แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  48.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

40) ตอนที่ 39

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 39

 

 

 

ซัมเมอร์

 

            “ไปทำผิดอะไรมา” ผมกางมือออกทั้งสองข้าง

 

                “คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ” เขาลุกขึ้นเท้ามือทั้งสองข้างลงแนบโต๊ะ ใบหน้ายื่นเข้ามาพร้อมนัยน์ตาที่หรี่จับผิด

 

                “อย่าคิดว่าฉันไม้รู้ว่าต้นเหตุของเรื่องเมื่อวานคือนาย”

 

                “ฉลาดนักจะมาถามผมทำไมล่ะครับ” นิ้วยาวชี้ไปที่ประตู “เชิญ วันนี้ไม่รับแขก รับแต่คนป่วย อ้อ…แต่ถ้าคุณป่วยทางจิตผมก็ยินดีจะรักษานะ หึ” ยิ้มมุมปากสวนกลับไปนิ่ง ๆ

 

                “อย่าให้จับได้แล้วกัน คุณหมอคนเก่ง” ไม่มีทาง ผมยิ้มเย้ยนิ้วยังคงชี้ไปทางประตูให้เขาออกไป

 

                “เชิญ”

 

                ร่างสูงใหญ่ของเขาเดินออกไปจากด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว คิดจะมาคาดคั้นกับไอคิวสูงอย่างผมมันไม่ง่ายนักหรอก สองขาไขว้กันส่ายหัวนั่งเปิดแฟ้มเพื่อตรวจอาการคนไข้คนอื่น

 

                ส่งพี่ชายมา ก็ไม่ได้เรื่อง เหอะ พอกันทั้งคู่

 

…………………………………………………………………

 

พีช

 

            คุณยังคงจำสิ่งที่ผมกังวลได้รึเปล่าครับ…

 

                เปลือกตาที่ปิดสนิทมานานเปิดออกอีกครั้ง แสงที่ลอดเข้ามาทำผมแสบตาจนต้องหรี่หันหน้าหนีไปทางอื่น เสียงคนรอบข้างที่กำลังรอลุ้นเฮขึ้นเมื่อผมยิ้มและกระพริบตามองคนข้างเตียง

 

                พีชเห็นน้ำคนแรกจริง ๆ ด้วย

 

            “แสบตาไหม?” ผมส่ายหน้า

 

                “ไม่ค่อยครับ” สองแขนของผมอ้าออก ต้นน้ำโน้มตัวลงมากอดผมแนบไปทั้งส่วนบน ความเย็นจากอากาศภายในห้องอุ่นขึ้นเมื่อมีร่างของคนคุ้นเคยมากอดไว้ “ขอบคุณ พีชขอบคุณที่อยู่กับพีชจนถึงวันนี้” ผมเอ่ยขึ้นมือกอดเขาแน่น

 

                “ถ้าอย่างนั้นพีชก็ต้องขอบคุณน้ำไปอีกนาน เพราะน้ำจะอยู่กับพีชตลอดไป”

 

                “รัก” ผมกระซิบบอกคำสั้น ๆ ที่มีความหมายมากสำหรับเรา

 

                “ครับ รักแล้วยังจำสัญญานั้นได้ไหม” ผมทำหน้างงผละตัวเขาออก “ถ้าพีชกลับมามองเห็นได้แล้ว งั้น…อย่าลืมเรื่องของเรานะครับ ครั้งแรกขะ…” ผมรีบเอามืออุดปากเขาไว้

 

                “พีชหิวน้ำ ไม่ ๆ พีชอยากดื่มน้ำ คอแห้งจัง แค่ก ๆ” ผมเปลี่ยนเรื่องรีบแก้คำพูดให้เข้าใจในทางที่ดี

 

                “เฮีย! ฟื้นแล้วเหรอครับ” เพลงเปิดประตูเข้ามาเบิกตากว้างวิ่งมาเกาะขอบเตียงยื่นมือมาโบกข้างหน้าทดสอบว่าผมเห็นดีหรือยัง

 

                ผมปัดมือนั้นออก “เฮียเวียนหัว แล้วหน้าไปโดนอะไรมา?” น้องชายตัวดีรีบก้มหน้างุด ปากช้ำ ๆ คล้ายโดนต่อย

 

                “เปล่าครับ” ผมช้อนหน้าน้องขึ้น

 

                “หาเรื่องใส่ตัว ทำไม? คนนี้สู้ไม่ไหวหรือไม่มีปัญญาทำอะไรได้ หึ”

 

                “อย่ามาดูถูกกันนะเฮีย!”

 

                “แล้วเฮียเคยดูผิด?” ผมกอดอกเลิกคิ้วใส่ “หมดกันพ่อเสือฟันดะ”

 

                “เฮียคอยดูแล้วกัน เพลงจะเอาให้ครางเหมียว ๆ เลย”

 

                “ดูมานาน แต่ก็ทำไม่ได้” ผมสวนกลับไป น้องชายหน้าบึ้ง

 

                “ได้! เฮียน้ำครับ วันนี้จัดหนัก ๆ เลยนะ ผมยกให้แถมบ้านอีกหนึ่งหลัง” ไอ้น้องเวร เห็นเฮียเป็นของเล่นไงวะ

 

                “ไอ้…”

 

                “ไม่ต้องบอกก็ทำ” ผมปาหมอนอิงที่วางอยู่บนท้องใส่คนทั้งคู่ “พีชอย่าซน” ต้นน้ำส่งเสียงดุก้มเก็บหมอนมาถือไว้

 

                ผมคิดแล้วว่าต้นน้ำคงไม่คิดทิ้งผมไปอย่างที่ผมทำกับเขา เพราะดูจากคำพูดที่เขาเอ่ยกับผมทันทีที่ลืมตา เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำกับผมมาตลอดระยะเวลาที่ผมไม่สามารถมองเห็นได้ มันคือความรัก ไม่ใช่การรับผิดชอบ หรือการที่ต้องมารู้สึกผิด

 

                รักสำหรับผม…แค่มีผม มีเขา มีแค่เรา แค่นี้ผมก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องกลัวอะไรมาขัดขวางเราอีกแล้วครับ เพราะต่อให้เกิดขึ้นจริง ผมคงไม่คิดจะยอมเสียเขาไปง่าย ๆ เหมือนเก่าอีกแล้ว

 

                รักมักได้มาง่าย แต่ยากที่จะรักษา

 

……………………………………………………………………………

 

เต้ย

 

            ถ้าถามผมว่าในตอนนี้ความรู้สึกที่ผมมีต่อต้นข้าวมันเปลี่ยนไปบ้างหรือยัง…

 

                ยังหรอกครับ ผมยังคงรักมันเหมือนเดิม แต่ในเมื่อตอนนี้เราต่างก็มีคนของตัวเอง ผมจึงต้องพยายามตัดความรู้สึกนี้ให้ออกไปทีละนิด ในขณะที่ผมกำลังลืมต้นข้าว พี่แซมก็เข้ามาเติมเต็มทีละนิดเช่นกัน ผมจึงไม่เจ็บปวดมากนัก แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้หัวใจของผมมันก็บอบช้ำไปเยอะมากเหมือนกัน

 

                “ทำดี ๆ ได้ไหม” ผมยืนหน้านิ่งอยู่ในห้องน้ำหลุบตามองต่ำ มีดโกนขนาดพอดีมือลากความคมไปตามกรอบหน้าของผมที่เริ่มมีหนวดอ่อนขึ้นบาง ๆ

 

                “พี่กลัวเต้ยเจ็บ” ใบหน้าหล่อดูกังวล ผมลูบหัวพี่แซมแยกคิ้วที่ขมวดแน่นออก

 

                “เรื่องเล็กแค่แผลนิดเดียว ทีทำอย่างอื่นไม่เห็นกลัวเต้ยเจ็บบ้าง” ผมได้ทีสวนเข้าให้ พี่แซมยิ้มกริ่มรีบโกนหนวดให้ผมจนเสร็จ ผมก้มหน้ากวักน้ำล้าง พี่แซมเอาผ้าผืนเล็กมาซับหยดน้ำให้จนแห้ง

 

                “พี่ขอไม่โกนนะ” ผมเลิกคิ้วถาม

 

                “ทำไม?”

 

                “ก็…” รวบเอวผมไปกระซิบตอบ “เวลาพี่ทำเต้ยจะได้รู้สึกเสียวไปอีกแบบไง เต้ยก็ชอบนี่ครับ เมื่อคืนยัง…”

 

                “ไม่! ที่ผิวเต้ยเป็นรอยไม่ใช่เพราะหนวดพี่ไง” ผมหยิบมีดโกนมาถือไว้ “นั่งลงที่เคาน์เตอร์ เต้ยจะโกนให้” พี่แซมมันนั่งตามที่สั่งแต่กลับแย่งของในมือผมออก โยนไปวางที่เดิม

 

                “ไม่ครับ พี่จะไว้หนวดเพราะมีเมียเสน่ห์แรงเนี่ยแหละ ไหนบอกมาสิว่าเมื่อวานไปไหนมา หืม” ผมเกลียดเสียงอ่อนโยนที่มาพร้อมความกดดันที่สุด ตัวของผมถูกกระชากให้ไปยืนระหว่างขายาวที่ไขว้กันกักตัวผมไม่ให้หนี

 

                “หึงเรี่ยราดเหมือนหมาบ้า ติดนิสัยมันมาหรือไง เต้ยไม่อยากเป็นแบบต้นข้าว” มันที่ว่าคือเพทายคู่แค้นของผมนั่นแหละ พี่แซมกดหัวผมลงให้หน้าหน้าซบกับอกหอม ๆ

 

                “งั้นก็ทำตัวดี ๆ ดื้อมากพี่ก็ไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับเต้ย” พี่แซมจะฆ่าผมรึไง

 

                “ลองทำสิ” ผมขู่เสียงแข็ง

 

                “ครับ” แซมตอบรับสั้น ๆ สอดมือเข้าไปใต้เสื้อลูบหัวนมเล็กเล่น เต้ยตกใจจะผละออกแต่ติดขายาวที่รัดไว้แน่น

 

                 “ปล่อย! ไม่เล่นนะ” ผมดิ้น ไม่เอาในห้องน้ำสิ อีกอย่างที่ผมรู้มาคือพี่แซมมันมักจะมีอารมณ์มาก ๆ เมื่อได้ยินเสียงผมก้องในที่แคบ ต่อให้ผมกลั้นเสียงมันก็ทำทุกทางให้ผมเปิดปากจนได้

 

                “พี่เอาจริงตลอดแหละ เต้ยอย่าดิ้น พี่จะอ่อนโยนที่สุด” มันโกหก ผมกัดฟันแน่นเมื่อฟันคมขบเม้มไปทั่วทั้งลำคอ กระแสไฟฟ้าวิ่งแล่นพล่าน ผมขาสั่นแต่ก็ยกมือโอบรอบลำคอมันเอาไว้เพื่อประคองตัวเอง

 

                คำพูดมันเชื่อถือไม่ได้ กว่าผมจะรู้ตัวร่างกายก็บอบช้ำจนต้องนอนซมไปอีกหลายวัน เป็นแฟนหมอไม่ดีอย่าง…ชอบพกเข็มติดตัว จะลำบากใครล่ะ ก็ผมไงครับ!

 

……………………………………………………………….

 

ผ่านไปสองปี…

 

ต้นข้าว

 

            ผมให้สัญญากับตัวเองว่าผมจะรอมัน และในวันนี้มันก็มาถึงแล้ว วันที่ผมเรียนจบและกำลังชะเง้อคอรอมันมาร่วมแสดงความยินดีด้วย เมื่อคืนเราคุยกันว่าเช้านี้มันจะบินมาทันก่อนผมจะเข้าห้องประชุม แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่เห็นมัน

 

                “เข้าได้แล้วนะ” ไอ้เต้ยแตะแขนผมให้เดินตามเข้าไปข้างใน

 

                “อืม” ผมก้มลงมองแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายพลางอมยิ้มว่าไม่เป็นอะไร อย่างน้อยเราก็หมั้นกันแล้วนี่เนอะ มันคงไม่ผิดสัญญาหรอก

 

                สัญญาอะไรกับกูเอาไว้ ทำให้ได้ด้วยนะ…ที่รัก

 

            “เหม่ออะไรวะ” ผมส่ายหน้า ไอ้เต้ยมันกุมมือบีบกันแน่น ตื่นเต้นไม่น้อยกับวันนี้

 

                “กูรู้สึกแปลก ๆ ว่ะ ใจมันหาย ๆ”

 

                “มึงคิดมาก แค่มันมาสายหน่อยทำมึงเหม่อเลยไง” มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่ผมรู้สึกเหมือนไอ้หล่อมันจะหายไปจากชีวิตผม เหมือนจะไม่มีมันแล้ว

 

                สองมือของผมชื้นไปด้วยเหงื่อ ไม่เอาแล้วนะ ผมไม่ต้องการจะทดสอบอะไรอีกแล้ว ผมอยากมีความสุข อยากอยู่กับคนที่ผมรัก ได้โปรด…อย่าพรากเราจากกันอีกเลย

 

                ผมเดินออกมาก็มีรุ่นน้องมาบูมให้ถึงที่ แต่ตอนนี้ใจของผมมันไม่ได้อยู่ที่งานวันนี้เสียแล้ว สายตากวาดมองหาร่างคุ้นตากลับพบตาความว่างเปล่า พี่ต้นน้ำเดินเข้ามาสีหน้าแปลกไปจากเมื่อเช้า จู่ ๆ น้ำตาผมก็คลอขึ้นมา

 

                “ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อยครับ” ต้นน้ำเดินแหวกผู้คนมาหาน้องชายที่ยืนหอบทั้งตุ๊กตาและของขวัญจากรุ่นน้องมากมาย บางส่วนก็เอากลับไปเก็บที่รถแต่ก็ยังมีมาให้ถือเรื่อย ๆ

 

                “พี่ต้น” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว

 

                “รีบเปลี่ยนชุด แล้วไปโรงพยาบาลกับพี่”

 

                ฮวบ…

 

                ร่างของผมทรุดลงไปนั่งกับพื้น ไอ้เต้ยมันเข้ามาประคอมพาผมไปที่รถ พี่ต้นน้ำลูบหัวผมที่นั่งเบาะข้างคนขับก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไป

 

                เผาะ เผาะ

 

                อ้ากกกก!! ทำไมทำกับผมแบบนี้ จะใจร้ายไปไหน ฮึก ฮือออ

 

            “พี่ข้าว ฮือออ พี่เพเขา…” เสียงน้องแพรสะอื้นหนักใบหน้าแดงก่ำ ผมทั้งตัวสั่นน้ำตาไหลพราก บอกผมสิว่าคนบนเตียงไม่ใช่มัน…

 

                “น้องแพร พี่เพเขาปลอดภัยแล้วนะลูก อย่าร้อง ๆ ไม่เอาครับไม่ร้อง” ป๋ากอดลูกสาวคนเล็กพาเดินออกไปปลอบข้างนอก เฮียเพลงกับเฮียพีชนั่งกุมมือน้องชายคนละข้าง คนในห้องพากันทยอยออก ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้

 

                “มันเกิดอะไรขึ้นครับ” ผมโน้มตัวลงมือแตะแก้มหล่อเบา ๆ

 

                “เมื่อเช้า…ลมไปเจอเพที่สนามบิน เฮียก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โจ้บอกตอนขับรถกำลังกลับมีรถอีกคันมาตัดหน้าเล็งปืนมาทางเพทาย โชคดีที่รถเรากันกระสุน แต่ว่า…ลมมันเอาตัวเพไปขึ้นรถอีกคันที่มาจอดขวางไว้ มันเอาลูกน้องทำร้ายโจ้จนเจ็บ เพโดนมันจับตัวไปขึ้นรถ และ…ฮึก” เฮียพีชปิดปากซบลงกับเตียง

 

                “เพมันขัดขืนน่ะรถเลยไหลลงข้างทางเป็นตายเท่ากันทั้งคู่ แต่โชคดีมันเปิดประตูกระโดดลงมาทัน แต่ลมมันคงไม่รอด” ผมเม้มปากหลับตารวบรวมสติให้กลับมา มันปลอดภัยก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ขอแค่มึงยังอยู่กับกูมันก็ดีแล้ว

 

                “ข้าว…ทำใจหน่อยนะ ช่วงนี้มันอาจจะ…จำไม่ได้สักระยะ” เสียงเฮียเพลงเหมือนฟ้าที่ผ่าลงมากลางใจของผม ผมหัวเราะเบา ๆ สมเพชตัวเองนักที่มีแต่เรื่องเข้าหา สองมือกำแน่นจิกเนื้อตัวเองจนเลือกซึมออกมา

 

                มึงโกรธแค้นอะไรกูนักหนา ทำไมไม่มาลงกับกู ทำไมต้องไปลงกับคนที่กูรัก! ทำไมวะไอ้ลม

 

                “เรื่องจริงมันเจ็บยิ่งกว่านิยายเลยนะครับ ผมไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่ผมจะต้องมาเจอเหตุการณ์จริง วันที่ผมต้องมานั่งบ้าอยู่ข้างเตียงดูคนที่รักความจำเสื่อม มาดูร่างกายที่ขาวเป็นมัมมี่ ผมทำอะไรผิดไว้หรือเปล่าครับ ทำไมพระเจ้าถึงใจร้ายกับผมจัง ทำไมทำดีแล้วผมไม่เคยจะได้ดีเลย หรือผมต้องเลวถึงจะมีความสุขสักที ผม…ฮึก เจ็บ มันเจ็บ! ผมเจ็บปวดมากแค่ไหน…เราเหนื่อยมาพอแล้วครับ สงสารผมทีเถอะ ให้ผมอยู่ในโลกที่มีความสุขบ้าง ให้โอกาสผมได้รักกันสักที ผมรักเขา คืนความทรงจำมาให้เขาที คืนมันมาให้ผมเถอะครับ เรายอมแพ้แล้ว ยอมแล้ว…”

 

                “ข้าว…” พีชมองคนรักน้องชายด้วยความสงสารจับใจ

 

                “ตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้นมาแล้วบอกว่ารักกูมากแค่ไหน เพราะกูจะบอกกับมึงเหมือนกันว่ากูรักมึงมาก ที่รักของต้นข้าวฟื้นขึ้นมาสิครับ วันนี้ข้าวเรียนจบแล้วนะ ทำไมทำกับข้าวแบบนี้ มันไม่ตลกเลยนะ ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา!” ผมจับตัวมันโยกจนหัวสั่นคลอน เฮียเพลงดึงตัวผมให้ออกห่าง กอดผมไว้ทั้งตัว

 

                “พรุ่งนี้มันจะต้องตื่นขึ้นมา ใจเย็น ๆ แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพรักข้าวมาก มันจะต้องจำคนที่มันรักได้”

 

                “อืม หมอว่าไงบ้าง อาการมันเป็นยังไง?” เฮียพีชถามพี่ต้นน้ำที่เปิดประตูเข้ามา พี่ต้นน้ำส่ายหน้า

 

                “ไม่รอดตามที่คิด หมดเวรหมดกรรมกันสักที” ต้นน้ำแตะมือลงบนบ่าเพลง เพลงปล่อยต้นข้าวออกส่งให้พี่ชาย ต้นน้ำลูบแก้มของต้นข้าวที่น้ำตาไหลเปื้อนหน้า

 

                “ร้องทำไม มันไม่ได้ตายสักหน่อย มันไม่ปล่อยให้ข้าวไปมีคนอื่นหรอก ทั้งรักทั้งหวงของมันขนาดนี้”

 

                “แต่มันจำข้าวไม่ได้”

 

                “แล้วยังไง…ข้าวจะให้มันตายหรือจำไม่ได้ ความทรงจำมันสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ต่อให้มันจำไม่ได้ไปตลอดกาลแต่มันก็ไม่ลืมหรอกว่าน้องพี่เป็นแฟนมัน ใจเย็น ๆ แล้วไปเปลี่ยนชุดซะ เสื้อผ้าเราอยู่ในห้องน้ำแล้ว พี่กลับไปเอามาให้”

 

                “ครับ”

 

                ผมก้มหน้าเศร้าหายเข้าไปในห้องน้ำ ยืนนิ่ง ๆ มองหน้าตัวเองผ่านกระจกบานใส ฉีกยิ้มออกมาให้กว้างที่สุด แต่มองยังไงก็ฝืนอยู่ดี ผมต้องสู้ต่อไป ผมจะไม่ยอมแพ้

 

…………………………………………………………..

 

                ผมกลับมาบ้านเพื่อเก็บของไปนอนเฝ้าไอ้หล่อที่โรงพยาบาล ขับรถยนต์ของพี่ต้นน้ำไปจอดที่หน้าคอนโดของผมกับไอ้หล่อ เปิดประตูเข้าไปก็พาลน้ำตาไหลอีกรอบ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ภาพต่าง ๆ มันฉายเข้ามาในหัว ผมเดินไปที่ห้องนอนหยิบตุ๊กตาตัวโปรดที่ไอ้หล่อมันชอบนอนกอดใสกระเป๋าที่เตรียมมา ต้นไม้ที่อยู่นอกระเบียงกำลังโตเต็มที่ เหมือนรักของผมกับมันที่เติบโตไปตามกาลเวลา เราอาจจะเจอทั้งฝันทั้งหนาว แต่เราก็ผ่านมันจนได้

 

                ต้นไม้ก็เหมือนความรักที่ต้องเติบโตไปตามเวลา อย่าไปเร่งมันมาก สักวันเราอาจจะเสียมันไป

 

            รูปของเราตั้งเด่นอยู่บนโต๊ะติดกับหัวเตียง ผมยิ้มและหยิบขึ้นมาดู ภาพที่ผมกอดคอมันจากด้านหลังและมันหน้ายุ่งเหมือนจะหนัก ผมหัวเราะออกมาเก็บกรอบรูปไปให้มันดูที่โรงพยาบาล ก่อนเดินออกจากห้องนอนก็ไม่ลืมที่จะลูบเตียงนุ่มที่เรานอนด้วยกัน ผมจะมีวันนั้นอีกไหม วันที่เรากลับมาอยู่ห้องนี้อีกครั้ง ถ้ามันจำผมไม่ได้ขึ้นมาผมยังทำใจได้ แต่ถ้ามันทั้งจำไม่ได้และไม่รับไม่ได้ที่มีแฟนเป็นผู้ชายด้วย ผมจะทำยังไง

 

                ผมขับรถมาโรงพยาบาลด้วยความระมัดระวัง หอบของทั้งหมดตรงไปที่ห้องไอ้หล่อ เสียงโวยวายข้างในดังลั่น ผมมองผ่านหนาต่างเล็ก ๆ เบิกตากว้างเมื่อเห็นไอ้หล่อมันนอนยิ้มคุยกับเพื่อน ๆ อยู่  พี่ตี๋พี่ดินก็มาเยี่ยมด้วย พี่แซมกับไอ้เต้ยกำลังเดินออกมา ผมผลักประตูเข้าไปพอดีกับที่ไอ้เต้ยมือกำลังแตะประตู

 

                “ผัวมึงเรื่องมากชิบหาย จะแดกขนมก็ต้องให้กูไปซื้อให้” ไอ้เต้ยบ่น

 

                “ก็เต้ยไปกวนเขาก่อนนี่ครับ ก็รู้ว่าเพขี้หวงยังจะไปพูดว่าจะจีบต้นข้าวอีก”

 

                “ก็แค่พูด! พี่แซมออกเงินด้วยนะ เข้าข้างกันดีนัก”

 

                “ความผิดพี่อีก ครับ ๆ อย่ามองสิครับ พี่กลัวแล้ว” แซมยกสองมือขึ้นยอมแพ้

 

                “มึงจะบอกว่า…ไอ้หล่อมันจำกูได้?” ใจผมเต้นรัว จับแขนมันถามเสียงสั่น “จริงเหรอวะ?! มันจำกูได้”

               

                “อะไรวะ มันก็ปกติดี กูงง” เต้ยเกาหัวทำหน้างง

 

                “กูรักมึง” ผมกอดมันแน่น ไอ้เต้ยมันผลักผมออกไปกอดแขนพี่แซม

 

                “กูมีผัวแล้วนะเว้ย!!” แซมหัวเราะร่วนยีหัวเต้ยเล่น

 

                ผมไม่สนใจที่จะเถียงกับมันต่อ โคตรดีใจ แม่งโคตรดีใจ ผมวิ่งเข้าไปในห้องวางของทั้งหมดลงที่โซฟา คนในห้องพากันขยิบตาให้กันหลีกทางให้ผมไปหาไอ้หล่อที่เตียง วันนี้คนเยอะมาก ผมยิ้มเดินไปไอ้หล่อทีละก้าว ๆ

 

                “ต้นข้าว…” เสียงนี้แหละที่ผมต้องการ เสียงไอ้หล่อที่เรียกชื่อผมอีกครั้ง

 

                “มึงไม่ลืมกูใช่ไหม มึงยังจำกูได้ใช่ไหมวะ” ผมกอดมันผ่านผ้าพันแผลสีขาว ไอ้หล่อมันเอามือมาลูบหัวของผมจูบลงบนผมนิ่ม

 

                “กูจะลืมเมียกูได้ยังไงวะ ยิ่งน่ารักน่าฟัดอยู่”

 

                “เลี่ยนเว้ยเลี่ยน เป็นมัมมี่ก็อดแดกเมียนะครับ ฮ่า ๆ” เพทายถลึงตาใส่เพื่อนปาหมอนใส่โดนเข้าเต็มหน้าฟาง

 

                “หุบปากไอ้ฟาง อย่าให้กูฟ้องพี่ตี๋นะเรื่องของมึงอะ” ฟางเหลือบตามองตี๋กลืนน้ำลายลงคอ

 

                “ไอ้นี่ก็มองกูตาเขียวจัง อะ โอ๊ย! น้องฟางยอมแล้วครับ ไม่มีใครจริง ๆครับ จริงจริ๊ง” ตี๋บีบท้ายทอยคนรักลากออกไปข้างนอก ผมตีแก้มมันเบา ๆ

 

                “ตื่นมาก็ปากดีเลยนะ กูห่วงมึงใจจะขาด ไหนว่ามึงความจำเสื่อม”

 

                “เสื่อมก็เหี้ยแล้ว หมอแม่งบอกผิดคน กูล่ะเกลียดจริง ๆ” เพทายตบหัวต้นข้าวเสียงดัง “เฮียเพลงบอกมึงจะไปหาผัวใหม่ ไอ้สัส! กูไม่ตายง่าย ๆ หรอกแม่ง” ผมตวัดสายตามองเฮียเพลง

 

                “เฮียขี้โกหก”

 

                “เพโง่เชื่อเอง ฮ่า ๆ หายไว ๆ สิวะ มีคนรอต่อคิวเยอะนะ” มีที่ไหนกัน เฮียชอบพูดให้ไอ้หล่อมันคิดมาก และไอ้นี่ก็โง่เชื่อทุกครั้ง

 

                “ออกไปให้หมดเลย ออกไป ๆ อยากอยู่กับเมียสองคน” เพทายโวยวายโบกมือไล่

 

                “แกกล้าไล่ป๋าเหรอไง”

 

                “เพอยากอยู่กับเมียอ่า ขอจุ๊บเมียสักทีนะครับ ออกไปกันก่อนนะ นะ ๆ” ไอ้หล่อมันอ้อน ทุกคนพากันยิ้ม ตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับมันสองคน ไอ้หล่อมันคว้าคอผมลงมาจูบกดแนบชิดแทบจะขาดอากาศตายกันทั้งคู่

 

                “กูนึกว่าจะไม่ได้เจอหน้ามึงแล้วนะ” เพทายถอนจูบออกเอาจมูกโด่งมาถูไถหน้าคนรัก

 

                “กูมากกว่าที่ต้องพูดคำนั้น อย่าทิ้งกูไปนะหล่อ กูขาดมึงไม่ได้ ขาดมึงกูคงขาดใจ”

 

                “เด็กน้อยว่ะ” ผมกดหน้าผมให้ซบกับอกมัน สองมือของผมกอดมันไว้หลวม ๆ กลัวจะเจ็บ “กูก็ใจหายไปเหมือนกันนะต้อนรถมันไหลจะชนต้นไม้ กูคิดอย่างเดียวว่ากูต้องทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองรอด เพราะถ้ากูไม่อยู่ มึงคงจะเหงามาก มึงคงจะร้องไห้ และความพยายามของเราก็จะสูญเปล่าไปทั้งหมด”

 

                “กูจะไปมีผัวใหม่ มึงไม่ต้องห่วง โอ๊ย!”

 

                “ลองสิไอ้สัส! กูจะเป็นผีมาหักคอมึงทั้งคู่เลย ปากดีจังวะ หืม หมันเขี้ยว” ผมดึงหัวผมขึ้นไปดูดปากแรง ๆ ผมหัวเราะคิกหอมแก้มมันทั้งสองข้าง

 

                สายตาของเราประสานกัน ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าหล่อหลับตาให้มันจูบหน้าผากเบา ๆ นิ้วของผมกับมันสอดเข้าหากันชูข้างที่มีแหวะขึ้น

 

                “เราหมั้นกันแล้วนะเว้ย มึงหนีกูไปไหนไม่รอดแล้วต้นข้าว แต่ว่าวันนี้…กูขอโทษที่ผิดสัญญา”

 

                “มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แค่มึงยังอยู่ตรงนี้กูก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณที่กลับมาหากู”

 

                “ข้าว…กูรักมึงนะ แต่งงานกันนะ…เป็นเจ้าสาวของกูนะต้นข้าว” เพทายมันยิ้มเจ้าเล่ห์หยิบกล่องแหวนออกมาจากใต้หมอน ผมสะอื้นหนักเลยคราวนี้

 

                “ไม่โรแมนติกเลยไอ้เหี้ย! มึงขอกูแต่งงานจริง ๆ ใช่ไหม” รู้ไหมครับว่าผมรอคอยคำนี้มานานแค่ไหน ขนาดแค่หมั้นผมยังดีใจไม่หยุด แล้วนี่มันขอผมแต่งงาน มันกำลังขอผมแต่งงานเลยนะ

 

                ขอบคุณพระเจ้า ที่ส่งมันมาให้เจอกับผม และให้ความรักของเราสมหวังสักที

 

            “กูรอไม่ไหวนี่หว่า วันนี้กูกะจะทำเซอร์ไพรส์แต่เสือกมาเจอไอ้ลมซะได้ วันนี้วันดี ตกลงยังไง แต่งไม่แต่ง! ไม่แต่งกูจะฆ่ามึงตอนนี้แหละ”

 

                “เฮ้ย ๆ ๆ ให้กูคิดก่อนดิวะ”

 

                “มันมีอะไรให้ต้องคิดอีกวะ กูหล่อ กูรวย กูเรียนจบนอกเลยนะเว้ย แถมไอ้นั่นกูยังใหญ่ อุ๊บ! อื้ม…” ผมโคตรเขินจับมันจูบแม่ง แล้วคนอื่นเสือกเข้ามาได้จังหวะจัง เห็นตอนผมกระชากคอไอ้หล่อขึ้นมาจูบพอดี

 

                “ฮิ้วววว ไม่เบาเว้ย เขินว่ะ” ไอ้ฟางมันเดินมาคนแรกเลยครับ  ผมจะผละออกแต่มือใหญ่ของไอ้หล่อมันกดให้เรายิ่งแนบชิดกันมากขึ้น ผมตบหน้ามันให้ปล่อยแต่มันกลับดูดลิ้นผมเข้าไปอีก

 

                “เอากันเลยครับ  เข้าหอก่อนค่อยแต่งก็ได้นะเฮียไม่ว่า” เพลงแซว

 

                “หืม เข้าหอ…อยากบอกนะว่าจะแต่งงานกันอะ! กูไม่ยอมนะไอ้ตี๋ ให้แม่มึงมาขอกูเดี๋ยวนี้เลย”

 

                “ปัญญาอ่อน”

 

                “มึงด่ากู!”

 

                “หุบปากแล้วนั่งลงดี ๆ กูรักมึงไอ้เด็กเหี้ย เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ เลิกแรดแล้วกูจะไปขอ” ดูท่าจะอีกนาน ผมกับไอ้ติ้วมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา

 

                “เหอะ! ชาติหน้ากูก็ไม่ได้แต่งหรอกแม่ง” ไอ้ฟางพึมพำ

 

                ผมหันมามองไอ้หล่อ มือกุมกันไว้แน่น “ตกลง…แต่งไหม?” มันถามย้ำอีกครั้ง ผมพยักหน้า “เอากูแล้วยังมีหน้ามาถามอีกนะ อืม ดูแลกูดี ๆ ด้วย” ผมก้มลงซุกกับอกมัน “รัก รักนะครับ” ไอ้หล่อมันหลับตาพริ้มบอกรักผมกลับหลาย ๆ รอบ ความอบอุ่นที่ผมสัมผัสนี้มันยังคงอยู่กับผมตลอดไป เหมือนกับคำสัญญาของมันที่บอกจะรักและดูแลผมไปชั่วชีวิต ผมเองก็จะดูแลมันและรักมันอย่างนี้ตลอดไป

 

                ความสุขที่ผมรอคอยมานาน…ผมได้รับมันแล้วนะครับ…รักของผมสมหวังแล้ว

 

 

  TBC.               

 

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา