นักเขียนสาว หัวใจ บ.ก.
-
เขียนโดย Dashathone
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.19 น.
10 ตอน
1 วิจารณ์
13.18K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) เเผนที่สี่.....รักเด็ก90%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 8
แผนที่สี่....รักเด็ก
“รัน เดี๋ยวรัน รัน!” ปรารภตะโกนเรียกชื่อเล่นตามหลังสาวน้อยขี้โมโห ที่กำลังเดินแกมวิ่งที่โรงรถของบ้านโดยไม่ฟังเขาเลยสักนิด ไม่รู้โกรธหรือของขึ้นเรื่องอะไร เห็นตัวเล็กเท่านี้แต่เวลามีอารมณ์ปั่นป่วนแบบนี้ ทำเอาเขาตามแทบไม่ทัน
“ปลดล็อกรถเดี๋ยวนี้ รันจะกลับบ้าน” จิดารันสั่งคนตัวโตเสียงเข้ม ตอนนี้เธอรู้สึกอยากหลีกหนีคนตรงหน้าไปให้ไกล ไม่ต้องมาพบมาเจอกันเลยยิ่งดี
“นี่รันโกรธโมโหพี่เรื่องอะไร เมื่อกี้ยังยิ้มแย้มให้พ่อแม่พี่อยู่เลย” ถึงเขาจะผ่านโลกมาจนเกือบจะสี่สิบปีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะอ่านใจผู้หญิงทุกคนออก โดยเฉพาะคนตัวเล็กตรงหน้านี่ยิ่งคิดไม่ตกไปใหญ่ เพราะเธอมักมีอะไรให้เขาแปลกใจได้เสมอ ดูอย่างแรงบันดาลใจการเขียนนิยายอีโรติกนั่นปะไร
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ!!! ก็ไอ้ที่พี่หลอกพารันมากินข้าวที่บ้านนี้ หลอกให้ยอมให้คุณป้าเอาดวงเราไปผูกกันเพื่อหาฤกษ์แต่งงานอีก ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกันแค่สองอาทิตย์ เราไม่เคยเป็นแฟนกัน ไม่เคยแม้กระทั่งบอกรักกัน อ้อ ไม่สิ เราไม่เคยรู้สึกดีๆต่อกันต่างหาก แล้วแบบนี้เราจะแต่งงานกันได้ยังไง หา!!!” คำพูดตรงและแรงพร่างพรูออกมาจากเจ้าของริมฝีปากเล็กรวดเดียวโดยไม่หยุดหายใจ ไม่ต่างกับใบหน้าบึ้งตึงกับน้ำตาเอ่อคลอที่หน่วยตา ทำเอาคนมองรู้สึกผิดลึกๆอยู่ในใจที่ยังไม่ได้บอกความจริงออกไป
“โอ๋ๆ อย่าร้องนะครับคนดี พี่นึกว่าเรื่องอะไร” ปรารภเอื้อมมือไปดึงร่างบางมาโอบกอดและลูบหลังปลอบโยน
“ปล่อยค่ะ รันจะกลับบ้าน” จิดารันพยายามขืนตัวและดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมอกแกร่ง
“เดี๋ยวสิรัน ฟังพี่ก่อน”
“ไม่! ปล่อย...” ในที่สุดหญิงสาวจึงตัดสินใจทั้งทุบทั้งข่วนจนหลุดพ้น ก่อนจะตั้งหน้าออกวิ่งไปทางประตูเหล็กหน้าคฤหาสน์ ไปให้พ้นจากตรงนี้….
“แต่ความรู้สึกที่พี่มีต่อรันมันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นนะ” เท่านั้นล่ะ เท้าเรียวเล็กที่กำลังออกวิ่งหยุดชะงักทันที
“มะ....หมายความว่ายังไงคะ” จิดารันทำใจกล้าหันกลับมาถามคนพูดนัยให้อยากรู้
“รันจำเหตุการณ์ตอนอายุสาบขวบได้ไหม....”
ภาพเคลื่อนไหวและเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มสองคนกับเด็กหญิงจิดารันวัยสามขวบ กำลังส่งเสียงหัวเราะพูดคุยอบอวนไปทั่วบริเวณรอบสระใหญ่หลังคฤหาสน์หลังงาม
“พี่ปราภ พี่ปรัชญ์ ให้หนูรันเล่นด้วยคนสิคะ นะคะ นะๆ”
เด็กหนุ่มปรัชญาและปรารภกำลังเลี้ยงเตะฟุตบอลอย่างสนุกสนาน โดยมีเด็กหญิงจิดารันวิ่งตามเพื่อขอเล่นด้วย เพราะเด็กน้อยเป็นลูกสาวคนเดียวและยังไม่มีเพื่อนมาเล่นด้วยที่บ้าน
“หนูรันเข้าบ้านไปก่อนไป แดดร้อนแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายนะ” ปรารภหันมาบอกด้วยความเป็นห่วง
“โธ่ ก็ให้หนูรันเล่นด้วนสิคะ นะคะพี่ปราภ โอ้ย!”
ตู้ม!!!
เด็กหญิงจิดารันยังคงอ้อนขอไม่เหยุด แต่ขาเล็กๆที่วิ่งตามไม่ทันกลับพันกันก่อนจะล้มพับแล้วกลิ้งม้วนลงไปในสระน้ำใหญ่แทน
“หนูรัน! หนูรัน!”
ปรารภไม่รอช้ากระโดดโจนจ้วงลงสระว่ายไปโอบอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเข้าฟังทันที ก่อนจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างที่ร่ำเรียนมาจากโรงเรียนประจำ
“เป็นไงบ้างหนูรัน” คราวนี้ปรัชญาที่ยืนลุ้นตั้งแต่ต้นถาม ก่อนจะเอาผ้าขนหนูที่เพิ่งวิ่งกลับไปเอาตอนที่ปรารภกำลังช่วยยัยน้องอยู่นั้น เช็ดผมและซับเนื้อตัวร่างจมน้ำเพราะกลัวจะป่วย
“พี่ปราภ ฮือ หนูรันกลัว หนูรันกลัว หนูรันเกลียดน้ำ” หลังได้สติเด็กหญิงจิดารันก็โผเข้าซุกอกอุ่นของ ‘พี่ปราภ’ เพราะความกลัวตกน้ำเริ่มฝังใจจนต้องหาที่พึ่งทั้งทางกายทางใจ
“นั่นล่ะ เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกว่าอยากปกป้องรันจากความกลัวทุกอย่าง” ก่อนจะพัฒนามาเป็น ‘รัก’ เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
ปรารภสารภาพหลังจบเรื่องราวในอดีต ส่วนประโยคหลังเขาต่อเองในใจ
“แก่แดด ตอนนั้นรันเพิ่งสามขวบเองนะคะ” คนถูกปกป้องอดแซวคนอยากสารภาพไม่ได้ เพราะตอนนั้นเธอยังเล็กมากทำให้จดจำแทบไม่ได้ แต่มันเพิ่งจะกระจ่างชัดตอนฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเขานี่เอง
“คนเขาอุตส่าช่วย ยังจะมาแซวพี่อีกนะ”
“แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องหลอกให้รันมากินข้าวด้วยกับเรื่องแต่งงานยังไงคะ” นั่นสิ เธออยากรู้ว่าความรู้สึกอยากปกป้องใครสักคนมันจะพัฒนายังไง
“รันก็ลองนึกดูสิ ว่าความรู้สึกนี้มันยังฝังใจพี่มาจนถึงทุกวันนี้ คิดว่าพี่ต้องรอมากี่ปีกว่าเราจะได้เจอกันและยืนข้างกันในตอนนี้” ใช่! สิบแปดปี....มันนานมากๆ มากจนแทบลืมเลือนไปว่าครั้งหนึ่งเด็กหญิงจิดารันเคยเล่นสนิทสนมกับเด็กหนุ่มปรารภมาก่อน แถมเขายังเคยช่วยเธอจากการจมน้ำครั้งนั้นด้วย
“ส่วนเรื่องแต่งงานเป็นเพราะพี่เองก็อายุเยอะแล้วควรจะมีครอบครัวสักที ที่สำคัญคือพี่ไม่อยากให้ใครเอารันไปนินทาเสียๆหายที่ต้องมาคบกับคนแก่อย่างพี่ ถ้าเราต้องแสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะ เข้าใจใช่ไหม” เขาอยากทำทุกอยากให้มันถูกต้อง เพราะถ้าคนในสังคมจะได้ไม่เข้าใจผิด จนเอาพูดให้หญิงสาวเสียๆหายไปถึงครอบครัวอีกฝ่าย
“เช่นอะไรบ้างคะ” หัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงรัวให้หน้าขาวนวลร้อนผ่าว เมื่อคิดว่าเขาจะแสดงออกต่อเธอในรูปแบบไหน จนคนเห็นต้องเอาไปนินทาได้ คงไม่ใช่.....
“ก็อย่างเช่น....นี่ไง” จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
ไม่พูดเปล่า แต่ปรารภทำให้ดูด้วยการจุ๊บที่ปากหวานหนึ่งครั้ง หน้าผากเนียนหนึ่งครั้ง และเลื่อนมาที่แก้มแดงเรื่องอีกหนึ่งครั้ง ยิ่งทำให้คนอยากรู้คำตอบเขินอายจนต้องซุกหน้าในอกอุ่นหนีการรุกรานแทน
“ฮ่าๆๆ ไม่เห็นต้องอายเลย อีกหน่อยพอแต่งงานกันแล้ว คง....ลึกซึ้งกว่านี้อีกเยอะ” คนแกล้งหัวเราะดังลั่นลานหน้าบ้าน ก่อนจะเอ่ยเป็นนัยกระตุกหัวใจคนฟังเล่น
“แต่พี่ปราภยังไม่เคยขอรันเป็นแฟน ไม่เคยบอกรักสักคำ แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไงคะ ที่สำคัญรันยังไม่เคยตอบตกลงด้วย” แหม่....จะได้แต่งงานกับหนุ่มเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะทั้งที ไม่เห็นโรแมนติกเหมือนในนิยายที่เธอเขียนเลยสักนิด เฮ้อ....คนแก่นี่น้า
“เรื่องขอเป็นแฟนน่ะคงไม่ต้องแล้วล่ะ คุกเขาขอแต่งงานเลยดีกว่า ส่วนเรื่องบอกรักก็ค่อยเรียนรู้หลังแต่งก็ได้ เพราะเราทั้งคู่มีพื้นฐานความรู้สึกดีๆต่อกันตั้งสิบแปดปีแล้วนะ จริงไหมหนูรัน” ปรารภหมั่นใจว่าหากเขาไม่รู้สึกรักจิดารันเลยคงไม่มีทางจะพูดเรื่องแต่งงานออกมาเด็ดขาด เพียงแต่เขายังไม่เคยเอ่ยออกมาตรงๆต่างหาก ส่วนความรู้สึกของหญิงสาวเอง เขาก็มั่นใจว่าเธอคงรู้สึกดีไม่ต่างจากเขานักหรอก
“โธ่ รันนึกว่าคนแก่จะโรแมนติกซะอีก” คนอยากมีโมเมนท์ดีๆแกล้งเอ่ยประชด
“แต่อีโรติกนะ” คนแก่เลยแกล้งยั่ว ก่อนจะช้อนอุ้ม ‘ว่าที่ภรรยา’ มุ่งหน้าไปขึ้นรถทันที
“กรี้ด ปล่อยนะ รันเดินเองได้” คนโดนอุ้มไม่รู้ตัวกรีดร้องด้วยตกใจ แต่ไม่ลืมสอดแขนไปโอรอบลำคอแกร่งเพราะกลัวตก
“ฮ่าๆๆ เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า สุดที่รัก” ปรารภหัวเราะลั่นถูกใจอีกครั้งที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก โดยไม่สนใจอาการดิ้นรนของคนในอ้อมกอด จนกระทั่งวางเธอลงบนเบาะข้างคนขับอย่างเบามือ และไม่ลืมคาดเข็มขัดให้เสร็จเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งตำแหน่งคนขับเคียงข้างกัน ที่สำคัญ....เขาเอื้อมมือหนาข้างซ้ายไปคว้าเอามือเล็กข้างขวามากุมไว้อย่างขามาอีกต่างหาก ซึ่งคนโดนกุมก็ตอบรับด้วยการหงายหน้ามือเข้าหา ก่อนสอดนิ้วแทรกทุกช่องนิ้วใหญ่กระชับแนบแน่น เพื่อยืนยันว่าเธอเองก็ยอมรับการกระทำนี้เช่นกัน
“ทำไมพี่ปราภเพิ่งจะมาคิดเรื่องแต่งงานตอนนี้ล่ะคะ” จิดารันถามทำลายความเงียบของบรรยากาศในรถ ต่างกับเสียงหัวใจที่กระหน่ำไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เขาออกรถมา บวกกับลุ้นคำตอบอย่างที่ใจหวังอยากฟัง เผื่อว่าเขาจะหลุดปากออกมาบ้าง
“พี่คิดจะมีครอบครัวมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เพิ่งจะมาตัดสินใจตอน...เห็นหน้ารันครั้งแรกนี่ล่ะ” เขาหมายความว่ายังไง เขากำลังจะบอกอะไรกับเธอทางอ้อมรึเปล่า โธ่....ทำไมพี่ปรารภไม่บอกว่าตกหลุมรันตั้งแต่แรกพบล่ะคะ ในขณะที่คนตอบกลับยิ้มขำคนหน้ามุ่ยเพราะยังไม่ได้ยินคำตอบที่อยากฟัง ริจะมีเมียเด็กก็แบบนี้ล่ะปราภเอ้ย
“โกหก” แต่จิดารันกลับประชดแทนการถามตรงๆ
“ความจริงพี่หลงรักตั้งแต่เป็นเด็กหญิงจิดารันแก้มป่องแล้วครับ” ใช่ตอนนั้นเขาชอบชวนปรัชญาเพื่อนรักมาเล่นกับหนูรันบ่อยๆ ชอบแกล้งให้งอนแล้วตามง้อ ที่สำคัญเขาชอบหอมแก้มป่องอมชมพูใสของยังเด็กแสบด้วย
“หัวงู ตอนนั้นรันเพิ่งอยู่อนุบาลเองนะคะ” ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ ปราภจะคิดลึกตั้งแต่เธอเป็นเด็กน้อยขนาดนั้น
“เปล่าหรอก ตอนนั้นพี่ก็แค่อยากมีน้องสาวสักคน”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ”
“ไม่อยากมีแล้ว”
“โธ่...”
“แต่อยากมีเมียเด็กมากกว่า” ว่าที่เมียเด็กถึงกับไปต่อไม่เป็น ก็เขาเล่นพูดตรงและแรงซะขนาดนี้ กรีดดดด นี่เธอกำลังจะกลายเป็นเมียเด็กเหรอเนี้ยะ ไม่นะ!!! แต่...ว่าที่สามีเฒ่าหล่อและล่ำนะ
“ไม่คุยด้วยแล้ว รันง่วงค่ะ” จิดารันจึงหนีอายด้วยการแกล้งหลับตา ทั้งๆที่ใจดวงน้อยในอกซ้ายเต้นรัวแรงเสียงดังสนั่นหู จนกลัวว่าคนแก่กว่าจะได้ยินให้อายเป็นรอบที่สอง ขณะมือเล็กยังคงอยู่ในมือหนาอบอุ่นไปตลอดทาง
“รันครับ” ปรารภกระซิบปลุกข้างใบหูเล็กของคนหลับเมื่อเขาขับรถมาถึงที่หมาย
“….” ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับ
“หนูรัน” ชายหนุ่มเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นอีกหน่อย ก่อนจะอมยิ้มมุมปาก เมื่อสังเกตเห็นอะไรบนหน้านวลผิดปกตินิด คล้ายกับว่าคนตัวเล็กแกล้งหลับอย่างนั้นหรือ หึหึ แล้วจะรู้ว่า....
ใบหน้าคมคายโน้มลงต่ำเข้าใกล้หน้าหวานของคนที่ยังคงแกล้งหลับตาพริ้ม ปล่อยลมหายอุ่นให้รดบนผิวแก้มที่กำลังแดงระเรื่อโดยเจ้าตัวไม่รู้ ริมฝีปากหนาค่อยๆแนบลงบนริมฝีปากบางอิ่มสนิททุกอณู เขาละเลียดชิมเลาะเล็มหลอกล่อให้เจ้าของเปิดเผยออ้าออก เขาอยากจะรู้นักว่ายัยหนูรันจะแกล้งหลับไปได้นานแค่ไหน
ดวงตากลมโตภายใต้เปลือกตาบางเปิดขึ้นทันที พาลให้สบเข้าตรงๆกับดวงตาสีเข้มมีประกายแพรวพราวหวานเจ้าเล่ห์จ้องอยู่ ราวกับกระแสไฟฟ้าช็อตกระตุกจังหวะหัวใจดวงน้อยเต้นระรัว สมองมึนเบลอขาวโพลนเกินกว่าจะควบคุมสั่งร่างกายเธอให้ทำตามเขาแต่โดยดี
ปรารภยิ้มผ่านสายตาส่งไปในคนมอง ยักคิ้วหนาให้เจ้าของปากหวานหนึ่งครั้ง แล้วเร่งเร้ากระหวัดลิ้นทักทายให้หายอยากมาหลายวัน เพิ่มความดูดดื่มด้วยการหลอกล่อด้วยการดุนดันลิ้นแล้วดึงออก เพื่อให้หญิงสาวเผลอไผลผวาส่งลิ้นเล็กตามมา ก่อนลิ้นหนาจะวกกลับเข้าไปดูดดึงดื่มกินอีกครั้งเนิ่นนาน ส่งให้ลำคอระหงครางเสียงหวานพร่า และหอบหายใจเมื่อริมฝีปากหนาอ้อยอิ่งหยุดในที่สุด
“ตื่นแล้วเหรอหนูรัน หืม” คนจู่โจ่มเอ่ยถามเด็กสาวยิ้มล้อเลียนไม่เลิก
“พี่ปราภแกล้งรัน” จิดารันต่อว่าคนปลุกด้วยวิธีประหลาดหน้ามุ่ย เธอโมโหตัวเองที่ดันเผลอไผลไหกับเขาด้วย น่าอายชะมัด!
“ตรงไหนล่ะครับ หน้าผาก แก้ม หรือว่า...ปาก ดูสิบวมเจ่อเชียว สงสัยพี่ดูดแรงไปหน่อย” ไม่เพียงพูด แต่เขายังเน้นด้วยการไล้บนริมฝีปากบวมแดงด้วยหัวแม่มือเล่น
“พี่ปราภ!!!” คนตัวเล็กแหวเรียกชื่อเขาเสียงดัง
“โธ่ ไม่เห็นต้องเขินเลยหนูรันที่รัก อีกหน่อยก็ต้อง...หนักกว่านี้” หะ เขาหมายความว่าอะไร แล้วหนักกว่านี้มันหมายถึงอะไร หรือว่า.....
“คนลามก” เมื่อคิดออก จิดารันจึงโพล่งว่าออกมาเสียงดังอย่างอดไม่ได้
“พี่พูดความจริง ลามกตรงไหนกัน” คนถูกว่ายังยียวนไม่เลิก
“โอ๋ๆ อย่าทำหน้าบึ้งสิครับที่รัก ลงไปทานข้าวกันดีกว่า พี่จองโต๊ะไว้แล้วล่ะ” ปรารภพยักพเยิดชวนให้คนรักหันไปมองสถานที่พิเศษ ซึ่งเขาสั่งให้เลขาจัดการให้ระหว่างที่กำลังอยู่ที่บ้าน
จิดารันเบิกตากว้างกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาอย่างลืมตัว ซุ้มดอกไม้สีขาวตั้งตระหง่านริมชายหาดทรายขาวสะอาดตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม เสียงคลื่นน้ำพัดพาเข้าฝั่งเป็นจังหวะจะโคนคล้ายดนตรีไพเราะระรื่นหู สายลมเย็นเอื่อยๆพัดเอาริบบิ้นสีขาวนวลประดับแซมซุ้มกุหลาบสีชมพูให้โบกสะบัดชวนมอง
เท้าเรียวเปลือยเปล่าเหยียบย่างบนผืนทรายนุ่มไปตามการจับจูงของคนตัวโต ผ่านเหล่าแสงเทียนส่องสว่างนำตลอดทางจนสุด ณ โต๊ะดินเนอร์ใต้แสงเทียน ใบหน้าอิ่มเอิบยิ้มแย้มประกายตาสดใสล้อกับแสงจากเชิงเทียนกลางโต๊ะ คล้ายกับแววตาของเด็กหญิงตัวน้อยกำลังถูกใจกับของเล่นชิ้นใหม่ จนคนเจ้าแผนการอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ไม่เสียแรงที่เขาบันดาลทุกอย่างในคืนนี้สำหรับผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว
“ที่นี่ที่ไหนคะ” จิดารันเอ่ยขึ้นขณะมองไปรอบๆกาย เพราะเธอมัวแต่แกล้งหลับเพราะเขินอายเกินกว่าจะมองหน้าเขามาตลอดทาง ทำให้ไม่เห็นว่าเขาพาเธอมาเส้นทางไหน เท่าที่ดูแล้วช่างไม่คุ้นชินและค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากทีเดียว
“บ้านพักตากอากาศของครอบครัวพี่” ปรารภมักจะใช้เวลาในวันหยุดมาพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศหลังนี้บ่อยๆ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯนัก
“หิวรึยังครับ พี่ให้คนจัดไว้แล้ว” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพตามหน้าที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ และได้รับคำขอบคุณแผ่วเบามาจากริมฝีปากหวาน
“ลองชิมดูสิครับ ว่าถูกปากรันรึเปล่า” คนชวนเปิดฝาครอบจานอาหารออก เผยให้เห็นเมนูทะเลเป็นกุ้งอบตัวโตวางเคียงคู่กับน้ำจิ้มซีฟูด จนคนถูกชวนร้องว้าวออกมาเบาๆ เพราะเธอชอบทานอาหารทะเลแทบทุกชนิดก็ว่าได้
“อร่อยมากค่ะ รู้ได้ยังไงคะ” จิดารันจิ้มเนื้อกุ้งคำโตเข้าปากเพื่อพิสูจน์ โดยไม่ลืมสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นเมนูอาหารที่เธอโปรดปรานที่สุด
“ทำไมพี่จะไม่รู้ว่า...ว่าที่ภรรยาชอบทานอะไร” ความจริงแล้วเขาแอบโทรไปถามนมพร้อมมาละเอียดทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวของจิดารัน แต่ก็เล่นเอาหน้านวลคนอยากรู้แดงเรื่อร้อนผ่าวเก้อเขินกับคำว่า ‘ว่าที่ภรรยา’
“แย่จังค่ะ รันไม่เคยรู้เลยว่าพี่ปราภชอบทานอะไร” นั่นสิ ถึงแม้เธอกับเขาเพิ่งเจอกันไม่นาน แต่เขากลับรู้เรื่องของเธอแทบทุกอย่าง ผิดกับเธอที่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
“พี่ไม่ใช่คนมีความลับ รันอยากรูก็ถามพี่ตรงๆได้เลยที่รัก” ปรารภเป็นคนชัดเจนและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจในเวลานี้กับ....คนตรงหน้า
คนทั้งสองใช้เวลาละเลียดชิมเมนูพิเศษของค่ำคืนนี้ร่วมกัน โดยมีบก.หนุ่มเป็นผู้บริการแกะกุ้งตัวโตและหั่นให้หญิงสาวเสร็จสรรพ เขาไม่ลืมที่จะชวนพูดคุยเรื่องทั่วไปเพื่อช่วยผ่อนคลายความเคอะเขิน รวมถึงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายด้วย ก่อนจะชวนกันเดินริมชายหาดขาวสะอาดนุ่มเท้าไปตามแนวคลื่นน้ำสะท้อนแสงจันทร์ที่กำลังพัดเข้าฝั่ง ปรารภจึงอาสาหิ้วรองเท้าให้คนข้างกายและของตัวเองด้วยมืออีกข้างที่ว่าง ส่วนมือขวานั้นคอยจับจูงกระชับมือเล็กนุ่มไปตลอดทาง
“เราจะมีลูกสักกี่คนดีครับ” ปรารภยิงคำถามทำลายความเงียบอย่างตรงไปตรงมา ส่งผลให้หัวใจของคนถูกถามเต้นกระหน่ำ คำว่า ‘ลูก’ และ ‘ครอบครัว’ ไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลยสักครั้ง นับตั้งแต่สูญเสียผู้เป็นมารที่รักยิ่ง บวกบิดายังไปมีภรรยาใหม่จะทำให้เธอรู้สึกอัดอั้นจนอยู่ในที่ซึ่งเคยเรียกว่า ‘บ้าน’ ไม่ได้
“รัน...กลัวว่าสักวันหนึ่งครอบครัวที่เราจะช่วยกันสร้างขึ้นมา ต้องแตกสลายเพราะความทะเยอทะยานของคนเป็นพ่อ เหมือนกับที่รันเคยเจอ” หากคำตอบของว่าที่ภรรยาไม่ใช่อย่างที่เขาคาดไว้ ดั่งเช่นผู้หญิงทั้งหลายมักพูดถึงชีวิตการแต่งงานและครอบครัวด้วยประกายสดใสเปี่ยมสุข แต่มันกลับกลายเป็นประโยคหม่นหมอง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่งเครือคล้ายปะปนด้วยความทุกข์และร่องรอยแห่งความเจ็บปวด ปรารภพอจะรู้เบื้องหลังของครอบครัวจิดารันมาบ้าง หลังจากที่หญิงสาวสูญเสียที่พึ่งทางจิตใจอย่างแม่บังเกิดเกล้าไปแล้ว คนข้างกายเขาคนนี้ก็ต้องใช้ชีวิตโดดเดียวเพียงลำพังมาตลอด จะมีก็แต่แม่นมพร้อมที่คอยดูแลเรื่องอาหารและให้ความอบอุ่นใบบางเวลาเท่านั้น
“พี่จะไม่เร่งรัดเรื่องนี้อีก จนกว่ารันจะพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจนะที่รัก” ร่างสูงใหญ่จึงกล่าวคำปลอบโยน ก่อนจะจรดริมฝีปากหนาลงบนหน้าผากมนด้วยความรักที่เขามี ก่อนจะโอบกอดร่างเล็กแน่นพลางลูบหลังปลอบ ด้วยหวังว่าความอบอุ่นที่เขาเป็นผู้ถ่ายถอดส่งผ่านไปสู่ในอ้อมแขน เพื่อช่วยเยียวยารักษาความเจ็บปวดที่ยังคงฝังรากลึกให้บรรเทาเบาบางลง
ทว่าเสียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นไม่หยุด ทำให้เจ้าของอกแกร่งต้องตัดสินใจกดรับ แต่มืออีกข้างยังคงลูบหลังคนซบกับอกตัวเองอยู่
“นายจะตายเป็นคนแรก ถ้าไม่มีเรื่องด่วน” เสียงเข้มห้าวคาดโทษลูกน้องไปตามสาย เพราะมันกล้าขัดจังหวะเวลาหวานของเขากับคนรักริมทะเลแบบนี้!
‘นายแบบที่จะเดินแบบในวันพรุ่งนี้ขอถอนตัวทั้งหมดครับนาย’ เลขาส่วนตัวควบตำแหน่งลูกน้องมือขวารายงานด้วยเสียงกล้าๆกลัวมาตามสาย
“บรรลัย!!!” เสียงสบถออกจากริมฝีปากหยักทันทีที่เลขาพูดจบ ก็นี่มันงานใหญ่ครบรอบบริษัทผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชายของเขา ทั้งๆที่งานจะเริ่มพรุ่งนี้และทุกอย่างก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว นายแบบพวกนั้นเกิดจะมาบ้าขอถอนตัวอะไรกันตอนนี้ แถมบริษัทโมเดลลิ่งที่เขาใช้บริการก็เป็นเจ้าเก่าคุ้นกันมานาน มันต้องมีอะไรแน่ๆ
“แล้วลินดาว่ายังไง” ปรารภถามถึงลินดา หลิว อดีตนางแบบสาวลูกครึ่งฮ่องกง-อเมริกา ผู้ผันตัวมาเป็นเจ้าของโมเดลลิ่งชื่อดัง ซึ่งทั้งคู่เคยควงกันออกงานสังคมอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลดความสัมพันธ์เหลือแค่เพียง ‘เพื่อนร่วมวงการ’ เท่านั้น
‘เลขาคุณลิดาแจ้งว่าติดต่อไม่ได้ครับ’
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ปรารภสบถอีกรอบ หลังได้ฟังคำรายงานจากเลขา
‘เอ่อ...แล้วบอสจะเอายังไงครับ’ คนปลายสายตัดสินใจถามขึ้น เพราะหากปล่อยช้ากว่านี้ บริษัทจะเสียงเครดิตและชื่อเสียงหากข่าวแพร่กระจายออกไป
“เออ ขอคิดก่อน” เขาตัดสายทิ้งทันที พอๆกับสมองก็ครุ่นคิดไปด้วย ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดแทบชนกัน สันกรามเกร็งนูนจนคนข้างตัวเห็นชัดเจน
หัวแม่มือนุ่มเล็กค่อยๆกดย้ำแล้วนวดระหว่างหัวคิ้วให้คายออก เรียกสายตาเข้มที่กำลังสับสนกับปัญหาตรงหน้า หันกลับมามองอย่างแปลกใจ นิดารันจึงทำใจกล้ายิ้มหวานปลอบประโลมส่องไปให้ หวังว่ามันจะช่วยปัดเป่าความทุกข์ของคนตัวโตออกไปจากใจ ริมฝีปากหนาจึงคลี่ยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้กับความน่ารักของผู้หญิงคนนี้ ไม่คิดว่าวันที่เขาเผชิญปัญหาเพียงลำพังจะสิ้นสุดลง เมื่อยอมรับและเปิดใจกับหัวใจตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเขามันจะขบคิดและแก้ปัญหาเพียงลำพังมาตลอด เนื่องจากคิดความโสดและอิสภาพคือความสุขใจชีวิตของลูกผู้ชาย
แต่มาวันนี้เขาเข้าใจบิดาแล้วว่าทำไมถึงได้รักและตามใจมารดามากนัก นั่นอาจเพราะท่านมีหลังบ้านที่ดีที่คอยร่วมผ่านทุกข์ด้วยกันนั้น จะทำให้เรามีความสุขได้แม้กำลังเจอกับปัญหาใหญ่ก็ตาม เช่นเขาในตอนนี้ไง เพียงแค่คนที่เรารักกำลังยืมยิ้มหวานส่งมาและนวดหัวคิดให้ ก็ทำให้เขาอดจะยิ้มตามและคลายความกังวลลงไม่ได้ แม้หญิงสาวจะไม่เอ่ยคำพูดใดออกมาเลยสักคำ
ปรารภจึงให้รางวัลคนน่ารักด้วยการเชยคายเล็กขึ้น เพื่อนรับจูบแผ่วเบาเป็นการของคุณในความดีครั้งนี้ เรียกสีเลือดบนแก้มเนียนให้แดงเรื่อด้วยเขินอาย ก่อนจะจับจูงกันเดินกลับไปที่รถ แล้วขับมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯเพื่อสะสางปัญหาทันที
ปล. ไรท์ไม่ได้หายไปไหนมาค่ะ เพียงเเต่หยุดไปเลี้ยงลูกค่ะ กำลังจะหัดเดินซนมากๆอยากรู้ไปหมดทุกสิ่ง สัญญาว่าจะพยายามรีบจบเล่มให้เร็วนะคะ ขอให้สนุกกับนิยายของไรท์นะจ้ะ ด้วยรัก Dashathone
แผนที่สี่....รักเด็ก
“รัน เดี๋ยวรัน รัน!” ปรารภตะโกนเรียกชื่อเล่นตามหลังสาวน้อยขี้โมโห ที่กำลังเดินแกมวิ่งที่โรงรถของบ้านโดยไม่ฟังเขาเลยสักนิด ไม่รู้โกรธหรือของขึ้นเรื่องอะไร เห็นตัวเล็กเท่านี้แต่เวลามีอารมณ์ปั่นป่วนแบบนี้ ทำเอาเขาตามแทบไม่ทัน
“ปลดล็อกรถเดี๋ยวนี้ รันจะกลับบ้าน” จิดารันสั่งคนตัวโตเสียงเข้ม ตอนนี้เธอรู้สึกอยากหลีกหนีคนตรงหน้าไปให้ไกล ไม่ต้องมาพบมาเจอกันเลยยิ่งดี
“นี่รันโกรธโมโหพี่เรื่องอะไร เมื่อกี้ยังยิ้มแย้มให้พ่อแม่พี่อยู่เลย” ถึงเขาจะผ่านโลกมาจนเกือบจะสี่สิบปีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะอ่านใจผู้หญิงทุกคนออก โดยเฉพาะคนตัวเล็กตรงหน้านี่ยิ่งคิดไม่ตกไปใหญ่ เพราะเธอมักมีอะไรให้เขาแปลกใจได้เสมอ ดูอย่างแรงบันดาลใจการเขียนนิยายอีโรติกนั่นปะไร
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ!!! ก็ไอ้ที่พี่หลอกพารันมากินข้าวที่บ้านนี้ หลอกให้ยอมให้คุณป้าเอาดวงเราไปผูกกันเพื่อหาฤกษ์แต่งงานอีก ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกันแค่สองอาทิตย์ เราไม่เคยเป็นแฟนกัน ไม่เคยแม้กระทั่งบอกรักกัน อ้อ ไม่สิ เราไม่เคยรู้สึกดีๆต่อกันต่างหาก แล้วแบบนี้เราจะแต่งงานกันได้ยังไง หา!!!” คำพูดตรงและแรงพร่างพรูออกมาจากเจ้าของริมฝีปากเล็กรวดเดียวโดยไม่หยุดหายใจ ไม่ต่างกับใบหน้าบึ้งตึงกับน้ำตาเอ่อคลอที่หน่วยตา ทำเอาคนมองรู้สึกผิดลึกๆอยู่ในใจที่ยังไม่ได้บอกความจริงออกไป
“โอ๋ๆ อย่าร้องนะครับคนดี พี่นึกว่าเรื่องอะไร” ปรารภเอื้อมมือไปดึงร่างบางมาโอบกอดและลูบหลังปลอบโยน
“ปล่อยค่ะ รันจะกลับบ้าน” จิดารันพยายามขืนตัวและดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมอกแกร่ง
“เดี๋ยวสิรัน ฟังพี่ก่อน”
“ไม่! ปล่อย...” ในที่สุดหญิงสาวจึงตัดสินใจทั้งทุบทั้งข่วนจนหลุดพ้น ก่อนจะตั้งหน้าออกวิ่งไปทางประตูเหล็กหน้าคฤหาสน์ ไปให้พ้นจากตรงนี้….
“แต่ความรู้สึกที่พี่มีต่อรันมันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นนะ” เท่านั้นล่ะ เท้าเรียวเล็กที่กำลังออกวิ่งหยุดชะงักทันที
“มะ....หมายความว่ายังไงคะ” จิดารันทำใจกล้าหันกลับมาถามคนพูดนัยให้อยากรู้
“รันจำเหตุการณ์ตอนอายุสาบขวบได้ไหม....”
ภาพเคลื่อนไหวและเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มสองคนกับเด็กหญิงจิดารันวัยสามขวบ กำลังส่งเสียงหัวเราะพูดคุยอบอวนไปทั่วบริเวณรอบสระใหญ่หลังคฤหาสน์หลังงาม
“พี่ปราภ พี่ปรัชญ์ ให้หนูรันเล่นด้วยคนสิคะ นะคะ นะๆ”
เด็กหนุ่มปรัชญาและปรารภกำลังเลี้ยงเตะฟุตบอลอย่างสนุกสนาน โดยมีเด็กหญิงจิดารันวิ่งตามเพื่อขอเล่นด้วย เพราะเด็กน้อยเป็นลูกสาวคนเดียวและยังไม่มีเพื่อนมาเล่นด้วยที่บ้าน
“หนูรันเข้าบ้านไปก่อนไป แดดร้อนแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายนะ” ปรารภหันมาบอกด้วยความเป็นห่วง
“โธ่ ก็ให้หนูรันเล่นด้วนสิคะ นะคะพี่ปราภ โอ้ย!”
ตู้ม!!!
เด็กหญิงจิดารันยังคงอ้อนขอไม่เหยุด แต่ขาเล็กๆที่วิ่งตามไม่ทันกลับพันกันก่อนจะล้มพับแล้วกลิ้งม้วนลงไปในสระน้ำใหญ่แทน
“หนูรัน! หนูรัน!”
ปรารภไม่รอช้ากระโดดโจนจ้วงลงสระว่ายไปโอบอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเข้าฟังทันที ก่อนจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างที่ร่ำเรียนมาจากโรงเรียนประจำ
“เป็นไงบ้างหนูรัน” คราวนี้ปรัชญาที่ยืนลุ้นตั้งแต่ต้นถาม ก่อนจะเอาผ้าขนหนูที่เพิ่งวิ่งกลับไปเอาตอนที่ปรารภกำลังช่วยยัยน้องอยู่นั้น เช็ดผมและซับเนื้อตัวร่างจมน้ำเพราะกลัวจะป่วย
“พี่ปราภ ฮือ หนูรันกลัว หนูรันกลัว หนูรันเกลียดน้ำ” หลังได้สติเด็กหญิงจิดารันก็โผเข้าซุกอกอุ่นของ ‘พี่ปราภ’ เพราะความกลัวตกน้ำเริ่มฝังใจจนต้องหาที่พึ่งทั้งทางกายทางใจ
“นั่นล่ะ เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกว่าอยากปกป้องรันจากความกลัวทุกอย่าง” ก่อนจะพัฒนามาเป็น ‘รัก’ เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
ปรารภสารภาพหลังจบเรื่องราวในอดีต ส่วนประโยคหลังเขาต่อเองในใจ
“แก่แดด ตอนนั้นรันเพิ่งสามขวบเองนะคะ” คนถูกปกป้องอดแซวคนอยากสารภาพไม่ได้ เพราะตอนนั้นเธอยังเล็กมากทำให้จดจำแทบไม่ได้ แต่มันเพิ่งจะกระจ่างชัดตอนฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเขานี่เอง
“คนเขาอุตส่าช่วย ยังจะมาแซวพี่อีกนะ”
“แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องหลอกให้รันมากินข้าวด้วยกับเรื่องแต่งงานยังไงคะ” นั่นสิ เธออยากรู้ว่าความรู้สึกอยากปกป้องใครสักคนมันจะพัฒนายังไง
“รันก็ลองนึกดูสิ ว่าความรู้สึกนี้มันยังฝังใจพี่มาจนถึงทุกวันนี้ คิดว่าพี่ต้องรอมากี่ปีกว่าเราจะได้เจอกันและยืนข้างกันในตอนนี้” ใช่! สิบแปดปี....มันนานมากๆ มากจนแทบลืมเลือนไปว่าครั้งหนึ่งเด็กหญิงจิดารันเคยเล่นสนิทสนมกับเด็กหนุ่มปรารภมาก่อน แถมเขายังเคยช่วยเธอจากการจมน้ำครั้งนั้นด้วย
“ส่วนเรื่องแต่งงานเป็นเพราะพี่เองก็อายุเยอะแล้วควรจะมีครอบครัวสักที ที่สำคัญคือพี่ไม่อยากให้ใครเอารันไปนินทาเสียๆหายที่ต้องมาคบกับคนแก่อย่างพี่ ถ้าเราต้องแสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะ เข้าใจใช่ไหม” เขาอยากทำทุกอยากให้มันถูกต้อง เพราะถ้าคนในสังคมจะได้ไม่เข้าใจผิด จนเอาพูดให้หญิงสาวเสียๆหายไปถึงครอบครัวอีกฝ่าย
“เช่นอะไรบ้างคะ” หัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงรัวให้หน้าขาวนวลร้อนผ่าว เมื่อคิดว่าเขาจะแสดงออกต่อเธอในรูปแบบไหน จนคนเห็นต้องเอาไปนินทาได้ คงไม่ใช่.....
“ก็อย่างเช่น....นี่ไง” จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
ไม่พูดเปล่า แต่ปรารภทำให้ดูด้วยการจุ๊บที่ปากหวานหนึ่งครั้ง หน้าผากเนียนหนึ่งครั้ง และเลื่อนมาที่แก้มแดงเรื่องอีกหนึ่งครั้ง ยิ่งทำให้คนอยากรู้คำตอบเขินอายจนต้องซุกหน้าในอกอุ่นหนีการรุกรานแทน
“ฮ่าๆๆ ไม่เห็นต้องอายเลย อีกหน่อยพอแต่งงานกันแล้ว คง....ลึกซึ้งกว่านี้อีกเยอะ” คนแกล้งหัวเราะดังลั่นลานหน้าบ้าน ก่อนจะเอ่ยเป็นนัยกระตุกหัวใจคนฟังเล่น
“แต่พี่ปราภยังไม่เคยขอรันเป็นแฟน ไม่เคยบอกรักสักคำ แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไงคะ ที่สำคัญรันยังไม่เคยตอบตกลงด้วย” แหม่....จะได้แต่งงานกับหนุ่มเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะทั้งที ไม่เห็นโรแมนติกเหมือนในนิยายที่เธอเขียนเลยสักนิด เฮ้อ....คนแก่นี่น้า
“เรื่องขอเป็นแฟนน่ะคงไม่ต้องแล้วล่ะ คุกเขาขอแต่งงานเลยดีกว่า ส่วนเรื่องบอกรักก็ค่อยเรียนรู้หลังแต่งก็ได้ เพราะเราทั้งคู่มีพื้นฐานความรู้สึกดีๆต่อกันตั้งสิบแปดปีแล้วนะ จริงไหมหนูรัน” ปรารภหมั่นใจว่าหากเขาไม่รู้สึกรักจิดารันเลยคงไม่มีทางจะพูดเรื่องแต่งงานออกมาเด็ดขาด เพียงแต่เขายังไม่เคยเอ่ยออกมาตรงๆต่างหาก ส่วนความรู้สึกของหญิงสาวเอง เขาก็มั่นใจว่าเธอคงรู้สึกดีไม่ต่างจากเขานักหรอก
“โธ่ รันนึกว่าคนแก่จะโรแมนติกซะอีก” คนอยากมีโมเมนท์ดีๆแกล้งเอ่ยประชด
“แต่อีโรติกนะ” คนแก่เลยแกล้งยั่ว ก่อนจะช้อนอุ้ม ‘ว่าที่ภรรยา’ มุ่งหน้าไปขึ้นรถทันที
“กรี้ด ปล่อยนะ รันเดินเองได้” คนโดนอุ้มไม่รู้ตัวกรีดร้องด้วยตกใจ แต่ไม่ลืมสอดแขนไปโอรอบลำคอแกร่งเพราะกลัวตก
“ฮ่าๆๆ เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า สุดที่รัก” ปรารภหัวเราะลั่นถูกใจอีกครั้งที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก โดยไม่สนใจอาการดิ้นรนของคนในอ้อมกอด จนกระทั่งวางเธอลงบนเบาะข้างคนขับอย่างเบามือ และไม่ลืมคาดเข็มขัดให้เสร็จเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งตำแหน่งคนขับเคียงข้างกัน ที่สำคัญ....เขาเอื้อมมือหนาข้างซ้ายไปคว้าเอามือเล็กข้างขวามากุมไว้อย่างขามาอีกต่างหาก ซึ่งคนโดนกุมก็ตอบรับด้วยการหงายหน้ามือเข้าหา ก่อนสอดนิ้วแทรกทุกช่องนิ้วใหญ่กระชับแนบแน่น เพื่อยืนยันว่าเธอเองก็ยอมรับการกระทำนี้เช่นกัน
“ทำไมพี่ปราภเพิ่งจะมาคิดเรื่องแต่งงานตอนนี้ล่ะคะ” จิดารันถามทำลายความเงียบของบรรยากาศในรถ ต่างกับเสียงหัวใจที่กระหน่ำไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เขาออกรถมา บวกกับลุ้นคำตอบอย่างที่ใจหวังอยากฟัง เผื่อว่าเขาจะหลุดปากออกมาบ้าง
“พี่คิดจะมีครอบครัวมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เพิ่งจะมาตัดสินใจตอน...เห็นหน้ารันครั้งแรกนี่ล่ะ” เขาหมายความว่ายังไง เขากำลังจะบอกอะไรกับเธอทางอ้อมรึเปล่า โธ่....ทำไมพี่ปรารภไม่บอกว่าตกหลุมรันตั้งแต่แรกพบล่ะคะ ในขณะที่คนตอบกลับยิ้มขำคนหน้ามุ่ยเพราะยังไม่ได้ยินคำตอบที่อยากฟัง ริจะมีเมียเด็กก็แบบนี้ล่ะปราภเอ้ย
“โกหก” แต่จิดารันกลับประชดแทนการถามตรงๆ
“ความจริงพี่หลงรักตั้งแต่เป็นเด็กหญิงจิดารันแก้มป่องแล้วครับ” ใช่ตอนนั้นเขาชอบชวนปรัชญาเพื่อนรักมาเล่นกับหนูรันบ่อยๆ ชอบแกล้งให้งอนแล้วตามง้อ ที่สำคัญเขาชอบหอมแก้มป่องอมชมพูใสของยังเด็กแสบด้วย
“หัวงู ตอนนั้นรันเพิ่งอยู่อนุบาลเองนะคะ” ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ ปราภจะคิดลึกตั้งแต่เธอเป็นเด็กน้อยขนาดนั้น
“เปล่าหรอก ตอนนั้นพี่ก็แค่อยากมีน้องสาวสักคน”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ”
“ไม่อยากมีแล้ว”
“โธ่...”
“แต่อยากมีเมียเด็กมากกว่า” ว่าที่เมียเด็กถึงกับไปต่อไม่เป็น ก็เขาเล่นพูดตรงและแรงซะขนาดนี้ กรีดดดด นี่เธอกำลังจะกลายเป็นเมียเด็กเหรอเนี้ยะ ไม่นะ!!! แต่...ว่าที่สามีเฒ่าหล่อและล่ำนะ
“ไม่คุยด้วยแล้ว รันง่วงค่ะ” จิดารันจึงหนีอายด้วยการแกล้งหลับตา ทั้งๆที่ใจดวงน้อยในอกซ้ายเต้นรัวแรงเสียงดังสนั่นหู จนกลัวว่าคนแก่กว่าจะได้ยินให้อายเป็นรอบที่สอง ขณะมือเล็กยังคงอยู่ในมือหนาอบอุ่นไปตลอดทาง
“รันครับ” ปรารภกระซิบปลุกข้างใบหูเล็กของคนหลับเมื่อเขาขับรถมาถึงที่หมาย
“….” ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับ
“หนูรัน” ชายหนุ่มเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นอีกหน่อย ก่อนจะอมยิ้มมุมปาก เมื่อสังเกตเห็นอะไรบนหน้านวลผิดปกตินิด คล้ายกับว่าคนตัวเล็กแกล้งหลับอย่างนั้นหรือ หึหึ แล้วจะรู้ว่า....
ใบหน้าคมคายโน้มลงต่ำเข้าใกล้หน้าหวานของคนที่ยังคงแกล้งหลับตาพริ้ม ปล่อยลมหายอุ่นให้รดบนผิวแก้มที่กำลังแดงระเรื่อโดยเจ้าตัวไม่รู้ ริมฝีปากหนาค่อยๆแนบลงบนริมฝีปากบางอิ่มสนิททุกอณู เขาละเลียดชิมเลาะเล็มหลอกล่อให้เจ้าของเปิดเผยออ้าออก เขาอยากจะรู้นักว่ายัยหนูรันจะแกล้งหลับไปได้นานแค่ไหน
ดวงตากลมโตภายใต้เปลือกตาบางเปิดขึ้นทันที พาลให้สบเข้าตรงๆกับดวงตาสีเข้มมีประกายแพรวพราวหวานเจ้าเล่ห์จ้องอยู่ ราวกับกระแสไฟฟ้าช็อตกระตุกจังหวะหัวใจดวงน้อยเต้นระรัว สมองมึนเบลอขาวโพลนเกินกว่าจะควบคุมสั่งร่างกายเธอให้ทำตามเขาแต่โดยดี
ปรารภยิ้มผ่านสายตาส่งไปในคนมอง ยักคิ้วหนาให้เจ้าของปากหวานหนึ่งครั้ง แล้วเร่งเร้ากระหวัดลิ้นทักทายให้หายอยากมาหลายวัน เพิ่มความดูดดื่มด้วยการหลอกล่อด้วยการดุนดันลิ้นแล้วดึงออก เพื่อให้หญิงสาวเผลอไผลผวาส่งลิ้นเล็กตามมา ก่อนลิ้นหนาจะวกกลับเข้าไปดูดดึงดื่มกินอีกครั้งเนิ่นนาน ส่งให้ลำคอระหงครางเสียงหวานพร่า และหอบหายใจเมื่อริมฝีปากหนาอ้อยอิ่งหยุดในที่สุด
“ตื่นแล้วเหรอหนูรัน หืม” คนจู่โจ่มเอ่ยถามเด็กสาวยิ้มล้อเลียนไม่เลิก
“พี่ปราภแกล้งรัน” จิดารันต่อว่าคนปลุกด้วยวิธีประหลาดหน้ามุ่ย เธอโมโหตัวเองที่ดันเผลอไผลไหกับเขาด้วย น่าอายชะมัด!
“ตรงไหนล่ะครับ หน้าผาก แก้ม หรือว่า...ปาก ดูสิบวมเจ่อเชียว สงสัยพี่ดูดแรงไปหน่อย” ไม่เพียงพูด แต่เขายังเน้นด้วยการไล้บนริมฝีปากบวมแดงด้วยหัวแม่มือเล่น
“พี่ปราภ!!!” คนตัวเล็กแหวเรียกชื่อเขาเสียงดัง
“โธ่ ไม่เห็นต้องเขินเลยหนูรันที่รัก อีกหน่อยก็ต้อง...หนักกว่านี้” หะ เขาหมายความว่าอะไร แล้วหนักกว่านี้มันหมายถึงอะไร หรือว่า.....
“คนลามก” เมื่อคิดออก จิดารันจึงโพล่งว่าออกมาเสียงดังอย่างอดไม่ได้
“พี่พูดความจริง ลามกตรงไหนกัน” คนถูกว่ายังยียวนไม่เลิก
“โอ๋ๆ อย่าทำหน้าบึ้งสิครับที่รัก ลงไปทานข้าวกันดีกว่า พี่จองโต๊ะไว้แล้วล่ะ” ปรารภพยักพเยิดชวนให้คนรักหันไปมองสถานที่พิเศษ ซึ่งเขาสั่งให้เลขาจัดการให้ระหว่างที่กำลังอยู่ที่บ้าน
จิดารันเบิกตากว้างกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาอย่างลืมตัว ซุ้มดอกไม้สีขาวตั้งตระหง่านริมชายหาดทรายขาวสะอาดตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม เสียงคลื่นน้ำพัดพาเข้าฝั่งเป็นจังหวะจะโคนคล้ายดนตรีไพเราะระรื่นหู สายลมเย็นเอื่อยๆพัดเอาริบบิ้นสีขาวนวลประดับแซมซุ้มกุหลาบสีชมพูให้โบกสะบัดชวนมอง
เท้าเรียวเปลือยเปล่าเหยียบย่างบนผืนทรายนุ่มไปตามการจับจูงของคนตัวโต ผ่านเหล่าแสงเทียนส่องสว่างนำตลอดทางจนสุด ณ โต๊ะดินเนอร์ใต้แสงเทียน ใบหน้าอิ่มเอิบยิ้มแย้มประกายตาสดใสล้อกับแสงจากเชิงเทียนกลางโต๊ะ คล้ายกับแววตาของเด็กหญิงตัวน้อยกำลังถูกใจกับของเล่นชิ้นใหม่ จนคนเจ้าแผนการอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ไม่เสียแรงที่เขาบันดาลทุกอย่างในคืนนี้สำหรับผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว
“ที่นี่ที่ไหนคะ” จิดารันเอ่ยขึ้นขณะมองไปรอบๆกาย เพราะเธอมัวแต่แกล้งหลับเพราะเขินอายเกินกว่าจะมองหน้าเขามาตลอดทาง ทำให้ไม่เห็นว่าเขาพาเธอมาเส้นทางไหน เท่าที่ดูแล้วช่างไม่คุ้นชินและค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากทีเดียว
“บ้านพักตากอากาศของครอบครัวพี่” ปรารภมักจะใช้เวลาในวันหยุดมาพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศหลังนี้บ่อยๆ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯนัก
“หิวรึยังครับ พี่ให้คนจัดไว้แล้ว” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพตามหน้าที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ และได้รับคำขอบคุณแผ่วเบามาจากริมฝีปากหวาน
“ลองชิมดูสิครับ ว่าถูกปากรันรึเปล่า” คนชวนเปิดฝาครอบจานอาหารออก เผยให้เห็นเมนูทะเลเป็นกุ้งอบตัวโตวางเคียงคู่กับน้ำจิ้มซีฟูด จนคนถูกชวนร้องว้าวออกมาเบาๆ เพราะเธอชอบทานอาหารทะเลแทบทุกชนิดก็ว่าได้
“อร่อยมากค่ะ รู้ได้ยังไงคะ” จิดารันจิ้มเนื้อกุ้งคำโตเข้าปากเพื่อพิสูจน์ โดยไม่ลืมสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นเมนูอาหารที่เธอโปรดปรานที่สุด
“ทำไมพี่จะไม่รู้ว่า...ว่าที่ภรรยาชอบทานอะไร” ความจริงแล้วเขาแอบโทรไปถามนมพร้อมมาละเอียดทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวของจิดารัน แต่ก็เล่นเอาหน้านวลคนอยากรู้แดงเรื่อร้อนผ่าวเก้อเขินกับคำว่า ‘ว่าที่ภรรยา’
“แย่จังค่ะ รันไม่เคยรู้เลยว่าพี่ปราภชอบทานอะไร” นั่นสิ ถึงแม้เธอกับเขาเพิ่งเจอกันไม่นาน แต่เขากลับรู้เรื่องของเธอแทบทุกอย่าง ผิดกับเธอที่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
“พี่ไม่ใช่คนมีความลับ รันอยากรูก็ถามพี่ตรงๆได้เลยที่รัก” ปรารภเป็นคนชัดเจนและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจในเวลานี้กับ....คนตรงหน้า
คนทั้งสองใช้เวลาละเลียดชิมเมนูพิเศษของค่ำคืนนี้ร่วมกัน โดยมีบก.หนุ่มเป็นผู้บริการแกะกุ้งตัวโตและหั่นให้หญิงสาวเสร็จสรรพ เขาไม่ลืมที่จะชวนพูดคุยเรื่องทั่วไปเพื่อช่วยผ่อนคลายความเคอะเขิน รวมถึงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายด้วย ก่อนจะชวนกันเดินริมชายหาดขาวสะอาดนุ่มเท้าไปตามแนวคลื่นน้ำสะท้อนแสงจันทร์ที่กำลังพัดเข้าฝั่ง ปรารภจึงอาสาหิ้วรองเท้าให้คนข้างกายและของตัวเองด้วยมืออีกข้างที่ว่าง ส่วนมือขวานั้นคอยจับจูงกระชับมือเล็กนุ่มไปตลอดทาง
“เราจะมีลูกสักกี่คนดีครับ” ปรารภยิงคำถามทำลายความเงียบอย่างตรงไปตรงมา ส่งผลให้หัวใจของคนถูกถามเต้นกระหน่ำ คำว่า ‘ลูก’ และ ‘ครอบครัว’ ไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลยสักครั้ง นับตั้งแต่สูญเสียผู้เป็นมารที่รักยิ่ง บวกบิดายังไปมีภรรยาใหม่จะทำให้เธอรู้สึกอัดอั้นจนอยู่ในที่ซึ่งเคยเรียกว่า ‘บ้าน’ ไม่ได้
“รัน...กลัวว่าสักวันหนึ่งครอบครัวที่เราจะช่วยกันสร้างขึ้นมา ต้องแตกสลายเพราะความทะเยอทะยานของคนเป็นพ่อ เหมือนกับที่รันเคยเจอ” หากคำตอบของว่าที่ภรรยาไม่ใช่อย่างที่เขาคาดไว้ ดั่งเช่นผู้หญิงทั้งหลายมักพูดถึงชีวิตการแต่งงานและครอบครัวด้วยประกายสดใสเปี่ยมสุข แต่มันกลับกลายเป็นประโยคหม่นหมอง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่งเครือคล้ายปะปนด้วยความทุกข์และร่องรอยแห่งความเจ็บปวด ปรารภพอจะรู้เบื้องหลังของครอบครัวจิดารันมาบ้าง หลังจากที่หญิงสาวสูญเสียที่พึ่งทางจิตใจอย่างแม่บังเกิดเกล้าไปแล้ว คนข้างกายเขาคนนี้ก็ต้องใช้ชีวิตโดดเดียวเพียงลำพังมาตลอด จะมีก็แต่แม่นมพร้อมที่คอยดูแลเรื่องอาหารและให้ความอบอุ่นใบบางเวลาเท่านั้น
“พี่จะไม่เร่งรัดเรื่องนี้อีก จนกว่ารันจะพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจนะที่รัก” ร่างสูงใหญ่จึงกล่าวคำปลอบโยน ก่อนจะจรดริมฝีปากหนาลงบนหน้าผากมนด้วยความรักที่เขามี ก่อนจะโอบกอดร่างเล็กแน่นพลางลูบหลังปลอบ ด้วยหวังว่าความอบอุ่นที่เขาเป็นผู้ถ่ายถอดส่งผ่านไปสู่ในอ้อมแขน เพื่อช่วยเยียวยารักษาความเจ็บปวดที่ยังคงฝังรากลึกให้บรรเทาเบาบางลง
ทว่าเสียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นไม่หยุด ทำให้เจ้าของอกแกร่งต้องตัดสินใจกดรับ แต่มืออีกข้างยังคงลูบหลังคนซบกับอกตัวเองอยู่
“นายจะตายเป็นคนแรก ถ้าไม่มีเรื่องด่วน” เสียงเข้มห้าวคาดโทษลูกน้องไปตามสาย เพราะมันกล้าขัดจังหวะเวลาหวานของเขากับคนรักริมทะเลแบบนี้!
‘นายแบบที่จะเดินแบบในวันพรุ่งนี้ขอถอนตัวทั้งหมดครับนาย’ เลขาส่วนตัวควบตำแหน่งลูกน้องมือขวารายงานด้วยเสียงกล้าๆกลัวมาตามสาย
“บรรลัย!!!” เสียงสบถออกจากริมฝีปากหยักทันทีที่เลขาพูดจบ ก็นี่มันงานใหญ่ครบรอบบริษัทผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชายของเขา ทั้งๆที่งานจะเริ่มพรุ่งนี้และทุกอย่างก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว นายแบบพวกนั้นเกิดจะมาบ้าขอถอนตัวอะไรกันตอนนี้ แถมบริษัทโมเดลลิ่งที่เขาใช้บริการก็เป็นเจ้าเก่าคุ้นกันมานาน มันต้องมีอะไรแน่ๆ
“แล้วลินดาว่ายังไง” ปรารภถามถึงลินดา หลิว อดีตนางแบบสาวลูกครึ่งฮ่องกง-อเมริกา ผู้ผันตัวมาเป็นเจ้าของโมเดลลิ่งชื่อดัง ซึ่งทั้งคู่เคยควงกันออกงานสังคมอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลดความสัมพันธ์เหลือแค่เพียง ‘เพื่อนร่วมวงการ’ เท่านั้น
‘เลขาคุณลิดาแจ้งว่าติดต่อไม่ได้ครับ’
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ปรารภสบถอีกรอบ หลังได้ฟังคำรายงานจากเลขา
‘เอ่อ...แล้วบอสจะเอายังไงครับ’ คนปลายสายตัดสินใจถามขึ้น เพราะหากปล่อยช้ากว่านี้ บริษัทจะเสียงเครดิตและชื่อเสียงหากข่าวแพร่กระจายออกไป
“เออ ขอคิดก่อน” เขาตัดสายทิ้งทันที พอๆกับสมองก็ครุ่นคิดไปด้วย ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดแทบชนกัน สันกรามเกร็งนูนจนคนข้างตัวเห็นชัดเจน
หัวแม่มือนุ่มเล็กค่อยๆกดย้ำแล้วนวดระหว่างหัวคิ้วให้คายออก เรียกสายตาเข้มที่กำลังสับสนกับปัญหาตรงหน้า หันกลับมามองอย่างแปลกใจ นิดารันจึงทำใจกล้ายิ้มหวานปลอบประโลมส่องไปให้ หวังว่ามันจะช่วยปัดเป่าความทุกข์ของคนตัวโตออกไปจากใจ ริมฝีปากหนาจึงคลี่ยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้กับความน่ารักของผู้หญิงคนนี้ ไม่คิดว่าวันที่เขาเผชิญปัญหาเพียงลำพังจะสิ้นสุดลง เมื่อยอมรับและเปิดใจกับหัวใจตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเขามันจะขบคิดและแก้ปัญหาเพียงลำพังมาตลอด เนื่องจากคิดความโสดและอิสภาพคือความสุขใจชีวิตของลูกผู้ชาย
แต่มาวันนี้เขาเข้าใจบิดาแล้วว่าทำไมถึงได้รักและตามใจมารดามากนัก นั่นอาจเพราะท่านมีหลังบ้านที่ดีที่คอยร่วมผ่านทุกข์ด้วยกันนั้น จะทำให้เรามีความสุขได้แม้กำลังเจอกับปัญหาใหญ่ก็ตาม เช่นเขาในตอนนี้ไง เพียงแค่คนที่เรารักกำลังยืมยิ้มหวานส่งมาและนวดหัวคิดให้ ก็ทำให้เขาอดจะยิ้มตามและคลายความกังวลลงไม่ได้ แม้หญิงสาวจะไม่เอ่ยคำพูดใดออกมาเลยสักคำ
ปรารภจึงให้รางวัลคนน่ารักด้วยการเชยคายเล็กขึ้น เพื่อนรับจูบแผ่วเบาเป็นการของคุณในความดีครั้งนี้ เรียกสีเลือดบนแก้มเนียนให้แดงเรื่อด้วยเขินอาย ก่อนจะจับจูงกันเดินกลับไปที่รถ แล้วขับมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯเพื่อสะสางปัญหาทันที
ปล. ไรท์ไม่ได้หายไปไหนมาค่ะ เพียงเเต่หยุดไปเลี้ยงลูกค่ะ กำลังจะหัดเดินซนมากๆอยากรู้ไปหมดทุกสิ่ง สัญญาว่าจะพยายามรีบจบเล่มให้เร็วนะคะ ขอให้สนุกกับนิยายของไรท์นะจ้ะ ด้วยรัก Dashathone
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ