกำปั้นตัวเองเมื่อรู้ว่าใครทำ ต้นข้าวมันคงโมโหเลยพูดออกมาแบบคนไม่มีสติ

 

ฮึ่ม~ เด็กเฮียเพลงเล่นกูอีกแล้ว ไอ้หมอซัม! มึงจะตามจองล้างจองผลาญกูไปถึงไหนวะ!!

 

 

TBC.

 

 น่าจะเหลืออีกแค่สองตอน ไม่ก็เกินมาไม่มากนะ ม่อนจะลงตอนพิเศษให้ด้วย

ไม่ลบนะจ๊ะ แต่ขออย่างเดียวอย่าก็อปของม่อนนะจ๊ะ กว่าจะได้แต่ละตอนมันยากนะยูว์

ถึงจะตั้งป้องกันไว้แต่ก็มีคนเคยเอาไปนั่งพิมเองได้นะ เรื่องเฮียเพลงจะลงให้ต่อจากเรื่องนี้

นะจ๊ะ ^^

 

 

           

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา